ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1633 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 32641 - 32660 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32641 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่จังหวัดลำปาง จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านแลง ตำบลบ้านเสด็จ และตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลบ้านแลง ตำบลบ้านเสด็จ และตำบลพิชัย อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๒ ฉบับมีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องประสานกับกรมป่าไม้เมื่อจะเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32642 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32643 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่จังหวัดตาก และจังหวัดแพร่ จำนวน 3 ฉบับ | กษ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลแม่กาษา ตำบลพะวอ ตำบลด่านแม่ละเมา ตำบลแม่ปะ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด และตำบลแม่จะเรา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลแม่กาษา ตำบลพะวอ ตำบลด่านแม่ละเมา ตำบลแม่ปะ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด และตำบลแม่จะเรา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านถิ่น ตำบลสวนเขื่อน และตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านถิ่น ตำบลสวนเขื่อน และตำบลป่าแดง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลป่าแดง ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ และตำบลบ้านเหล่า ตำบลดอนมูล ตำบลหัวฝาย อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลป่าแดง ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ และตำบลบ้านเหล่า ตำบลดอนมูล ตำบลหัวฝาย อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง ๓ ฉบับมีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องประสานกับกรมป่าไม้เมื่อจะเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32644 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังทอง ตำบลวังซ้าย และตำบลวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังทอง ตำบลวังซ้าย และตำบลวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ....ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในทองที่ตำบลวังซ้าย และตำบลวังทรายคำ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องประสานกับกรมป่าไม้เมื่อจะเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32645 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลใหม่พัฒนา ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา ตำบลนาแก้ว ตำบลนาแส่ง อำเภอเกาะคา ตำบลเสริมขวา ตำบล ทุ่งงาม อำเภอเสริมงาม และตำบลแม่กัวะ ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลใหม่พัฒนา ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา ตำบลนาแก้ว ตำบลนาแส่ง อำเภอเกาะคา ตำบลเสริมขวา ตำบลทุ่งงาม อำเภอเสริมงาม และตำบลแม่กัวะ ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลใหม่พัฒนา ตำบลไหล่หิน ตำบลเกาะคา ตำบลนาแก้ว ตำบลนาแส่ง อำเภอเกาะคา ตำบลเสริมขวา ตำบลทุ่งงาม อำเภอเสริมงาม และตำบลแม่กัวะ ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องประสานกับกรมป่าไม้เมื่อจะเข้าไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32646 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | วท | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32647 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) | วท | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน ๓ คณะ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ โดยให้คงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่เดิม ๑ คณะ และให้ปรับปรุงองค์ประกอบ ๒ คณะ ดังนี้
๑. คณะกรรมการพิจารณาเครื่องจักร วัสดุอุปกรณ์ ที่ประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คงเดิม ๒. คณะกรรมการบริหารโครงการสนับสนุนการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนโดยการ กำกับดูแลของมหาวิทยาลัย (โครงการ วมว.) โดยตัดองค์ประกอบคณะกรรมการในลำดับที่ ๑๖ ผู้อำนวยการส่วนแผนงาน สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๓. คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (กรอ.วท.) โดย ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๒๖ “ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นกรรมการ” ขอเปลี่ยนเป็น “ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็น กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ”
|
||||||||||||||||||||||||
32648 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของโรงไฟฟ้าวังน้อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงพลังงานประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณาทบทวนเรื่อง ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของโรงไฟฟ้าวังน้อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยอาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน กฟผ. และองค์การบริหารส่วนตำบลข้าวงาม เป็นต้น เพื่อพิจารณาให้ได้ข้อยุติร่วมกันก่อน แล้วให้กระทรวงพลังงานนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
32649 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) | ทก | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๕ คณะ โดยให้คงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่เดิม ๓ คณะ ให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ ๑ คณะ และให้แก้ไขอำนาจหน้าที่ ๑ คณะ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการบริหารโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คงเดิม ๒. คณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คงเดิม ๓. คณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ โดยมีองค์ประกอบคงเดิม และแก้ไขอำนาจหน้าที่ข้อ ๑ จาก “จัดหาระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมูลค่าตั้งแต่ ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป” เป็น “จัดหาระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมูลค่าเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป” ๔. คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิชาการ โดยมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการ ฯ จากนายวุฒิกร มโนมัย เป็น นาวาตรี ดร.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ ส่วนอำนาจหน้าที่คงเดิม ๕. คณะกรรมการจัดระบบสถิติประเทศไทย ๓ ด้าน โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คงเดิม
