ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1650 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 32981 - 33000 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32981 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (นายวิทิต อรรถเวชกุล) | สธ | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวิทิต อรรถเวชกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ต่อเนื่องไปจากวาระการดำรงตำแหน่งเดิม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ส่วนการกำหนดอัตราค่าตอบแทนให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาต่อไป ตามนัยมาตรา ๑๘๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลและแนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร) ซึ่งต่อมาสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากว่า การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมไม่เข้าข่ายต้องเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นชอบก่อน ตามมาตรา ๑๘๑ (๑) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นด้วยว่า ตามมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๐๙ บัญญัติให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมเป็นผู้แต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมจึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย กรณีนี้จึงมิใช่การดำเนินการอันเป็นการต้องห้ามตามบทบัญญัติมาตรา ๑๘๑ (๓) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใด
|
||||||||||||||||||||||||
32982 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2554 ครั้งที่ 2 | กค | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลง ๓๓,๓๘๐.๑๓ ล้านบาท จากการปรับปรุงแผนครั้งที่ ๑ ซึ่งมีวงเงินรวม ๑,๒๙๑,๕๐๔.๒๗ ล้านบาท เหลือ ๑,๒๕๘,๑๒๔.๑๔ ล้านบาท ๒. การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๖,๕๘๗.๙๖ ล้านบาท จากเดิม ๑๓๓,๒๐๕.๒๖ ล้านบาท เป็น ๑๓๙,๗๙๓.๒๒ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
32983 | ร่างปฏิญญาการประชุมระดับรัฐมนตรีของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ ว่าด้วยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ | กต | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยมีผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพลังงาน และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการรับรองร่างปฏิญญาการประชุมระดับรัฐมนตรีของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ ให้กระทรวงการต่างประเทศระมัดระวังข้อผูกพันที่อาจจะมีผลต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป และให้ประสานงานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก่อนดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32984 | รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อส่งกลับผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์กรณีอุ้มบุญ | พม | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระหว่างวันที่ ๓๐ - ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งกลับหญิงเวียดนามกรณีอุ้มบุญ พร้อมบุตร จำนวน ๑๐ คน (หญิง ๕ คน และบุตร ๕ คน) กลับประเทศภูมิลำเนา โดยมี Maj. Gen. Vu Hung Vuong รองอธิบดีกรมป้องกันและต่อต้านอาชญากรรม กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ให้การต้อนรับที่ท่าอากาศยานนอยไบ พร้อมจัดพิธีรับมอบผู้เสียหายและบุตร ทั้ง ๑๐ คน อย่างเป็นทางการ ในการนี้ทั้งสองฝ่ายได้หารือทวิภาคีแนวทางความร่วมมือในการป้องกันแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ตามกรอบข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามว่าด้วยความร่วมมือระดับทวิภาคีเพื่อการขจัดการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็กและการช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ ซึ่งได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๑ ณ กรุงฮานอย ผลการหารือทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศ และกล่าวถึงความร่วมมือที่ได้ดำเนินการหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงฯ โดยมีการจัดประชุมร่วมกันเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงฯ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปราบปรามผู้ค้ามนุษย์ซึ่งนำหญิงเวียดนามมาค้าประเวณีที่ประเทศไทย การศึกษาสถานการณ์ปัญหาการค้ามนุษย์ การจัดทำแนวทางที่เป็นมาตรฐานในการส่งกลับและคืนสู่สังคม การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อการปราบปรามการค้ามนุษย์และการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้แทนในระดับสูงเป็นประจำทุกปี รวมทั้งแนวทางในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ภายใต้กรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์
|
||||||||||||||||||||||||
