ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1592 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31821 - 31840 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31821 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๙ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นางนงนุช เพ็ชรรัตน์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ๒. นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ๓. นางสุรพิทย์ กีรติบุตร ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม สาธารณรัฐอิตาลี ๔. นายณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายจักร บุญ-หลง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ รัฐอิสราเอล ๖. นายสุรพล เพชรวรา ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการกงสุล ๗. นายอุดมศักดิ์ ศรีธัญโกศ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเตหะราน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ๘. นางขันธ์ทอง อูนากูล ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ ราชอาณาจักรเนปาล ๙. นายธวัธชัย คูภิรมย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31822 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ครั้งที่ 1/2555 | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเลขาธิการ กยน. กรรมการและเลขานุการร่วม กยน. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อใช้เป็นกรอบหลักในการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำของประเทศ โดยให้ฝ่ายเลขานุการฯ นำความเห็นของคณะกรรมการ กยน. มาประกอบการพิจารณาปรับปรุงร่างแผนแม่บทดังกล่าวฯ รวมทั้งเพิ่มเติมวงเงินที่จำเป็นต้องจัดสรรให้แผนงานต่าง ๆ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน และให้ประธานอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน และประธานอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อหาข้อยุติกรณีที่มีความเห็นขัดแย้งเกิดขึ้น สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายให้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๑.๒ เห็นชอบกรอบวงเงินเพิ่มเติมสำหรับแผนงานพัฒนาคลังข้อมูล ระบบพยากรณ์ และเตือนภัย และแผนงานเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาอุทกภัยระยะเร่งด่วน วงเงินรวม ๕,๕๐๐ ล้านบาท โดยใช้จากงบกลางฯ ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๑๗,๑๒๖ ล้านบาท ๑.๓ เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำแบบบูรณาการและยั่งยืน (กรณีลุ่มน้ำเจ้าพระยา) โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และเห็นชอบในหลักการให้จัดสรรงบประมาณ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับแผนงาน/โครงการของ ๑๗ ลุ่มน้ำที่เหลือ มอบให้คณะอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำรายละเอียดแผนงานโครงการตามที่บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการต่อไป ๑.๔ ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาอุทกภัยระยะเร่งด่วน และแผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำแบบบูรณาการและยั่งยืน (กรณีลุ่มน้ำเจ้าพระยา) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งในขั้นตอนของการอนุมัติงบประมาณ และตามบทบัญญัติของกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วม ๒. การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาอุทกภัยเรื่องใดที่เกี่ยวข้องหรือกระทบสิทธิชุมชน เช่น การดำเนินการในพื้นที่น้ำท่วมขัง และการกำหนดแนวคันกั้นน้ำ เป็นต้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและหารือการดำเนินการกับชุมชนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๖๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31823 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง | กค | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้ขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ ตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี ตลอดจนการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายตามมาตรการฯ ระยะที่ ๙ ตามหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง) ดังนี้ ๑.๑ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา จำนวน ๘๐๐ คันต่อวัน ใน ๗๓ เส้นทาง ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยมีวงเงิน ๘๓๗.๐๐ ล้านบาท ๑.๒ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายในการจัดรถไฟชั้น ๓ เชิงสังคม จำนวน ๑๖๔ ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น ๓ ระยะทางไกล ในขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน ๘ ขบวนต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในวงเงิน ๓๔๐.๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ ขสมก. และ รฟท. กู้เงินเพื่อชดเชยการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อชดเชยให้แก่ ขสมก. และ รฟท. สำหรับการดำเนินมาตรการดังกล่าวเป็นลำดับแรก โดยในกรณีของ ขสมก. ที่ได้กำหนดให้ได้รับชดเชยค่าใช้จ่ายการดำเนินมาตรการตามต้นทุนที่แท้จริงนั้น ขสมก. จะต้องจัดให้มีการตรวจสอบจากผู้ประเมินอิสระ เพื่อให้การชดเชยมีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมศึกษาแนวทางการสนับสนุนมาตรการการลดค่าครองชีพด้านการเดินทางที่มีความเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาก่อนสิ้นสุดระยะเวลาตามมาตรการฯ ระยะที่ ๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31824 | การให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการสนับสนุนและช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม การสร้างภาพลักษณ์และเสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุนของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในภาคอุตสาหกรรมของประเทศ และการขอรับความช่วยเหลือของภาคอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ การจัดงาน “BOI FAIR 2011 โลกสดใส ไทยยั่งยืน” หรือ “Going Green For The Future” ระหว่างวันที่ ๕ - ๒๐ มกราคม ๒๕๕๕ ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการอิมแพค เมืองทองธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองปีมหามงคลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษา ๗ รอบ และจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนภายหลังผ่านวิกฤตอุทกภัย และการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจ (CEO Forum) ในวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๕ ณ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพ, เอ รอยัล เมอริเดียน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ และบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมงาน ทั้งนี้ นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะกล่าวปาฐกถาหัวข้อเรื่อง “โอกาสและความท้าทายของโลกโลกาภิวัตน์” และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะกล่าวปาฐกถาเรื่อง “Roadmap การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย” โดยผู้บริหารระดับสูงขององค์กรระหว่างประเทศและภาคเอกชนทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้าร่วมแสดงปาฐกถาด้วย ๒. โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายหลังอุทกภัย ได้แก่ โครงการจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรม โครงการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และกากอุตสาหกรรมในสถานประกอบการที่ประสบอุทกภัย โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ดิน และการปนเปื้อนของสารพิษอุตสาหกรรมในสถานประกอบการทั้งภายในและภายนอกนิคม โครงการคลินิกอุตสาหกรรม และโครงการศูนย์สารพัดช่างช่วยเหลือผู้ประสบภัย ๓. การขอรับความช่วยเหลือของภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมบางกลุ่มได้ขอให้ภาครัฐพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ได้แก่ มาตรการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ทดแทนเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และการยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าสำเร็จรูปของโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ๔. การฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี จำนวน ๗ แห่ง โรงงานอุตสาหกรรมเร่งดำเนินการซ่อมแซมบำรุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหาย ปัจจุบันมีโรงงานเริ่มประกอบการแล้ว จำนวน ๑๖๕ แห่ง ๕. ผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมจากอุทกภัยในเขตจังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ ๑ - ๔ มกราคม ๒๕๕๕ มีโรงงานอุตสาหกรรมได้รับความเสียหาย ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา นครศรีธรรมราช ชุมพร สุราษฎร์ธานี และพัทลุง โรงงานได้รับความเสียหาย จำนวน ๖๓ แห่ง และวิสาหกิจชุมชน จำนวน ๑๔ กลุ่ม โรงงานส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายเล็กน้อย และโรงงานบางส่วนต้องหยุดการผลิตเนื่องจากไม่มีวัตถุดิบ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น และจะให้ความช่วยเหลือจนกว่าจะฟื้นฟูกิจการได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31825 | การยกย่องเชิดชูเกียรติพลเมืองดี จังหวัดลพบุรี | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกย่องเชิดชูเกียรติพลเมืองดี จังหวัดลพบุรี ได้แก่ นางสาวสุฑาสินี แซ่ตัน นักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นกลางปีที่ ๓ (มัธยมศึกษาปีที่ ๖) วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี และนายชะเอม สายตรง อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง เก็บเงินได้ จำนวน ๓.