ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1651 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33001 - 33020 จากข้อมูลทั้งหมด 123986 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33001 | รายงานผลการติดตามประเมินผลโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2 (เดือนมีนาคม 2554) | นร | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามประเมินผลโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รอบที่ ๒ (เดือนมีนาคม ๒๕๕๔) ในรอบที่ ๑ รวมทั้งสิ้น ๗๕ โครงการ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการก่อสร้างถนน (โครงการถนนไร้ฝุ่น) จากการตรวจติดตามและประเมินผลโดยเน้นสภาพทางกายภาพของโครงการที่ดำเนินแล้วเสร็จที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานตามวัตถุประสงค์ จำนวนทั้งสิ้น ๔๕โครงการ พบว่า สภาพถนนไม่มีปัญหาทางกายภาพ และใช้ประโยชน์ได้ดี จำนวน ๓๕ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๗๘ สภาพถนนมีปัญหาทางกายภาพ เช่น ถนนชำรุด ทรุดตัว มีรอยแตก/รอยแยก และจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนไม่เชื่อมต่อกันจึงทำให้การใช้ถนนไม่ปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งเป็นสภาพปัญหาที่ไม่รุนแรงสามารถแก้ไขปัญหาได้ในพื้นที่ ๒. โครงการชลประทานขนาดเล็ก (โครงการจัดหาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทน) จากการตรวจติดตามและประเมินผลโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๓๐ โครงการ พบว่า สภาพแหล่งน้ำสามารถใช้ประโยชน์ได้ดี จำนวน ๑๘ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๐๐ ส่วนอีก ๙ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๐๐ สภาพของโครงการไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เนื่องจากปริมาณน้ำในฝายค่อนข้างน้อย ลำคลองมีความตื้นเขิน น้ำต้นทุนมีจำนวนน้อย ไม่มีน้ำซับ จึงไม่มีน้ำเก็บกักไว้ใช้เพื่อการเกษตร และบริเวณผนังฝายมีการแตกร้าวเนื่องจากดินเกิดการทรุดตัว นอกจากนี้ พื้นที่ทางการเกษตรบางแห่งอยู่ห่างจากแหล่งน้ำจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากคลองส่งน้ำที่รับน้ำจากฝายทดน้ำได้เต็มที่ รวมทั้งขาดระบบส่งน้ำที่สมบูรณ์ เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลบางแห่งไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะจัดทำระบบส่งน้ำได้ และบางแห่งประตูระบายน้ำปิดไม่สนิททำให้มีน้ำไหลตลอดเวลาจึงไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
|
|||||||||||||||||||||
33002 | ขออนุมัติบริจาคเงินเข้ากองทุนสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ | พม | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประเทศไทยบริจาคเงินเข้ากองทุนสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เป็นเงิน ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ส่วนเงินงบประมาณที่จะบริจาคเข้ากองทุนฯ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
33003 | ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีประศาสน์การโครงการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์แห่งสหประชาชาติ | กต | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ที่ประชุม Resumed Organizational Session for 2011 ภายใต้คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม (Economic and Social Council : ECOSOC) ของสหประชาชาติ ได้ลงมติให้ประเทศไทยดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีประศาสน์การของ United Nations Human Settlement Programme : UN - HABITAT วาระปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ โดยมีประเทศจากกลุ่มเอเชียที่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ได้แก่ บาห์เรน จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย สำหรับประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีประศาสน์การของ UN - HABITAT คือ การมีบทบาทและส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนงานและการดำเนินงานของ UN - HABITAT ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีต่อการเผยแพร่และแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของประเทศไทยในเรื่องการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ และเป็นช่องทางในการนำเสนอแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยโดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ การจัดการ และการดำเนินกิจกรรมในกรอบความร่วมมือของ UN - HABITAT ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาชุมชนเมืองที่ยั่งยืน การจัดหาที่อยู่อาศัย และการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการนำมาปรับใช้กับบริบทของประเทศไทย และยังสามารถใช้ส่งเสริมแนวทางการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนากับมิตรประเทศต่าง ๆ ได้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
