ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1600 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 31981 - 32000 จากข้อมูลทั้งหมด 124468 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 31981 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรี | นร | 24/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นผู้ตรวจพิจารณาร่างมติคณะรัฐมนตรีที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31982 | การดำเนินการเพื่อการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัย | นร | 24/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบการดำเนินการเพื่อการป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ต้องมีการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ ประกอบด้วยช่วงต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยช่วงต้นน้ำจะต้องส่งเสริมการดูแลพื้นที่ต้นน้ำและการปลูกป่า ปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน รวมทั้งสร้างฝายชุ่มชื้นเพื่อเก็บกักน้ำในพื้นที่สูง โดยยึดหลักการตามแนวพระราชดำริ ส่วนช่วงกลางน้ำต้องมีการบริหารจัดการพื้นที่กักเก็บน้ำและระบายน้ำให้เหมาะสม และช่วงปลายน้ำต้องควบคุมดูแลการบริหารจัดการพื้นที่และช่องทางระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินการในช่วงต้นน้ำ รัฐบาลจะเร่งดำเนินการโดยได้น้อมนำเอาพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มาดำเนินการใน ๒ เรื่อง คือ การปลูกป่าฟื้นฟูแหล่งน้ำ และการปราบปรามยาเสพติด ๑.๒ การดำเนินการช่วงกลางน้ำและช่วงปลายน้ำ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทยเร่งประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ รวมทั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยระบุรายละเอียดแยกเป็นรายจังหวัดและรายโครงการ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕] และเร่งรัดดำเนินโครงการในความรับผิดชอบที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีความพร้อมในการดำเนินการให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว สำหรับการดำเนินการในส่วนของการขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณามอบหมายให้แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบการขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำแต่ละแห่งให้ชัดเจน รวมทั้งให้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่ได้รับอนุมัติงบประมาณไปแล้ว ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบแต่ละพื้นที่จังหวัดกำกับติดตามการดำเนินการควบคู่ไปกับการตรวจติดตามการปฏิบัติราชการตามกลไกการตรวจราชการของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อให้การดำเนินการโครงการต่าง ๆ เป็นไปด้วยความถูกต้องรวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งรัฐมนตรีที่กำกับดูแลในระดับจังหวัดเร่งรัดการดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31983 | การลงพื้นที่ปฏิบัติราชการของรัฐมนตรี | นร | 24/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการลงพื้นที่ปฏิบัติราชการของรัฐมนตรี ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) ประสานงานกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการตรวจราชการและติดตามงานของนายกรัฐมนตรี ในระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ โดยครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่แหล่งต้นน้ำภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง เพื่อตรวจราชการและติดตามการดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกรอบเวลาและเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซม ฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภค และโครงการตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับไปสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมในการรายงานผลการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของแต่ละจังหวัดด้วย หากพบว่าโครงการใดที่ได้รับอนุมัติงบประมาณไปแล้วและไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณนำโครงการดังกล่าวมาพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมและจัดลำดับความสำคัญของโครงการดังกล่าวใหม่เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ [เรื่อง สรุปผลการพิจารณาแผนงาน/โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.)]
