ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1603 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 32041 - 32060 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32041 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลอ่างทอง ตำบลน้ำแวน อำเภอเชียงคำ ตำบลทุ่งรวงทอง ตำบลห้วยยางขาม ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | คค | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลอ่างทอง ตำบลน้ำแวน อำเภอเชียงคำ ตำบลทุ่งรวงทอง ตำบลห้วยยางขาม ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย และตำบลอ่างทอง ตำบลน้ำแวน อำเภอเชียงคำ ตำบลทุ่งรวงทอง ตำบลห้วยยางขาม ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๐ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๒๑ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32042 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพานทอง - หนองตำลึง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | มท | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพานทอง - หนองตำลึง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบางนาง ตำบลหน้าประดู่ ตำบลพานทอง ตำบลบ้านเก่า ตำบลมาบโป่ง ตำบลหนองกะขะ ตำบลหนองตำลึง ตำบลหนองหงษ์ อำเภอพานทอง ตำบลดอนหัวฬ่อ ตำบลนาป่า และตำบลสำนักบก อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทย และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32043 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | นร | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่ใจ จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลศรีถ้อย ตำบลบ้านเหล่า ตำบลแม่ใจ และตำบลแม่สุก อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32044 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. .... | มท | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสิงห์บุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อให้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32045 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลตลาด ตำบลหัวทะเล ตำบลมะเริง และตำบล หนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นกรณีที่มี ความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านโพธ์ ตำบลตลาด ตำบลหัวทะเล ตำบลมะเริง และตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลตลาด ตำบลหัวทะเล ตำบลมะเริง และตำบลหนองบัวศาลา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเรงด่วน เพื่อประโยชน์สาธารณะในการสร้างทางหลวงชนบท สาย ฉ ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองนครราชสีมา และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทนเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
32046 | การประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง - ญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 | กต | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง - ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๓ ซึ่งเป็นเอกสารผลการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง - ญี่ปุ่นดังกล่าว ทั้งนี้ ร่างแถลงการณ์ร่วมฯ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ๑.๑.๑ ส่วนที่ ๑ (ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - ญี่ปุ่น เพื่อการพัฒนาภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในภาพรวมที่สมดุลและยั่งยืน) โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ จะยืนยันความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นที่จะร่วมมือกับประเทศในลุ่มน้ำโขง โดยการสนับสนุนการพัฒนาการเชื่อมโยงในภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านกายภาพและการอำนวยความสะดวก กฎระเบียบในการขนส่งข้ามพรมแดน ความร่วมมือภาครัฐ - เอกชน การสร้างสังคมที่ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เช่น การจัดการภัยพิบัติ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การให้ความสำคัญกับประเด็นความมั่นคงของมนุษย์ ความมั่นคงและความปลอดภัยของอาหาร การขยายความร่วมมือและแลกเปลี่ยน และกล่าวชื่นชมพัฒนาการทางประชาธิปไตยของพม่า ๑.๑.๒ ส่วนที่ ๒ (ข้อห่วงกังวลระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ) ผู้นำประเทศลุ่มน้ำโขงและญี่ปุ่นแสดงความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในประเด็นภูมิภาคและระดับโลกที่เป็นกังวลร่วมกัน และสร้างเสริมความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - ญี่ปุ่นที่มีอยู่แล้ว ให้ครอบคลุมแข็งแกร่งขึ้น เพื่อคงไว้ซึ่งสันติภาพ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาค ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาบางประการของเอกสารดังกล่าว และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่นำทาง (Road Map) ของสาขาความร่วมมือที่มีลำดับความสำคัญสูง ภายใต้แผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมระหว่างลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น (MJ - CI Action Plan) ควรจัดทำกรอบระยะเวลาและกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักที่ชัดเจนในการดำเนินงานเพื่อผลักดันโครงการที่สามารถดำเนินงานให้เป็นรูปธรรมได้โดยเร็วตามลำดับความสำคัญ และสามารถติดตามประเมินผลความก้าวหน้าการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32047 | การลงนามบทเพิ่มเติมของความตกลงด้านการเงินสำหรับโครงการเพื่อการรวมกลุ่มด้านการบินของอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือด้านการขนส่งทางอากาศระหว่างอาเซียน - สหภาพยุโรป | คค | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามบทเพิ่มเติม (Addendum) ของความตกลงด้านการเงินสำหรับโครงการเพื่อการรวมกลุ่มด้านการขนส่งทางอากาศของอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือด้านการขนส่งทางอากาศระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรป (the Financing Agreement on EU - ASEAN Air Transport Integration Project - AATIP) ๒. ให้เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามแทนประเทศไทย ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบทเพิ่มเติมที่มิใช่สาระสำคัญ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมอบหมายเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือถึงสหภาพยุโรปเพื่อแจ้งความเข้าใจต่อข้อ ๑๔.๑ ของภาคผนวก ๑ ของบทเพิ่มเติมฯ ดังนี้ “ The Beneficiay (ASEAN) shall take appropriate measures to prevent irregularities and fraud and, on request of the Commission, bring prosecutions to recover funds wrongly paid. The Beneficiary shall inform the (EU) Commission of any measure taken.” ว่า ดุลยพินิจในการดำเนินคดี (prosecutorial discretion) ต่อผู้กระทำการยักยอกเงินช่วยเหลือภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวเป็นของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้รับผลประโยชน์และการดำเนินคดีให้เป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศสมาชิกนั้น และจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ลงนามในหนังสือสัญญาดังกล่าว |
||||||||||||||||||||||||
32048 | แถลงการณ์ของผู้นำอาเซียน (ASEAN Leader's Statement on Climate Change) สำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 17 และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต ครั้งที่ 7 (COP 7/CMP 7) | ทส | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การรับรอง (ร่าง) แถลงการณ์ของผู้นำอาเซียน (ASEAN Leader’s Statement on Climate Change) สำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๗ และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต ครั้งที่ ๗ (COP 7/CMP 7) ที่เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐอัฟริกาใต้โดยร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ต้องการเน้นย้ำความสำคัญของการดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเน้นย้ำให้มีการดำเนินงานตามข้อมติ 1/CP.16 หรือ ข้อตกลงแคนคูนซึ่งได้รับความเห็นชอบในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ ที่เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก โดยต้องยึดมั่นตามหลักการของอนุสัญญาฯ และหลักการของการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการแสดงความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการที่จะนำไปสู่ผลลัพท์ของการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๗ และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต ครั้งที่ ๗ และตกลงที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อดำเนินการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32049 | ผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 13 การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+3 ครั้งที่ 10 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายพิทยา พุกกะมาน) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมจากประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อพบปะหารือ และทบทวนความร่วมมือต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการในด้านสิ่งแวดล้อมของอาเซียน ซึ่งได้รับการพิจารณากลั่นกรองจากระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม (ASEAN Senior Official on Environment - ASOEN) ในประเด็นที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการทรัพยากรน้ำ สิ่งแวดล้อมศึกษา มลพิษหมอกควันข้ามแดน และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบความร่วมมือกับประเทศอาเซียน + ๓ ๒. เห็นชอบแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน - จีน ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ (ASEAN - China Environmental Cooperation Action Plan 2011 - 2013) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยหากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก โดยแผนปฏิบัติการดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ อาเซียนได้รับรอง The China-ASEAN Strategy on Environmental Protection Cooperation เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒ และยุทธศาสตร์ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปรับปรุงแผนปฏิบัติการความร่วมมือ (Action Plan) ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการปฏิบัติงาน จึงขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพิจารณาร่างฉบับแรกของแผนปฏิบัติการฯ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๗ [the first draft ASEAN - China Environmental Cooperation Action Plan (2011 - 2013)] ซึ่งยกร่างโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน ๒.๒ แผนปฏิบัติการฯ ระบุประเด็นความร่วมมือที่สำคัญเกี่ยวกับ (๑) ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเชิงนโยบายระดับสูง ได้แก่ การจัดประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การประชุมในกรอบความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน (๒) การพัฒนาและดำเนินโปรแกรมทูตสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน (the ASEAN - China Green Envoys Program) อาทิ การฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ทูตสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมสู่สาธารณะ (๓) ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม อาทิ การส่งเสริมการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การศึกษาความเป็นไปได้และส่งเสริมให้มีการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมร่วมกัน การพัฒนาโครงการนำร่องด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (๔) โครงการวิจัยร่วม อาทิ การจัดทำและเผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อมในทัศนะอาเซียน-จีน การพัฒนาและจัดการการศึกษาด้านนโยบายร่วม (Joint Policy Studies) ๒.๓ การดำเนินตามแผนปฏิบัติการฯ ได้แก่ (๑) การจัดการด้านองค์กรที่แต่ละฝ่ายจะมอบหมายผู้ประสานงานอย่างเป็นทางการ (National Focal Point : NPF) สำหรับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน และทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งฝ่ายเลขานุการปฏิบัติการความร่วมมือ (Joint Implementation Secretariat : JIS) ซึ่งฝ่ายจีนรับผิดชอบโดยศูนย์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียนจีน (The China - ASEAN Environmental Cooperation Center : CAEC) และฝ่ายอาเซียนโดยสำนักเลขาธิการอาเซียนฝ่ายสิ่งแวดล้อม (๒) การสนับสนุนด้านการเงิน โดยระบุแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่สำคัญซึ่งไม่จำเพาะเจาะจงเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว ได้แก่ กองทุนความร่วมมืออาเซียน-จีน (ASEAN - China Cooperation Fund) การสนับสนุนจากคู่เจรจานานาชาติ รัฐบาลจีน รัฐบาลจากประเทศสมาชิกอาเซียน และแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ-เอกชนอื่น (Public - Private Partnership) |
||||||||||||||||||||||||
32050 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข | สธ | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของรัฐสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข มีสาระสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านสาธารณสุขและแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างสมาชิกของอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. อนุมัติในหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่จะเข้าประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ กำหนดจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้ลงนาม โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
|
||||||||||||||||||||||||
32051 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 | กษ | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการสำรวจความเสียหาย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๒๙ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สระบุรี ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯนครราชสีมา กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ นครนายก ปราจีนบุรี และฉะเชิงเทรา ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร (ช่วงภัยตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม - ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๑๓๑,๐๙๖ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๙.๙๕ ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๘.๒๗ ล้านไร่ พืชไร่ ๑.๒๒ ล้านไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๐.๔๖ ล้านไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๒๑,๘๓๖ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๑๙๙,๕๗๗ ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย ๓๑,๓๒๙ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๑๕๕,๓๙๒ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๒๑๑,๘๕๘ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ ๒๔.๑๑ ล้านตัว ๓. ความก้าวหน้าการช่วยเหลือเป็นเงิน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ เกษตรกร ๑๘๕,๕๕๐ ราย วงเงิน ๔,๓๙๑.๖๔๘ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกร ๑๘๕,๕๕๐ ราย วงเงิน ๔,๓๙๑.๖๔๘ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว ๙๐,๔๔๔ ราย วงเงิน ๒,๗๕๙.๓๑๖ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||
