ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 16 จากทั้งหมด 6235 หน้า แสดงรายการที่ 301 - 320 จากข้อมูลทั้งหมด 124686 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 301 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายธิติ แสวงธรรม ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | สธ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. นายธิติ แสวงธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวิทิต สฤษฎีชัยกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายอดิสรณ์ วรรธนะศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 302 | รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประจำปี 2567 | กสทช. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประจำปี ๒๕๖๗
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑. ผลการปฏิบัติงานที่สำคัญของ กสทช. ประจำปี ๒๕๖๗
เช่น การจัดทำแผนการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลของไทย (พ.ศ.
๒๕๖๗ - ๒๕๗๑) และการศึกษาแนวทางการบริการเตือนภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน เป็นต้น ๒. นโยบาย แผนการดำเนินงาน และงบประมาณประจำปี ๒๕๖๘
ซึ่ง กสทช. และ สำนักงาน กสทช. มีนโยบายและแผนงาน เช่น
การมีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานทั่วถึง และการพัฒนาหลักเกณฑ์และมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค
โดย กสทช. มีมติในคราวประชุม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๘
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๘ ของสำนักงาน กสทช. จำนวน ๕,๖๓๕.๔๒ ล้านบาท แล้ว ๓. งบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชี
รายงานการตรวจสอบภายในประจำปี ๒๕๖๗ ของ สำนักงาน กสทช. ซึ่งผ่านการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว
โดยคณะกรรมการตรวจสอบภายในสำนักงาน กสทช. เห็นว่า การดำเนินงานโดยรวมมีความโปร่งใส
การจัดทำและใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามกฎหมายและแผนงาน ๔. ปัญหาและอุปสรรคในการประกอบกิจการ เช่น ความไม่เท่าเทียมในด้านการกำกับดูแลกิจการโทรทัศน์ในรูปแบบดั้งเดิม
กับบริการผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปใช้สื่อดิจิทัล ๕. คุณภาพการให้บริการและอัตราค่าบริการโทรคมนาคม
ซึ่งพบว่า ผู้ให้บริการทุกรายมีค่าตัวชี้วัดคุณภาพ การให้บริการเป็นไปตามเป้าหมายและอัตราค่าบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ในอัตราที่เป็นธรรม ๖. ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภค
เช่น ให้บริการข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนผ่านศูนย์ Call
Center 1200 และการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนในกิจการโทรคมนาคม ๗. การบริหารงาน กทปส.
โดยกองทุนสามารถเก็บรักษาเงินให้ปลอดภัยและได้รับอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม
และมีการทบทวนแผนการเบิกจ่ายรวมเป็นไปตามแผนที่กำหนด โดย ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
กองทุนมีเงินคงเหลือจำนวน ๕๙,๔๗๑.๘๔ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 303 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... (สภาผู้แทนราษฎร) | สผ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ....
ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 304 | แจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน (กรณีการไม่ออกใบอนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์) | สผผ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน (กรณีการไม่ออกใบอนุญาตผลิตสุราแช่ชนิดเบียร์)
ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน
นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 305 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... | พศ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการคุ้มครองพระพุทธศาสนา
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางในการคุ้มครองพระพุทธศาสนา
โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เพื่อทำหน้าที่กำหนดมาตรการและกลไกที่เหมาะสมเพื่อป้องกันคุ้มครองพระพุทธศาสนา
ให้เป็นไปตามกฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี พระธรรมวินัย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง
ประกาศ มติของมหาเถรสมาคม
หรือตามพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชให้มีคณะอนุกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนาจังหวัด
ทำหน้าที่ปฏิบัติการเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาในจังหวัดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์
และกำหนดให้มีคณะวินัยธรกลาง และคณะธรรมธรกลาง
เพื่อทำหน้าที่วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับพระวินัยหรือปัญหาในลักษณะสัทธรรมปฏิรูปเกี่ยวกับพระธรรม
เพื่อให้มีข้อยุติที่ต้องถือปฏิบัติโดยคณะสงฆ์ ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้กำหนดแนวปฏิบัติในการกำหนดมาตรการและการประสานความร่วมมือให้ชัดเจน
เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนาแห่งชาติและคณะอนุกรรมการคุ้มครองพระพุทธศาสนาจังหวัด
และให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการดังกล่าวให้เบิกจ่ายจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
จึงควรที่จะรับฟังความคิดเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 306 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... (วุฒิสภา) | สว. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ของวุฒิสภา
และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 307 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 308 | ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการคุมขังในสถานที่คุมขังตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง | ปช. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการคุมขังในสถานที่คุมขังตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง
