คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายศรัณย์ โปษยะจินดา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้ ได้ยกเลิกชั้นความลับนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง รองศาสตราจารย์วิลาสินี พิพิธกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านศิลปวัฒนธรรม) ในคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีอายุครบ ๗๐ ปีบริบูรณ์ และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโสภณ ซารัมย์) ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษาเพิ่มเติมในตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้

๑. ศาสตราจารย์กิตติคุณภิรมย์ กมลรัตนกุล

    กรรมการผู้เคยดำรงตำแหน่งนายกสภาสถาบันอุดมศึกษา

๒. ศาสตราจารย์กิตติคุณสุทธิพร จิตต์มิตรภาพ

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้

๑. รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรวม ๙ คณะ

๒. เห็นชอบให้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศล และแสดงความอาลัย ในวาระครบ ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน แห่งการสวรรคต และนายกรัฐมนตรีรับเป็นประธานในพิธี หรือมอบหมายรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีในส่วนของรัฐบาล โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพจัดพิธี ครบ ๗ วัน และ ๑๕ วัน และมอบหมายให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพจัดพิธีครบ ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน

๓. มอบหมายส่วนราชการทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และต่างประเทศ ดำเนินการจัดพิธีบำเพ็ญกุศล และแสดงความอาลัย ในวาระครบ ๗ วัน ๑๕ วัน ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน แห่งการสวรรคต

๔. มอบหมายทุกส่วนราชการจัดกิจกรรม “รวมพลังแห่งความภักดี” ในห้วงระยะเวลาภายใน ๑๐๐ วัน แห่งการสวรรคต

๕. มอบหมายทุกส่วนราชการส่งภาพการจัดกิจกรรมมาที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรวบรวมจัดส่งให้สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร จัดทำหนังสือจดหมายเหตุ ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะได้แจ้งรายละเอียดไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ให้ทราบต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๘ (เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต) มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่าง ๆ เพื่อจัดพระราชพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี นั้น ในการนี้ เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง และเหมาะสม จึงขอมอบหมายการดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้

๑. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ แก่ประชาชนผู้มาร่วมพระราชพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงให้เหมาะสมและครบถ้วน ทั้งในเรื่องการเดินทาง การดูแลสุขภาพอนามัย การจัดอาหารและน้ำดื่ม การจัดที่พักรอ รวมทั้งการรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อย

๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจัดพระราชพิธีทั้งหมดเพื่อจัดทำเป็นเอกสารบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของชาติ

๓. ให้กรมประชาสัมพันธ์ร่วมกับสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สำนักโฆษก) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติประสานขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนทั้งสื่อโทรทัศน์และสื่อวิทยุ ให้พิจารณาเผยแพร่รายการออกอากาศเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจตามแนวพระราชดำริในด้านต่าง ๆ เช่น การศิลปาชีพ การพัฒนาฝีมือแรงงาน การเกษตร การชลประทาน การศึกษา การสาธารณสุข การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสังคม การพัฒนาเศรษฐกิจ ให้เหมาะสม

๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ) รับไปประสานงานกับสำนักงานราชบัณฑิตยสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งชี้แจงและเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำออกพระนาม การใช้ถ้อยคำภาษา และคำเรียกขานต่าง ๆ ให้ถูกต้องและเหมาะสม

๕. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนด้านการจราจร การถวายอารักขา และการรักษาความปลอดภัย ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

๖. ให้กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมการเกี่ยวกับการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาที่จะดำเนินการแต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๘ (เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

๗. ให้กระทรวงการต่างประเทศเตรียมการต้อนรับและอำนวยความสะดวกในกรณีที่มีพระประมุข ประมุข และพระราชวงศ์ หรือผู้นำประเทศและองค์การระหว่างประเทศเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธี

๘. ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือรวบรวมพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อเผยแพร่และมอบให้แก่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและประชาชนทั่วไป

๙. ให้ศูนย์ประสานงานการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (ตามคำสั่งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ ๘/๒๕๖๘ เรื่อง จัดตั้งศูนย์ประสานงานการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๘) ดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานงานดังกล่าวได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ ให้ศูนย์ดังกล่าวจัดตั้งอยู่ที่เรือนพอเพียง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้

๑. รับทราบมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในโครงการจัดหาอาวุธปืนสวัสดิการ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้

๑. รับทราบข้อเสนอแนะกรณีการดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (แฟลตดินแดง) กระทบต่อมาตรฐานการครองชีพของผู้อยู่อาศัยเดิม ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ (๓) และมาตรา ๔๒ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ

๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับการเคหะแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวและมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับกรณีการงดกิจกรรมเพื่อความบันเทิงในช่วงระยะเวลานี้ นั้น ขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีไม่เคยมีมติหรือข้อสั่งการใด ๆ ให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รวมถึงภาคเอกชน งดการจัดกิจกรรมใดเป็นการเฉพาะ เนื่องจากรัฐบาลมีความเข้าใจดีว่า ผู้ประกอบการทั้งภาคธุรกิจบันเทิง ภาคการท่องเที่ยว และภาคการบริการ มีการวางแผนจัดกิจกรรมอยู่แล้วล่วงหน้าและมีต้นทุนในการดำเนินกิจกรรมด้วย ดังนั้น การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของทั้งส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นตามวัฒนธรรมและประเพณี จึงยังคงจัดได้ตามปกติเพียงแต่ขอความร่วมมือให้พิจารณาปรับรูปแบบให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบันตามที่เห็นสมควร จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านร่วมกันชี้แจงทำความเข้าใจกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐในสังกัด รวมทั้งประชาชนโดยทั่วไปด้วย และขอมอบหมายให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้ทุกภาคส่วนได้ทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงกันโดยด่วนด้วย

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้

๑. รับทราบข้อเสนอแนะกรณีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปรับเปลี่ยนลักษณะการจ้างงานในตำแหน่งธุรการโรงเรียนและนักการภารโรงจากลูกจ้างชั่วคราวเป็นการจ้างเหมาบริการ ซึ่งมีลักษณะการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ (๓) และมาตรา ๔๒ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้

๑. รับทราบข้อเสนอแนะกรณีเด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้ารับการศึกษาในประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๔๗ (๓) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๖ (๓) และมาตรา ๔๒ ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