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31984 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 24/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขานุการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ดังนี้
๑. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การแก้ไขบทบัญญัติความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพที่มีอายุเด็กเป็นองค์ประกอบความผิด) ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรให้แก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๓ ที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๗๗ วรรคท้าย และแก้ไขหลักการและเหตุผลให้สอดคล้องกันตามข้อสังเกตของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองร่างกฎหมายของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๕ ๒. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๕ สำหรับการจัดลำดับร่างพระราชกำหนด จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. .... ร่างพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... ร่างพระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. .... ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๕] เพื่อเสนอต่อรัฐสภา ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31985 | การถวายพระราชสมัญญา "บิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย" แด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก | ศธ | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการถวายพระราชสมัญญาแด่สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพื่อเฉลิมพระเกียรติในพระราชกรณีกิจยด้านการอุดมศึกษา และระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ ๑๒๐ ปี แห่งการพระราชสมภพ วันที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ปรับพระราชสมัญญาเป็นว่า “พระบิดาแห่งการอุดมศึกษาไทย” เนื่องจากเป็นพระราชนิยมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อมีผู้กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระราชสมัญญา ว่า “บิดาแห่ง ...” จะโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ว่า “พระบิดาแห่ง ...” เสมอ ตามความเห็นของราชบัณฑิตยสถาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31986 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งนายปีแยร์ แมซ (Pierre Metz) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย | กต | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายปีแยร์ แมซ (Pierre Metz) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย สืบแทน นายวิสุทธิ์ คณาธนะวนิชย์ ซึ่งเกษียณอายุราชการ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31987 | รายงานประจำปี 2553 ศาลรัฐธรรมนูญ | ศร | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเสนอรายงานประจำปี ๒๕๕๓ ของศาลรัฐธรรมนูญ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพิจารณาวินิจฉัยคดี มีเรื่องที่รับเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๗๐ เรื่อง [เรื่องที่รับไว้พิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๒ (ฟ้องตรง) จำนวน ๑๘ เรื่อง และมาตราอื่น จำนวน ๕๒ เรื่อง] เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จเป็นคำวินิจฉัยและคำสั่ง จำนวน ๔๙ เรื่อง (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง และคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๓ เรื่อง) และเรื่องร้องเรียนที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน ๒๒ เรื่อง ๒. การพัฒนากระบวนการวินิจฉัยคดีและยกระดับมาตรฐานการพิจารณาสู่ระดับสากล ๓. การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและการพัฒนาประชาธิปไตย ๔. การพัฒนาองค์กรและบุคลากรสู่ความเป็นเลิศในระดับสากล ๕. การเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรภายนอกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ๖. การส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมในองค์กร
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31988 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ครั้งที่ 4/2554 (ขออนุมัติปรับโครงสร้างและอัตรากำลังข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ดังนี้
