ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1606 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 32101 - 32120 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
32101 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ครั้งที่ 2/2554 (การรับรองเอกสารสำคัญที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 23) | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่อง การประชุมอาเซียน และการประชุมเอเปค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทยเสนอ (ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ดังนี้ ๑.๑ การประชุมอาเซียน ๑.๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน จำนวน ๑๑ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามปฏิญญาบาหลีฯ ทั้งในระดับอาเซียนและในระดับประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุตามปฏิญญาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๑.๒ เอกสารสำคัญที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (เอกสารเพิ่มเติม) จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๓ การภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๔ ปฏิญญาบาหลีว่าด้วยการเสริมสร้างบทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้พิการในประชาคมอาเซียน จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๕ การลงนามในความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๒ การประชุมเอเปค ๑.๒.๑ การรับรองร่างเอกสารสำคัญที่จะรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๒.๒ การรับรองเอกสารที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๑ ฉบับ ๒. เห็นชอบการลงนามปฏิญญาว่าด้วยเอกภาพของอาเซียนในความหลากหลายทางวัฒนธรรม : สู่ความมั่นคงของประชาคมอาเซียน (Declaration on ASEAN Unity in Diversity Towards Strengthenting ASEAN Community) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอเพิ่มเติมกรณีการลงนามปฏิญญาดังกล่าว มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนาม ๓. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าและบริการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการขยายขอบเขตความตกลง ITA ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข นำเรื่องเกี่ยวกับการประชุมอาเซียนที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาว่าเรื่องต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานมีกรณีเข้าข่ายตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ โดยให้ทั้งสองหน่วยงานเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ๕. เห็นชอบให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงการจัดตั้งสถาบันการตรวจสอบสูงสุดแห่งอาเซียน เนื่องจาก สตง. เป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามที่บัญญัติในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ สตง. จึงสามารถดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงฯ ในนามของส่วนราชการได้ โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเข้าเป็นภาคีในร่างข้อตกลงฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
32102 | ปฏิญญาบัวโนสไอเรสในการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบปฏิญญาบัวโนสไอเรส (Buenos Aires Declaration) ซึ่งมีเนื้อหาสาระสะท้อนความสำคัญของความร่วมมือในกรอบของเวทีความร่วมมือระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา (Forum for East Asia - Latin America Cooperation - FEALAC) สำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และ best practices หรือการปฏิบัติทั้งหลายที่สามารถก่อให้เกิดผลที่เป็นเลิศ หรือวิธีปฏิบัติที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ หรือสู่ความเป็นเลิศ รวมทั้งร่วมมือกันเพื่อแก้ปัญหาที่ประชาคมโลกกำลังเผชิญ อาทิ วิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลก ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความจำเป็นของการปฏิรูปสหประชาชาติ รวมทั้งประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการสาธารณสุข และความสำคัญของการจัดการภัยพิบัติ ตลอดจนปัญหาด้านความมั่นคงต่าง ๆ โดย FEALAC จะเป็นเวทีสำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกต่อปัญหาท้าทายดังกล่าว ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานประสานและรับผิดชอบกำกับดูแลการดำเนินการตามปฏิญญาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแลกเปลี่ยนความรู้และบุคลากรเกี่ยวกับการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมทั้งการแลกเปลี่ยนพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการตลาดระหว่างกัน และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับกรอบความร่วมมือด้านต่างประเทศอื่นของไทยด้วย เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนด้านแผนงาน/โครงการซึ่งอาจมีความคาบเกี่ยวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32103 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ครั้งที่ 2/2554 (ข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าและบริการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและการขยายขอบเขตความตกลง ITA ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 19) | พณ | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่อง การประชุมอาเซียน และการประชุมเอเปค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทยเสนอ (ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ดังนี้ ๑.