ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1633 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 32641 - 32660 จากข้อมูลทั้งหมด 124475 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 32641 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหารถยนต์บรรทุกขนาดเบา | กห | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กองทัพบกก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหารถยนต์บรรทุกขนาดเบา (รถยนต์บรรทุกขนาดเบา ๔ x ๔) จำนวน ๙๔๑ คัน วงเงินทั้งสิ้น ๙๕๐,๐๓๑,๖๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามโครงการจัดหารถยนต์บรรทุกขนาดเบา (ทบ. ๑๔๑๖) ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย และกองทัพบกได้รับการกันเงินงบประมาณไว้เบิกเหลื่อมปีจากกระทรวงการคลังไว้แล้ว จำนวน ๒๔๔,๒๐๐,๐๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๖ - พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๗๐๕,๘๓๑,๖๐๐ บาท ทั้งนี้ เมื่อมีการปรับปรุงคุณลักษณะเฉพาะของรถยนต์บรรทุกขนาดเบาเพื่อเพิ่มสมรรถนะและประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจแล้ว เห็นควรที่กองทัพบกจะพิจารณาทบทวนจำนวนรถยนต์ดังกล่าวให้มีจำนวนเท่าที่จำเป็นในการปฏิบัติภารกิจด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดหารถยนต์บรรทุกขนาดเบาให้ถือปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ และเห็นควรเพิ่มศักยภาพในการใช้งานของรถยนต์ดังกล่าวให้สนับสนุนภารกิจที่สำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 32642 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ได้รับอนุมัติให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเป็นลำดับแรก หากไม่เพียงพอให้ขอรับการจัดสรรจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพิ่มเติมภายในกรอบวงเงิน ๑,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32643 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอขอแก้ไขร่างคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ดังนี้ ๑.๑ เพิ่มนายธีระ วงศ์สมุทร เป็นกรรมการ ๑.๒ แก้ไขคำว่า "เลขาธิการคณะรัฐมนตรี" เป็น "นายอำพน กิตติอำพน" ๑.๓ ให้อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๔ เพิ่มอธิบดีกรมชลประทาน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๕ แก้ไขชื่อสกุล "นายสุพจน์ โตวิจักษ์ชัยกุล" เป็น "นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล" ๒. เห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า โดยที่ร่างข้อ ๓ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... และร่างข้อ ๔ ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... กำหนดให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตของประเทศ (กยอ.) และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) รวม ๒ คณะ เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งแต่งตั้งและเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป อาจจะทำให้เกิดความล่าช้า ดังนั้น เพื่อให้คณะกรรมการ รวม ๒ คณะ ดังกล่าวสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ เห็นควรกำหนดให้การแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเป็นตามที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||
| 32644 | ผลการประชุมว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขง ๔ ฝ่าย ได้แก่ จีน สปป.ลาว พม่า และไทย ที่กรุงปักกิ่ง ระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม - ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ สรุปสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้ ดังนี้ ๑.๑ การหารือทวิภาคีระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทนไทยกับมนตรีแห่งรัฐจีน ๑.๑.๑ มนตรีแห่งรัฐจีนได้กล่าวแสดงการสนับสนุนของจีนและความเชื่อมั่นในรัฐบาลไทยที่จะสามารถแก้ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นได้ และว่าการมาร่วมประชุมฯ พร้อมทั้งขอขอบคุณรัฐบาลไทยและตำรวจไทยที่ให้ความร่วมมืออย่างดีกรณีเรือจีน ๒ ลำที่ถูกโจมตีในแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ ปัจจุบันมีความชัดเจนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงรักษาความสงบภายในของจีนได้เดินทางไปไทยเพื่อรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงให้คดีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ สถานการณ์บริเวณสามเหลี่ยมทองคำเป็นเขตแดนเชื่อมต่อระหว่างสามประเทศ จึงเป็นช่องว่างให้เกิดอาชญากรรม รัฐบาลจีนพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลไทยและเห็นว่าต้องมีความร่วมมือ ๔ ฝ่ายเพื่อต่อต้านอาชญากรรม โดยร่วมมือกันสร้างกรอบและกลไกความร่วมมือทางกฎหมายเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อจัดการกับขบวนการต่าง ๆ รวมทั้งการค้ายาเสพติด อาทิ การลาดตระเวนร่วม เพื่อให้การสัญจรในแม่น้ำโขงมีความปลอดภัยมากขึ้น ๑.๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ) ได้แสดงความขอบคุณความช่วยเหลือของจีนที่ให้ไทยเรื่องอุทกภัย สำหรับกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลไทยมีความตั้งใจในการร่วมมือกับรัฐบาลจีนอย่างเต็มที่เพื่อจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว และขอบคุณที่ฝ่ายจีนได้ส่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงรักษาความสงบภายในไปร่วมการสืบสวนตั้งแต่ต้นจนประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งเห็นด้วยในหลักการกับความร่วมมือ ๔ ฝ่ายเพื่อสร้างกรอบกลไกและวางมาตรการในการสัญจรในแม่น้ำโขง เพียงแต่กระบวนการทางกฎหมายภายในของไทยนั้น เรื่องที่มีผลกระทบต่อเขตแดนและอำนาจอธิปไตยต้องผ่านกระบวนการพิจารณาของรัฐสภา ดังนั้น จึงต้องนำกลับไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพร้อมผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ๑.๒ ถ้อยแถลงของหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศต่าง ๆ ระหว่างการประชุมฯ ๑.๒.๑ หัวหน้าคณะจีนเสนอให้มีการจัดตั้งกลไกและมาตรการเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในแม่น้ำโขง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่ทันต่อเหตุการณ์ การลาดตระเวนร่วม การจัดตั้งหน่วยงานประสานงานหลักของแต่ละประเทศ รวมทั้งการจัดทำความตกลงเพื่อความร่วมมือว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมาตรการข้างต้นระหว่างหน่วยงานความมั่นคงของทั้ง ๔ ประเทศ ๑.๒.๒ หัวหน้าคณะพม่าพร้อมให้การสนับสนุนการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ และสนับสนุนความพยายามของประเทศต่าง ๆ ในการปราบปรามยาเสพติด ทั้งนี้ พม่าร่วมกับ สปป.ลาว ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและลาดตระเวนร่วมเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในแม่น้ำโขง รวมทั้งความร่วมมือในการปราบปรามยาเสพติดในเขตสามเหลี่ยมทองคำ ๑.๒.๓ หัวหน้าคณะ สปป.ลาว สนับสนุนความคิดริเริ่มของจีนในการจัดการประชุมครั้งนี้เพื่อกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการทำให้การเดินเรือในแม่น้ำโขงปลอดภัย และเสนอให้มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพการประชุม ๔ ฝ่ายนี้ ๑.๒.๔ หัวหน้าคณะผู้แทนไทยสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อความคิดริเริ่มของจีนในการจัดการประชุมครั้งนี้ เพื่อร่วมมือกันในการวางมาตรการการบังคับใช้กฎหมายในการขจัดภัยคุกคามในแม่น้ำโขงเพื่อความสงบและความรุ่งเรืองของภูมิภาคนี้ ๑.๓ ที่ประชุมฯ ได้รับรองถ้อยแถลงร่วม (Joint Statement) ๔ ฝ่าย โดยไม่มีการลงนาม โดยมีสาระสำคัญคือ การใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการร่วมสืบสวนกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๔ และหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และการจัดตั้งกลไกความร่วมมือว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายในแม่น้ำโขงระหว่างประเทศทั้ง ๔ หรือเรียกย่อ ๆ ว่า กลไก ๔ ประเทศ รวมทั้งจัดตั้งกลไกย่อยภายใต้กลไก ๔ ประเทศ เพื่อจัดการกับสถานการณ์ความมั่นคงใหม่ในแม่น้ำโขง ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบและดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32645 | รายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัยของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันที่ 31 ตุลาคม - วันที่ 6 พฤศจิกายน 2554 และวันที่ 8 - วันที่ 14 พฤศจิกายน 2554) | ทก | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการเฝ้าระวังเพื่อการเตือนภัยของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์และพยากรณ์อากาศ ๗ วันข้างหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ๑.๑ ลักษณะอากาศในช่วง ๗ วันที่ผ่านมา (ช่วงวันที่ ๓๑ ตุลาคม - ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีปริมาณฝนลดลง เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอย่างต่อเนื่อง แต่มรสุมที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนช่วงปลายสัปดาห์ปริมาณฝนในภาคใต้มีฝนลดลงอยู่ในเกณฑ์กระจาย เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย ๑.