๗ ล้านบาท และได้นำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของเงิน โดยต่อมาเจ้าหน้าที่ของบริษัท สยามแอดมินนิสเทรทีฟ แมเนจเม้นท์ จำกัด ได้นำหลักฐานมาขอรับคืนแล้ว ประกอบวันเสาร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นวันเด็กแห่งชาติ สมควรที่จะยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้กระทำความดีเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่บุคคลทั้งสอง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ เผยแพร่การประกอบคุณความดีของบุคคลทั้งสองต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31826 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕ และครั้งที่ ๗ วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31827 | การจัดทำแผนงาน/โครงการของจังหวัดต่าง ๆ การชุมนุมเรียกร้องของเกษตรกรหรือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติกรอบวงเงินด้านโครงสร้างพื้นฐาน จำนวนประมาณ ๔๑,๙๕๐ ล้านบาท เพื่อฟื้นฟู เยียวยา และช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทั้งในด้านชลประทาน ด้านเส้นทางคมนาคม ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา รวมทั้งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่ได้จัดสรรงบประมาณให้กับท้องถิ่นและกรุงเทพมหานครโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการซ่อมแซมสาธารณูปโภคให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วและมีประสิทธิภาพ จึงมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น จัดทำแผนการดำเนินงานที่ระบุรายละเอียด ระยะเวลาการดำเนินการ ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง การทำสัญญา และการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ โดยแยกเป็นแบบรายโครงการและแบบพื้นที่ดำเนินการเป็นรายจังหวัด โดยระบุวงเงินโครงการแล้วจัดส่งแผนการดำเนินงานให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติภายในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๕ เพื่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะได้รวบรวมและจัดทำแผนติดตามการปฏิบัติงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ เพื่อพิจารณามอบหมายรัฐมนตรีที่ดูแลรายจังหวัด ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งผู้ตรวจราชการกระทรวงต่าง ๆ ในการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน และรายงานนายกรัฐมนตรีทราบทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานผลการดำเนินงานไปยังรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย ๒. การชุมนุมเรียกร้องของเกษตรกรหรือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ๒.๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ) ซึ่งได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ดำเนินการเจรจากับเกษตรกรชาวสวนยางพาราเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกรณีปัญหาราคายางตกต่ำ โดยให้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้สามารถบรรเทาและคลี่คลายความเดือดร้อนของเกษตรกรดังกล่าวโดยเร็ว และรายงานนายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วนต่อไป ๒.๒ ให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนและปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องต่าง ๆ ของประชาชนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างทันการณ์ และช่วยลดปัญหาการชุมนุมเรียกร้องหรือประท้วงของประชาชนได้ ๓. การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้สำนักงบประมาณเตรียมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ สามารถเตรียมความพร้อมในการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีได้อย่างเหมาะสมและเกิดความคุ้มค่า
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31828 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 (เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย) | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ เห็นชอบให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย รวม ๗ คน นั้น โดยความเห็นชอบของรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) เพื่อความเหมาะสม จึงขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว โดยขอทบทวนเฉพาะรายนายชเยนทร์ คำนวณ ส่วนรายชื่อกรรมการอื่น ๆ ให้คงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31829 | ความคืบหน้าการเตรียมการด้านการเงินเพื่อการลงทุนวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ และเรื่อง ร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. .... | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๕ [เกี่ยวกับร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน และร่างแผนปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำแบบบูรณาการและยั่งยืน (กรณีลุ่มน้ำเจ้าพระยา)] ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กรรมการและเลขานุการร่วม คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เสนอ ทั้งนี้ การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อบรรเทาอุทกภัยเรื่องใดที่เกี่ยวข้องหรือกระทบกับสิทธิชุมชน เช่น การดำเนินการในพื้นที่น้ำท่วมขัง และการกำหนดแนวคันกั้นน้ำ เป็นต้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและหารือการดำเนินการกับชุมชนที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๖๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ เสนอ ๓. เห็นชอบร่างพระราชกำหนดรวม ๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ได้แก่ ๓.๑ ร่างพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. .... ๓.๒ ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... ๓.๓ ร่างพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. .... ๓.๔ ร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. .... ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขถ้อยคำในมาตรา ๗ (๓) ของร่างพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. .... โดยให้ตัดข้อความ “ที่ปราศจากภาระผูกพัน” แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๕. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอรัฐสภาเพื่อทราบก่อนเริ่มดำเนินการกู้เงินด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31830 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และแขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และแขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และแขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร มีส่วนกว้างสองร้อยเมตร ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31831 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทุ่งช้าง จังหวัดน่าน พ.ศ. .... | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทุ่งช้าง จังหวัดน่าน พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลและ และตำบลทุ่งช้าง อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31832 | รายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2011) | นร | 10/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (Annual Inspection Report : Fiscal Year 2011) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักงานนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการตรวจราชการแบบบูรณาการในมิติของการบูรณาการภายใต้ประเด็นนโยบายสำคัญของผู้ตรวจราชการกระทรวง และผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ใน ๕ ประเด็น ได้แก่ การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การดำเนินการตามสนับสนุนหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร โดยผลการตรวจติดตามของผู้ตรวจราชการกระทรวง พบว่า หน่วยรับผิดชอบในระดับพื้นที่สามารถจัดการความเสี่ยงโครงการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการกระทรวงได้ครบถ้วนและมีประสิทธิภาพ สำหรับผลการตรวจติดตามของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พบว่า หน่วยงานในระดับพื้นที่สามารถประสานการดำเนินงานร่วมกัน และเกิดความคุ้มค่าหรือเกิดมูลค่าเพิ่มในเรื่องของการประหยัดงบประมาณ ประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ และเกิดประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง ๒. ผลการตรวจราชการในมิติของการบูรณาการการตรวจราชการกรณีปัญหาเฉพาะพื้นที่ของผู้ตรวจราชการเพื่อแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ ๒.๑ การแก้ไขปัญหาเรื่องโฉนดชุมชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เป็นการตรวจติดตามเพื่อเปรียบเทียบการดำเนินการโฉนดชุมชนในพื้นที่ที่ดำเนินการสำเร็จแล้ว พื้นที่ที่อยู่ระหว่างดำเนินการใกล้สำเร็จ และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ที่ดำเนินการยังไม่สำเร็จ ผลการตรวจติดตามปรากฏว่า ยังมีบางประเด็นปัญหาที่จำเป็นต้องแก้ไขโดยส่วนกลาง โดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี/ผู้ตรวจราชการกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาที่ตรวจพบได้รับไปประสานแก้ไขปัญหาภายในกระทรวง/กรมที่เกี่ยวข้องต่อไปแล้ว ๒.๒ การจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ผลการตรวจติดตามพบว่า สภาพปัญหายาเสพติดของจังหวัดสมุทรปราการในปัจจุบันเป็นทั้งพื้นที่ค้า พื้นที่พักยาเสพติด และพื้นที่แพร่ระบาด ซึ่งผู้ตรวจราชการได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่รับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นแล้ว ส่วนปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขจากส่วนกลางเป็นเรื่องของวิธีปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรมรับไปประสานดำเนินการแก้ไขต่อไปแล้ว ๒.๓ การจัดการปัญหาภัยพิบัติ (น้ำท่วม ดินถล่ม) ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ผลการตรวจติดตามพบว่า การเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและเตือนภัยน้ำท่วม ดินถล่ม ของหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีการประสานการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เป็นสิ่งที่รัฐบาลควรให้การสนับสนุน ซึ่งผู้ตรวจราชการได้ให้ข้อเสนอแนะต่อการดำเนินการป้องกันและเตือนภัยน้ำท่วม ดินถล่ม และการบูรณาการป้องกันและเตือนภัยน้ำท่วม ดินถล่มจะประสบผลสำเร็จถ้าได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ การป้องกันและเตือนภัยน้ำท่วม ดินถล่ม ต้องรวดเร็ว แม่นยำ และเชื่อถือได้ อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรู้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร โดยมุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ คือ ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่ประสบภัยได้ทัน มูลค่าทรัพย์สินเสียหายลดลง ๓. แนวทางการตรวจราชการแบบบูรณาการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีควรจะต้องสามารถกระตุ้นให้จังหวัด/กลุ่มจังหวัดกำหนดโครงการภายใต้ประเด็นยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ในลักษณะที่มีการบูรณาการภายใต้หลักการห่วงโซ่แห่งคุณค่า