๑ การประชุมอาเซียน ๑.๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน จำนวน ๑๑ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามปฏิญญาบาหลีฯ ทั้งในระดับอาเซียนและในระดับประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุตามปฏิญญาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๑.๒ เอกสารสำคัญที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (เอกสารเพิ่มเติม) จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๓ การภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๔ ปฏิญญาบาหลีว่าด้วยการเสริมสร้างบทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้พิการในประชาคมอาเซียน จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๕ การลงนามในความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๒ การประชุมเอเปค ๑.๒.๑ การรับรองร่างเอกสารสำคัญที่จะรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๒.๒ การรับรองเอกสารที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๑ ฉบับ ๒. เห็นชอบการลงนามปฏิญญาว่าด้วยเอกภาพของอาเซียนในความหลากหลายทางวัฒนธรรม : สู่ความมั่นคงของประชาคมอาเซียน (Declaration on ASEAN Unity in Diversity Towards Strengthenting ASEAN Community) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอเพิ่มเติมกรณีการลงนามปฏิญญาดังกล่าว มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนาม ๓. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าและบริการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการขยายขอบเขตความตกลง ITA ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข นำเรื่องเกี่ยวกับการประชุมอาเซียนที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาว่าเรื่องต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานมีกรณีเข้าข่ายตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ โดยให้ทั้งสองหน่วยงานเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ๕. เห็นชอบให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงการจัดตั้งสถาบันการตรวจสอบสูงสุดแห่งอาเซียน เนื่องจาก สตง. เป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามที่บัญญัติในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ สตง. จึงสามารถดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงฯ ในนามของส่วนราชการได้ โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเข้าเป็นภาคีในร่างข้อตกลงฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
32104 | การรับรองเอกสารแผนเพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษอาเซียน (ASEAN Roadmap for the Attainment of the Millennium Development Goals) | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศรับรองเอกสารแผนเพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษอาเซียน (ASEAN Roadmap for the Attainment of the Millennium Development Goals) โดยสาระสำคัญของเอกสารแผนเพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษอาเซียนเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินการของประเทศสมาชิกอาเซียนในการร่วมมือและช่วยเหลือกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ อย่างรวดเร็วและสัมฤทธิ์ผล โดยผ่านการปฏิบัติใน ๕ ปัจจัย ได้แก่ การเป็นตัวแทนและเชื่อมโยงระหว่างกัน องค์ความรู้ ทรัพยากร ความเชี่ยวชาญ และความร่วมมือของภูมิภาคและประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32105 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ครั้งที่ 2/2554 (การลงนามบทเพิ่มเติมของความตกลงด้านการเงินสำหรับโครงการเพื่อการรวมกลุ่มด้านการบินของอาเซียน ภายใต้ความร่วมมือด้านการขนส่งทางอากาศระหว่างอาเซียน - สหภาพยุโรป) | คค | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่อง การประชุมอาเซียน และการประชุมเอเปค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทยเสนอ (ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ดังนี้ ๑.๑ การประชุมอาเซียน ๑.๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน จำนวน ๑๑ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามปฏิญญาบาหลีฯ ทั้งในระดับอาเซียนและในระดับประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุตามปฏิญญาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๑.๒ เอกสารสำคัญที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (เอกสารเพิ่มเติม) จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๓ การภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๔ ปฏิญญาบาหลีว่าด้วยการเสริมสร้างบทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้พิการในประชาคมอาเซียน จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๕ การลงนามในความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๒ การประชุมเอเปค ๑.๒.