33004 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน 12 ฉบับ) | มท | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน ๑๒ ฉบับ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๖๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓)ฯ ผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๔ - ๔ กันยายน ๒๕๕๕) ๒. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองยโสธร พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ - ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) ๓. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ - ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) ๔. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าลาน จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕) ๕. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพะเยา พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕) ๖. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าเรือน้ำลึกสงขลา จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕) ๗. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองระยอง พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ๘. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมุกดาหาร พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ๙. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ๑๐. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ๑๑. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพัทลุง พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ - ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕) ๑๒. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองร้อยเอ็ด พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ - ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕)
|
|||||||||||||||||||||
33005 | การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงหรือบุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง | ปช | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๘๑-๒๘/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๔ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงหรือบุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ดังนี้ ๑.๑ กรณีการห้ามผู้มีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนักหรือเทียบเท่าขึ้นไปในส่วนราชการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย รองหรือผู้บริหารสูงสุดในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ควบคุม กำกับทั้งด้านนโยบายและด้านการปฏิบัติ (Regulator) เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้น ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสาธารณูปโภคและมีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรรวมอยู่ด้วย ซึ่งอยู่ในการควบคุม กำกับ หรือดูแลนั้น เห็นควรให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับ ควบคุม ดูแลรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้นซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นผู้พิจารณากำหนดรายชื่อรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้นซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเหล่านั้น ๑.๒ กรณีการห้ามผู้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐในองค์กรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวดที่ ๑๑ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินคดีเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในรัฐวิสาหกิจ และหรือนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ถือหุ้นนั้น เนื่องจากการเสนอมาตรการในข้อนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเป็นการเสนอในหลักการ ส่วนการพิจารณาว่าจะสมควรหรือไม่เป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาความเหมาะสมและตัดสินใจเอง การที่จะให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประสานรายละเอียดร่วมกับองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องน่าจะเป็นการไม่เหมาะสม ๒. ให้ทุกกระทรวงที่มีหน้าที่กำกับ ควบคุม ดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้นรับมติคณะกรรมการฯ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาศึกษาวิเคราะห์ในรายละเอียดว่ามีรัฐวิสาหกิจใดบ้างที่จะเข้าข่ายและสมควรดำเนินการตามมาตรการป้องกันการทุจริตของรัฐวิสาหกิจตามข้อเสนอของคณะกรรมการฯ กรณีการห้ามผู้มีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนักหรือเทียบเท่าขึ้นไปในส่วนราชการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย รองหรือผู้บริหารสูงสุดในรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ควบคุม กำกับ ทั้งด้านนโยบายและด้านการปฏิบัติ (Regulator) เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในรัฐวิสาหกิจ หรือนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจถือหุ้น ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสาธารณูปโภค และมีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรรวมอยู่ด้วย ซึ่งอยู่ในการควบคุม กำกับ หรือดูแล และกรณีการห้ามผู้มีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐในองค์กรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวดที่ ๑๑ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินคดีเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในรัฐวิสาหกิจและหรือนิติบุคคลที่รัฐวิสาหกิจเป็นผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น กฎหมายเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กฎหมายเกี่ยวกับการพลังงาน หลักธรรมาภิบาล (Good Governance) เป็นต้น แล้วให้จัดทำผลการพิจารณาส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อรวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
33006 | ขอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกของคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (จำนวน 3 ราย 1. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ฯลฯ) | ศธ | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่อง ขอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดแรกของคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ของกระทรวงศึกษาธิการ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาให้ความเห็นก่อน ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ได้เห็นชอบการกำหนดแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรในส่วนที่เกี่ยวกับแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายนั้น มีผลทำให้บุคคลนั้นสามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการได้ต่อเนื่องตามวาระที่กฎหมายบัญญัติ จึงอาจถือว่าเป็นการดำเนินการที่มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ดังนั้น ในระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรีจึงจะไม่พิจารณาการแต่งตั้งคณะกรรมการ อย่างไรก็ตาม การมีมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวนั้นสืบเนื่องมาจากกรณีปกติที่คณะกรรมการที่พ้นวาระตามกฎหมายจะอยู่ดำรงตำแหน่งได้ต่อไปจึงไม่เกิดความเสียหายในการปฏิบัติราชการ แต่สำหรับพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นกฎหมายใหม่ ที่มิได้มีบทบัญญัติให้มีคณะกรรมการทำหน้าที่บริหารเป็นการชั่วคราวในระหว่างวันที่ยังมิได้แต่งตั้งคณะกรรมการ หากแต่บัญญัติให้มีการสรรหาคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่บริหารภายใน ๔๕ วันนับแต่วันที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา กรณีจึงอาจแตกต่างจากการแต่งตั้งคณะกรรมการตามกฎหมายอื่นเพราะสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพไม่มีคณะกรรมการบริหาร ซึ่งทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ จึงมีกรณีที่ต้องพิจารณาว่าหากไม่แต่งตั้งคณะกรรมการแล้วจะมีผลทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ซึ่งอาจเป็นเหตุจำเป็นที่คณะรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งโดยเร็ว นอกจากนี้ การได้มาซึ่งคณะกรรมการบริหารสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพตามกฎหมายได้มีกระบวนการสรรหาไว้โดยเฉพาะ และคณะรัฐมนตรีมีอำนาจพิจารณาแต่งตั้งตามรายชื่อที่มีการสรรหา โดยมิใช่เป็นผู้ใช้ดุลยพินิจคัดเลือกบุคคลนั้นเอง การพิจารณาแต่งตั้งจึงอาจถือได้ว่าเป็นการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
33007 | แนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการเล่นการพนันหวยหุ้น | มท | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการกำหนดแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการเล่นการพนันหวยหุ้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ปลัดอำเภอ ผู้รับผิดชอบประจำตำบล และตำรวจในพื้นที่ ตรวจสอบพฤติการณ์ประชาชนผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้เดินโพยและเจ้ามือผู้รับกินรับใช้ โดยมีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบเป็นรายหมู่บ้าน ๒. ให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบประจำตำบล และตำรวจในพื้นที่ส่งรายชื่อผู้มีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าเป็นผู้เดินโพยและเจ้ามือผู้รับกินรับใช้ ให้นายอำเภอทราบ โดยให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบประจำตำบล และหัวหน้าสถานีตำรวจในพื้นที่ลงลายมือชื่อรับรองในข้อมูลของตนเอง ๓. ให้นายอำเภอนำรายชื่อที่ได้มาสรุปและคัดกรองในที่ประชุมคณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงระดับอำเภอ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง ๔. ติดตามตรวจสอบพฤติการณ์ของบุคคลตามข้อ ๓ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายทันที ทั้งนี้ หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้เดินโพย เจ้ามือผู้รับกินรับใช้ หรือเรียกรับผลประโยชน์จากเจ้ามือผู้รับกินรับใช้ ให้ดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ๕. ให้นายอำเภอรายงานผลการปราบปรามให้จังหวัด แล้วให้จังหวัดรวบรวมรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบ |
|||||||||||||||||||||
33008 | รายงานผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552 - 2554) | ศธ | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. ๒๕๕๒ -๒๕๕๔) โดยผลการดำเนินงานปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ฯ ตามตัวบ่งชี้การปฏิรูปการศึกษาที่กำหนดไว้ในกรอบการติดตามประเมินความก้าวหน้าการดำเนินงานปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ มีกรอบการติดตาม ดังนี้
๑. ตัวบ่งชี้ ๑ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาหลักจากการทดสอบระดับชาติ มีคะแนนเฉลี่ยมากร้อยละ ๕๐ ๒. ตัวบ่งชี้ ๒ เด็กปฐมวัยไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๗๕ ได้รับการอบรมเลี้ยงดูและพัฒนาให้มีประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณภาพเหมาะสม ๓. ตัวบ่งชี้ ๓ สัดส่วนผู้เรียนมัธยมศึกษาตอนปลายประเภทอาชีวศึกษา : สามัญศึกษาเพิ่มขึ้น เป็น ๖๐ : ๔๐ ๔. ตัวบ่งชี้ ๔ อัตราการรู้หนังสือของประชากร (อายุ ๑๕ - ๖๐ ปี) เป็นร้อยละ ๑๐๐ ๕. ตัวบ่งชี้ ๕ เด็กด้อยโอกาสได้รับการศึกษาอย่างครบถ้วน ๖. ตัวบ่งชี้ ๖ ผู้เรียนทุกระดับการศึกษาไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๗๕ มีคุณธรรม จริยธรรมและมีความเป็นพลเมือง ๗. ตัวบ่งชี้ ๗ จำนวนคดีเด็กและเยาวชนที่ถูกดำเนินคดีโดยสถานพินิจฯ ลดลงร้อยละ ๑๐ ต่อปี ๘. ตัวบ่งขี้ ๘ จำนวนเด็กอายุต่ำกว่า ๑๕ ปี ที่ตั้งครรภ์ลดลงร้อยละ ๑๐ ต่อปี ๙. ตัวบ่งชี้ ๙ จำนวนเด็กเข้ารับการบำบัดยาเสพติดลดลงร้อยละ ๑๐ ต่อปี ๑๐. ตัวบ่งชี้ ๑๐ คนไทยมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ มีวิจารณญาณ มีความคิดสร้างสรรค์ ๑๑. ตัวบ่งชี้ ๑๑ ผู้สำเร็จการอาชีวศึกษาและการอุดมศึกษามีสมรรถนะเป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้ และมีงานทำภายใน ๑ ปี รวมทั้งประกอบอาชีพอิสระเพิ่มขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
33009 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเร่งรัดในการจัดให้มีทางด่วนสารสนเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ฉบับใหม่ | ทก | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนำเรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเร่งรัดในการจัดให้มีทางด่วนสารสนเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ฉบับใหม่ เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
33010 | รายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในช่วง 6 เดือนหลัง (1 เมษายน 2553 - 30 กันยายน 2553) | นร | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ในช่วง ๖ เดือนหลัง (๑ เมษายน ๒๕๕๓ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบตามมาตรา ๑๖๙ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ดังนี้
๑. ในช่วง ๖ เดือนหลัง (๑ เมษายน ๒๕๕๓ - ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓) มีการโอนงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นจำนวน ๖,๑๐๘.๙๙๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๓๖ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวนทั้งสิ้น ๑,๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายโดยใช้อำนาจของหัวหน้าส่วนราชการ (ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๒๔ - ๒๖) จำนวน ๒,๗๕๗.๒๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๑๖ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ และเป็นการโอนงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการที่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ (ระเบียบฯ ข้อ ๒๗) จำนวน ๓,๓๕๑.๗๙๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๒๐ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ลักษณะในการโอนงบประมาณรายจ่ายมี ดังนี้ ๒.๑ เป็นการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลหรือตามมติคณะรัฐมนตรี และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน หรือเป้าหมายการดำเนินงานของส่วนราชการ จำนวน ๔,๓๘๒,๕๑๐,๒๙๙ บาท ๒.๒ เป็นการโอนงบประมาณเพื่อชดใช้คืนรายการผูกพันที่ยืมจากปีที่ผ่านมา จำนวน ๘๗๘,๙๐๐,๓๗๘ บาท ๒.๓ เป็นการโอนงบประมาณระหว่างหน่วยงานตามที่กฎหมายกำหนด จำนวน ๔๐๖,๘๐๒,๗๙๗ บาท ๒.๔ เป็นการโอนไปจ่ายเป็นเงินชดเชยค่างานตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) หรือเป็นค่าสาธารณูปโภค และค่าใช้จ่ายของข้าราชการที่เดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว จำนวน ๓๔๔,๔๖๘,๓๕๖ บาท ๒.๕ อื่น ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลคลาดเคลื่อนระหว่างผลผลิต การโอนงบประมาณส่งคืนกรมบัญชีกลาง การโอนงบบุคลากรตามแนวทางกรมบัญชีกลาง เป็นต้น จำนวน ๙๖,๓๑๑,๖๔๑ บาท
|
|||||||||||||||||||||