|
||||||||||||||||||||||||
32650 | การขอความเห็นชอบแนวทางการรักษาตำแหน่งวงโคจร | ทก | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ๑.๑ ผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมที่ ๑๒๐ องศาตะวันออก โดยบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ๑.๒ การดำเนินงานเพื่อรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมที่ ๕๐.๕ และ ๑๒๐ องศาตะวันออก ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้มอบหมายกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาดำเนินการ ๒. เห็นชอบแนวทางการรักษาตำแหน่งวงโคจรที่ ๑๒๐ องศาตะวันออก โดยให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดำเนินการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม และการนำเอกสารข่ายงานดาวเทียม (Filings) ที่ตำแหน่ง ๑๒๐ องศาตะวันออกให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ไปใช้งานสำหรับดาวเทียมที่จะจัดหามา โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานงานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พิจารณาอนุญาตให้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการตามหลักเกณฑ์การกำกับดูแลและการอนุญาตที่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ต่อป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการและประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนให้ถูกต้องโดยยึดผลประโยชน์ของรัฐเป็นหลัก และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสาน กสทช. ให้พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการออกใบอนุญาต สำหรับผู้ประกอบการกิจการดาวเทียมสื่อสารบนพื้นฐานการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรมตามที่กฎหมายกำหนด และเร่งศึกษาการนำตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมที่ ๕๐.๕ องศาตะวันออก ๑๒๖ องศาตะวันออก และ ๑๔๒ องศาตะวันออก ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมทั้งจัดทำแผนดำเนินงานในแต่ละตำแหน่งวงโคจรให้ชัดเจนเพื่อให้สามารถจัดส่งดาวเทียมได้ทันตามกรอบเวลาและกฎข้อบังคับวิทยุของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) นอกจากนี้ การพิจารณาเรื่องตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมในโอกาสต่อไป ควรพิจารณาร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการรักษาความมั่นคงของชาติ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32651 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคณะกรรมการต่างๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. คงคณะกรรมการ จำนวน ๑๑ คณะ เพื่อปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่เดิมต่อไป ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีนแห่งชาติ ๑.๒ คณะกรรมการอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ๑.๔ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาแพทย์ ๑.๕ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ๑.๖ คณะกรรมการพิจารณาจัดสรรนักศึกษาเภสัชศาสตร์ผู้ทำสัญญาการเป็นนักศึกษาเภสัชศาสตร์ ๑.๗ คณะกรรมการจัดทำตำรายาของประเทศไทย ๑.๘ คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนายุทธศาสตร์การจัดการสารเคมี ๑.๙ คณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ๑.๑๐ คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนกำลังคนด้านสาธารณสุข ๑.๑๑ คณะอนุกรรมการพิจารณาพื้นที่พิเศษสำหรับค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่าย ๒. ปรับปรุงองค์ประกอบบางส่วน จำนวน ๑ คณะ เพื่อปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่เดิมต่อไปคือ คณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ ๓. ยกเลิกคณะกรรมการ จำนวน ๑ คณะ คือ คณะกรรมการโภชนาการ
|
||||||||||||||||||||||||
32652 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554 และ 2/2554 | ทส | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๑.๑ เห็นชอบให้ปรับปรุงประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในส่วนของการเขียนประกาศฯ โดยหารือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและสิ่งแวดล้อม และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติลงนามต่อไป ๑.๒ เห็นชอบหลักการในกรอบแผนการปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยให้เพิ่มเติมรายละเอียดขอบเขตของแนวทางการสนับสนุนการจัดการสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจน ๑.๓ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๒ สายพิษณุโลก - อำเภอหล่มสัก ของกรมทางหลวง และเห็นชอบความเห็นที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือที่เป็นโครงการของส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจร่วมกับเอกชน และโครงการเอกชนภายหลังที่ได้รับอนุมัติหรืออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ๑.๔ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการปรับปรุงท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ของกรมเจ้าท่า ๑.๕ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ๑.๖ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) จังหวัดลำพูน ของกรมชลประทาน ๒. มติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ๒.๑ เห็นชอบการกำหนดรายการของเสียที่ควรห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดรายการของเสียหรือสิ่งใด ๆ ที่ควรห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร รวมทั้งให้กรมควบคุมมลพิษประสานกระทรวงอุตสาหกรรมในการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงานและรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นระยะ ๒.๒ เห็นชอบต่อกรอบยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้านการลด คัดแยก และนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ใหม่ (Reduce Reuse and Recycle : 3Rs) และให้กรมควบคุมมลพิษเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้กรอบยุทธศาสตร์ฯ เป็นแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการและดำเนินการตามกรอบยุทธศาตร์ต่อไป ๒.