ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1654 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33061 - 33080 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33061 | การประกาศใช้บังคับกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | นร | 18/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกาศใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษาฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๓ ก วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ๒. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งให้ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม ๓ ฉบับ ดังต่อไปนี้ ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ๒.๑ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๓ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญทั้งสามฉบับได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๖ ก วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และมีผลใช้บังคับในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ๓. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ส่งกฎหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ใช้ในการ เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา รวม ๔ ฉบับ ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำกฎหมายดังกล่าว ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๗ ก วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และมีผลใช้บังคับในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ดังนี้ ๓.๑ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๔ ๓.๒ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและจำนวนเขตเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด ๓.๓ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง การสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ๓.๔ ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง กำหนดวันและเวลาลงคะแนนเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง ณ ที่เลือกตั้งกลาง
|
|||||||||||||||||||||||||||
33062 | ตอบข้อหารือ (หารือการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในระหว่างที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎร) | ลต | 18/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตอบข้อหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในระหว่างที่มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และให้คณะรัฐมนตรีถือปฏิบัติดังต่อไปนี้
๑. คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็น และเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ทางราชการตามปกติที่พึงต้องปฏิบัติในตำแหน่งนั้น ๒. กรณีการประชุมสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ การประชุมทางวิชาการ หากเป็นการนัดหมายล่วงหน้าก่อนพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๔ มีผลใช้บังคับ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติดังเช่นที่เคยปฏิบัติ รัฐมนตรีสามารถเข้าร่วมประชุมดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ต้องไม่เป็นการหาเสียงเลือกตั้ง ๓. รัฐมนตรีซึ่งลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรห้ามใช้เวลาราชการในการหาเสียงเลือกตั้ง หากประสงค์จะใช้เวลาหาเสียงเลือกตั้งให้ลากิจต่อนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
33063 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ | 18/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ที่เห็นสมควรให้แก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษา และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33064 | ผลการดำเนินงานตามมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง | กค | 18/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง (มาตรการราชประสงค์) ณ สิ้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ระยะที่ ๑ วงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท อนุมัติ ๑๐,๐๖๗ ราย วงเงิน ๔,๙๙๙.๙๙ ล้านบาท ๒. ระยะที่ ๒ แบ่งเป็น ๒ วงเงิน ได้แก่ ๒.๑ สินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท จำนวน ๔,๒๔๒ ราย วงเงิน ๒,๔๐๕.๙๑ ล้านบาท ๒.๒ สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่มีกรมธรรม์ประกันภัยแต่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย (กรณีประกันภัย) วงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ยังไม่มีการอนุมัติวงเงิน
|
|||||||||||||||||||||||||||
33065 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร | 18/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ได้ลากิจระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เดินทางไปราชการต่างประเทศ รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) และรองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) ลากิจในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ในการนี้ เห็นควรมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามนัยมาตรา ๔๑ ของพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ส่วนในวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) จะเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||