๑ การรับรองร่างเอกสารสำคัญที่จะรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๒.๒ การรับรองเอกสารที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๑ ฉบับ ๒. เห็นชอบการลงนามปฏิญญาว่าด้วยเอกภาพของอาเซียนในความหลากหลายทางวัฒนธรรม : สู่ความมั่นคงของประชาคมอาเซียน (Declaration on ASEAN Unity in Diversity Towards Strengthenting ASEAN Community) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอเพิ่มเติมกรณีการลงนามปฏิญญาดังกล่าว มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนาม ๓. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าและบริการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการขยายขอบเขตความตกลง ITA ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข นำเรื่องเกี่ยวกับการประชุมอาเซียนที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาว่าเรื่องต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานมีกรณีเข้าข่ายตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ โดยให้ทั้งสองหน่วยงานเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ๕. เห็นชอบให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงการจัดตั้งสถาบันการตรวจสอบสูงสุดแห่งอาเซียน เนื่องจาก สตง. เป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามที่บัญญัติในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ สตง. จึงสามารถดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงฯ ในนามของส่วนราชการได้ โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเข้าเป็นภาคีในร่างข้อตกลงฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
32106 | ขอความเห็นชอบในการเพิกถอนพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระเพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี | กษ | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเพิกถอนพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระบางส่วน จำนวนเนื้อที่ประมาณ ๗๐๐ ไร่ เพื่อการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ตำบลหนองปรือ อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการนำแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด การจัดทำแผนที่แสดงแนวเขตพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างและขอเพิกถอน พร้อมทั้งพิกัดที่ถูกต้องชัดเจนให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการตามมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ การศึกษาวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบ การวางแผนการบริหารจัดการไว้เพื่อรองรับผลกระทบอันอาจจะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาดำเนินโครงการ การบริหารจัดการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) ร่วมกับการบริหารอ่างเก็บน้ำลำตะเพินซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางบริเวณตอนบนของลุ่มน้ำห้วยตะเพิน อ่างเก็บน้ำบนลำน้ำสาขาอื่น ๆ และฝายทดน้ำ ตลอดจนการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำ และการวางแผนการใช้ที่ดิน เพื่อให้การจัดการน้ำส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน การจัดหาและบริหารแหล่งน้ำขนาดเล็กในระดับชุมชนภายในพื้นที่รับประโยชน์ของโครงการ การกำหนดให้มีมาตรการปลูกป่า/ฟื้นฟูป่าไม้ทดแทนพื้นที่ป่าที่สูญเสียไปจากการก่อสร้าง และการดำเนินการตามข้อกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อนเริ่มดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการดำเนินโครงการพัฒนาบนพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว รวมทั้งความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหามวลชนซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยกระพร้อย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
32107 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ครั้งที่ 2/2554 (การลงนามปฏิญญาว่าด้วยเอกภาพของอาเซียนในความหลากหลายทางวัฒนธรรม : สู่ความมั่นคงของประชาคมอาเซียน (Declaration on ASEAN Unity : Towards Strengthening ASEAN Community)) | วธ | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับเรื่อง การประชุมอาเซียน และการประชุมเอเปค ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทยเสนอ (ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) ดังนี้ ๑.๑ การประชุมอาเซียน ๑.๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน จำนวน ๑๑ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประสานและติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตามปฏิญญาบาหลีฯ ทั้งในระดับอาเซียนและในระดับประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุตามปฏิญญาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๑.๒ เอกสารสำคัญที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (เอกสารเพิ่มเติม) จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๓ การภาคยานุวัติสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๔ ปฏิญญาบาหลีว่าด้วยการเสริมสร้างบทบาทและการมีส่วนร่วมของผู้พิการในประชาคมอาเซียน จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๑.๕ การลงนามในความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน ๑ ฉบับ ๑.