32052 | กรอบการเจรจาต่อเนื่องภายใต้ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Agreement between the Kingdom of Thailand and Japan for an Economic Partnership : JTEPA) | พณ | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาต่อเนื่องภายใต้ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Agreement between the Kingdom of Thailand and Japan for an Economic Partnership : JTEPA) ซึ่งมีสาระสำคัญครอบคลุมพันธกรณีด้านการค้าสินค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และการดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการพันธกรณีภายใต้ JTEPA ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้กระทรวงพาณิชย์แก้ไขถ้อยคำในกรอบการเจรจาฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอรัฐสภาต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับเป้าหมายการเจรจาภายใต้หัวข้อเรื่องการค้าสินค้าที่ระบุว่า “ให้มีการลดหรือยกเลิกอากรศุลกากร” เห็นควรมีการหารือในรายละเอียดเป็นรายสินค้ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากสินค้าที่จะถูกหยิบยกขึ้นในการเจรจาต่อเนื่องภายใต้ความตกลง JTEPA ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีความอ่อนไหวของไทย เช่น ยานยนต์สำเร็จรูป ชิ้นส่วนยานยนต์ที่นำเข้ามาสำหรับใช้เป็นอะไหล่ ซึ่งปัจจุบันยังคงอัตราภาษีไว้ในระดับหนึ่ง และเห็นควรรวมเรื่องการเปลี่ยนจุดติดต่อฝ่ายไทยจากกระทรวงการต่างประเทศเป็นกระทรวงพาณิชย์ไว้ในการเจรจาด้วย นอกจากนี้ ควรเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการในการใช้ประโยชน์จากความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจให้มากขึ้น รวมทั้งการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบในการปรับตัวเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้สอดรับกับกฎ ระเบียบ และมาตรฐานต่าง ๆ มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
32053 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 รวม 2 ฉบับ | นร | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขหลักเกณฑ์การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารประจำการ โดยกำหนดให้ผู้มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดเป็นคนจำพวกที่ ๒ เพื่อให้เหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ๒. ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงการกำหนดความพิการทุพพลภาพ หรือโรค ซึ่งไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ ให้ถูกต้องและสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||
32054 | การพิจารณามติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้าราชการตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 | นร | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้คงมติคณะรัฐมนตรึเกี่ยวกับข้าราชการตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ จำนวน ๑๓ มติ ดังนี้ ๑.๑ มติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑๒ มติ ให้คงไว้เนื่องจากเป็นหลักการที่ต้องถือปฏิบัติ และไม่มีผลกระทบต่อนโยบายรัฐบาล ได้แก่ ๑.๑.๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๔๔ เรื่อง การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ๑.๑.๒ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๔๔ เรื่อง การพิจารณาให้ความช่วยเหลือข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง ๑.๑.๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๖ เรื่อง การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปราบปรามข้าราชการเล่นการพนันสลากกินรวบ และการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางลงโทษข้าราชการเล่นการพนันและเสพสุรา ๑.๑.๔ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๔๖ เรื่อง การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ ๑.๑.๕ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๖ เรื่อง การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ห้ามข้าราชการและพนักงานขององค์การรัฐบาลเล่นการลงแชร์ ๑.๑.๖ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๔๖ เรื่อง ขอหารือข้อกฎหมายเกี่ยวกับพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ๑.๑.๗ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๔๗ เรื่อง ขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการประกันตัวผู้ต้องหาคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ๑.๑.