33066 | การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพุธ ที่ 18 พฤษภาคม 2554 | นร | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในวันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เป็นวันหยุดราชการ (วันวิสาขบูชา) จึงขอให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๔ มาเป็นวันพุธที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณ ทำเนียบรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||
33067 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2554 - 2556) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. 2552 - 2556 | มท | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนปฏิบัติการและงบประมาณ ระยะ ๓ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖) ภายใต้แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการทั้ง ๘๑ หน่วยงาน มีหน่วยงานแจ้งผลการดำเนินงาน ๓๔ หน่วยงาน พบว่ามีโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินการ ๑๘ โครงการ จากจำนวนทั้งสิ้น ๒๑๑ โครงการ และได้รับงบประมาณเป็นเงิน ๑๔๔.๗๒๗๖ ล้านบาท จากงบประมาณที่ตั้งไว้ทั้งสิ้น ๒,๐๑๙.๔๐๓๓ ล้านบาท ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและลดผลกระทบ จำนวน ๑๖ โครงการ เป็นเงิน ๑๒๘.๒๖๖๐ ล้านบาท ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมพร้อมรับภัย จำนวน ๑ โครงการ เป็นเงิน ๕.๐๐๐๐ ล้านบาท และยุทธศาสตร์ด้านการจัดการหลังเกิดภัย จำนวน ๑ โครงการ เป็นเงิน ๑๑.๔๖๑๖ ล้านบาท สำหรับกรณีแผนงาน/โครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ หน่วยงานต่าง ๆ มีการดำเนินการ ปรับเป็นงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๙ โครงการ งบประมาณ ๓๓๒.๕๖๙๔ ล้านบาท ขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณอื่น ๑๓ โครงการ งบประมาณ ๒๔๙.๑๗๐๐ ล้านบาท และดำเนินการตามงบปกติ ๑ โครงการ งบประมาณ ๕.๐๐๐๐ ล้านบาท ๒. ในช่วงการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ ณ ประเทศญี่ปุ่น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย รวม ๑๕ จังหวัด และผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๓ ปราจีนบุรี เขต ๔ ประจวบคีรีขันธ์ เขต ๑๑ สุราษฎร์ธานี เขต ๑๒ สงขลา และเขต ๑๗ จันทบุรี ให้จัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจเฝ้าระวังคลื่นสึนามิ” พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ติดตามสถานการณ์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การจัดการในภาวะฉุกเฉินของแผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๖ และแผนปฏิบัติการและงบประมาณฯ ภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||||||||
33068 | รายงานผลการดำเนินงานของศูนย์ป้องกันการทุจริตและการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับทางหลวง (ศป.ทล.) และการดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี | คค | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของศูนย์ป้องกันการทุจริตและการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับทางหลวง (ศป.ทล.) และการดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยผลการดำเนินงานของ ศป.ทล. และการดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มกราคม ๒๕๕๐) ให้จัดตั้ง ศป.ทล. เป็นฝ่ายปฏิบัติงาน มีกำหนดระยะเวลาในการดำเนินโครงการนำร่องฯ เป็นเวลา ๑๐ ปี ปัจจุบันระยะเวลาได้ผ่านมาแล้วประมาณ ๒ ปีกว่า ยังไม่ปรากฎความคืบหน้าของงาน โดยในการประชุมแต่ละครั้งยังไม่มีข้อสรุปหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด และโดยที่ ศป.ทล. เป็นโครงการที่ให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนนำอุปกรณ์และระบบเทคโนโลยีมาใช้ โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ ซึ่งจะให้เอกชนที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการนำร่องฯ เป็นผู้แจ้งความนำจับที่มีสิทธิได้รับเงินสินบนด้วยนั้น เรื่องนี้ไม่สามารถทำความตกลงกับกระทรวงการคลังให้เอกชนมีสิทธิได้รับเงินสินบนดังกล่าวได้ เพื่อพิจารณาถึงกรณีปัญหาดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและปลัดกระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะทำงานทางกฎหมายเพื่อศึกษารูปแบบการดำเนินโครงการตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติว่า สามารถดำเนินการในลักษณะใดได้อีก หรือจำเป็นต้องยุติการดำเนินโครงการดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
33069 | ปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนมีนาคม 2554) | ตช | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรมในรอบเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๓๘ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และลดลงร้อยละ ๒๓.๙๕ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ส่วนคดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๔๑ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และลดลงร้อยละ ๑๙.๖๕ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๒๑ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และลดลงร้อยละ ๑๕.๑๔ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้ง ๓๘๑ คดี จับกุมได้ ๒๑๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๕๕.๑๒ ของการรับแจ้ง คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้ง ๒,๑๔๓ คดี จับกุมได้ ๙๖๕ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๐๓ ของการรับแจ้ง และคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้ง ๔,๑๘๐ คดี จับกุมได้ ๑,๖๒๖ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๙๐ ของการรับแจ้ง ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากขึ้น และการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย รวมทั้งจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนทราบในกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวม หรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน
|
|||||||||||||||||||||||||||
33070 | รายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่สอง (วันที่ 30 ธันวาคม 2552 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2553) | นร | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปีที่สอง (วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓) ตามที่คณะกรรมการติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ โดยสาระสำคัญของรายงานแสดงผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีฯ ฉบับนี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญและความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่กระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งที่เกิดจากปัจจัยภายในและภายนอก โดยที่เศรษฐกิจโลกได้เข้าสู่ภาวะวิกฤตที่มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบศตวรรษ ความขัดแย้งในสังคมที่เกิดจากความคิดเห็นที่แตกต่าง สังคมเกิดความเหลื่อมล้ำและไม่เท่าเทียมเป็นธรรม ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และปัญหาสังคมที่เกิดจากการว่างงานที่คาดว่าจะมีแนวโน้มความรุนแรงขึ้น ทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เดินหน้าก้าวไปสู่ความมั่นคงและมั่งคั่งได้ จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเร่งด่วน พร้อมทั้งวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เข้มแข็งและต่อเนื่อง โดยยึดหลักนิติรัฐที่เป็นธรรมไม่เลือกปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายสถานการณ์และแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นไปได้ด้วยดี
|
|||||||||||||||||||||||||||
33071 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ 2 | กษ | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง โครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ ๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) ได้ดำเนินโครงการการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ระยะที่ ๒ เสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ โดยการควบคุมการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังไม่ให้ทำความเสียหายต่อผลผลิตและท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง โดยการแช่ท่อนพันธุ์ในพื้นที่ ๑๖ จังหวัด หรือคิดเป็นพื้นที่ ๘๗,๙๐๐ ไร่ พร้อมทั้งจัดกิจกรรมถ่ายทอดความรู้ให้กับเจ้าหน้าที่และเกษตรกรให้มีความรู้ ความสามารถด้านการจัดการเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง รวมทั้งได้กำหนดมาตรการสำหรับควบคุมเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังไว้ ๕ ประการ คือ มาตรการเฝ้าระวัง มาตรการแจ้งเตือนภัย มาตรการควบคุม มาตรการช่วยเหลือและเยียวยา และมาตรการติดตามประเมินผล โดยให้ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนเป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ใช้งบประมาณจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๓,๕๗๙,๐๐๐ บาท ๒. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ เนื่องจากการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังเกิดจากหลายปัจจัยและแต่ละปัจจัยมีวิธีควบคุมที่แตกต่างกันออกไป ประกอบกับเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังชนิดสีชมพูเป็นศัตรูพืชชนิดใหม่ที่ทำความเสียหายให้กับเกษตรกรที่ปลูกมันสำปะหลังในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ เทคโนโลยีและวิธีการควบคุมยังต้องมีการศึกษา วิจัย ทดสอบ เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมและได้ผลในการกำจัดเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังควบคู่กับการแก้ไขปัญหาการระบาด |
|||||||||||||||||||||||||||
33072 | พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 | นร | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ เรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้อาศัยอำนาจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๒ อนุมัติแทนคณะรัฐมนตรีในเรื่อง การตราร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการอันจำกัดตามมาตรา ๗ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งบัดนี้ ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และประกาศใช้บังคับในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๒๘ ตอนที่ ๓๓ ก วันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