๓ เห็นชอบหลักเกณฑ์การจำแนกเขตทรัพยากรแร่เพื่อการบริหารจัดการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ และให้กรมทรัพยากรธรณีนำหลักเกณฑ์การจำแนกเขตทรัพยากรแร่เพื่อการบริหารจัดการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรแร่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒.๔ เห็นชอบให้ปรับปรุงประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฯ เสนอประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติลงนามต่อไป ๒.๕ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการพัฒนาโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๒.๖ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการถนนสายหลักทางด้านใต้ (PH - RB -3A) ส่วนถนนยกระดับ (ระยะทางประมาณ ๖๐๐ เมตร) ตามโครงการพัฒนาเมืองหลัก รอบที่ ๒ ระยะแรก ของเทศบาลนครภูเก็ต ๒.๗ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งซ้าย ระยะที่ ๒ จังหวัดพิษณุโลก ของกรมชลประทาน ๒.๘ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ของกรมชลประทาน โดยให้กรมชลประทานดำเนินการ ๒.๙ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการพัฒนาโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเชื่อมต่อในทะเลจากแหล่งปลาทองและบงกชใต้ไปยังท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ ๓ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๒.๑๐ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการพัฒนาโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ ๒ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.๑๑ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงงานกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และเรื่อง กำหนดให้โรงงานกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ และให้กรมควบคุมมลพิษจัดทำประกาศกระทรวงฯ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาลงนามต่อไป ๒.๑๒ เห็นชอบความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะอนุกรรมการประสานการจัดการสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม เกี่ยวกับข้อกำหนดการทดสอบรับรองการให้บริการ (In - service Conformity Check) และระบบวินิจฉัยอุปกรณ์ควบคุมปริมาณสารมลพิษ (On - board Diagnostic System) ตามมาตรฐานยูโร ๔ ๒.๑๓ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งไอน้ำมันเบนซินจากคลังน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้กรมควบคุมมลพิษนำร่างประกาศกระทรวงฯ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาลงนามต่อไป ๒.๑๔ เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง กำหนดมาตรฐานก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ในบรรยากาศโดยทั่วไป โดยกำหนดมาตรฐานก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ ค่าเฉลี่ยในเวลา ๒๔ ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน ๑๘๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และให้กรมควบคุมมลพิษนำร่างประกาศคณะกรรมการฯ เสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาลงนามต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
32653 | คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงาน ก.พ.) | นร | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คงคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ คณะเพื่อปฏิบัติงานต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการจัดงานวันข้าราชการพลเรือน ๒. คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) โดยปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ลำดับที่ ๒.๑๑ - ๒.๑๔ ซึ่งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เดิมมี ๓ คน ประกอบด้วย นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ นายสมนึก พิมลเสถียร และ นายสุรพันธ์ ปุสสเสด็จ เพิ่มเป็น ๔ คน ประกอบด้วย นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ นายศุภชัย ยาวะประภาษ นายสมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล และนายสมนึก พิมลเสถียร
|
||||||||||||||||||||||||
32654 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จำนวน ๒ คณะ และยุบเลิก จำนวน ๑ คณะ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. คงคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบของส่วนราชการ เป็นคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๗๙/๒๕๕๓ ลงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คงเดิม ๒. คงคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องและเงินยังชีพรายเดือนแก่บุตรเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย และการปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศ ที่เสียชีวิต หรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ (คทช.) เป็นคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓ ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คงเดิม ๓. ยุบเลิกคณะกรรมการติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร เนื่องจากรัฐบาลมิได้มีนโยบายที่จะดำเนินการในโครงการดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
32655 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) | พศ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คงคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑลเพื่อปฏิบัติงานต่อไป ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ ประกอบด้วย
๑. คณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ฝ่ายสงฆ์ จำนวน ๒๔ รูป/คน ๒. คณะกรรมการอำนวยการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธมณฑล ฝ่ายฆราวาส เดิมมี ๔๙ คน ปรับลดคณะกรรมการอำนวยการ (เดิม) ๓ คน และปรับเพิ่ม (ใหม่) ๙ คน รวมจำนวนกรรมการทั้งสิ้น ๕๕ คน
|
||||||||||||||||||||||||
