๑. คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า

    ๑.๑ สำนักพระราชวังได้ออกประกาศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต และเสด็จสวรรคต เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เวลา ๒๑ นาฬิกา ๒๑ นาที ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ ๙๓

    ๑.๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโประหม่อมให้สำนักพระราชวัง จัดการพระศพ ถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย มีกำหนด ๑ ปี ตั้งแต่วันสวรรคตเป็นต้นไป

    ๑.๓ รัฐบาลได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา ๓๐ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป และให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๕ ตุลาคม เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไป ขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ขอให้พี่น้องประชาชนพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม

๒. เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้

    ๒.๑ มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพ*สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา รวมทั้งให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เช่น ฝ่ายอำนวยการจัดงานพระราชพิธี ฝ่ายจัดการพระราชพิธี ฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้าง ราชรถ พระยานมาศ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา ๑๐๐ วัน เป็นประจำทุกวัน

    ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบพิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ ๒.๑

    ๒.๓ มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรีไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้

๑. อนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายในกรอบวงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงที่ผ่านมาปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือการหลอกลวงทางออนไลน์ (Scammer) ได้ทวีความรุนแรงและแพร่กระจายออกไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกระดับ ตลอดจนระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางการเงิน และความเชื่อมั่นของประเทศ โดยมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อหลอกลวงประชาชนในรูปแบบที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ทำให้ยากต่อการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งในระยะที่ผ่านมาได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้น เพื่อเป็นกลไกหลักในการบูรณาการการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการยกระดับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการจัดการกับเงินที่ได้จากการกระทำผิดดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น จึงเห็นควรกำหนดให้เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ เอกชน และประชาชนในทุกภาคส่วน ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติและใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานครอบคลุมทั้งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณให้สอดคล้องกับเป้าหมายในภาพรวมของประเทศ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) ให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ก่อหนี้ผูกพันแล้ว ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ สำหรับเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๑ และเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว (๒) เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ เช่น ให้หัวหน้าหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีกำกับดูแลบริหารจัดการเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด และให้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานของรัฐในกำกับเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมาย และ (๓) มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เช่น กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕ ของกรอบงบลงทุน และให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เร็วขึ้น โดยปรับเพิ่มแผนการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสที่ ๑ - ๒ ของปีบัญชี ๒๕๖๙ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระจุกตัวของการเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วงไตรมาสสุดท้าย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้

๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษาการกำกับดูแลและตรวจสอบโรงงานกำจัดกากอุตสาหกรรมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ

๒. มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นการแต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ จำนวน ๒ ราย ได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้

๑. นายพลพงศ์ วังแพน           ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

๒. นางจิราพร จิรำไพกูล         ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน

๓. นายพิษณุ โสภณ              ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

๔. นายธนพ ปัญญาพัฒนากุล   ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

๕. นายณัฐพงศ์ สิทธิชัย          ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง

๑.๖ นางสาวปฤณัต อภิรัตน์     ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๔ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้

๑. นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์                     ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายทรงศักดิ์ ทองศรี)

๒. นางจิดาภา สุนทรธนากุล                      ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายทรงศักดิ์ ทองศรี)]

๓. ร้อยตำรวจเอกณัชธพงศ์ ประเสริฐโสภา     ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย [ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์)]

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้

๑. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ      ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

๒. นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ      ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้

๑. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    (นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)

๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

๑. นายเอกรัฐ พลซื่อ

๒. นางสาวชลิตา โผนสู้ศึก

๓. นายพรชัย อินทร์สุข