32985 | การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ | รง | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ มีสาระสำคัญคือ กำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือเพิ่มเติมอีก ๑๑ สาขาอาชีพ ได้แก่ กลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ (ช่างเขียนแบบเครื่องกลด้วยคอมพิวเตอร์ ช่างเชื่อมแม็ก ช่างเชื่อมทิก) กลุ่มสาขาอาชีพช่างก่อสร้าง (ช่างไม้ก่อสร้าง ช่างก่ออิฐ ช่างฉาบปูน ช่างอะลูมิเนียมก่อสร้าง) และกลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหกรรมศิลป์ (ช่างเย็บ ช่างเครื่องประดับอัญมณี ช่างเครื่องเรือนไม้ ช่างบุครุภัณฑ์) ทั้งนี้ ให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด ๙๐ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32986 | รายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ | กต | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าของกระบวนการจัดทำและนำเสนอรายงานทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ โดยกระทรวงการต่างประเทศได้เริ่มยกร่างรายงาน UPR โดยผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการยกร่างได้จัดการหารือกลุ่มย่อยระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาที่ควรปรากฏอยู่ในรายงาน และหลังการจดทำร่างแรก กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้จัดเวทีรับฟังความเห็นของภาคประชาชนต่อร่างรายงาน UPR ของไทยในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ และได้นำความเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับมาปรับปรุงร่างรายงานจนเป็นร่างสุดท้าย และนำเสนอร่างรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำรายงานประเทศภายใต้กลไก UPR พิจารณาและให้ความเห็นชอบต่อร่างรายงานดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดส่งรายงาน UPR ให้กับสหประชาชาติภายในวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ตามที่สหประชาชาติกำหนด โดยให้จัดทำคำแปลฉบับภาษาอังกฤษของรายงานประเทศให้สอดคล้องกับฉบับภาษาไทยเพื่อส่งให้สหประชาชาติต่อไปโดยไม่ต้องขอความเห็น ชอบจากคณะรัฐมนตรีอีก ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบและระมัดระวังด้วยว่า รายงาน UPR จะต้องไม่มีสาระใด ๆ ที่มีผลผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32987 | นายกรัฐมนตรีลากิจ (15 - 17 มิถุนายน 2554) | นร | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง นายกรัฐมนตรีลากิจ ระหว่างวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ (หลังจากการประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเสร็จสิ้น) - ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ส่วนการมอบหมายผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในระหว่างวันดังกล่าวจะเป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๓/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32988 | สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค | นร | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดตรวจสอบราคาขายปลีกเนื้อสุกร และดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเรื่อง ราคาสุกร เนื้อสุกรแนะนำ ปี ๒๕๕๔ ของกระทรวงพาณิชย์ โดยเร็วต่อไป ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32989 | พระราชกระแสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (การเชิญชวนให้แต่งกายในชุดผ้าไหมหรือผ้าไทย) | นร | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้เชิญชวนรัฐมนตรี ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐนำรูปแบบเสื้อกระดุม ๕ เม็ด หรือชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมหรือผ้าไทยมาใช้ในโอกาสต่าง ๆ เพื่อเป็นการรณรงค์ ส่งเสริมให้มีการใช้ผ้าไหมหรือผ้าไทยในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเชิญชวนให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยงานแต่งกายในชุดผ้าไทยในวันปฏิบัติราชการ โดยหน่วยงานต้นสังกัดอาจพิจารณากำหนดเป็นวันใดวันหนึ่งของสัปดาห์เพื่อเป็นแบบอย่างที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ไทย และความพร้อมเพรียงกัน ทั้งนี้ ในการดำเนินการดังกล่าวเป็นเพียงการเชิญชวน มิได้เป็นคำสั่งหรือการบังคับ แต่ให้ดำเนินการด้วยความสมัครใจของแต่ละบุคคล ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับไปพิจารณากำหนดรูปแบบเสื้อตามข้อ ๑ เพื่อใช้เผยแพร่เป็นข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ประสงค์จะแต่งกายด้วยชุดดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32990 | ผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ 8 | มท | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ - ๒ มีนาคม ๒๕๕๔ ณ แขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว ครั้งที่ ๘ แบ่งเป็น ๓ ระดับ คือ การประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว การประชุมคณะเจ้าหน้าที่อาวุโสร่วมไทย - ลาว และการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดนไทย - ลาว โดยภาพรวมของการประชุมดังกล่าวได้มีการหารือในประเด็นการเพิ่มความร่วมมือในการป้องกัน สกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต การช่วยเหลือด้านการสาธารณสุข การเพิ่มมูลค่าการค้าและการท่องเที่ยวให้สูงขึ้น และการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับจังหวัด - แขวงที่มีการพัฒนาความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมลงนามในบันทึกการประชุมฯ ซึ่งมีเรื่องต่าง ๆ ที่จะร่วมมือกันรวม ๘ ด้าน จำนวน ๑๔ ประเด็น ดังนี้