33011 | ขออนุมัติข้าราชการไปปฏิบัติงานชั่วคราว ณ องค์การอนามัยโลก เป็นกรณีพิเศษ (นางวลัยพร พัชรนฤมล) | สธ | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ให้ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข (นางวลัยพร พัชรนฤมล) ลาไปปฏิบัติงาน ณ องค์การอนามัยโลก นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยยกเว้นระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๙ หมวดที่ ๒ ประเภทการลา ในส่วนที่ ๘ ว่าด้วยการลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ ในส่วนของการไม่ได้รับเงินเดือนจากทางราชการ แล้วให้ได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ในการปฏิบัติงานจากงบประมาณโครงการจัดประชุมวิชาการนานาชาติประจำปี รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ๑.๒ อนุมัติการจ่ายค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ไปปฏิบัติงานของบุคคลตามข้อ ๑.๑ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีและกระทรวงการคลังได้เคยเห็นชอบ ซึ่งประกอบด้วย ค่าตอบแทนรายเดือน ค่าขนย้าย ค่าที่พัก ค่าประกันสุขภาพ และค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน ไป - กลับ ทั้งนี้ ให้ปรับตามอัตราค่าตอบแทนตามอัตราใหม่ขององค์การอนามัยโลกในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๓ อัตราแลกเปลี่ยนในส่วนของค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ตามข้อ ๑.๒ ให้ถืออัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ได้แลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศกับธนาคาร (อัตราขายของธนาคาร) ก่อนออกเดินทางเป็นอัตราเดียวในการคำนวณค่าแลกเปลี่ยนตลอดระยะเวลาปฏิบัติงาน ๒. ยกเว้นในส่วนของค่าประกันสุขภาพ ซึ่งใช้อัตราเหมาจ่ายเช่นเดียวกับกรณีค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนรัฐบาลที่ไปศึกษาต่อต่างประเทศนั้น ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. คือ ให้ได้รับในอัตรา ๒,๐๕๐ ฟรังก์สวิสต่อปี (หรือ ๑๗๐.๘๓ ฟรังก์สวิสต่อเดือน) ซึ่งเป็นอัตราค่าประกันสุขภาพเหมาจ่ายสำหรับนักเรียนระดับปริญญาตรี - เอก ที่ศึกษาอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปัจจุบัน |
|||||||||||||||||||||
33012 | การแต่งกายด้วยเสื้อมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | นร | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเรื่อง การแต่งกายด้วยเสื้อมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคลและถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยพร้อมใจกันแต่งกายด้วยเสื้อมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้งนี้ ให้แต่งกายในระยะเวลาของการจัดงานเฉลิมพระเกียรตินับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำหรับสีของเสื้อให้ใส่ได้ทุกสี (ยกเว้นสีดำและสีน้ำเงินเข้ม) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
33013 | การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา กรณีเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา | ทส | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บูรณาการเพื่อแก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบจากอุบัติเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลล่มร่วมกัน ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลล่มทั้งทางตรงและทางอ้อม ภายใต้บทบัญญัติตามกฎหมายที่แต่ละกระทรวงรับผิดชอบ โดยให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทุกหน่วยงาน และดำเนินการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ประกอบการที่เป็นผู้ขออนุญาตขนส่งน้ำตาล ๑.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำการฟื้นฟูทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเรือน้ำตาลล่ม โดยดำเนินการติดตามและฟื้นฟูคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่จุดที่เกิดเหตุบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึงปากแม่น้ำบริเวณจังหวัดสมุทรปราการ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการเพื่อปล่อยสัตว์น้ำทดแทนสัตว์น้ำที่ตายจากอุบัติเหตุดังกล่าว ๒. การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายเกี่ยวกับที่พักอาศัย และการป้องกันกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่ง ให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับหน่วยงานและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งและปลูกสร้างที่พักอาศัยเดิมให้แก่ผู้เสียหายในพื้นที่เดิมโดยเร็ว รวมทั้งให้เร่งรัดการดำเนินการทางกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้การช่วยเหลือให้แก่ผู้เสียหายและเกษตรกรที่เกี่ยวข้องตามนัยระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลความเสียหายของเกษตรกรที่เลี้ยงปลาในกระชังทั้งหมด แล้วนำเสนอคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เป็นประธานกรรมการ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