๒ การคาดหมายลักษณะอากาศใน ๗ วันข้างหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๘ - ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ช่วงต้นสัปดาห์ มีปัจจัยจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อยู่ในแนวร่องมรสุม ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันออก และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น และคลื่นกระแสลมตะวันตกที่จะเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง ๒ - ๕ องศาเซลเซียส ส่วนช่วงปลายสัปดาห์ ทั่วประเทศจะมีฝนลดลง เว้นแต่ภาคใต้มีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ๒. รายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ๒.๑ ในช่วงวันที่ ๑ - ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ด้านตะวันออก) ภาคตะวันออก และภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ควรเฝ้าระวังสภาวะอากาศและติดตามประเมินผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องพร้อมเตรียมการรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาภัย ๒.๒ พื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ราบลุ่มในภาคใต้ ขอให้ประชาชนควรระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก (ในบางพื้นที่) ส่วนพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างในจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม (บางพื้นที่) กรุงเทพมหานคร (ฝั่งตะวันออก เขตสายไหม ดอนเมือง บางเขน หลักสี่ บางซื่อ จตุจักร ลาดพร้าว มีนบุรี หนองจอก คลองสามวา ลาดกระบัง และเขตคันนายาว ส่วนฝั่งตะวันตก เขตบางพลัด ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน หนองแขม บางแค ภาษีเจริญ และเขตบางกอกน้อย) และจังหวัดข้างเคียงยังอยู่ในภาวะประสบภัยอยู่ต่อไป ส่วนพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ได้แก่ เขตดินแดง และเขตบางกอกใหญ่
|
||||||||||||||||||||||||
| 32646 | แผนงาน/โครงการและงบประมาณในการช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านสังคม) | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ จำนวน ๗ กระทรวง ๒ ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง ในวงเงิน ๔,๔๑๑,๘๔๔,๓๐๐ บาท ดังนี้ ๑.๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี รวม ๒ กระทรวง ๓ กรม จำนวน ๘๘,๕๘๐,๐๐๐ บาท ๑.๑.๒ งบประมาณตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไปพลางก่อน ๑.๑.๒.๑ งบประมาณปกติของส่วนราชการ รวม ๒ กระทรวง ๒ กรม จำนวน ๑๗๖,๘๘๐,๐๐๐ บาท ๑.๑.๒.๒ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔,๑๔๖,๓๘๔,๓๐๐ บาท ๑.๒ สำหรับแผนงาน/โครงการเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูฯ ในระยะฟื้นฟูภายหลังน้ำลด (ระยะที่ ๓) กรอบวงเงิน ๖,๐๒๗ ล้านบาท ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมโดยการสำรวจความเสียหาย จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งรายละเอียดแบบรูปรายการประมาณการค่าใช้จ่ายและความจำเป็นให้ชัดเจนก่อน แล้วนำเสนอให้คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (ด้านสังคม) พิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาตรวจสอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี กรณีที่ไม่มีหนี้ผูกพัน ให้นำงบประมาณมาดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากอุทกภัย พิบัติภัยต่าง ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๕๐๖/ว ๑๕๕ ลงวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่อง มาตรการการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ หนังสือสำนักงบประมาณ ที่ นร ๐๗๐๔/ว ๘๒ ลงวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ เรื่อง การติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายที่กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๔๐๖.๖/ว ๙๐ ลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง หลักเกณฑ์การกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพัน โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ไม่ควรโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายหรือนำไปใช้เพื่อการอื่น ยกเว้นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอื่น ๆ เพื่อมิให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ทางราชการก่อน หากไม่เพียงพอให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามข้อ ๑.๑ และข้อ ๑.