๘ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การพิจารณาการกระทำผิดวินัยของข้าราชการ ๑.๑.๙ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เรื่อง ขออนุมัติให้ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างประจำ ในหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกำกับของรัฐ หน่วยงานองค์กการมหาชน และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมาปฏิบัติงานในมูลนิธิอุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (มอนส) ๑.๑.๑๐ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการและลูกจ้างผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๑.๑๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การเดินทางไปราชการต่างประเทศชั่วคราว ๑.๑.๑๒ มติคณะรฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างของหน่วยงานภาครัฐที่เป็นสตรีไปถือศีลและปฏิบัติธรรม ๑.๒ มติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๑ มติ ให้คงไว้เนื่องจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) ยังจำเป็นต้องอาศัยผู้ปฏิบัติงานที่มีความรอบรู้และมีความชำนาญเฉพาะด้าน คือ มติคณะรฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๔๔ เรื่อง ขออนุมัติให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยปฏิบัติงานในสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ มติ ได้แก่ ๒.๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๔๕ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยปฏิบัติงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ๒.๒ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๖ เรื่อง มาตรการต่อข้าราชการที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล |
||||||||||||||||||||||||
32055 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติปี 2554 | กษ | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับการอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ภายในวงเงิน ๑๗๙,๑๐๕,๖๗๙ บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยแล้ง วาตภัย และศัตรูพืชระบาด (เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล แมลงบั่ว และหนูนาระบาด) ในพื้นที่ ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พิจิตร สิงห์บุรี น่าน และกรุงเทพมหานคร ให้สามารถประกอบอาชีพต่อไปได้ โดยจัดสรรงปบระมาณเพื่อการช่วยเหลือดังกล่าวให้กับกระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) เบิกจ่ายงบประมาณให้แก่เกษตรกรผู้ประสบภัยโดยตรง โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบรอบการผลิตของเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือในครั้งนี้ กับรอบการผลิตของการให้ความช่วยเหลือกรณีความเสียหายที่เกิดจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๓ และปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรสำรวจตรวจสอบรายชื่อเกษตรกรผู้ได้รับความเสียหายให้ครบถ้วน และถูกต้องและไม่ซ้ำซ้อน เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์สูงสุด และร่วมกับกระทรวงการคลังเร่งดำเนินโครงการประกันภัยพืชผลการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีหลักประกันความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติในกรณีของวาตภัย และภัยแล้ง ตลอดจนควรมีการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบเตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้าให้เข้าถึงเกษตรกรได้อย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32056 | ผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 27 | กห | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ ๒๗ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีพลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานร่วมกับพลเอก ตันศรี ดาโต๊ะ สรี อาซิซาน บิน ฮาจิ อาริฟฟิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ในครั้งนี้ ที่ประชุมฯ รับทราบผลการดำเนินงานจากงานมอบของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย - มาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ถึง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ดังนี้
๑. การรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ ประกอบด้วย งานมอบของการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ครั้งที่ ๒๖ และผลการดำเนินงาน และการดำเนินงานของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย - มาเลเซีย ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของคณะทำงานด้านการข่าว คณะทำงานทางบก คณะทำงานทางทะเล คณะทำงานทางอากาศ คณะทำงานด้านการจัดการชายแดน และคณะทำงานด้านการจัดการต่อภัยพิบัติ ซึ่งประธานร่วมฝ่ายไทยมีความเห็นเพิ่มเติม โดยให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างเพียงพอกับสำนักงานประสานงานชายแดนของทั้งสองประเทศในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินงานก่อสร้างและบำรุงรักษารั้วเดี่ยวบริเวณด่านนอก/บูกิตกายู ฮิตัม เพื่อทำให้งานที่ได้รับมอบหมายเกิดผลสำเร็จอย่างแท้จริง