33014 | การแต่งตั้งคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน | นร | 07/06/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๔๔ กำหนดให้ในวาระเริ่มแรกให้คณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดินปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้ไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ซึ่งต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และโดยที่นายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงเป็นผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งผู้แทนองค์กรชุมชนและผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ แต่โดยที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๔ มีผลใช้บังคับแล้ว นายกรัฐมนตรีจะสามารถแต่งตั้งกรรมการดังกล่าวได้หรือไม่ เพียงใด จึงเห็นควรขอความเห็นคณะกรรมการการเลือกตั้งในประเด็นดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
33015 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 เรื่อง การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทย | กต | 31/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เรื่อง การขออนุมัติเปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทย โดยแก้ไขชื่อ จาก สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทย เป็น สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
33016 | ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | นร | 31/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง ตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดประกวดแบบตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้นำแบบตราสัญลักษณ์ จำนวน ๓ แบบ ส่งให้สำนักราชเลขาธิการเพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยทรงเลือกแบบที่เหมาะสมเพื่อใช้เป็นตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ ปรากฏว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลือกแบบที่ ๓ (ผลงานของนายศิริ หนูแดง) แต่มีพระราชกระแสให้ใช้รูปกระต่ายในแบบที่ ๒ (ผลงานของนายเจริญ มาบุตร) แทนรูปครุฑ ในแบบที่ ๓ จึงได้มีการปรับแก้ไขแบบ และได้ขอให้สำนักราชเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง ๒. กระทรวงวัฒนธรรมได้นำแบบตราสัญลักษณ์ที่ได้มีการปรับแก้ไขแบบตามพระราชกระแสว่า กระต่าย “รู้สึกหนัก” “ไม่ว่องไว” จำนวน ๑๒ แบบ ประกอบด้วย รูปกระต่ายบนพื้นสีน้ำเงิน จำนวน ๖ ภาพ และรูปกระต่ายบนพื้นสีขาว จำนวน ๖ ภาพ ส่งให้สำนักราชเลขาธิการเพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสำนักราชเลขาธิการได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลือกแบบตราสัญลักษณ์กลุ่มที่ ๑ ซึ่งเป็นรูปกระต่ายบนพื้นสีน้ำเงิน และมีพระราชกระแสว่า “กระต่ายดูมีอารมณ์ดี”
|
|||||||||||||||||||||
33017 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง ปี 2553 | กค | 31/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยในครึ่งปีหลัง ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้ดำเนินการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ๗ ประเภท (ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม - รีสอร์ท นิคมอุตสาหกรรม สนามกอล์ฟ และที่ดินเปล่า) และนำข้อมูลที่ได้มาประมวลผล ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านอุปทาน ด้านอุปสงค์ ด้านราคา และด้านการเงิน โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๕๓ และจัดทำบทวิเคราะห์สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์รายเดือนและรายได้ไตรมาส ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ในระดับที่น่าพอใจ โดยสามารถรวบรวมและจัดทำข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และสามารถนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ www.reic.or.th รวมทั้งพัฒนาความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลฯ ได้มีการจัดอบรมและสัมมนา เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างบทบาทของศูนย์ข้อมูลฯ ให้เป็นแหล่งข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือและนำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจของทั้งผู้ประกอบการและประชาชนได้
|
|||||||||||||||||||||
33018 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 3/2554 | ศอบต | 31/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กพต. เสนอ โดยที่ประชุม กพต. มีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายการและงบประมาณโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ จำนวน ๔ โครงการ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานสนับสนุนเครื่องมือประกอบอาชีพครัวเรือนนอกหมู่บ้านเป้าหมาย ๖๙๖ หมู่บ้านของจังหวัดสตูลเพิ่มเติม จำนวน ๑๖ ราย ที่ผ่านการประชาคมและฝึกอบรมด้านการพัฒนาอาชีพไว้แล้ว โดยใช้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรในปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒ อนุมัติให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ปรับแผนการดำเนินงานกิจกรรมภายใต้โครงการ “ทำดี มีอาชีพ” โดยนำวงเงินที่เหลือจำนวน ๒๑๒.