32656 | รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอิม แจ - ฮง (Mr. Lim Jae - hong) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายจอง แฮ - มุน (Mr. Chung Hae - moon) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32657 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 4 การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่างกับสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 4 และการประชุมรัฐมนตรีมิตรของประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 1 | กต | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๔ (The 4th Mekong - Japan Foreign Ministers’ Meeting) การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่างกับสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ ๔ (The 4th Lower Mekong Initiative Ministerial Meeting) และการประชุมรัฐมนตรีมิตรของประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑ (The Friends of the Lower Mekong Ministerial Meeting) จำนวน ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แถลงการณ์ของประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๔ ๑.๒ แถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่างกับสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ ๔ ๑.๓ แถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีมิตรของประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ๑.๔ เอกสารแนวคิดข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ๑.๕ แผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการตามข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (ค.ศ. ๒๐๑๑ - ๒๐๑๕) ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับผลการประชุมตามข้อ ๑ โดยเห็นควรให้เพิ่มประเด็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพและการพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขในกลุ่มประเทศสมาชิก ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32658 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 15 กันยายน 2554 | กษ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยเนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “นกเตน” ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ทำให้ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่งผลทำให้เกิดผลกระทบด้านการเกษตรทั้งสิ้นรวม ๕๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน นครสวรรค์ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก แพร่ เพชรบูรณ์ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน เลย สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ บึงกาฬ นครพนม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร ยโสธร หนองคาย หนองบัวลำภู สกลนคร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี กรุงเทพ ชัยนาท นนทบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง กาญจนบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร ตรัง ภูเก็ต พังงา และสตูล ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๕๐๔,๖๑๓ ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย ๔,๘๐๙,๓๐๒ ไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๔,๑๙๒,๑๓๑ ไร่ พืชไร่ ๓๙๒,๑๓๐ ไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๒๒๕,๐๔๑ ไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๕๑,๐๕๗ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๕๔,๘๕๒ ไร่ กุ้ง/ปู/หอย ๕๖๐ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๗๕,๑๖๑ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๘๒,๐๙๔ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๓,๙๕๔,๐๔๖ ตัว แบ่งเป็น โค - กระบือ ๘๖,๐๑๒ ตัว สุกร ๙๑,๐๔๔ ตัว แพะ - แกะ ๔,๕๐๕ ตัว สัตว์ปีก ๓,๗๗๒,๔๘๕ ตัว แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ ๔,๓๘๙ ไร่ ๓. การช่วยเหลือด้านการเกษตร ได้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ จำนวน ๘ ฉบับ ของกรมชลประทาน และการคาดการณ์การเกิดอุทกภัย ดินโคลนถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก จำนวน ๑๒ ฉบับ ของกรมพัฒนาที่ดิน การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และรถยนต์บรรทุกน้ำ การสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ และดูแลสุขภาพสัตว์ สำหรับความก้าวหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๔ กรณีพิเศษ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขออนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๑,๓๓๓,๖๒๑,๖๒๙.๒๕ บาท โดยสำนักงบประมาณได้อนุมัติเงินงวดให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว จำนวน ๔๘๐.๘๓ ล้านบาท เกษตรกร ๑๐,๖๗๖ ราย แบ่งเป็น ครั้งที่ ๑ วันที่ ๑๓ กันยาน ๒๕๕๔ จังหวัดพิษณุโลก จำนวน ๑๐๘.๐๑ ล้านบาท เกษตรกร ๒,๖๙๙ ราย และครั้งที่ ๒ วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน ๓๗๒.๘๓ ล้านบาท เกษตรกร ๗,๙๗๗ ราย ซึ่ง ธ.ก.ส. สาขาจะเริ่มโอนเข้าบัญชีเกษตรกรตั้งแต่วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||||||||
32659 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... | กษ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเถอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำห้วยขอนแก่น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32660 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานลำตะคอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑) ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งซ้ายเขื่อนระบายน้ำบ้านทุ่ง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลสีมุม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลพุดซา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ๒) ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งซ้ายเขื่อนระบายน้ำบ้านนาตม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ถึงกิโลเมตรที่ ๙.๓๐๐ ในท้องที่ตำบลจอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ๓) ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำฝั่งซ้ายเขื่อนระบายน้ำบ้านคนชุม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองกระทุ่ม อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวาของเขื่อนระบายน้ำโพธิ์เตี้ย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บ ค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จากจุดศูนย์กลางเขื่อนระบายน้ำโพธิ์เตี้ย กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองจะบก อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ถึง กิโลเมตรที่ ๑๐.๓๒๐ ในท้องที่ตำบลหมื่นไวย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา
|
.....