๑. โดยที่การจัดตั้งประชาคมอาเซียนจะบรรลุผลในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งประเทศไทยในฐานะเป็นประเทศสมาชิกต้องเตรียมความพร้อมซึ่งถือเป็นการขยายหน่วยงานเพื่อรับผิดชอบงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จึงมีมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศปรับโครงสร้างเฉพาะกรมอาเซียน ตามที่กระทรวงการต่างประทศเสนอ ส่วนเรื่องอัตรากำลังให้กระทรวงการต่างประเทศส่งเรื่องให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐพิจารณาจัดสรรอัตรากำลังให้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. การจัดตั้งสำนักเขตแดนภายใต้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และการจัดตั้งสำนักคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศภายใต้กรมการกงสุล เห็นควรไม่อนุมัติตามนัยมติ ก.พ.ร. ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนผังแสดงโครงสร้างและภารกิจหน้าที่ (work flow) ของกรมอาเซียนและกองที่เกี่ยวข้อง ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เพื่อเสนอประกอบเรื่องการปรับโครงสร้างของกระทรวงการต่างประเทศด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31989 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีระหว่างนายเหวง โตจิราการ ฟ้องคณะรัฐมนตรีกับพวกรวม 2 คน ต่อศาลปกครองกลางขอให้เพิกถอน มติคณะรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า | อส | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลปกครองกลางในคดีหมายเลขดำที่ ๒๓๑/๒๕๔๙ ระหว่างนายเหวง โตจิราการ ผู้ฟ้องคดี
กับคณะรัฐมนตรีกับพวกรวม ๒ คน ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้เพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์ การกำหนดโครงสร้างอัตรา ค่าไฟฟ้า ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ ศาลปกครองกลาง ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31990 | สรุปผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด (ในช่วงระหว่างวันที่ 11 กันยายน 2554 - 30 พฤศจิกายน 2554) | ยธ | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๕ รวม ๗ แผนงาน ตั้งแต่เปิดแผนปฏิบัติการวันที่ ๑๑ กันยายน - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. แผนงานที่ ๑ การสร้างพลังสังคมและพลังชุมชนเอาชนะยาเสพติด ได้แก่ การดำเนินกิจกรรมการดำเนินการในหมู่บ้าน/ชุมชน ทั้งการทำประชาคม การค้นหาผู้เสพ/ผู้ติด/ผู้ค้า การนำผู้เสพ/ผู้ติดเข้ารับการบำบัดรักษา การดำเนินการกับผู้ค้าตามกฎหมาย การปิดล้อมตรวจค้น ฯลฯ เป้าหมาย ๖๐,๕๘๔ หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการแล้ว ๑๓,๙๐๑ หมู่บ้าน/ชุมชน การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน เป้าหมาย ๑๒,๑๘๙ หมู่บ้าน/ชุมชน ดำเนินการแล้ว ๒,๗๙๔ หมู่บ้าน/ชุมชน การดำเนินการพัฒนาหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่นให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ ๑ อำเภอ ๑ ศูนย์การเรียนรู้ เป้าหมายในการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ๘๕๐ แห่ง ดำเนินการแล้ว ๕๐๘ แห่ง และการสร้างและพัฒนาความรู้ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดแก่ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป้าหมาย ๒๐,๐๐๐ คน ผลการดำเนินการพัฒนาผู้นำและผู้มีรายชื่อ ๔๙๑ คน ๒. แผนงานที่ ๒ การแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ได้แก่ การดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด โดยการนำเข้าสู่ระบบการบำบัดรักษาในระบบสมัครใจ การบำบัดรักษาในระบบบังคับบำบัด และการบำบัดรักษาในระบบต้องโทษ รวมถึงการบำบัดรักษาในค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฯ เป้าหมายการนำผู้เสพ/ผู้ติดเข้ารับการบำบัดรักษา ๔๐๐,๐๐๐ คน มีผลการบำบัดรักษา ๒๙,๕๔๗ คน และการจัดตั้งศูนย์ Demand จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์ฟื้นฟูฯ ในการบำบัดรักษา โดยมีเป้าหมายให้มีการจัดตั้ง จำนวน ๑ จังหวัด ๑ ศูนย์ รวม ๗๗ จังหวัด มีผลการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูฯ แล้ว ๕๗ ศูนย์ ใน ๕๗ จังหวัด ๓. แผนงานที่ ๓ การสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติด ได้แก่ การสร้างระบบป้องกันสถานศึกษา โดยจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปฏิบัติงานประจำโรงเรียนเพื่อเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดไม่ให้เข้าสู่โรงเรียน จำนวน ๗๓๐ โรงเรียน การดำเนินงานเพื่อขจัดปัจจัยเสี่ยงรอบสถานศึกษา เป้าหมายการดำเนินงานใน ๗๗ จังหวัด ดำเนินการแล้ว ๗๒ จังหวัด โดยจังหวัดที่มีการดำเนินการออกตรวจสูงสุดคือ จังหวัดนครราชสีมา ศรีสะเกษ อุดรธานี เชียงใหม่ และตราด และการจัดกิจกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบการ/โรงงาน เป้าหมาย ๒,๐๐๐ แห่ง ดำเนินการแล้ว ๘๑ แห่ง ๔. แผนงานที่ ๔ การปราบปรามยาเสพติดและบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ การดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติด เป้าหมาย ๙๙,๗๗๐ คน มีผลการจับกุม จำนวน ๒๙,๕๐๕ คดี ๓๔,๗๐๐ คน แบ่งเป็นข้อหาผลิต จับกุมได้ ๘๒๓ คดี ๑,๔๑๘ คน ข้อหานำเข้า จับกุมได้ ๘๓ คดี ๑๐๑ คน ข้อหาส่งออก จับกุมได้ ๔ คดี ๕ คน ข้อหาจำหน่าย จับกุมได้ ๒,๙๑๗ คดี ๔,๑๕๑ คน ข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย จับกุมได้ ๗,๘๙๒ คดี ๙,๖๘๕ คน และข้อหาครอบครอง จับกุมได้ ๑๗,๗๘๖ คดี ๑๙,๓๔๐ คน และการดำเนินการตามมาตรการยึดทรัพย์สินนักค้ายาเสพติดทั่วประเทศ เป้าหมาย ๘,๐๐๐ คดี มีผลการดำเนินการทั้งสิ้น ๘๒๓ คดี มูลค่าทรัพย์สิน ๔๐๘.๑ ล้านบาท ๕. แผนงานที่ ๕ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้แก่ ๕.๑ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓๒ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นการประชุมตามพันธกรณีภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียนด้านยาเสพติด ๕.๒ การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (AMMTC) ครั้งที่ ๘ ณ ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นประเทศที่มีบทบาทนำ (Lead Shephard) ในสาขายาเสพติด ซึ่งเป็น ๑ ใน ๘ สาขาภายใต้กรอบความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ๕.๓ การจัดสัมมนาระหว่างประเทศว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน ณ จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืนเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการแก้ปัญหาการปลูกพืชเสพติด สำหรับเป็นแบบอย่าง และนำไปประยุกต์ใช้ในแต่ละประเทศ ๕.๔ การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๙ ณ ประเทศอินโดนีเซีย ที่ประชุมได้มีการรับรองและลงนามในเอกสาร “ASEAN - JAPAN PLAN OF ACTION 2011 - 2015” ในประเด็นด้านยาเสพติดจะเสริมสร้างความเข้มแข็งในความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติระหว่างประเทศอาเซียน อาทิ การลักลอบค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ เป็นต้น ผ่านเวทีการประชุมด้านอาชญากรรมข้ามชาติกับญี่ปุ่น จีน และสาธารณรัฐเกาหลี ๕.๕ การประชุมหัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ณ ประเทศอินเดีย เป็นการประชุม Subsidiary Body ของกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ภายใต้กรอบสหประชาชาติ ๖. แผนงานที่ ๖ การสกัดกั้นยาเสพติด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้จัดตั้งชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชน (ชพส.) จำนวน ๑๐๗ ชุด เพื่อเข้าปฏิบัติการมวลชนสัมพันธ์ในพื้นที่เป้าหมาย ๑๐๗ ตำบล ๑,๐๗๐ หมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้านชายแดนและมีความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและความมั่นคง ขั้นตอนแรกของการดำเนินการคือ การสืบสภาพ และค้นหาปัญหายาเสพติดของหมู่บ้านชายแดนเป้าหมาย ๗. แผนงานที่ ๗ การบริหารจัดการแบบบูรณาการ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดจังหวัดในแต่ละระดับได้จัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมและบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31991 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ผลกระทบจากการปรับเงินสงเคราะห์การทำสวนยาง (Cess)" | สสป | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และผู้แทนสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับเรื่อง “ผลกระทบจากการปรับเงินสงเคราะห์การทำสวนยาง (Cess)” โดย ในส่วนของสภาที่ปรึกษาฯ มีความเห็นและข้อเสนอแนะสรุปได้ ดังนี้
๑. ทบทวนการจัดเก็บอัตราเงินสงเคราะห์การทำสวนยาง (Cess) โดยคำนึงถึงอัตราที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อไม่ให้เกิดการลักลอบส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านและต้องเป็นอัตราที่ไม่เป็นภาระแก่ผู้ประกอบการ จนสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก ๒. การผ่อนปรนในการเก็บเงินสงเคราะห์ฯ ไม่ควรยึดสัญญาซื้อขายเป็นเกณฑ์ ให้ยึดการตรวจในสต๊อกเป็นเกณฑ์หลักและระยะเวลาการชดเชยนั้นไม่เกิน ๖ เดือน ๓. การใช้ประโยชน์จากเงินสงเคราะห์ฯ ที่เก็บได้ ให้ใช้โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเกษตรกรโดยเน้นการส่งเสริมการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ส่งเสริมและสนับสนุนการช่วยเหลือนำไปใช้ได้จริงในการส่งเสริมมูลค่าเพิ่มทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และหากพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับให้มีการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายและมุ่งสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกเพื่อมูลค่าจากผลิตภัณฑ์ยางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มอยู่ในระดับสูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31992 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) | สธ | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายบุญเลิศ ศักดิ์ชัยนานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง นายแพทย์เชี่ยวชาญ