๕๗ ล้านบาท ดำเนินกิจกรรมรวม ๒ กิจกรรม ประกอบการ การขยายผลสัมฤทธิ์โครงการทำดีมีอาชีพ การจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ระบบสหกรณ์ชุมชน ตามที่ กอ.รมน. เสนอ โดยให้ กอ.รมน. ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๓ อนุมัติการขยายเวลาการลงนามสัญญาจ้างการก่อสร้างศูนย์ครูใต้จังหวัดยะลา เป็นไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ในวงเงินที่รับจัดสรร จำนวน ๑๖๐.๐๘๑๐ ล้านบาท และขยายเวลาการลงนามสัญญาจ้างการก่อสร้างศูนย์ครูใต้จังหวัดนราธิวาส เป็นไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ ในวงเงินที่ได้รับจัดสรรจำนวน ๑๒๙.๗๔๐๔ ล้านบาท ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการปรับแผนการดำเนินโครงการปรับปรุงหออภิบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการ เป็นเงิน ๑๕๐.๐๐๐๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลือ ๑๒.๔๕๐๐ ล้านบาท นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย จากวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น ๑๖๒.๔๕๐๐ ล้านบาท ๒. รับทราบเรื่องที่นายกรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณให้ ศอ.บต. ดำเนินการเพิ่มเติม จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย งบอำนวยการและบริหารจัดการเพิ่มเติม จำนวน ๒๑.๙๗๓๐ ล้านบาท และโครงการตรวจสอบระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) งบประมาณ ๓๐.๙๖๕๔ ล้านบาท ๓. รับทราบเรื่องที่กระทรวงการคลังให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณดำเนินโครงการในพื้นที่พิเศษ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ให้ดำเนินการและเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำหรับส่วนเกินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ หน่วยงานจะต้องจัดหาแหล่งเงินอื่นมาสนับสนุนการดำเนินโครงการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
33019 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ 2554 ของไตรมาสสอง | ทก | 31/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Government Contact Center : GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การบริการสอบถามข้อมูลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไตรมาสสอง มีเรื่องที่ประชาชนสนใจสอบถามเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศไทย ๙ ข้อ (ประชาวิวัฒน์) การทำบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) โครงการไปรษณีย์เพื่อสินเชื่อรายย่อย ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โครงการประกันรายได้เกษตรกร การทำบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการใช้สิทธิ โครงการต้นกล้าอาชีพ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา การพยากรณ์อากาศ สถานการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ราคายางพารา และราคาน้ำมัน เป็นต้น ๒. การดำเนินงานภายในโครงการ GCC 1111 ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไตรมาสสอง ได้มีการอบรมพนักงานรับสายเพื่อมุ่งเน้นเพิ่มองค์ความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน รวมถึงการให้องค์ความรู้และพัฒนาการให้บริการกับพนักงานรับสาย เช่น หลักสูตรทักษะการให้บริการงาน Call Center หลักสูตรคุณภาพในการให้บริการ หลักสูตรองค์ความรู้ของกระทรวง หลักสูตรจิตวิทยาในการทำงาน เป็นต้น ส่วนหลักสูตรสำหรับพนักงานรับสายเดิม เช่น หลักสูตรทักษะการจับประเด็นเพื่องานรับเรื่องร้องเรียน หลักสูตรการวิเคราะห์ข้อมูลกระทรวงคาบเกี่ยว หลักสูตรการเสริมสร้าง EQ ในการทำงานกับการรับเรื่องร้องเรียน และหลักสูตรพัฒนาคุณภาพพนักงานรับสาย
|
|||||||||||||||||||||
33020 | รายงานสถิติการใช้ระบบสารสนเทศการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน 2554) | นร | 31/05/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถิติการใช้ระบบสารสนเทศการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ระบบ CABNET) ของส่วนราชการตามโครงการจัดการระบบ CABNET ตั้งแต่วันที่ ๑ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีจากส่วนราชการต่าง ๆ รวม ๓๐๙ เรื่อง ในจำนวนเรื่องทั้งหมดนี้ส่วนราชการได้ใช้ระบบ CABNET ปฏิบัติงานในขั้นตอนหลักคือ ขั้นตอนเสนอเรื่อง จำนวน ๓๔ เรื่อง (๑๑%) และขั้นตอนเสนอความเห็น จำนวน ๕ เรื่อง (๑๘%) ๒. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดวาระและแจ้งระเบียบวาระการประชุมพร้อมเอกสารประกอบเรื่องผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบออนไลน์ โดยในชั้นนี้ได้ใช้ข้อมูลจากระบบจัดทำระเบียบวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีในรูปแบบแผ่นซีดีมาดำเนินการแทนข้อมูลจากส่วนราชการตามระบบ CABNET เพื่อความสมบูรณ์ครบถ้วนของข้อมูลไปก่อน โดยคณะรัฐมนตรีและผู้เข้าร่วมประชุมจะได้รับแจ้งข้อมูลในแต่ละเรื่องทันทีที่มีการจัดเรื่องเข้าสู่ระเบียบวาระผ่านเครือข่ายระบบ CABNET
|
.....