33073 | โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและโครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของ ธ.ก.ส. | นร | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมเรื่อง โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรและโครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวและมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กำหนดราคาปุ๋ยเคมี ๖ สูตร (สูตร ๔๖ - ๐ - ๐ สูตร ๑๖ - ๒๐ - ๐ สูตร ๑๖ - ๘ - ๘ สูตร ๑๖ - ๑๖ - ๘ สูตร ๑๘ - ๑๒ - ๖ และสูตร ๑๕ - ๑๕ - ๑๕) โดยมีราคาในแต่ละสูตรเป็นขั้นต่ำ - ขั้นสูง ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ โดยให้ยืนราคาดังกล่าวเป็นเวลา ๓ เดือน หากราคาปุ๋ยเคมีในตลาดโลกมีความผันผวนแตกต่างไปจากที่เสนอเป็นมูลค่า ? ๑,๐๐๐ บาท/ตัน ก็ให้มีการพิจารณาราคาปุ๋ยเคมีดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาขายปุ๋ยในแต่ละสูตรของผู้ประกอบการแต่ละรายให้เป็นตามข้อเท็จจริงของต้นทุนและสต็อกปุ๋ยที่มีอยู่ และให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาตินำประเด็นการปรับราคาปุ๋ยเคมีดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนการกำหนดราคาประกันตามโครงการประกันรายได้เพื่อให้สะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริงของเกษตรกรด้วย ๒. เห็นชอบให้ปรับปรุงชื่อ “โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร” เป็น “โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร” ๓. เห็นชอบแนวทางการชดเชยส่วนต่างของราคาปุ๋ยเคมีให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โดยครอบคลุมถึงพืชเกษตร ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวโพด และมันสำปะหลัง ในอัตรากิโลกรัมละ ๑.๕๐ บาท (ตันละ ๑,๕๐๐ บาท) โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรตามโครงการประกันรายได้กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจะได้รับการชดเชยตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่มีสิทธิตามโครงการประกันรายได้และตามปริมาณปุ๋ยเคมีต่อไร่ที่เท่ากันทุกภาค ตามที่คณะกรรมการปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรพิจารณากำหนด ๔. อนุมัติกรอบวงเงินในการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ในวงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ ๓,๙๐๑ ล้านบาท ประกอบด้วย วงเงินชดเชยส่วนต่างราคาปุ๋ยเคมี วงเงินจำนวนประมาณ ๓,๔๕๐ ล้านบาท วงเงินชดเชยต้นทุนเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวนประมาณ ๑๑๕ ล้านบาท (อัตรา FDR+1) วงเงินค่าอำนวยการสินเชื่อของ ธ.ก.ส. จำนวน ๔๘ ล้านบาท และวงเงินค่าดำเนินโครงการ (ค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ) เป็นเงินรวมประมาณ ๒๘๘ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องและเป็นไปตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงต่อไป โดยในส่วนของวงเงินค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนเงิน ๒๘๘ ล้านบาท นั้น ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๕. เห็นชอบให้ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อการจัดหาปุ๋ยเคมีของเกษตรกร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33074 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | สว | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ และให้นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไขเป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษา แล้วแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33075 | แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร | นร | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร กรณีการเสนอร่างอนุบัญญัติต่าง ๆ เช่น ร่างพระราชกฤษฎีกา ร่างพระราชบัญญัติ หรือร่างระเบียบที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการแล้ว แผนงานหรือโครงการ รวมทั้งกรณีการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไปก่อนมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรฯ และการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีภายหลังการยุบสภาผู้แทนราษฎร ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาและเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33076 | มอบหมายให้คณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ติดตามสถานการณ์อันอาจเกิดอุทกภัย | นร | 10/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากขณะนี้ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัย ซึ่งหากมีอุทกภัยเกิดขึ้นก็จะเกิดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงมอบให้คณะกรรมการอำนวยการ กำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (คชอ.) ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยให้ติดตามสถานการณ์อันอาจเกิดอุทกภัย พร้อมทั้งหาแนวทางป้องกันและช่วยเหลือประชาชนต่อไป และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