ทั้งในระดับจังหวัดด้วยกันเอง และบูรณาการกับระดับกระทรวง/กรม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนประเด็นยุทธศาสตร์ของจังหวัด เกิดคุณค่าและความคุ้มค่าของโครงการภาครัฐให้ได้ในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะส่งแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการฯ ให้กับทุกจังหวัด เพื่อรับทราบเป็นข้อมูล และเป็นประโยชน์ในการที่จะบูรณาการโครงการของกระทรวง/กรมกับโครงการของจังหวัด/กลุ่มจังหวัดได้อีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากพบว่ามีโครงการที่ผู้ตรวจราชการกระทรวงเสนอไว้ในแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ บางส่วนที่น่าจะบูรณาการหรือประสานการดำเนินการร่วมกันของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่กับโครงการของจังหวัด/กลุ่มจังหวัดได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31833 | ร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31834 | ความคืบหน้าการเตรียมการด้านการเงินเพื่อการลงทุนวางระบบบริหารจัการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ และเรื่อง ร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. .... | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างกฎหมาย รวม ๔ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎหมายปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ๑.๒ ร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ ๑.๓ ร่างกฎหมายกองทุนประกันภัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยกองทุนประกันภัย ๑.๔ ร่างกฎหมายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนำหลักการของร่างกฎหมายทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าว เสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศพิจารณา และกำหนดกรอบแผนงานและโครงการการลงทุน รวมทั้งกลไกในการบริหารจัดการกรอบเงินลงทุนดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาด้วย เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวมีความเชื่อมโยงและต้องดำเนินการให้สอดคล้องกัน จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางในการกำหนดรูปแบบของร่างกฎหมายดังกล่าวให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31835 | ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมการควบรวมกิจการในตลาดทุน พ.ศ. .... | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมการควบรวมกิจการในตลาดทุน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการควบรวมกิจการในตลาดทุน โดยมีบทบัญญัติยกเว้นหรือผ่อนผันข้อจำกัดทางกฎหมายบางประการให้มีความสะดวกและคล่องตัว เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการควบรวมกิจการในตลาดทุน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นควรเพิ่มขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายให้ครอบคลุมบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีความประสงค์จะควบรวมกิจการโดยไม่จำกัดว่าต้องนำหุ้นของบริษัทที่เกิดจากการควบรวมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือเสนอขายหลักทรัพย์นั้นต่อประชาชน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมเป็นมาตรฐานเดียวกันและตรงตามวัตถุประสงค์ของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย สำหรับกรณีบริษัทตั้งแต่สองบริษัทขึ้นไปควบรวมเข้ากันจนเป็นผลทำให้บริษัทที่ควบรวมเข้ากันนั้นหมดสภาพความเป็นนิติบุคคลและได้จัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ และหากบริษัทที่ควบรวมกิจการเข้ากันดังกล่าวเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนในต่างประเทศ ยังขาดความชัดเจนและความเชื่อมโยงกันกับกฎหมายว่าด้วยห้างหุ้นส่วนบริษัทและกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการควบระหว่างนิติบุคคลไทยกับนิติบุคคลต่างประเทศ รวมทั้งร่างมาตรา ๑๒ ที่กำหนดให้นำความในวรรคสองและวรรคสามของมาตรา ๖๖/๑ แห่งกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดมาใช้กับการควบรวมกิจการตามร่างพระราชบัญญัติฯ โดยอนุโลม ยังไม่ชัดเจนว่าให้นำมาใช้เพียงใด เนื่องจากมาตรา ๖๖/๑ วรรคสองและวรรคสามมีข้อกำหนดหลักเกณฑ์อื่นตามกฎกระทรวงให้บริษัทที่ซื้อหุ้นคืนต้องปฏิบัติด้วย เช่น การซื้อหุ้นคืน การจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน และการตัดหุ้นที่ซื้อคืนของบริษัท ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ เช่น การผูกขาดตลาดจากการควบคุมกิจการในลักษณะต่าง ๆ การทำธุรกรรมไขว้ของบริษัทโดยเฉพาะบริษัทในภาคการเงิน มาตรการการกำกับดูแลบริษัทที่เกิดจากการควบรวมแบบผสม (Supervisory for Cross issues) และภาระของรัฐที่อาจเกิดจากการให้ความช่วยเหลือกิจการขนาดใหญ่ที่ประสบภาวะล้มละลาย (Too big to fail) เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31836 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศสำหรับห้องต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศสำหรับห้องต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศสำหรับห้องต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๔๗ ๒. กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศสำหรับห้องต้องเป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก. ๒๑๓๔ - ๒๕๕๓ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ฉบับที่ ๔๓๑๕ (พ.