๑. ความร่วมมือด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงตามชายแดน ได้แก่ การป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมือง การป้องกันสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน การปฏิบัติต่อผู้ถูกจับกุมคุมขัง และการแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ ๒. ความร่วมมือในการดูแลรักษาเส้นเขตแดนและการป้องกันตลิ่ง ได้แก่ การให้จังหวัด - แขวงสนับสนุนการปฏิบัติและปฏิบัติตามผลการประชุมคณะกรรมาธิการสำรวจปักปันเขตแดนร่วมไทย - ลาว และให้จังหวัด - แขวงร่วมมือกันป้องกันดูแลรักษาตลิ่ง การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการดูดทรายตามแม่น้ำโขงและแม่น้ำเหือง ๓. ความร่วมมือด้านการผ่านแดน ได้แก่ การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเข้า - ออกเมืองตามจุดผ่านแดน และการยกระดับจุดผ่านแดนและการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม ๔. ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ความร่วมมือด้านแรงงานโดยเร่งการพิสูจน์สัญชาติแรงงานที่ยังคงเหลือให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระดับจังหวัด - แขวง ๕. ความร่วมมือด้านสังคม โดยให้จังหวัด - แขวงเพิ่มความเข้มในการต่อต้านการค้ามนุษย์และการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก ๖. ความร่วมมือระหว่างจังหวัดกับแขวง โดยให้คณะกรรมการรักษาความสงบเรียบร้อยระดับจังหวัด - แขวงที่มีพรมแดนติดกันพบปะหารือกันอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง ๗. สนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนกันระหว่างคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูง และคณะเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ๘. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทย และกรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว จัดประชุมร่วมกัน โดยฝ่ายลาวรับเป็นเจ้าภาพในปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ณ นครหลวงเวียงจันทน์
|
||||||||||||||||||||||||
32991 | สรุปผลการประชุม Asia - Europe Meeting (ASEM) High - level Conference on Food Security (ระหว่างวันที่ 9 - 11 พฤษภาคม 2554 ณ จังหวัดเชียงใหม่) | กษ | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมเรื่องความมั่นคงอาหารภายใต้กรอบเอเชีย - ยุโรป Asia - Europe Meeting (ASEM) High - level Conference on Food Security ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีผลการประชุมฯ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นพ้องว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิดวิกฤตด้านความมั่นคงอาหารของประเทศและโลก ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของประชากรโลก การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นโยบายของประเทศที่ต้องการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงของผู้บริโภคภายในประเทศส่งผลให้มีผลผลิตส่งออกไปเลี้ยงประชากรโลกลดลง ๒. ประเทศสมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาความมั่นคงอาหารของชาติและโลกที่น่าสนใจในหลายประเด็น เช่น การกำหนดนโยบายความมั่นคงเป็นยุทธศาสตร์ชาติ การส่งเสริมการผลิตแบบพึ่งพาตนเอง (Self - sufficiency) เพื่อให้มีผลผลิตเพียงพอต่อการบริโภค การส่งเสริมการลงทุนแบบมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public - Private Partnership : PPP) โดยภาครัฐมีบทบาทในการกำหนดนโยบาย กำกับดูแล และอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ในขณะที่ภาคเอกชนมีบทบาทในการดำเนินกิจกรรมการลงทุน และลดการพึ่งพิงปัจจัยการผลิตที่นำเข้า รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อการสำรองอาหารในกรณีฉุกเฉิน และการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิตในด้านต่าง ๆ ๓. ประเทศสมาชิกต่างเห็นพ้องถึงความสำคัญทางการสร้างความร่วมมือในระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิก ASEM และองค์การระหว่างประเทศ โดยตั้งเป้าไว้ว่าแนวทางการดำเนินงานด้านความมั่นคงทางอาหารที่ประเทศสมาชิกกำหนดไว้นั้นมีอยู่ด้วยกัน ๑๑ ประเด็นหลัก ๆ ทั้งนี้ ประเทศไทยเห็นว่า กิจกรรมลำดับแรกที่ควรผลักดันให้เกิดความร่วมมือด้านความมั่นคงอาหารในกรอบ ASEM ได้แก่ การสร้างเครือข่ายข้อมูลด้านความมั่นคงอาหารและการสำรองอาหาร
|
||||||||||||||||||||||||
32992 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๒ เมษายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบและกักกันโรคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดในการตรวจสอบและกักกันโรคสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน (R3) เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผลไม้จากประเทศไทยผ่านเส้นทาง R3 ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน และเห็นชอบร่วมกันในการเปิดเส้นทางขนส่งเพิ่มเติมระหว่างกัน โดยจีนสนใจที่จะเปิดเส้นทางขนส่งทางแม่น้ำโขง ส่วนไทยสนใจการเพิ่มเส้นทางขนส่งทางบก เช่น เส้นทาง R8 และ R12 รวมทั้งขอให้การส่งครอบคลุมสินค้าอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันในการศึกษาและประเมินการเปิดเส้นทางทั้งทางบกและทางน้ำ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทั้งหารือในประเด็นความร่วมมือด้านการเกษตร ได้แก่ การแลกเปลี่ยนการศึกษาอบรมดูงานด้านการสหกรณ์ของไทย การอำนวยความสะดวกในเรื่องการจดทะเบียนผู้ส่งออกปลาป่นของไทยที่จะส่งออกมายังสาธารณรัฐประชาชนจีน การส่งออกน้ำเชื้อสุกรพันธุ์จินหัวซึ่งเป็นพันธุ์หวงห้ามของจีน เพื่อมอบให้แก่โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ และสุกรพันธุ์เหมยซานที่จีนจะทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อมอบให้แก่มูลนิธิโครงการหลวงนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรยากจนเพื่อเป็นรายได้เสริมและเป็นอาหารเสริม