33077 | โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร และเรื่อง โครงการเงินกู้ให้เกษตรกรจัดหาปุ๋ยของ ธ.ก.ส. (นัดพิเศษ) | นร | 06/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กำหนดราคาปุ๋ยเคมี ๖ สูตร (สูตร ๔๖ - ๐ - ๐ สูตร ๑๖ - ๒๐ - ๐ สูตร ๑๖ - ๘ - ๘ สูตร ๑๖ - ๑๖ - ๘ สูตร ๑๘ - ๑๒ - ๖ และสูตร ๑๕ - ๑๕ - ๑๕) โดยมีราคาในแต่ละสูตรเป็นขั้นต่ำ - ขั้นสูง ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๔ โดยให้ยืนราคาดังกล่าวเป็นเวลา ๓ เดือน หากราคาปุ๋ยเคมีในตลาดโลกมีความผันผวนแตกต่างไปจากที่เสนอเป็นมูลค่า ? ๑,๐๐๐ บาท/ตัน ก็ให้มีการพิจารณาราคาปุ๋ยเคมีดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาขายปุ๋ยในแต่ละสูตรของผู้ประกอบการแต่ละรายให้เป็นตามข้อเท็จจริงของต้นทุนและสต็อกปุ๋ยที่มีอยู่ และให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาตินำประเด็นการปรับราคาปุ๋ยเคมีดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนการกำหนดราคาประกันตามโครงการประกันรายได้เพื่อให้สะท้อนต้นทุนการผลิตที่แท้จริงของเกษตรกรด้วย ๒. เห็นชอบให้ปรับปรุงชื่อ “โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร” เป็น “โครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร” ๓. เห็นชอบแนวทางการชดเชยส่วนต่างของราคาปุ๋ยเคมีให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โดยครอบคลุมถึงพืชเกษตร ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวโพด และมันสำปะหลัง ในอัตรากิโลกรัมละ ๑.๕๐ บาท (ตันละ ๑,๕๐๐ บาท) โดยเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นเกษตรกรตามโครงการประกันรายได้กับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจะได้รับการชดเชยตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่มีสิทธิตามโครงการประกันรายได้และตามปริมาณปุ๋ยเคมีต่อไร่ที่เท่ากันทุกภาค ตามที่คณะกรรมการปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรพิจารณากำหนด ๔. อนุมัติกรอบวงเงินในการดำเนินโครงการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ในวงเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ ๓,๙๐๑ ล้านบาท ประกอบด้วย วงเงินชดเชยส่วนต่างราคาปุ๋ยเคมี วงเงินจำนวนประมาณ ๓,๔๕๐ ล้านบาท วงเงินชดเชยต้นทุนเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวนประมาณ ๑๑๕ ล้านบาท (อัตรา FDR+1) วงเงินค่าอำนวยการสินเชื่อของ ธ.ก.ส. จำนวน ๔๘ ล้านบาท และวงเงินค่าดำเนินโครงการ (ค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ) เป็นเงินรวมประมาณ ๒๘๘ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องและเป็นไปตามจำนวนเงินที่จ่ายจริงต่อไป โดยในส่วนของวงเงินค่าอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนเงิน ๒๘๘ ล้านบาท นั้น ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๕. เห็นชอบให้ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อการจัดหาปุ๋ยเคมีของเกษตรกร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||
33078 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าบ้านพักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ | กษ | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเว้นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าบ้านพักข้าราชการของหน่วยงานที่ประจำในต่างประเทศ ได้ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๒๓ วรรคสี่ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๗ (ผูกพันงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๕๗) เป็นเงิน ๘,๘๑๖,๙๘๐ บาท หรือ ๒๔,๑๒๔,๘๕๗ เยน อัตราแลกเปลี่ยน ๑๐๐ เยน เท่ากับ ๓๖.๕๒ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๑,๖๙๕,๕๘๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๒,๘๔๘,๕๖๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๔,๒๗๒,๘๔๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33079 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระบวนการให้คำปรึกษาเยียวยาก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรม พ.ศ. .... | พม | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดหลักเกณฑ์การสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมของผู้ขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์การสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมของบุคคลผู้มีอำนาจให้ความยินยอมในการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์การสอบคุณสมบัติและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่และความเหมาะสมของเด็กที่จะเป็นบุตรบุญธรรม ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกระบวนการให้คำปรึกษาเยียวยาก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้สอบถามผู้รับบุตรบุญธรรมเพื่อทราบข้อมูลปัญหาและมีการหารือร่วมกันในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาความสัมพันธ์ในเบื้องต้นก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรม หากบุตรบุญธรรมนั้นยังเป็นเด็ก ๒.๒ กำหนดให้สืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรมของผู้รับบุตรบุญธรรมให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน โดยให้มีข้อเท็จจริงและให้ดำเนินการตามที่กำหนด ๒.๓ กำหนดให้ออกหนังสือรับรองเพื่อประกอบการขอจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรม หรือยื่นคำร้องต่อศาลตามมาตรา ๑๕๙๘/๓๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยหนังสือรับรองมีอายุหกเดือนนับแต่วันที่ออกหนังสือ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33080 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะเข็มวิทยะฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ พ.ศ. ๒๕๕๒ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยีและสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยีและสาขาวิชานิเทศศาสตร์
|
.....