ศ. ๒๕๕๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ เรื่อง ยกเลิกและกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศสำหรับห้องเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม : ประสิทธิภาพพลังงาน และกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศสำหรับห้อง : ประสิทธิภาพพลังงาน ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31837 | การลงนามร่างแก้ไขความตกลงอาเซียนด้านศุลกากร (Draft Text Amended ASEAN Agreement on Customs) | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามร่างแก้ไขความตกลงอาเซียนด้านศุลกากร (Draft Text Amended ASEAN Agreement on Customs) โดยร่างแก้ไขความตกลงฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความร่วมมือด้านศุลกากร รวมทั้งการอำนวยความสะดวกทางการค้าร่วมกันระหว่างศุลกากรของประเทศสมาชิกอาเซียน ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในการลงนามร่างแก้ไขความตกลงฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31838 | การสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารและสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ สหภาพสากลไปรษณีย์ | ทก | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหาร (Council of Administration) และสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ (Postal Operations Council) ของสหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union : UPU) ในการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๕ ระหว่างวันที่ ๒๔ กันยายน - ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ทั้งนี้ การเป็นสมาชิกสภาบริหารและสภาปฏิบัติการไปรษณีย์จะทำให้ประเทศไทยได้รับความร่วมมือและความช่วยเหลือทางวิชาการจากสหภาพสากลไปรษณีย์ และประเทศสมาชิกของสหภาพสากลไปรษณีย์ ซึ่งจะทำให้มีการพัฒนาทางเทคโนโลยีด้านการสื่อสารไปรษณีย์ของไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและได้มาตรฐานสากล และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในด้านการต่างประเทศที่มุ่งเสริมสร้างบทบาทที่สร้างสรรค์และส่งเสริมผลประโยชน์ของชาติในองค์การระหว่างประเทศ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอรับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกสหภาพสากลไปรษณีย์ในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาบริหารและสมาชิกสภาปฏิบัติการไปรษณีย์ของประเทศไทยไว้เป็นการล่วงหน้า ๒. สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รองรับไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31839 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับเทศบาลกรุงลิสบอนของสาธารณรัฐโปรตุเกสว่าด้วยการส่งมอบศาลาไทย ในโอกาสฉลองครบรอบ 500 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - โปรตุเกส | กต | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับเทศบาลกรุงลิสบอนของสาธารณรัฐโปรตุเกสว่าด้วยการส่งมอบศาลาไทย (Memorandum of Understanding between the Royal Thai Government and the Municipality of Lisbon of the Republic of Portugal on the Hand - Over of the Thai Pavilion) ในโอกาสฉลองครบรอบ ๕๐๐ ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - โปรตุเกส โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีรายละเอียดการส่งมอบกรรมสิทธิ์ศาลาไทยที่รัฐบาลไทยจัดสร้างให้แก่เทศบาลกรุงลิสบอน ฝ่ายโปรตุเกสโดยเทศบาลกรุงลิสบอนได้มอบพื้นที่บริเวณสวนสาธารณะวาสกู ดากามา ในเขตสวนเบเล็ง และการระบุหน้าที่ของฝ่ายไทยและฝ่ายโปรตุเกสในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาศาลาไทยหลังการส่งมอบ รวมทั้งเงื่อนไขกรณีมีความจำเป็นต้องย้ายศาลาไทยไปยังพื้นที่อื่นในอนาคต ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้นายชาคร สุชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงลิสบอน เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนาม เป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
31840 | ร่างพระราชกฤษฎีกาขยายระยะเวลาการใช้บังคับมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ. 2542 พ.ศ. .... | ยธ | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาขยายระยะเวลาการใช้บังคับมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๔๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการใช้บังคับมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ๒๑) พ.ศ. ๒๕๔๒ ออกไปอีกถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาการดำเนินงานชันสูตรพลิกศพตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปร่วมชันสูตรพลิกศพตามมาตรา ๑๔๘ (๓) (๔) และ (๕) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พ.ศ. ๒๕๕๐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ผ่านการอบรมทางนิติเวชศาสตร์สามารถออกชันสูตรพลิกศพแทนแพทย์ได้ ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|