ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1659 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33161 - 33180 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33161 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้แทนตำแหน่งว่าง (นายธีรัชย์ อัตนวานิช) | ทส | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธีรัชย์ อัตนวานิช ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แทนนางสาวพจนี พรหมโรจน์ ที่พ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33162 | รายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 1/2554 | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ นโยบายการรับนักเรียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ การปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๖๑) การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของคนไทย การป้องกันปริญญาเฟ้อ และการแต่งตั้งผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ๒. ที่ประชุมมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ดังนี้ ๒.๑ กรณีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งมีโควตารับนักเรียนที่ดีทุกจังหวัด ๒๐% และมีการกำหนดสัดส่วน ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ชี้แจงว่า การให้โควตาดังกล่าว จะเป็นการพิจารณาจากนักเรียนเรียนดีแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาทั้ง ๔๒ เขต โดยแต่ละเขตจะมีผู้คัดเลือกตามเกณฑ์และตามประกาศที่โรงเรียนกำหนด ๒.๒ กรณีโควตานักเรียน ๒๐% ที่จังหวัดคัดเลือก ผลการเรียนของนักเรียนโควตากับนักเรียนที่สอบคัดเลือกเข้ามามีความต่างกัน ซึ่งผู้แทนจาก สพฐ. ชี้แจงว่า นักเรียนที่สอบคัดเลือกจะไม่มีปัญหาและมีความประพฤติดี ส่วนเรื่องผลการเรียน สพฐ. ขอนำข้อหารือดังกล่าวกลับไปตรวจสอบต่อไป ๒.๓ กรณีมาตรการป้องกันนักเรียนอาชีวศึกษาทะเลาะวิวาท ผู้แทนจาก สพฐ. มีมาตรการป้องกัน ได้แก่ การใช้กิจกรรมที่มีความสอดคล้องและเหมาะสมโดยสนับสนุนให้แสดงออกในทางที่ถูกต้อง และการใช้วิธีการแก้ปัญหาด้านกิจกรรมพิเศษและการผสมผสานเพื่อให้มีความกลมกลืน การถ่ายทอดความคิดและวัฒนธรรมในเรื่องความดีงามเพื่อให้เกิดสำนึกที่ดี การจัดกิจกรรมอาสา เป็นต้น ๒.๔ กรณีโรงเรียนกวดวิชา การแก้ไขปัญหาต้องทำให้สถาบันอุดมศึกษาของไทยมีมาตรฐานที่ยอมรับได้ในสายวิชาชีพ โดยให้มีหลายแห่งและมีคุณภาพ ส่วนกรณีการกวดวิชาบางคนเรียนเก่งแล้วเข้าไปเรียนและผู้ปกครองบังคับให้เด็กกวดวิชา ควรมีการแก้ไขที่ค่านิยมการสอบ O-Net และ A-Net และให้มีการทำคลังข้อสอบจำนวนมากเพื่อใช้ในการสอบ ๒.๕ กรณีการจัดตั้งกองทุนเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาการศึกษา งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนเพื่อทำการผลิตสื่อการเรียนการสอน การส่งสาระความรู้ทางไกล และความร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยผ่านทางเคเบิ้ลใยแก้วไปยังจุดต่าง ๆ กระทรวงศึกษาธิการควรเชื่อมโยงเครือข่ายตามจุดต่าง ๆ การพัฒนาคอมพิวเตอร์ส่งให้ตามโรงเรียน การพัฒนาสื่อสาธารณะเพื่อให้ความสำคัญกับการศึกษามากขึ้น ๒.๖ กรณีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษา ได้มีการจัดทำเป็นประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี และสิ้นสุดในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ได้สานต่อไป ๒.๗ กรณีการส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ปัจจุบันยังมีการส่งเสริมในเรื่องดังกล่าวเพราะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปการศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||
33163 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตไว้เป็นการเฉพาะ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33164 | ความคืบหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนตามแนวทางในการป้องกัน แก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล | กษ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานความคืบหน้าการดำเนินการของคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนตามแนวทางในการป้องกัน แก้ไข และฟื้นฟูผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล ดังนี้
๑. ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔ ได้มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนตามแผนในการป้องกัน แก้ไข และฟื้นฟูผลกระทบ ตามที่ผลการศึกษาผลกระทบทางสังคมของโครงการฝายราษีไศล ของสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กำหนดกรอบไว้ ๒. ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งอนุกรรมการ ๔ คณะ ตามที่ฝ่ายเลขานุการฯ และผู้แทนกลุ่มสมัชชาคนจนพิจารณาร่วมกัน ประกอบด้วย คณะอนุกรรมการการแก้ไขผลกระทบทางกายภาพ คณะอนุกรรมการการบริหารจัดการเขื่อนราษีไศล คณะอนุกรรมการฟื้นฟู ชีวิต ชุมชน และทรัพยากรธรรมชาติ และคณะอนุกรรมการจัดการความรู้พื้นที่ชุ่มน้ำป่าทาม ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบให้กรมชลประทานเสนอเรื่องแต่งตั้งกลุ่มราษฎรที่ได้รับผลกระทบโครงการฝายราษีไศล ที่เหลือจำนวน ๖ กลุ่ม เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ตามข้อเสนอของกลุ่มสมาพันธ์เกษตรกรอีสาน กลุ่มผู้ใหญ่บ้าน - กำนัน และกลุ่มสมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเพื่อการขับเคลื่อนฯ เพิ่มเติมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33165 | ความคืบหน้าในการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน 200,000 ล้านบาท | กค | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าในการกู้เงิน Short term facility สำหรับรัฐวิสาหกิจ วงเงินไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔) กระทรวงการคลังมิได้ดำเนินการจัดสรรเงินกู้ให้แก่รัฐวิสาหกิจใด จึงมีวงเงินกู้คงเหลือสำหรับวงเงิน Short term facility เท่ากับ ๒๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33166 | การเตรียมการด้านงบประมาณเพื่อการบริหารราชการจังหวัดบึงกาฬ | มท | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการเตรียมการด้านงบประมาณเพื่อการบริหารราชการจังหวัดบึงกาฬ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ. ....) จากเดิมที่กำหนดให้ “หลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระด้านงบประมาณและอัตรากำลัง โดยให้เกลี่ยอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่ไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดตั้งใหม่ไปดำเนินการด้วย” เป็น สำหรับด้านงบประมาณให้ยกเว้นในกรณีที่จำเป็น ๒. อนุมัติค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬเป็นอาคารศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ (ชั่วคราว) และปรับปรุงอาคารหอประชุมอำเภอเมืองบึงกาฬเป็นที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวนเงิน ๒,๙๗๐,๐๐๐ บาท และค่าครุภัณฑ์ ๑๔ รายการ จำนวนเงิน ๖,๐๑๑,๕๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งสำนักงบประมาณตรวจสอบแล้วถึงวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๔ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยมีงบดำเนินงานคงเหลือประมาณ ๔๐๕ ล้านบาท เพียงพอที่จะเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและจัดหาครุภัณฑ์ได้ สำหรับค่าสิ่งก่อสร้าง ๕ รายการ จำนวนเงิน ๕๒๑,๕๖๑,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
33167 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง สำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ส่วนราชการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่เทศบาลนครอุดรธานีในการปรับปรุงอาคาร จัดหาครุภัณฑ์ และควบคุมงานก่อสร้าง ของเทศบาลนครอุดรธานี ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ในวงเงิน ๒๑๒,๖๕๕,๙๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33168 | รายงานสรุปผลการเดินทางไปเยือนประเทศศรีลังกา | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสรุปผลการเดินทางไปเยือนประเทศศรีลังกา ของประธานผู้แทนการค้าไทย และผู้แทนจากหน่วยงานด้านการค้าและการลงทุน สถาบันการเงิน ๓ องค์กรเอกชน และสมาคมเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมก่อสร้าง ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๒ มกราคม ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลจากการเยือนศรีลังกาครั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยได้ทราบข้อมูลเศรษฐกิจและโครงการโครงสร้างพื้นฐานโดยตรงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้เห็นสภาพบ้านเมืองหลังสงครามภายในประเทศเพื่อประเมินโอกาสในการเข้าไปประกอบธุรกิจและโอกาสการลงทุนในโครงการต่าง ๆ และจากการเข้าพบและหารือกับบุคคลสำคัญภาครัฐของศรีลังกา ทำให้ศรีลังกาตระหนักถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและผู้ประกอบการไทยที่จะไปมีส่วนร่วมในโครงการก่อสร้างในศรีลังกา นอกจากนี้ ยังได้สร้างกลไกการขยายความร่วมมือและเครือข่ายด้านอุตสาหกรรมก่อสร้างระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศและเอกชนกับสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นช่องทางประสานความร่วมมือกันต่อไปในอนาคต ๒. สำนักงานผู้แทนการค้าไทยได้ทราบจากภาคเอกชนที่ร่วมคณะไปเยือนศรีลังกาว่า บริษัท Team Consulting ร่วมมือกับบริษัท Amerasian ของศรีลังกาเพื่อประมูลโครงการโรงงานไฟฟ้าบาลาโกล่า ขนาด ๒๐ เมกะวัตต์ มูลค่า ๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนโดย ADB บริษัท พิโด้ อินเตอร์เนชั่นแนล จะร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นในศรีลังกาทำโครงการผลิตท่อดำ (PE) มูลค่าประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท ส่วนบริษัทที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมรายอื่นได้มีการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐของศรีลังกาโดยตรงและ/หรือผ่านบริษัทคู่ค้าศรีลังกาเพื่อยื่นข้อเสนอในโครงการต่าง ๆ บางโครงการจำเป็นต้องมีการสนับสนุนด้านการเงินจากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจ กับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยก่อน ๓. ศรีลังกาเพิ่งฟื้นตัวจากสงครามภายในประเทศ ต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างมาก แต่ยังขาดการสนับสนุนด้านการเงิน หากรัฐบาลไทยมีมาตรการสนับสนุนด้านการเงินที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับบริษัทต่างชาติในตลาดดังกล่าวได้ และเป็นการสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ซึ่งรวมถึงสถาปนิก วิศวกร ช่างเทคนิค และแรงงานไทยควบคู่กับการสร้างตลาดใหม่ให้สินค้า วัสดุ อุปกรณ์ก่อสร้างต่าง ๆ จากประเทศไทยอีกด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