๒ ต่อไป ๒. โดยที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๐/๒๕๕๒ ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยมีการยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๒/๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย รวม ๓ คณะ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ จึงให้สำนักงบประมาณส่งเรื่องแผนงาน/โครงการ และงบประมาณในการช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยาฯ ให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งใหม่ดังกล่าวพิจารณาให้ความเห็นชอบ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญให้ตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 32647 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่อง การป้องกัน การแก้ไขปัญหาอุทกภัย และแนวทางในการฟื้นฟูอันเนื่องมาจากอุทกภัย ตามมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่อง การป้องกัน การแก้ไขปัญหาอุทกภัย และแนวทางในการฟื้นฟูอันเนื่องมาจากอุทกภัย ตามมาตรา ๑๗๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32648 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ ๒. นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ ๓. นายธีรกุล นิยม ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล ราชอาณาจักรนอร์เวย์ ๔. นายพิษณุ จันทร์วิทัน ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทย ประจำสำนักงานสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ๕. นายวิบูลย์ คูสกุล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๖. นายเกรียงศักดิ์ กิตติชัยเสรี ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ ไทเป ๗. นาวาตรี อิทธิ ดิษฐบรรจง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย
|
||||||||||||||||||||||||
| 32649 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๑๐ คน และให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ชุดใหม่ จำนวน ๑๔ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ประธานกรรมการ ๑.๒ นายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ กรรมการ ๑.๓ นายสมชาย คูวิจิตรสุวรรณ กรรมการ ๑.๔ นายไกรสร บารมีอวยชัย กรรมการ ๑.๕ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ กรรมการ ๑.๖ นางชูจิรา กองแก้ว กรรมการ ๑.๗ ผู้ช่วยศาสตราจารย์บุญชัย โสวรรณวณิชกุล กรรมการ ๑.๘ นายเจตน์ ธนวัฒน์ กรรมการ ๑.๙ นายสุกิจ เจริญรัตนกุล กรรมการ ๑.๑๐ พลตำรวจโท รชต เย็นทรวง กรรมการ ๑.๑๑ นายชัยฤกษ์ ดิษฐอำนาจ กรรมการ ๑.๑๒ นายสมชาย พูลสวัสดิ์ กรรมการ ๑.๑๓ นายอิศรินทร์ ภัทรมัย กรรมการ ๑.๑๔ นายชัยธวัช เสาวพันธ์ กรรมการ ๒. ยกเว้นนายสมชาย คูวิจิตรสุวรรณ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32650 | การดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | ทส | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานการระบายน้ำสู่ทะเล ได้มีการประสานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรวบรวมและดูแลเครื่องสูบน้ำระหว่างปฏิบัติงานการระบายน้ำลงสู่ทะเล และกำหนดจุดติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อให้การสูบน้ำเป็นเอกภาพและเกิดประสิทธิภาพ โดยให้กรมทรัพยากรน้ำบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำ พร้อมปฏิบัติการติดตั้งและสนับสนุนการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ประสานงานการระบายน้ำ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ศูนย์ประสานงานการระบายน้ำ ได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม ๓๑ จังหวัด จำนวน ๑๖๙ เครื่อง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน ๕ เครื่อง และสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๒๐ เครื่อง โดยได้นำเครื่องสูบน้ำดังกล่าวไปติดตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ รวมจำนวน ๑๐ จุด จำนวนเครื่องสูบน้ำ ๑๖๗ เครื่อง ประสิทธิภาพการสูบน้ำจากจำนวนเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งทั้งหมดรวม ๑๓๓ เครื่อง มีปริมาณการสูบน้ำรวม ๗๙๕,๓๙๘ ลูกบาศก์เมตร/วัน และผลการดำเนินงานการสูบน้ำ จากการดำเนินงานติดตั้งเครื่องสูบน้ำเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ สามารถสูบน้ำเพื่อช่วยการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ทั้งสิ้น ๓,๖๒๘,๘๖๔ ลูกบาศก์เมตร ๒. การดำเนินการรื้อถอนประตูระบายน้ำแบบชั่วคราว (Stop Log) ได้มอบให้กรมทรัพยากรน้ำสำรวจและรื้อถอนประตูน้ำแบบชั่วคราวในลำคลองต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการระบายน้ำทางตอนเหนือสู่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครในพื้นที่คลอง ๘ คลอง ๙ คลอง ๑๐ คลอง ๑๑ คลอง ๑๒ คลองลำหิน คลองหวังโต คลองแตงโม คลองเขมร และคลองลำเจดีย์บน รวม ๓๐ แผ่น ขนาดของ Stop Log รวมทั้งสิ้น ๑๘ เมตร ๓. การดำเนินการกำจัดวัชพืชและขยะมูลฝอย ได้มอบกรมทรัพยากรน้ำสำรวจและกำจัดวัชพืชและขยะมูลฝอยในลำคลองต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการระบายน้ำ โดยดำเนินการพื้นที่คลอง ๑๒ รวมทั้งสิ้น ๓.