(ด้านเวชกรรมป้องกัน สาขาโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม) สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน สาขาโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม) สำนักโรคจากการประกอบอาชีพ และสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31993 | รัฐบาลนิวซีแลนด์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายแอนโทนี จอห์น ลินช์ (Mr. Anthony John Lynch) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายบีด กิลเบิร์ต คอร์รี (Mr. Bede Gilbert Corry) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31994 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฮุซัยน์ กะมาลียัน (Mr. Hossein Kamalian) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายมาจิด บิซมาร์ก (Mr. Majid Bizmark) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31995 | รัฐบาลรัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย | กต | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกิเยร์โม ชาลุป เลียนโด (Mr. Guillermo Chalup Liendo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐพหุชนชาติแห่งโบลิเวียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สืบแทนนายอูโดโร กาลินโด อันเซ (Mr. Eudoro Galindo Anze) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31996 | ผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ATM) ครั้งที่ 17 และการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน - ประเทศคู่เจรจา | คค | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ASEAN Transport Ministers Meeting : ATM) ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน - ประเทศคู่เจรจา ประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน - จีน ครั้งที่ ๑๐ การประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน - ญี่ปุ่น ครั้งที่ ๙ และการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยในส่วนของผลการประชุมรัฐมนตรีด้านการขนส่งอาเซียน (ATM) ครั้งที่ ๑๗ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ ๑๙ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งมีมติเร่งรัดการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน และพัฒนาบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก พร้อมทั้งยินดีที่การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการบรูไน ๒๐๑๑ - ๒๐๑๕ และการดำเนินตามมาตรการต่าง ๆ ด้านการขนส่งภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity : MPAC) มีความคืบหน้าไปมาก ๒. ที่ประชุมยินดีกับการมีผลบังคับใช้ของความตกลงพหุภาคีอาเซียนว่าด้วยการเปิดเสรีอย่างเต็มที่ของบริการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศ และพิธีสารที่เกี่ยวข้อง ๒ ฉบับ ซึ่งได้มีการลงนามไปแล้ว โดยจะช่วยอำนวยความสะดวกและส่งเสริมบริการการขนส่งทางอากาศของอาเซียน ๓. ที่ประชุมสนับสนุนการที่เลขาธิการอาเซียนได้มีหนังสือถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อคัดค้านกฎการค้าสิทธิ์การปล่อยมลพิษ ซึ่งจะมีผลต่อเที่ยวบินของประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรป รวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนที่ทำการบินไปยังสหภาพยุโรป โดยขอให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศเป็นผู้นำในการหารือร่วมกับสหภาพยุโรป อาเซียน และประชาคมระหว่างประเทศอื่น ๆ ในเรื่องผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการบินระหว่างประเทศ ๔. ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการขนส่งสินค้าอย่างไร้รอยต่อในภูมิภาค และเห็นว่าการดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ ภายใต้แผนงานของคณะกรรมการประสานการขนส่งผ่านแดนอาเซียน (ASEAN Transit Transport Coordinating Board : TTCB) เกี่ยวข้องกับความร่วมมือสาขาอื่น ๆ ด้วย เช่น คณะทำงานพิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า คณะกรรมการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช และสมาคมประกันภัยยานพาหนะระหว่างประเทศ เป็นต้น โดยขอให้สาขาความร่วมมือดังกล่าวพิจารณามาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและประสานงานกับ TTCB เพื่อรายงานความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดต่อไป ๕. ที่ประชุมรับทราบการจัดทำการศึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บทและการศึกษาความเป็นไปได้ในการกำหนดโครงข่ายการเดินเรือที่ใช้การขนส่งสินค้าขึ้นและลงเรือด้วยการใช้สินค้าบรรทุกบนรถที่แล่นผ่านแผ่นเหล็กที่ทอดจากเรือมายังท่า (Ro - Ro) ในอาเซียน และการเดินเรือระยะใกล้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญ ๑๕ โครงการภายใต้แผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน เพื่อเชื่อมการเดินเรือระหว่างประเทศแผ่นดินใหญ่และประเทศหมู่เกาะ เพื่อมุ่งสู่การรวมตัวเป็นตลาดการขนส่งทางทะเลร่วมของอาเซียน (ASEAN Single Shipping Market : ASSM) ๖. ที่ประชุมได้ให้การรับรองแถลงการณ์เพื่อให้การรับรองกรอบการดำเนินงานเพื่อการจัดตั้งตลาดบินร่วมอาเซียน (Declaration on the Adoption of the Implementation Framework of the ASEAN Single Aviation Market : ASAM) เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของอาเซียนในการจัดตั้งตลาดการบินร่วมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ๗. รัฐมนตรีขนส่งอาเซียนได้ลงนามเอกสาร รวม ๒ ฉบับ ได้แก่ พิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๗ ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน (Protocol to Implement the 7th Package of Commitments on Air Transport Services under the ASEAN Framework Agreement on Services) และพิธีสาร ๖ พรมแดนสำหรับรถไฟและสถานีชุมทาง ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน (Protocol 6 on Railways Border and Interchange Stations under the ASEAN Framework Agreement on Facilitation of Goods in Transit)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31997 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทุ่งควายกิน - กองดิน จังหวัดระยอง พ.ศ. .... | นร | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทุ่งควายกิน - กองดิน จังหวัดระยอง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ คือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลทุ่งควายกิน - ตำบลกองดิน และตำบลคลองปูน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31998 | ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงน้ำหนักของรถที่ใช้ในการประกอบการขนส่งส่วนบุคคล) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดน้ำหนักรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล) จำนวน 2 ฉบับ | คค | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดบทนิยาม “การขนส่งส่วนบุคคล” หมายความว่า การขนส่งเพื่อการค้าหรือธุรกิจของตนเองด้วยรถที่มีน้ำหนักเกินสองพันสองร้อยกิโลกรัม ๑.๒ กำหนดให้พระราชบัญญัตินี้มิให้ใช้บังคับแก่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคนแต่ไม่เกินสิบสองคน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกินสองพันสองร้อยกิโลกรัมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ซึ่งมิได้ใช้ประกอบการขนส่งเพื่อสินจ้าง ๑.๓ กำหนดให้นายทะเบียนกลางและนายทะเบียนประจำจังหวัดอาจมอบหมายให้ข้าราชการในสังกัดกรมการขนส่งทางบกกระทำการแทนได้ ๑.๔ ตัดบทบัญญัติเกี่ยวกับการประกอบการขนส่งระหว่างประเทศ เนื่องจากข้อตกลงเรื่องการประกอบการขนส่งระหว่างประเทศที่ประเทศไทยทำกับประเทศต่าง ๆ ส่วนใหญ่เป็นข้อตกลงระดับทวิภาคี ซึ่งมีเงื่อนไขตามข้อตกลงที่แตกต่างกัน การนำมาบัญญัติเป็นหลักการทั่วไปอาจไม่ครอบคลุมข้อตกลงหรือสัญญาที่ประเทศไทยทำไว้กับประเทศต่าง ๆ โดยสมควรให้เป็นไปตามข้อตกลงหรืออนุสัญญาแต่ละฉบับ ๑.๕ กำหนดอัตราค่าบริการตรวจสภาพรถ ให้เป็นไปตามที่อธิบดีประกาศกำหนด และบทกำหนดโทษกรณีเก็บค่าบริการผิดจากอัตราค่าบริการที่กำหนด ๑.๖ ตัดบทบัญญัติที่ให้ผู้ประจำรถมีหน้าที่ต้องจัดให้มีสำเนาภาพถ่ายหนังสืงแสดงการจดทะเบียนไว้ประจำรถเพื่อแสดงต่อนายทะเบียนหรือผู้ตรวจการ ๒. ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดบทนิยาม “รถยนต์ส่วนบุคคล” หมายความว่า รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลซึ่งมิได้ใช้ประกอบการขนส่งตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ๒.๒ กำหนดห้ามมิให้ใช้รถที่ยังมิได้จดทะเบียน รถที่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียน รถที่ยังมิได้เสียภาษีประจำปี รถที่แจ้งการไม่ใช้รถ รถที่ทะเบียนระงับ ๒.