33169 | โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร รับเรื่อง โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และโครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของ ธ.ก.ส. ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมทั้งกรรมการและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการทั้ง ๒ โครงการ ให้เหมาะสม มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์โดยตรงแก่เกษตรกร และโดยที่เป็นกรณีจำเป็นเพื่อรักษาประโยชน์สำคัญของประเทศ จึงให้นำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องข้างต้นอีกครั้งหนึ่งในวันศุกร์ที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เพื่อมีมติในเรื่องดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33170 | ขออนุมัติโครงการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม | คค | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินโครงการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ประกอบด้วย การจัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม เป็นหน่วยงานภายใต้ สนข. การดำเนินงานตามแผนงานการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม [Program Management Services (PMS)] และการดำเนินงานจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House : CCH) ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการดำเนินงานของสำนักงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ต่างประเทศเพื่อดำเนินงานตามแผนงานการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และการดำเนินงานทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง ตามโครงการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมดังกล่าวต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการเร่งพิจารณาโครงสร้างการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนทางรางในภาพรวมโดยกำหนดกลไกการกำกับดูแลเพื่อทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์และกำกับการให้บริการระบบขนส่งมวลชนให้ได้มาตรฐานสากล รวมทั้งคุ้มครองผู้ใช้บริการและสร้างความเป็นธรรมระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งระบบ การเร่งพิจารณากำหนดรูปแบบองค์กรบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมในระยะต่อไปที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับโครงสร้างการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนทางรางในภาพรวม การกำหนดแนวทางการถ่ายโอนภารกิจจากสำนักงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมไปสู่องค์กรที่ทำหน้าที่บริหารจัดการระบบตั๋วร่วมในระยะต่อไปที่ชัดเจน การพิจารณาทบทวนรูปแบบการจัดตั้งหน่วยงาน การกำหนดประเภทอัตรากำลังและรูปแบบการจ้างงานให้เหมาะสมกับบทบาท ภารกิจ และวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการฯ และให้ความสำคัญกับการกำหนดอัตราค่าโดยสารและค่าเชื่อมต่อที่เหมาะสมและเป็นธรรม ตลอดจนเร่งรัดการก่อสร้างระบบขนส่งและระบบเชื่อมต่อกับสาขาต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมที่เสนอขอใช้งบประมาณแผ่นดินในปีที่เปิดดำเนินการในปีที่ ๕ เมื่อได้ข้อยุติที่เกี่ยวกับองค์การที่จะทำหน้าที่บริหารจัดการแล้ว ให้กระทรวงคมนาคมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
33171 | ขอถอนอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอขอถอนอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ ๙๘ ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง ออกจากการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว เนื่องจากคณะรัฐมนตรีอาจมีการพิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
33172 | ความตกลงทางวัฒธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียและความตกลงทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาร์เจนตินา | กต | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งฝ่ายรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาร์เจนตินาว่า ฝ่ายไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นตามรัฐธรรมนูญของฝ่ายไทยอย่างครบถ้วนแล้ว เพื่อให้ความตกลงที่ฝ่ายไทยได้ลงนามกับทั้งสองประเทศ ได้แก่ ความตกลงทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (CULTURAL Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Indonesia) และความตกลงทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาร์เจนตินา (Cultural Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Argentine Republic) มีผลใช้บังคับตามกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
33173 | ขอถอนเรื่อง บันทึกการหารือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหภาพพม่า และร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหภาพพม่า | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอถอนเรื่อง บันทึกการหารือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหภาพพม่า และร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหภาพพม่า ออกจากการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว เนื่องจากคณะรัฐมนตรีอาจมีการพิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
33174 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ | อก | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการมาตรฐานแห่งชาติ จำนวน ๗ คน แทนกรรมการชุดเดิมที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ทั้งนี้ กรรมการลำดับที่ ๑ - ๒ และ ๔ - ๗ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ และกรรมการลำดับที่ ๓ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวกัญญา สินสกุล ๒. นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ๓. นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ ๔. นายวิศิษฏ์ อัครวิเนค ๕. นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ๖. นายเมธี เอื้ออภิญญกุล ๗. นายสมภพ อมาตยกุล
|
|||||||||||||||||||||||||||
33175 | ขออนุญาตใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าหนองสนม เพื่อก่อสร้างศูนย์ราชการเทศบาลตำบลเนินพระ | มท | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับเรื่อง ขออนุญาตใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าหนองสนม เพื่อก่อสร้างศูนย์ราชการเทศบาลตำบลเนินพระ ไปพิจารณาทบทวนความจำเป็นและเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
33176 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจาการชุมนุม (กรณีผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยยังไม่ได้รับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย) | กค | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักเกณฑ์มาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองกรณีผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังไม่ได้รับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย โดยให้ใช้วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาทเดิมของโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม (โครงการราชประสงค์ฯ) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ ขยายระยะเวลาโครงการ : จากเดิมสิ้นสุดวันรับคำขอสินเชื่อภายในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓ เป็นสิ้นสุดวันรับคำขอสินเชื่อภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินสินเชื่อของโครงการ ๑.๑.๒ คุณสมบัติผู้กู้ : เป็นผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยแต่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย ทั้งนี้ จะต้องมีหนังสือรับรองการไม่ได้รับสินไหมทดแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ๑.๑.๓ วัตถุประสงค์การกู้ : จากเดิมเพื่อใช้ปรับปรุง ซ่อมแซม ก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้างสถานประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ หรือความเสียหายที่เกี่ยวเนื่องจากเหตุเพลิงไหม้ โดยเพิ่มให้เพื่อชำระหนี้ให้สถาบันการเงินที่ได้กู้เพื่อวัตถุประสงค์เดิม ๑.๑.๔ หลักประกัน : กรณีวงเงินขอกู้ไม่เกิน ๕ ล้านบาท ไม่ต้องมีหลักประกัน (Clean Loan) สำหรับกรณีวงเงินขอกู้เกิน ๕ ล้านบาท ต้องมีหลักประกัน เช่น สิทธิการเช่าในอสังหาริมทรัพย์ของที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ ให้คิดเป็นหลักประกันได้ไม่เกินร้อยละ ๑๐๐ ของมูลค่าราคาที่รับหลักประกันของธนาคาร บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลค้ำประกัน การค้ำประกันไขว้ (Cross Guarantee) หรือให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ออกหนังสือค้ำประกัน ๑.๒ การชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ในอัตราร้อยละ ๐.๗๕ ต่อปี เป็นเวลา ๑ ปี คิดเป็นจำนวนไม่เกิน ๑๕ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ บสย. เบิกจ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง โดยให้ประสานกับสำนักงบประมาณในการเบิกจ่ายต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอรับความช่วยเหลือให้สอดคล้องกับนิยาม SMEs ของธนาคารพัฒนาวิสหากิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ส่วนการชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. นั้น ให้ บสย. แยกบันทึกบัญชีตามนโยบายของรัฐ (Public Service Account : PSA) เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้ตามเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
33177 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ของกรมราชทัณฑ์ (รายการก่อสร้างที่มีภาระผูกพัน) | ยธ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์ก่อสร้างเรือนจำกลางพัทลุง และทัณฑสถานวัยหนุ่ม (เรือนจำโรงเรียน) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณฯ ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ เรื่อง การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
33178 | แหล่งเงินสนับสนุนแผนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศด้านการศึกษาของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน | กค | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นำเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan : SAL) ภายใต้กรอบวงเงินคงเหลือตามแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐ จำนวน ๗๑๐ ล้านบาท มาใช้เพื่อสนับสนุนภารกิจตามแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทยในยุทธศาสตร์ด้านการสร้างอนาคตของชาติด้วยการพัฒนาคน เด็กและเยาวชน ในลักษณะเป็นเงินให้ยืมแก่สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ทั้งนี้ เมื่อพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมคุณภาพการเรียนรู้ พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับตามกฎหมายและมีรายได้เกิดขึ้น ให้ สสค. นำรายได้มาชดใช้คืนให้แก่กระทรวงการคลังในโอกาสแรกต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังจัดสรรเงินผ่านสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยการใช้จ่ายให้เป็นไปตามข้อบังคับ ระเบียบและหลักเกณฑ์ของ สสส. ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินกู้ในลักษณะเป็นเงินให้ยืมอย่างเคร่งครัด ส่วนแผนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ ควรเน้นกิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กด้อยโอกาสนอกระบบการศึกษาและเด็กกลุ่มเสี่ยงในระบบการศึกษาในทุกจังหวัดให้เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนาท้องถิ่น รวมทั้งการส่งเสริมการพัฒนาประชากรวัยแรงงานในการเรียนต่อและเพิ่มทักษะในการประกอบอาชีพ โดยให้ความสำคัญกับการค้นหากลุ่มเป้าหมายและการจัดทำฐานข้อมูลในระดับจังหวัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
33179 | การแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ยากจนไม่มีที่ทำกินเป็นของตนเอง | กษ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการการจัดซื้อที่ดินของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) จำนวน ๑๕,๘๒๗ - ๓ - ๐๔.๒ ไร่ และเสนอของบประมาณเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐาน และค่าดำเนินการเกี่ยวกับแหล่งน้ำ โดยให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นหน่วยงานในการจัดซื้อที่ดินเพื่อนำที่ดินมาจัดให้เกษตรกรตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ ตามมติคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ยากจนและไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔ รวมทั้งกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการ จำนวน ๑,๖๔๑,๑๖๕,๓๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
๑. การจัดซื้อที่ดินของ บสท. รวมทั้งการบริหารจัดการที่ดิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งน้ำ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มอบหมายให้ธนาคารที่ดิน เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ โดยให้ประสานงานและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. รูปแบบและการจัดให้เกษตรกรเข้าทำกินในที่ดิน มอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประสานงานและร่วมพิจารณากับสำนักงานโฉนดชุมชน ส.ป.ก. และธนาคารที่ดิน เพื่อดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรให้ถูกต้อง เหมาะสมและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยที่ข้อความในมติคณะรัฐมนตรีตามข้อ ๑ และ ๒ มีความคลาดเคลื่อน จึงขอแก้ไขให้ถูกต้องตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/๑๔๗๑๐ ลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็น ดังนี้ ๑. การจัดซื้อที่ดินของ บสท. รวมทั้งการบริหารจัดการที่ดิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งน้ำ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มอบหมายให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ โดยให้ประสานงานและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. รูปแบบและการจัดให้เกษตรกรเข้าทำกินในที่ดิน มอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประสานงานและร่วมพิจารณากับสำนักงานโฉนดชุมชน ส.ป.ก. และสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เพื่อดำเนินการคัดเลือกเกษตรกรให้ถูกต้อง เหมาะสมและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||||||||
33180 | การชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว ปี 2552/53 | พณ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ โดยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้ามาช่วยรัฐบาลในการรับซื้อข้าวในช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๓ ได้รับการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ ๒ ต่อไป ระยะเวลาไม่เกิน ๖ เดือน นับตั้งแต่วันกู้ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว ปี ๒๕๕๒/๕๓ และดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติในการจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการแต่ไม่สามารถส่งรายชื่อได้ทัน หากพิสูจน์ได้ว่าดำเนินการตามเงื่อนไขของโครงการอย่างถูกต้อง ก็เห็นควรให้รับการชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการเสริมสภาพคล่องฯ ได้ ทั้งนี้ ควรมีการตรวจสอบที่รอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นคุณสมบัติของผู้ประกอบการและหลักฐานการกู้เงินและการซื้อขายข้าวจริง สำหรับสหกรณ์ที่ทำธุรกิจซื้อขายและมีการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ มาตรา ๔๖ ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรยื่นขอชดเชยดอกเบี้ย เห็นควรให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้ และให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ประกอบการเอกชนรายใหญ่ โดยจะต้องมีหนังสือจากสหกรณ์การเกษตรรับรองการรายงานการตรวจสอบการซื้อข้าวจากเกษตรกรในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๒ ถึงเมษายน ๒๕๕๓ และมีหลักฐานอื่น ๆ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายอื่น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของวงเงินชดเชยดอกเบี้ยที่จะเบิกจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น อีกจำนวน ๒๒๔.๕๘๗ ล้านบาท ให้กระทรวงพาณิชย์ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป |
.....