พ.ศ. ๒๕๖๖ และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสถานที่คุมขังอื่นที่ไม่ใช่เรือนจำหรือจำคุกนอกเรือนจำ
ทั้งนี้ การดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขังอาจมีความเสี่ยงต่อการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะเลือกปฏิบัติเพื่อเอื้อผลประโยชน์ต่อผู้ต้องขังที่ร่ำรวยหรือมีอิทธิพลส่วนตัว
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์)
เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงยุติธรรมสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 309 | ร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับรัฐบาลนิวซีแลนด์ และร่างพิธีสาร 1 แนบท้ายความตกลงฯ | คค. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
| 310 | การรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์–เลสเตเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน | กต. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อการรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน
รวมทั้งให้ความเห็นชอบต่อร่างภาคยานุวัติสารต่อกฎบัตรอาเซียนและร่างปฏิญญาว่าด้วยการรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต
เข้าเป็นสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามในร่างปฏิญญาว่าด้วยการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบของสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต
โดยให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบองค์กรเฉพาะสาขาของอาเซียนร่วมจัดทำภาคยานุวัติสารของติมอร์-เลสเตในการเข้าเป็นภาคีตราสารทางกฎหมายของอาเซียนทั้ง
๒๔๑ ฉบับ ตามข้อ ๓.๒ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานฯ
โดยหากภาคยานุวัติสารฉบับใดทำให้ไทยมีพันธกรณีหรือข้อผูกพันเพิ่มเติม
ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเป็นรายฉบับอีกครั้งต่อไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 311 | การให้ความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ผู้นำของการประชุมสุดยอดความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ครั้งที่ 5 | พณ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 312 | ร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กหญิง และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการขับเคลื่อนสิทธิสตรีในนโยบายต่างประเทศ | กต. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ
การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กหญิง
และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการขับเคลื่อนสิทธิสตรีในนโยบายต่างประเทศ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนร่วมรับร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสว่าด้วยการบรรลุความเท่าเทียมทางเพศ
การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กหญิง และการเสริมสร้างความเข้มแข็งของการขับเคลื่อนสิทธิสตรีในนโยบายต่างประเทศ
โดยร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสตงเจตนารมณ์ทางการเมืองระดับรัฐมนตรีเพื่อเน้นย้ำการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของสตรีและเด็กหญิง
ความเท่าเทียมทางเพศ และสนับสนุนการบูรณาการแนวคิดสตรีนิยมในการกำหนดนโยบายต่างประเทศ
ตลอดจนย้ำถึงความสำคัญของหลักนิติธรรม ประชาธิปไตย พหุภาคีนิยม และความเป็นสากลของสิทธิมนุษยชน
โดยยืนยันพันธกรณีและความมุ่งมั่นร่วมกันของรัฐต่าง ๆ
ในการดำเนินการตามกรอบที่มีอยู่ เช่น
อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ และปฏิญญาและแผนปฏิบัติการปักกิ่งเพื่อความก้าวหน้าของสตรี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมทางการเมืองปารีสฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 313 | ขอความเห็นชอบในหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 | มท. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๘ และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๖,๑๖๙,๙๘๖,๐๐๐ บาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๘ ตามหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงดูฝน ปี ๒๕๖๘
โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสินให้เบิกจ่ายในเงินอุดหนุน
ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่
นร ๐๗๐๔/๑๘๔ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๘)
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๗/๔๙๑๑ ลงวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๘) ไปดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรกำชับจังหวัดที่ประสบภัยให้เร่งตรวจสอบความถูกต้องและความซ้ำซ้อนของครัวเรือนที่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 314 | ร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน พ.ศ. .... | รง. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข
และอัตราการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการสู้รบบริเวณชายแดน
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรที่กระทรวงแรงงานจะประชาสัมพันธ์และสร้างความรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง
ระยะยาว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่อง และเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหยุดประกอบกิจการของนายจ้าง
เพื่อป้องกันการเรียกร้องสิทธิเกินจริง ตลอดจนเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 315 | มาตรการเพื่อป้องกันมิให้ภาษีที่ควรจะได้รับรั่วไหลจากการประกอบกิจการในเขตปลอดอากร | ปช. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการเพื่อป้องกันมิให้ภาษีที่ควรจะได้รับรั่วไหลจากการประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเกี่ยวกับภาษีศุลกากร
กรณีภาษีที่ควรจะได้รับรั่วไหลจากการประกอบกิจการในเขตปลอดอากร
มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในภาพรวมของประเทศ
ป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ได้ข้อยุติ
โดยให้กระทรวงการคลังสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 316 | ขอความเห็นชอบต่อพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว
ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเอกสารแนบท้าย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว
ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
และเอกสารแนบท้าย และเมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งพิธีสารฯ และเอกสารแนบท้ายดังกล่าวให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน
และความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว
ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้พิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าวหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐมีผลใช้บังคับ ๕.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือแจ้งการมีผลใช้บังคับของพิธีสารเพื่อยกระดับเพิ่มเติมกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านและความตกลงภายใต้กรอบดังกล่าว
ระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐต่อเลขาธิการอาเซียนเมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารดังกล่าวแล้ว ๖.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าในการเก็บรักษาต้นฉบับของพิธีสารฯ
ตามนัยข้อ ๕ ของพิธีสารฯ กระทรวงพาณิชย์ควรนำส่งสำเนาของพิธีสารฯ
ที่ได้รับการรับรองความถูกต้องโดยเลขาธิการอาเซียนแล้วมาให้กระทรวงการต่างประเทศเก็บรักษาไว้ที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมายด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรติดตามประเมินผล
และสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้ทราบถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 317 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2568 | ปสส. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ
วันอังคารที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่
๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 318 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ | กค. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจภายในประเทศและสนับสนุนห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว
รวมทั้งสนับสนุนการบริโภคและส่งเสริมการจ้างงานในพื้นที่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการจัดอบรมสัมมนาให้แก่ลูกจ้างภายในประเทศในจังหวัดท่องเที่ยวรองและในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นภายในประเทศ
โดยให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ทุกภาคส่วนทราบ
ตลอดจนควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
เพื่อให้เป็นไปตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงประมาณการการสูญเสียรายได้อย่างละเอียดรอบคอบ
เพื่อให้การดำเนินการมาตรการภาษีดังกล่าวมีความคุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐ
รวมทั้งตรวจสอบการดำเนินการในทุกขั้นตอนให้สอดคล้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 319 | ร่างพิธีสารฉบับที่ 2 เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (Second Protocol to Amend the ASEAN Trade in Goods Agreement) | พณ. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่ ๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
(Second Protocol to Amend the ASEAN Trade in Goods Agreement) และเอกสารแนบท้าย
โดยร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเนื้อหาของความตกลง
ATIGA ฉบับเดิมให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้นโดยเป็นการปรับปรุงความตกลง
ATIGA ทั้งฉบับ
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งในรูปแบบมาตรการทางภาษีและมาตรการที่มิใช่ภาษี
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่
๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน และเอกสารแนบท้ายดังกล่าว
เมื่อลงนามแล้ว ให้ส่งพิธีสารฉบับที่ ๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน
และเอกสารแนบท้ายดังกล่าว ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติ
มาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่
๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กรมการค้าต่างประเทศและกรมศุลกากรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้พิธีสาร ฉบับที่ ๒ เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนมีผลใช้บังคับภายใน
๑๘ เดือน หลังจากประเทศสมาชิกอาเซียนลงนามในร่างพิธีสารฉบับที่ ๒
เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ๕. เมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบพิธีสารฉบับที่ ๒
เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จ
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการนำส่งสัตยาบันสารของร่างพิธีสารฉบับที่ ๒
เพื่อแก้ไขความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียนให้แก่เลขาธิการอาเซียนเพื่อรับทราบการให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าว ๖. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าไม่มีข้อขัดข้องต่อสารัตถะและถ้อยคำโดยรวม
หากกระทรวงพาณิชย์เห็นว่ามีความเหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของไทย
และสามารถปฏิบัติได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่มีอยู่
ตลอดจนสอดคล้องกับพันธกรณีของไทยภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าประเทศไทยควรผลักดันให้มีความร่วมมือด้านการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานโดยเฉพาะในสาขาการผลิตที่ประเทศสมาชิกมีศักยภาพรวมถึงการส่งเสริมให้วิสาหกิจขนาดกลาง
ขนาดย่อม และรายย่อย สามารถเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล (Digital
Transition) ควบคู่กับเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Green
Transition) เพื่อรองรับการแข่งขันใหม่ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 320 | ร่างแถลงการณ์ของผู้นำอาเซียน+3 ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเงินระดับภูมิภาค | กค. | 21/10/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