๒ การประชุมเอเปค ๑.๒.๑ การรับรองร่างเอกสารสำคัญที่จะรับรองในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๑.๒.๒ การรับรองเอกสารที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๑ ฉบับ ๒. เห็นชอบการลงนามปฏิญญาว่าด้วยเอกภาพของอาเซียนในความหลากหลายทางวัฒนธรรม : สู่ความมั่นคงของประชาคมอาเซียน (Declaration on ASEAN Unity in Diversity Towards Strengthenting ASEAN Community) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอเพิ่มเติมกรณีการลงนามปฏิญญาดังกล่าว มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนาม ๓. เห็นชอบข้อเสนอเกี่ยวกับการค้าสินค้าและบริการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และการขยายขอบเขตความตกลง ITA ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุข นำเรื่องเกี่ยวกับการประชุมอาเซียนที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาว่าเรื่องต่าง ๆ ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานมีกรณีเข้าข่ายตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ โดยให้ทั้งสองหน่วยงานเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีโดยด่วน ภายในวันศุกร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ๕. เห็นชอบให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงการจัดตั้งสถาบันการตรวจสอบสูงสุดแห่งอาเซียน เนื่องจาก สตง. เป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ มีฐานะเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ตามที่บัญญัติในมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ สตง. จึงสามารถดำเนินการจัดทำร่างข้อตกลงฯ ในนามของส่วนราชการได้ โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเข้าเป็นภาคีในร่างข้อตกลงฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||
32108 | บันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นกรอบความร่วมมือระหว่างสององค์การเพื่อขยายความร่วมมือเชิงวิชาการในด้านการรวมตัวทางเศรษฐกิจและการเสริมสร้างขีดความสามารถของสำนักเลขาธิการอาเซียน สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๑ - ๒๐๑๕ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ สาขาความร่วมมือสำคัญ ได้แก่ การเสริมสร้างความเชื่อมโยงการรวมตัวทางการเงินและตลาดทุน การพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยเน้นเรื่องการลดผลกระทบและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้พลังงานทดแทน การสนับสนุนกระบวนการของที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก การติดตามและเฝ้าระวังทางเศรษฐกิจมหภาคของการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การค้าและการลงทุน ๑.๒ อาเซียนและธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชียจะร่วมกันจัดทำแผนการทำงานสำหรับระยะเวลา ๒ ปี เพื่อกำหนดโครงการและกิจกรรมที่องค์การทั้งสองจะดำเนินการร่วมกันในแต่ละประเด็นความร่วมมือ โดยมีการหารืออย่างใกล้ชิดระหว่างสำนักเลขาธิการอาเซียน องค์กรระดับรัฐมนตรีอาเซียนเฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้อง และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย ๑.๓ บันทึกความเข้าใจฯ ไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีทางกฎหมาย หรือทางการเงิน ทั้งนี้ หากองค์การทั้งสองประสงค์มีข้อผูกพันทางการเงินระหว่างกัน ให้จัดทำเป็นความตกลงแยกต่างหาก ๑.๔ บันทึกความเข้าใจฯ จะเริ่มมีผลในวันที่ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากองค์การทั้งสองลงนามบันทึกความเข้าใจฯ และจะมีอายุจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๒. ให้เลขาธิการอาเซียนลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียน โดยผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียนว่า รัฐบาลไทยเห็นชอบให้จัดทำบันทึกความเข้าใจฯ และให้เลขาธิการอาเซียนลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ๔. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
||||||||||||||||||||||||
32109 | โครงการพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า | วท | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า ขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) โดยการพัฒนาและก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระรามเก้ามีพื้นที่ใช้สอยในอาคารประมาณ ๓๖,๕๐๐ ตารางเมตร ในพื้นที่ ๔๒ ไร่ บริเวณองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ด้านเชื่อมต่อกับสระเก็บน้ำพระรามเก้า เทคโนธานี ตำบลคลองหลวง อำเภอคลองห้า จังหวัดปทุมธานี ระยะเวลาดำเนินโครงการ ๔ ปี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๘ โดยจะจัดแสดงเกี่ยวกับระบบนิเวศกับความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก รวมทั้งการจัดการทรัพยากรน้ำและดินเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้หัวข้อหลักว่า “พระมหากษัตริย์นักพัฒนา การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน” ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดแผนการเบิกจ่ายงบประมาณในการดำเนินงานก่อสร้างพิพิธภัณฑ์พระรามเก้าที่ชัดเจน การพิจารณาแนวทางการให้เอกชนมีส่วนร่วมในโครงการลงทุนของรัฐ (Public Private