๖ กิโลเมตร ๔. การบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ประสบอุทกภัยและพื้นที่น้ำท่วมขัง ได้จัดทำโครงการ “ภูมิรักษ์ พิทักษ์น้ำ” รวมพลัง รวมน้ำใจ ไล่น้ำเสีย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมแถลงข่าวโครงการดังกล่าวและทำพิธีปล่อยขบวนรถบรรทุกส่งดาสต้าบอล (DASTA BALL) และน้ำหมักชีวภาพ EM ไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัย ๕ จังหวัด คือ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และนครสวรรค์ ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ ร่วมกับกองทัพบก ซึ่งได้จัดส่งดาสต้าบอล จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ ลูก และน้ำหมักชีวภาพ EM จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ ขวด ไปยังพื้นที่ประสบอุทกภัยเป้าหมาย ๕. การผลิตและการบริการน้ำสะอาดแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ได้มีการเปิดจุดบริการน้ำบาดาลน้ำดื่มสะอาดช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภายในบริเวณพื้นที่ท้องฟ้าจำลอง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร และอีก ๑๐ จุดบริการ ประกอบด้วย เขตจตุจักร ณ สวนจตุจักร เขตวังทองหลาง ณ วัดสามัคคีธรรม เขตบางกะปิ ณ แฟลต ๑๓ การเคหะคลองจั่น เขตบึงกุ่ม ณ โรงเรียนประภาสวิทยา เขตคลองเตย ณ ท้องฟ้าจำลอง เขตสะพานสูง ณ วัดลาดบัวหลวง เขตบางบอน ณ วิทยาลัยเทคนิคราชสิทธิ์ เขตพระโขนง ณ วัดวชิรธรรมสาธิต อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ณ โรงเรียนพูลเจริญวิทยาลัย อำเภอเมืองสมุทรปราการ ณ วัดตำหรุ นอกจากนี้ กรมทรัพยากรน้ำได้ติดตั้งเครื่องผลิตน้ำดื่มในพื้นที่คลองทวีวัฒนาและกรมทรัพยากรน้ำ ปัจจุบันได้ผลิตน้ำสะอาดแล้วรวมทั้งสิ้น ๓๙,๔๓๕ ลิตร สามารถช่วยเหลือประชาชนทั้งสิ้นประมาณ ๗,๘๘๗ คน ๖. การป้องกันน้ำไหลบ่า การอพยพประชาชน และการนำอาหาร น้ำดื่มช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัย กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ แพไม้ไผ่ และกระสอบบรรจุทรายเพื่อจัดทำคันกั้นน้ำ การช่วยเหลือในการอพยพประชาชน และการนำอาหารแห้ง อาหารสดปรุงสำเร็จ และน้ำดื่มเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยรุนแรง ๗. การกำจัดขยะมูลฝอยและบรรเทาปัญหามลพิษ กรมควบคุมมลพิษได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการบรรเทาปัญหามลพิษในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอย สารเคมี และตรวจสอบคุณภาพน้ำ เร่งสำรวจคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงซ่อมแซม บำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียและระบบกำจัดขยะมูลฝอยที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย รวมถึงการบรรเทาน้ำเสียและสารเคมีในน้ำ โดยแจกจ่ายน้ำจุลินทรีย์ พด. ๖ ก้อนจุลินทรีย์ และผงจุลินทรีย์ ให้แก่ผู้ประสบภัย
|
||||||||||||||||||||||||
| 32651 | แต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร | กษ | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนางสาวสุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร แทนนายเฉลิมพร พิรุณสาร ที่เกษียณอายุราชการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32652 | การจัดทำแผ่นพับประชาสัมพันธ์ (Brochure) การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ปี 2554 | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการแผ่นพับประชาสัมพันธ์ (Brochure) การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๔ ฉบับละเอียดและฉบับย่อ ๑.๒ ให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของข้อมูล และพิจารณากำหนดหน่วยงานรับผิดชอบและหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อหน่วยงานในแต่ละมาตรการและจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยด่วน ภายในวันอังคารที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ๑.๓ ให้ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการให้ข้อมูลความช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยกำหนดหมายเลขโทรศัพท์สายด่วนเป็นการเฉพาะ และกำหนดให้มีศูนย์ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยแบบเบ็ดเสร็จในพื้นที่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดต่าง ๆ ต่อไป ๑.