รวมทั้งควรมีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ประสานงานชายแดนซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองประเทศ ๒. การรายงานความก้าวหน้าของคณะกรรมการฝึกร่วม/ผสม ซึ่งประธานร่วมฝ่ายมาเลเซียได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ให้ทั้งสองประเทศกำหนดขอบเขตของงาน หรือระเบียบปฏิบัติประจำให้ชัดเจนเพื่อจะทำให้การฝึกเป็นไปอย่างราบรื่นในอนาคต ซึ่งรวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ ด้วย และให้ทีมงานวางแผนการฝึกเตรียมความพร้อมและวางแผนการฝึกสำหรับอนาคตต่อไป ๓. งานที่คณะกรรมการระดับสูงมอบให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคดำเนินการตามงานมอบและกิจกรรมตามแผนโดยเฉพาะความร่วมมือด้านการข่าว และสนับสนุนการทบทวนความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลมาเลเซียว่าด้วยความร่วมมือชายแดนไทย - มาเลเซีย รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการดำเนินความร่วมมือทวิภาคีในการดำเนินการต่ออาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดน
|
||||||||||||||||||||||||
32057 | ประเด็นข้อเสนอแนะของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) | สมศ | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประเด็นข้อเสนอแนะของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ตามที่สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เสนอ ดังนี้
๑. ขอให้รัฐกำกับดูแลการก่อตั้งสถานศึกษาระดับอุดมศึกษา และให้มีการกำกับดูแลไม่ให้สถานศึกษาจัดการศึกษานอกที่ตั้ง ๒. ขอให้รัฐให้ความสำคัญกับการนำผลการประเมินคุณภาพการศึกษาไปใช้ทั้งระบบเพื่อการพัฒนาการศึกษาของประเทศทั้งในด้านการกำกับความต่อเนื่องเชิงนโยบาย ปริมาณและคุณภาพ เช่น การนำผลการประเมินไปใช้ประกอบการพิจารณาให้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นต้น ๓. ขอให้มีการพิจารณาปรับเพิ่มอัตราบุคลากรและงบประมาณให้เหมาะสมและสอดคล้องกันพันธกิจ
|
||||||||||||||||||||||||
32058 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2554 เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง | มท | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๔ เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง โดยเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑ และคณะที่ ๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑ ๑.๑ นายอารยะ วิวัฒน์วานิช เป็น นายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์ ๑.๒ นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา เป็น นายยุวัฒน์ วุฒิเมธี ๒. คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๒ ๒.๑ นายบุญสนอง บุญมี เป็น นายเชนทร์ วิพัฒน์บวรวงศ์ ๒.๒ นายธวัชชัย ฟักอังกูร เป็น นายพินัย อนันตพงศ์
|
||||||||||||||||||||||||
32059 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและดินถล่ม ปี 2554 | กษ | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและดินถล่ม ปี ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กันไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี ในวงเงิน ๑๖๐,๙๘๒,๖๓๔ บาท ตามที่ขอทำความตกลงไปได้ ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยตรง เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสำรวจและตรวจสอบเกษตรกรผู้ที่ได้รับความเสียหายให้ครบถ้วนและถูกต้อง เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และไม่ให้เกิดความช่วยเหลือซ้ำซ้อน รวมทั้งควรเร่งเพิ่มประสิทธิภาพระบบเตือนภัยธรรมชาติล่วงหน้าและเสริมสร้างความสามารถในการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติให้กับเกษตรกรทั้งในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาปลูกยางพาราโดยใช้เมล็ดพันธุ์ในการเพาะต้นกล้ามากขึ้น เพื่อให้ต้นยางพารามีรากแก้วที่แข็งแรงช่วยยึดหน้าดินไม่ให้ถูกกัดเซาะหรือพังทลายง่าย รวมทั้งไม่ปลูกยางพาราในพื้นที่ที่มีความลาดชันที่เสี่ยงต่อการพังทลาย และพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลให้ครอบคลุมทุกประเภทของภัยพิบัติและชนิดของพืชและสัตว์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32060 | การตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2551 และ 2550 ของสำนักงานศาลยุติธรรม | ศย | 15/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมรายงานการตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ และ ๒๕๕๐ ของสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ และ ๒๕๕๐ และงบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของสำนักงานศาลยุติธรรมแล้วเห็นว่า รายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด ทั้งนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมได้ปรับปรุงบัญชีและจัดประเภทรายการบัญชีงวดปี ๒๕๕๐ ใหม่ ซึ่งมีผลกระทบต่องบแสดงฐานะการเงินคือ แสดงยอดสินทรัพย์สุทธิ/ส่วนของทุนเพิ่มขึ้น จำนวน ๑๔๒,๔๓๗,๒๐๘.๓๑ บาท และแสดงยอดหนี้สินลดลงในจำนวนที่เท่ากัน
|
.....