๓ กำหนดให้รถที่ยังมิได้จดทะเบียนสามารถนำมาใช้ได้ชั่วคราว ได้แก่ รถที่จดทะเบียนในต่างประเทศที่นำเข้ามาใช้ในราชอาณาจักรชั่วคราว หรือใช้ในกิจการใดโดยเฉพาะเป็นการชั่วคราว หรือรถที่ใช้เพื่อการทดสอบ หรือรถที่ใช้ในกรณีอื่นที่มีกฎกระทรวงกำหนด ๒.๔ กำหนดให้นายทะเบียนและผู้ตรวจการมีอำนาจเข้าตรวจในสถานที่จำหน่าย เช่า เช่าซื้อ หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรถ เมื่อมีเหตุสงสัยว่ามีรถที่ค้างชำระภาษี หรือมีการใช้รถที่สิ้นอายุการใช้งาน และยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถนั้นไว้ได้ ๒.๕ กำหนดให้การยึดรถที่ค้างชำระภาษีรถประจำปีเป็นการยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถแทน ๒.๖ กำหนดให้ยกเลิกมาตรา ๓๙ ที่เกี่ยวกับการขายทอดตลาดรถที่ยึดมาตามมาตรา ๓๕ หรือมาตรา ๓๗ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการใหม่ที่ให้ยกเลิกการยึดรถโดยเปลี่ยนมาเป็นการยึดแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์แทน ๒.๗ กำหนดให้ใบอนุญาตขับรถชั่วคราวตามมาตรา ๔๓ (๑) มีอายุสองปีนับแต่วันออกใบอนุญาตขับรถ ๒.๘ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอใบอนุญาตขับรถต้องไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกยึดหรือพักใช้ใบอนุญาตขับรถ ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ เว้นแต่ได้พ้นกำหนดสามปีนับแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ๒.๙ กำหนดให้นายทะเบียนหรือผู้ตรวจการมีอำนาจเรียกเจ้าของรถหรือผู้ขับรถมาให้ถ้อยคำหรือยื่นคำชี้แจงหากมีเหตุอันควรสงสัยว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ๒.๑๐ ปรับปรุงบทกำหนดโทษให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ ๒.๑๑ ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 31999 | ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับการยกเว้นภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมภาษีประจำปีที่ค้างชำระของหน่วยงานราชการ) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม และภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีค้างชำระของหน่วยงานราชการ) จำนวน 2 ฉบับ | คค | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดมิให้นำมาตรา ๒๓ เกี่ยวกับการห้ามมิให้ผู้ใดประกอบการขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง การขนส่งโดยรถขนาดเล็ก หรือการขนส่งส่วนบุคคล เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน มาใช้บังคับแก่การขนส่งส่วนบุคคลซึ่งหน่วยงานของรัฐ มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษา วัด มัสยิด มิซซัง มูลนิธิ สภากาชาดไทย และสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล เป็นผู้ประกอบการขนส่ง แต่ผู้ประกอบการขนส่งต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติอื่นแห่งพระราชบัญญัตินี้เสมือนดังเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลทุกประการ ๑.๒ กำหนดให้รถที่ใช้ในการขนส่งส่วนบุคคลของส่วนราชการ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ องค์การมหาชน หน่วยงานอื่นของรัฐตามที่กำหนดในกฎกระทรวง วัด มัสยิด มิซซัง มูลนิธิ และสภากาชาดไทย ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี ๑.๓ กำหนดให้บรรดาภาษีประจำปีของรถของหน่วยงานตามมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ที่ค้างชำระไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้เป็นอันระงับไป ๒. ร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและภาษีประจำปีให้แก่รถของส่วนราชการ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เฉพาะรถที่มิได้ใช้ในทางการค้าหรือหากำไร ๒.๒ กำหนดให้บรรดาค่าธรรมเนียมและภาษีประจำของรถของหน่วยงานตามมาตรา ๙ (๓) แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ที่ค้างชำระไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้เป็นอันระงับไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 32000 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สผ | 15/01/2555 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาสถานะของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาก่อน หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าส่วนราชการสังกัดรัฐสภาทั้งสองแห่งมิใช่หน่วยงานของรัฐภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ อีกต่อไปแล้ว ให้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่) ตามที่คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภาเสนอ แล้วให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