Partnership : PPPs) เพื่อลดภาระการลงทุนของภาครัฐ การปรับรูปแบบการก่อสร้างหรือลดขนาดโครงการฯ และวิธีการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการลงทุน การนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการดำเนินงาน การพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการที่จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนที่เข้ามาเยี่ยมชมเกิดความประทับใจและเดินทางกลับมาเยี่ยมชมอีก รวมทั้งการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเพิ่มบริการรถขนส่งสาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและพัฒนาความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงในลักษณะเครือข่ายของแหล่งท่องเที่ยวเชิงความรู้ (Edutainment Cluster) ไปพิจารณาดำเนินการ ๓. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
32110 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลนาสัก อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอมีแนวเขตปฏิรูปที่ดินทับซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่จาง (ตอนขุน) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๙๙ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ และแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน ซึ่งยังไม่เป็นที่ยุติว่ากรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดินทั้งหมดให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อนำไปปฏิรูปหรือไม่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมสมควรประสานกับกรมป่าไม้โดยยังไม่เข้าไปดำเนินการในพื้นที่ที่กรมป่าไม้ได้สงวนไว้จนกว่าจะสามารถทำความตกลงให้เป็นที่ยุติเสียก่อนจะเข้าไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32111 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 29 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 19 - 21 กันยายน 2554 ณ รัฐบรูไนดารุสซาลาม | พน | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๒๙ (The 29th ASEAN Ministers on Energy Meeting : 29th AMEM) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๑ กันยายน ๒๕๕๔ ณ รัฐบรูไนดารุสซาลาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเดินทางเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุม 29th AMEM ที่ประชุมที่ได้รับทราบผลสำเร็จของการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านความร่วมมือพลังงานอาเซียน สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๘ (APAEC 2010 - 2015) ซึ่งประกอบด้วยโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) โครงข่ายท่อส่งก๊าซอาเซียน (Trans ASEAN Gas Pipeline) ถ่านหินและเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน พลังงานทดแทน นโยบายและแผนพลังงานของอาเซียน และการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในทางสันติ รวมทั้งรับทราบความก้าวหน้าของโครงการทางด้านพลังงาน อาทิ โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Project on Promotion of Energy Efficiency and Conservation - PROMEEC) การรับรองผู้จัดการพลังงานและผู้ใช้พลังงานขั้นสุดท้ายที่เพิ่มขึ้นภายใต้แผนงานสำหรับผู้บริหารพลังงาน (ASEAN Energy Manager Accreditation Scheme - AEMAS) การมอบรางวัลสาขาการจัดการพลังงานแก่ผู้ประกอบการของอาเซียน (ASEAN Energy Awards) ศูนย์พลังงานหมุนเวียนอาเซียน โครงการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนอาเซียนระหว่างอาเซียน - เยอรมัน (ASEAN - Germany Renewable Energy Support Program for ASEAN - ASEAN-RESP) โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาดของอาเซียน + ๓ (ASEAN + 3 for Clean Development Mechanism - CDM) และโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์อย่างปลอดภัยในอาเซียนเพื่อเป็นทางเลือกในอนาคต ๒. การประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ๒.๑ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน + ๓ ด้านพลังงาน ครั้งที่ ๘ (8th AMEM + 3) ได้มีการหารือใน ๓ สาขาความร่วมมือหลัก ๆ ได้แก่ ความมั่นคงด้านพลังงาน ตลาดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทนพลังงานหมุนเวียน (NRE) และประสิทธิภาพและการอนุรักษ์พลังงาน (EE&C) ๒.๒ การประชุมรัฐมนตรีเอเชียตะวันออกด้านพลังงาน ครั้งที่ ๕ (5th EAS EMM) ที่ประชุมได้ให้การรับรองแผนปฏิบัติการและเป้าหมายการประหยัดพลังงานที่จัดทำไว้โดยความสมัครใจและใช้ร่วมกันในประเทศเอเชียตะวันออกที่เกี่ยวข้อง และรับทราบความก้าวหน้าของโครงการเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อการขนส่งและเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ๒.๓ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ ได้มีการนำเสนอข้อมูลและทิศทางของอุปสงค์และอุปทานพลังงานของโลก และนำเสนอผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศในเอเชียและภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างอาเซียนกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency : IEA) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการและเทคโนโลยีด้านพลังงาน รวมถึงนโยบายทางด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
|
||||||||||||||||||||||||