|
||||||||||||||||||||||||
32993 | รัฐบาลราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายมุฮัมมัด ชะเราะรี บะคีต เอล ฟะเยซ (Mr. Mohamad Sharari Bakheet El Fayez)] | กต | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายมุฮัมมัด ซะเราะรี บะคีต เอล ฟะเยซ (Mr. Mohamad Sharari Bakheet El Fayez) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรฮัซไมต์จอร์แดนประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สืบแทนนายโมฮาเมด อาลี มะห์มูด อัลซอเฮร์ อัลนุซูร์ (Mr. Mohamed Ali M. Daher Nsour) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32994 | รัฐบาลราชอาณาจักรสวีเดนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายคลอส เฟรดริก มูลีน (Mr. Klas Fredrik Molin)] | กต | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายคลอส เฟรดริก มูลีน (Mr. Klas Fredrik Molin) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายเลนนาร์ด ลินเนร์ (Mr. Lennart Linner) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32995 | รัฐบาลสาธารณรัฐสโลวักเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายวลาดีมีร์ ฮัลกัซ (Mr. Vladimir Halgas)] | กต | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายวลาดีมีร์ ฮัลกัซ (Mr. Vladimir Halgas) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายวาซีล ปีเต็ล (Mr. Vasil Pytel) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32996 | ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2553 - 2562 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | มท | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้ หน่วยงานที่มีส่วนร่วมในแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๒ ได้รายงานผลแผนงานปกติและแผนงานภาคบังคับที่เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงฯ ดังนี้
๑. แผนงานภาคบังคับ ซึ่งเป็นแผนงานที่กำหนดเพิ่มเติมให้สัมพันธ์กับกรอบดำเนินงานเฮียวโกะ (Hyogo Framework for Action : HFA 2005 - 2015) ในการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติเพื่อให้หน่วยงานทุกภาคส่วนและประชาชนนำไปเป็นกรอบดำเนินงานในช่วง ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๒ มีหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการรายงานผลการดำเนินงาน จำนวน ๖๒ หน่วยงาน รวมจำนวนทั้งสิ้น ๑๐๘ แผนงาน/โครงการ ครอบคลุม ๘๒ กิจกรรมหลัก ๑๕ ประเด็น ยุทธศาสตร์ ๔ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบ จำนวน ๒๙ แผนงาน/โครงการ ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมพร้อมรับภัย จำนวน ๕๑ แผนงาน/โครงการ ยุทธศาสตร์ด้านการจัดการภัยในภาวะฉุกเฉิน จำนวน ๘ แผนงาน/โครงการ และยุทธศาสตร์ด้านการจัดการหลังเกิดภัย จำนวน ๒๐ แผนงาน/โครงการ ๒. แผนงานปกติ ซึ่งเป็นแผนงานที่หน่วยงานดำเนินการตามพันธกิจและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานนั้น ๆ ประจำทุกปีงบประมาณหรือตามช่วงระยะเวลาที่หน่วยงานนั้น ๆ ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า มีหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการรายงานผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ จำนวน ๒๖ หน่วยงาน รวมจำนวน ๑๘๔ แผนงาน/โครงการ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบ จำนวน ๕๗ แผนงาน/โครงการ ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมพร้อมรับภัย จำนวน ๘๔ แผนงาน/โครงการ ยุทธศาสตร์ด้านการจัดการภัยในภาวะฉุกเฉิน จำนวน ๒๑ แผนงาน/โครงการ และยุทธศาสตร์ด้านการจัดการหลังเกิดภัย จำนวน ๒๒ แผนงาน/โครงการ |
||||||||||||||||||||||||
32997 | รายงานผลการติดตามประเมินผลโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2 (เดือนมีนาคม 2554) | นร | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการติดตามประเมินผลโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รอบที่ ๒ (เดือนมีนาคม ๒๕๕๔) ในรอบที่ ๑ รวมทั้งสิ้น ๗๕ โครงการ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการก่อสร้างถนน (โครงการถนนไร้ฝุ่น) จากการตรวจติดตามและประเมินผลโดยเน้นสภาพทางกายภาพของโครงการที่ดำเนินแล้วเสร็จที่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานตามวัตถุประสงค์ จำนวนทั้งสิ้น ๔๕โครงการ พบว่า สภาพถนนไม่มีปัญหาทางกายภาพ และใช้ประโยชน์ได้ดี จำนวน ๓๕ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๗๘ สภาพถนนมีปัญหาทางกายภาพ เช่น ถนนชำรุด ทรุดตัว มีรอยแตก/รอยแยก และจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนไม่เชื่อมต่อกันจึงทำให้การใช้ถนนไม่ปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งเป็นสภาพปัญหาที่ไม่รุนแรงสามารถแก้ไขปัญหาได้ในพื้นที่ ๒. โครงการชลประทานขนาดเล็ก (โครงการจัดหาแหล่งน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทน) จากการตรวจติดตามและประเมินผลโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น ๓๐ โครงการ พบว่า สภาพแหล่งน้ำสามารถใช้ประโยชน์ได้ดี จำนวน ๑๘ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๖๐.๐๐ ส่วนอีก ๙ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๐๐ สภาพของโครงการไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ เนื่องจากปริมาณน้ำในฝายค่อนข้างน้อย ลำคลองมีความตื้นเขิน น้ำต้นทุนมีจำนวนน้อย ไม่มีน้ำซับ จึงไม่มีน้ำเก็บกักไว้ใช้เพื่อการเกษตร และบริเวณผนังฝายมีการแตกร้าวเนื่องจากดินเกิดการทรุดตัว นอกจากนี้ พื้นที่ทางการเกษตรบางแห่งอยู่ห่างจากแหล่งน้ำจึงไม่สามารถใช้ประโยชน์จากคลองส่งน้ำที่รับน้ำจากฝายทดน้ำได้เต็มที่ รวมทั้งขาดระบบส่งน้ำที่สมบูรณ์ เนื่องจากองค์การบริหารส่วนตำบลบางแห่งไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะจัดทำระบบส่งน้ำได้ และบางแห่งประตูระบายน้ำปิดไม่สนิททำให้มีน้ำไหลตลอดเวลาจึงไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