๔ ให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นหน่วยงานหลักในการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ปี ๒๕๕๔ และดำเนินการประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกแก่ผู้ประสบอุทกภัยในวงกว้าง ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเจ้าภาพหลักในการจัดการเครือข่ายโทรศัพท์เชื่อมโยงระหว่างศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดอบรมบุคลากร กำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน และติดตามผลการปฏิบัติงานของทุกกระทรวง ทั้งนี้ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์รับเรื่อง (call centre) ของแต่ละหน่วยงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อรวบรวมไว้ในที่เดียวกันด้วย ๓. ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเตรียมการและบุคลากรให้พร้อมรองรับการตอบข้อซักถามและชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดแปลแผ่นพับประชาสัมพันธ์เป็นภาษาอังกฤษเพื่อใช้เผยแพร่แก่ผู้สนใจและสื่อต่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32653 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ครั้งที่ 2/2554 (ขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน) | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่อง การประชุมอาเซียน และการประชุมเอเปค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทยเสนอ (ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ดังนี้ ๑.๑ การประชุมอาเซียน ๑.๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน จำนวน ๑๑ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามปฏิญญาบาหลีฯ ทั้งในระดับอาเซียนและในระดับประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุตามปฏิญญาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๑.๒ เอกสารสำคัญที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (เอกสารเพิ่มเติม) จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๓ การภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๔ ปฏิญญาบาหลีว่าด้วยการเสริมสร้างบทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้พิการในประชาคมอาเซียน จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๕ การลงนามในความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๒ การประชุมเอเปค ๑.๒.๑ การรับรองร่างเอกสารสำคัญที่จะรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๒.๒ การรับรองเอกสารที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๑ ฉบับ ๒. เห็นชอบการลงนามปฏิญญาว่าด้วยเอกภาพของอาเซียนในความหลากหลายทางวัฒนธรรม : สู่ความมั่นคงของประชาคมอาเซียน (Declaration on ASEAN Unity in Diversity Towards Strengthenting ASEAN Community) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอเพิ่มเติมกรณีการลงนามปฏิญญาดังกล่าว มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนาม ๓. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าและบริการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการขยายขอบเขตความตกลง ITA ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข นำเรื่องเกี่ยวกับการประชุมอาเซียนที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาว่าเรื่องต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานมีกรณีเข้าข่ายตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ โดยให้ทั้งสองหน่วยงานเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ๕. เห็นชอบให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงการจัดตั้งสถาบันการตรวจสอบสูงสุดแห่งอาเซียน เนื่องจาก สตง. เป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามที่บัญญัติในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ สตง. จึงสามารถดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงฯ ในนามของส่วนราชการได้ โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเข้าเป็นภาคีในร่างข้อตกลงฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
| 32654 | การขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ 5,000 บาท ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร | มท | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนครัวเรือนผู้ประสบภัย หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือและงบประมาณ ให้กระทรวงมหาดไทยเสนอคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการพิจารณา แล้วเสนอคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 32655 | ความก้าวหน้าการจัดทำแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยระยะ 1 ปี | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการจัดทำแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยระยะ ๑ ปี ออกไปอีก ๒ สัปดาห์ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๐/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อบูรณาการแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยระยะที่ ๑ ปี และนำเสนอคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32656 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32657 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2554) | มท | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๒๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร รวม ๑๔๑ อำเภอ ๑,๐๖๗ ตำบล ๗,๕๔๓ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๐๗๘,๕๐๒ ครัวเรือน ๒,๙๒๑,๘๙๘ คน โดยพื้นที่ประสบอุทกภัยและมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖๔ จังหวัด มีผู้เสียชีวิต ๕๒๗ ราย สูญหาย ๒ ราย ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู จำนวน ๓๙ จังหวัด ๒. สรุปการช่วยเหลือโดยเงินทดรองราชการและนโยบายพิเศษของรัฐบาล ๒.๑ การใช้เงินทดรองราชการในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ๕๐ ล้านบาท มีจังหวัดที่ประสบอุทกภัยขอขยายวงเงินฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพิ่มเติม ซึ่งกระทรวงการคลังได้ขยายวงเงินให้จังหวัด จำนวน ๓๘ จังหวัด เป็นเงิน ๕,๐๔๑ ล้านบาท ๒.๒ การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตามนโยบายพิเศษของรัฐบาล ๒.๒.๑ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ๒.๒.๑.๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ และวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๔ จำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น ๑๗๕,๐๘๘ ครัวเรือน วงเงิน ๘๗๕,๔๔๐,๐๐๐ บาท ธนาคารออมสินได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือแล้วจำนวน ๑๕๙,๙๓๓ ครัวเรือน เป็นเงิน ๗๙๙,๖๖๕,๐๐๐ บาท เป็นการดำเนินการครบ ๑๐๐% ภายใน ๑๕ วัน ส่วนที่เหลืออยู่ ๑๕,๑๕๕ ครัวเรือน ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนด ๒.๒.๑.๒ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ จำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น ๓๓๔,๐๓๙ ครัวเรือน วงเงิน ๑,๖๗๐,๑๙๕,๐๐๐ บาท ธนาคารออมสินได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว ๓๑๓,๒๙๔ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๕๖๖,๔๗๐,๐๐๐ บาท เป็นการดำเนินการครบ ๑๐๐% ส่วนที่เหลือ ๒๐,๗๔๕ ครัวเรือน ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนด (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔) ๒.๒.๑.๓ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอรับความช่วยเหลือครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ในกรอบครัวเรือนจำนวน ๒,๒๘๙,๕๖๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑๑,๔๔๗,๘๑๐,๐๐๐ บาท ๒.๒.๒ การช่วยเหลือด้านการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย โดยเพิ่มอัตราการช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ เช่น ข้าว จากเดิมไร่ละ ๖๐๖ บาท เพิ่มเป็น ๒,๒๒๒ บาท พืชไร่ จากเดิมไร่ละ ๘๓๗ บาท เพิ่มเป็น ๓,๑๕๐ บาท และพืชสวนและอื่น ๆ จากเดิมไร่ละ ๙๑๒ บาท เพิ่มเป็น ๕,๐๙๘ บาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปดำเนินการช่วยเหลือ ๒.๒.๓ มาตรการช่วยเหลือทางอ้อมผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในเรื่องการพักชำระหนี้ ขยายเวลาชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย และการให้เงินกู้ ฯลฯ ๒.๒ การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ส่งกรอบจำนวนครัวเรือนที่ประสบอุทกภัยตามหลักเกณฑ์ จำนวน ๖๒๑,๓๕๕ ครัวเรือน ๑,๗๖๖,๙๓๑ คน เพื่อขอรับความช่วยเหลือครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท เป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๑๐๖,๗๗๕,๐๐๐ บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างกระทรวงมหาดไทยดำเนินการเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||