32112 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่จังหวัดสกลนคร และจังหวัดมุกดาหาร รวม 2 ฉบับ | กษ | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่จังหวัดสกลนคร และจังหวัดมุกดาหาร รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลนาหัวบ่อ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลนาหัวบ่อ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพิจารณาความเหมาะสมกรณีที่จะจัดซื้อที่ดินที่ติดจำนองกับธนาคารเพื่อนำมาดำเนินการปฏิรูปที่ดิน โดยยังไม่มีการไถ่ถอนจำนอง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
32113 | การปฏิบัติการคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ (ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พ.ศ. ....) | รง | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมเล็กน้อย โดยกระทรวงแรงงานและสำนักงาน ก.พ.ร. มีข้อสังเกตโดยขอเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคมจังหวัด ในข้อ ๒๐ (๓) เป็น “(๓) รายงานการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานตามนโยบาย แผนงาน และโครงการต่อสำนักงานแรงงานจังหวัด” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเห็นชอบด้วยกับข้อสังเกตดังกล่าว เนื่องจากเป็นไปตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ และสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของสำนักงานแรงงานจังหวัด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงได้แก้ไขเพิ่มเติมให้เป็นไปตามข้อสังเกตดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ ร่างกฎกระทรวงฯ ที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒. กำหนดภารกิจและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคม ๓. กำหนดให้แบ่งส่วนราชการสำนักงานประกันสังคม เป็นราชการบริหารส่วนกลาง ประกอบด้วย สำนักงานเลขานุการกรม กองการเจ้าหน้าที่ กองคลัง กองนโยบายและแผนงาน กองนิติการ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ ๑ - ๑๒ สำนักเงินสมทบ สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ สำนักตรวจสอบ สำนักบริหารการเงิน การบัญชีและการลงทุน สำนักบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักสิทธิประโยชน์ และสำนักเสริมสร้างความมั่นคงแรงงานนอกระบบ และราชการบริหารส่วนภูมิภาค ประกอบด้วย สำนักงานประกันสังคมจังหวัด และกำหนดอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการภายใน ๔. กำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายในและกลุ่มพัฒนาระบบบริหารในสำนักงานประกันสังคม
|
||||||||||||||||||||||||
32114 | รายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน 2554) ธนาคารแห่งประเทศไทย | กค | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำครึ่งปี (มกราคม - มิถุนายน ๒๕๕๔) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วย
๑. ส่วนที่ ๑ สรุปภาวะเศรษฐกิจไทย ๒. ส่วนที่ ๒ การดำเนินงานของ ธปท. ประกอบด้วย ๒.๑ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายการเงิน ๒.๒ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายสถาบันการเงิน ได้แก่ ๒.๒.๑ การดำเนินงานด้านนโยบายสถาบันการเงิน ๒.๒.๒ การดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน ๒.๒.๓ ผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์และพัฒนาการที่สำคัญ ๒.๒.๔ การดำเนินงานในการเป็นนายธนาคารของสถาบันการเงิน ๒.๓ แนวทางการดำเนินงานและประเมินผลนโยบายระบบการชำระเงินที่สำคัญ ได้แก่ ๒.๓.๑ การดำเนินนโยบายด้านระบบการชำระเงิน ๒.๓.๒ การพัฒนาระบบการหักบัญชีเช็คด้วยภาพ ๒.๓.๓ การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์
|
||||||||||||||||||||||||
32115 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือน | นร | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือน ตามมติ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการก่อนแจ้งให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ดังนี้ ๒.๑ การประเมินผลการปฏิบัติราชการและการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการที่ไปช่วยราชการ ควรให้หน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้แจ้งตัดยอดจำนวนคนและอัตราเงินเดือนไปยังหน่วยงานที่ไปช่วยปฏิบัติราชการ เมื่อข้าราชการผู้นั้นครบกำหนดระยะเวลาที่หน่วยงานนั้นจะต้องเป็นผู้ประเมินผล เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบริหารวงเงินสำหรับข้าราชการที่ไปช่วยปฏิบัติราชการ ๒.๒ การโอน ย้าย หลังวันที่ ๑ มีนาคม หรือ ๑ กันยายน ซึ่งเป็นวันที่คำนวณวงเงินงบประมาณสำหรับการเลื่อนเงินเดือน ควรกำหนดให้ชัดเจนในกรณีการโอน ย้ายไปแต่งตั้งในระดับสูงขึ้นหลังวันที่ ๑ มีนาคม หรือ ๑ กันยายน ว่าจะใช้ฐานในการคำนวณของระดับเดิมก่อนโอนย้ายในหน่วยงานต้นสังกัดเดิม หรือฐานในการคำนวณระดับสูงขึ้นในหน่วยงานต้นสังกัดใหม่ เนื่องจากฐานเงินเดือนในกรณีที่ย้ายไปแต่งตั้งในระดับที่สูงขึ้นจะแตกต่างจากฐานเงินเดือนเดิม ๒.๓ การบริหารวงเงินงบประมาณสำหรับเลื่อนเงินเดือนที่กันไว้บริหาร ควรให้หน่วยงานประกาศกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับเลื่อนเงินเดือนในทุกวงเงินตามแนวทางการเลื่อนเงินเดือนของแต่ละหน่วยงานให้ข้าราชการในสังกัดทราบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ๒.