|
||||||||||||||||||||||||
32998 | ขออนุมัติบริจาคเงินเข้ากองทุนสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ | พม | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ประเทศไทยบริจาคเงินเข้ากองทุนสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เป็นเงิน ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ส่วนเงินงบประมาณที่จะบริจาคเข้ากองทุนฯ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
32999 | ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีประศาสน์การโครงการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์แห่งสหประชาชาติ | กต | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ ณ สำนักงานสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ที่ประชุม Resumed Organizational Session for 2011 ภายใต้คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม (Economic and Social Council : ECOSOC) ของสหประชาชาติ ได้ลงมติให้ประเทศไทยดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีประศาสน์การของ United Nations Human Settlement Programme : UN - HABITAT วาระปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ โดยมีประเทศจากกลุ่มเอเชียที่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ ได้แก่ บาห์เรน จอร์แดน ซาอุดีอาระเบีย และอินเดีย สำหรับประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีประศาสน์การของ UN - HABITAT คือ การมีบทบาทและส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับแผนงานและการดำเนินงานของ UN - HABITAT ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีต่อการเผยแพร่และแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของประเทศไทยในเรื่องการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ และเป็นช่องทางในการนำเสนอแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทยโดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ การจัดการ และการดำเนินกิจกรรมในกรอบความร่วมมือของ UN - HABITAT ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาชุมชนเมืองที่ยั่งยืน การจัดหาที่อยู่อาศัย และการจัดการภัยพิบัติ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการนำมาปรับใช้กับบริบทของประเทศไทย และยังสามารถใช้ส่งเสริมแนวทางการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนากับมิตรประเทศต่าง ๆ ได้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
33000 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน 12 ฉบับ) | มท | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน ๑๒ ฉบับ) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๖๒ (พ.ศ. ๒๕๔๓)ฯ ผังเมืองรวมเมืองขลุง จังหวัดจันทบุรี (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๔ - ๔ กันยายน ๒๕๕๕) ๒. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองยโสธร พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ - ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) ๓. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ - ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) ๔. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าลาน จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕) ๕. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพะเยา พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕) ๖. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าเรือน้ำลึกสงขลา จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๕๔๘ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕) ๗. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองระยอง พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ๘. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมุกดาหาร พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ๙. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ๑๐. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ - ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕) ๑๑. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพัทลุง พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ - ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕) ๑๒. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองร้อยเอ็ด พ.ศ. ๒๕๔๙ (ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ - ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕)
|
.....