| 32658 | การยกเว้นการเก็บค่าผ่านทางพิเศษ [ทางพิเศษฉลองรัช ทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์)] | คค | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขยายเวลาการยกเว้นการเก็บค่าผ่านทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) โดยให้มีผลใช้บังคับต่อเนื่องจากวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ คือ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา จนถึงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 32659 | มาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยโดยธนาคารออมสิน | กค | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยโดยธนาคารออมสิน และวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยการดำเนินมาตรการไม่เกิน ๔,๔๓๑.๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยสาระสำคัญของมาตรการสินเชื่อ มีดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ : เพื่อใช้ในการจัดทำระบบและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับป้องกันอุทกภัย ๑.๒ กลุ่มเป้าหมาย : การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบการอุตสาหกรรม/สวนอุตสาหกรรม ๑.๓ วงเงิน : ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๔ ระยะเวลาโครงการ : ๗ ปี ๑.๕ อัตราดอกเบี้ย : ร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี ตลอดอายุโครงการ โดยรัฐชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนเงินกับอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บกับผู้กู้ให้กับธนาคารออมสิน ๑.๖ คุณสมบัติผู้กู้ : นิคมอุตสาหกรรม ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม/เขตประกอบ/สวนอุตสาหกรรม ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม ๑.๗ วงเงินต่อราย : ให้ธนาคารออมสินพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละโครงการ ๒. โดยที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๐/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยมีการยกเลิกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๒/๒๕๕๔ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย รวม ๓ คณะ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ จึงให้กระทรวงการคลังส่งมาตรการสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัยโดยธนาคารออมสิน และวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยการดำเนินมาตรการให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งใหม่ดังกล่าวพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 32660 | นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 2555 - 2557 | พณ | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้ากากถั่วเหลือง ปี ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะกรรมการนโยบายอาหารเสนอ โดยกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้ากากถั่วเหลือง ตามพิกัดอัตราศุลกากรฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ ในประเภทย่อย ๒๓๐๔.๐๐.๐๐ [กากน้ำมัน (ออยล์เค้ก) และกากแข็งอื่น ๆ ที่ได้จากการสกัดน้ำมันถั่วเหลือง จะบดหรือทำเป็นเพลเลตหรือไม่ก็ตาม เว้นแต่แป้งถั่วเหลืองพร่องไขมันที่เหมาะสำหรับมนุษย์บริโภค] จากคราวละ ๑ ปี เป็นคราวละ ๓ ปี (๒๕๕๕ - ๒๕๕๗) โดยมีมาตรการเช่นเดียวกับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยปรับเปลี่ยนเฉพาะอัตราอากรนำเข้าในโควตาของกากถั่วเหลืองภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) ให้เป็นไปตามข้อผูกพัน ดังนี้
๑. การนำเข้าภายใต้องค์การการค้าโลก WTO ๑.๑ ในโควตา กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ ๒ และผู้มีสิทธินำเข้า ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมผู้เลี้ยงเป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก สมาคมปศุสัตว์ไทย สมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมส่งเสริมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้มีสิทธินำเข้าต้องรับซื้อกากถั่วเหลืองที่ผลิตจากเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศของโรงงานสกัดน้ำมันพืชทั้งหมดในราคาไม่ต่ำกว่าที่กำหนด โดยให้กรมการค้าภายในพิจารณาให้สอดคล้องกับราคารับซื้อขั้นต่ำเมล็ดถั่วเหลืองเกรดสกัดน้ำมัน ๑.๒ การนำเข้านอกโควตา กำหนดอากรนำเข้าร้อยละ ๑๑๙ ๒. การนำเข้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) อากรนำเข้าร้อยละ ๐ ๓. การนำเข้าภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย - นิวซีแลนด์ ไทย - ออสเตรเลีย ตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) อากรนำเข้าร้อยละ ๐ ๔. การนำเข้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA) ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ อากรนำเข้าในโควตาร้อยละ ๔.๔๔ ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ร้อยละ ๓.๓๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ร้อยละ ๒.๒๒ ๕. การนำเข้าทั่วไป อากรนำเข้าร้อยละ ๖ และค่าธรรมเนียมพิเศษ ตันละ ๒,๕๑๙ บาท ๖. การนำเข้าตามข้อ ๑ - ๕ ให้นำเข้าได้โดยไม่จำกัดปริมาณและช่วงเวลานำเข้า
|
||||||||||||||||||||||||
.....