๔ การเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการที่ถึงแก่ความตายก่อนวันที่ ๑ มีนาคม หรือ ๑ ตุลาคม ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าให้นำอัตราเงินเดือนของผู้ถึงแก่ความตายมาคำนวณเป็นวงเงินงบประมาณสำหรับการเลื่อนเงินเดือน เฉพาะกรณีผู้ที่มีคุณสมบัติในการเลื่อนเงินเดือนครบถ้วนตามที่ ก.พ. กำหนด เช่น ในรอบการประเมินมีเวลาปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า ๔ เดือน เป็นต้น และควรมีแนวทางที่ชัดเจนและสะดวกในทางปฏิบัติ สำหรับพิจารณาให้กับผู้ถึงแก่ความตายที่มีผลการประเมินการปฏิบัติงานเป็นที่ยอมรับ และเหมาะสมที่จะได้รับการเลื่อนเงินเดือน แต่มีคุณสมบัติไม่ครบในการเลื่อนเงินเดือนตามที่ ก.พ. กำหนด เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการคำนวณบำเหน็จตกทอด |
||||||||||||||||||||||||
32116 | การดำเนินการช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานการดำเนินการช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการช่วยเหลือ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ได้แก่ ๑.๑ ร่วมกับองค์กรภาคเอกชนบริจาค และนำถุงยังชีพ น้ำดื่ม เรือ และเสื้อชูชีพไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน ๓ จังหวัด คือ จังหวัดลพบุรี อุทัยธานี และพระนครศรีอยุธยา ๑.๒ จัดตั้งศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย ๓ แห่ง คือ ๑.๒.๑ ศูนย์ราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรุงเทพมหานคร มีผู้พักพิง ๑,๕๔๕ คน ๑.๒.๒ ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี มีผู้พักพิง ๑๙๐ คน ๑.๒.๓ ศูนย์สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี จังหวัดชลบุรี มีผู้พักพิง ๓,๒๐๐ คน ๑.๓ จัดตั้งศูนย์รับบริจาคและบรรจุถุงยังชีพ อาคารจันทนยิ่งยง สนามศุภชลาศัย กรุงเทพมหานคร ๑.๔ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวในภาวะวิกฤติอุทกภัย ๔ จุด คือ ๑.๔.๑ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๑.๔.๒ สถานี Airport Link มักกะสัน ๑.๔.๓ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ๑.๔.๔ สนามบินสุวรรณภูมิ ๒. สำรวจข้อมูลเบื้องต้นของความเสียหายที่เกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ราชการของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกำหนดแนวทาง มาตรการฟื้นฟู เยียวยา และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายหลังจากน้ำลด
|
||||||||||||||||||||||||
32117 | การแต่งตั้งกงสุลสาธารณรัฐอินเดียประจำจังหวัดเชียงใหม่ | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธีเรนทร สิงห คารพยาล (Mr. Dhirendra Singh Garbyal) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลสาธารณรัฐอินเดียประจำจังหวัดเชียงใหม่ สืบแทนนายอรพินท์ กุมาร (Mr. Arvind Kumar) ซึ่งหมดวาระประจำการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32118 | การขออนุมัติจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์อาเซียน - เกาหลี (ASEAN-Korea Centre) | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอชื่อข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศไปดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการหน่วยสารสนเทศและข้อมูล (Deputy Head of Information and Data Unit) ศูนย์อาเซียน - เกาหลี (ASEAN - Korea Centre) ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ วาระ ๓ ปี เนื่องจากลักษณะงานที่เน้นการประสานงานกับฝ่ายสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศสมาชิกอาเซียน เจ้าหน้าที่จึงควรมีความเชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศและเคยมีประสบการณ์ออกประจำการในต่างประเทศ ๑.๒. อนุมัติให้การไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์อาเซียน - เกาหลี เป็นการไปปฏิบัติราชการโดยไม่ถือเป็นการลาไปปฏิบัติหน้าที่ในองค์การระหว่างประเทศ ๑.๓ อนุมัติให้ข้าราชการที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์อาเซียน - เกาหลี สามารถได้รับสิทธิในการเบิกค่าใช้จ่ายเทียบเท่ากับข้าราชการในระดับเดียวกันที่มีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในสาธารณรัฐเกาหลี ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
32119 | รัฐบาลสาธารณรัฐรวันดาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายชาลส์ มูริกันเด (Mr. Charles Murigande) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐรวันดาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงโตเกียว สืบแทนนายเบ็น รูกันกาซี (Mr. Ben Rugangazi) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
32120 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดหนองเบน ตำบลสายลำโพง อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... | พศ | 08/11/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดหนองเบน ตำบลสายลำโพง อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิ์ที่วัด วัดหนองเบน ตำบลสายลำโพง อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ให้แก่กรมทางหลวง เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๑๙ สายหนองบัว - ท่าตะโก ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....