ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1598 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31941 - 31960 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31941 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ผู้แทน ส.ป.ก. เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แทนนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||
31942 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย | กค | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย จำนวน ๔ คน แทนกรรมการที่ขอลาออก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้เริ่มวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ แทนนายวิชาญ ธรรมสุจริต ๑.๒ นายวินัย วิทวัสการเวช แทนนายอนันต์ สิริแสงทักษิณ ๑.๓ นายวิวิศน์ เตชะไพบูลย์ แทนนางชาลอต โทณวณิก ๑.๔ นายสมเกียรติ สินสุนทร แทนนายรัฐนิติ์ พัฒนกุล ๒. ส่วนนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ ให้เริ่มวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการ
|
||||||||||||||||||
31943 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2554 | กษ | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พื้นที่ประสบอุทกภัย ๗๖ จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สงขลา และนราธิวาส ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๒๙๓,๙๒๐ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๑๒.๖๕ ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๑๐.๐๐ ล้านไร่ พืชไร ๑.๘๘ ล้านไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๐.๗๗ ล้านไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๓๒,๓๘๑ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๒๑๘,๐๖๕ ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย ๕๓,๖๘๒ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๒๙๙,๕๓๙ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๒๕๔,๖๗๐ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๓๐.๓๒ ล้านตัว แปลงหญ้า ๑๗,๗๗๖ ไร่ ๓. สรุปความก้าวหน้าการช่วยเหลือ ๓.๑ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ได้ส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ วงเงิน ๘,๐๘๖.๐๖๔ ล้านบาท เกษตรกร ๓๖๗,๘๗๑ ราย ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอขอกรอบวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๑๘,๘๙๕.๙๑ ล้านบาท เนื่องจากกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรี ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ ไม่เพียงพอ ซึ่งหากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมประมง จะดำเนินการขออนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณทันที วงเงิน ๑๓,๓๖๗.๖๗๘ ล้านบาท ๓.๒ สำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เกษตรกร ๓๖๗,๔๘๗ ราย วงเงิน ๘,๐๘๔.๖๒๗ ล้านบาท ๓.๓ ธ.ก.ส. โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว เกษตรกร ๓๓๕,๖๓๗ ราย วงเงิน ๗,๘๐๒.๖๓๓ ล้านบาท ๔. การดำเนินการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ได้แก่ การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ การผลิตและใช้น้ำหมัก พด.๖ การสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ ดูแลสุขภาพสัตว์ แร่ธาตุและเวชภัณฑ์ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||
31944 | รายงานความก้าวหน้าในการสำรวจความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าในการสำรวจความเสียหายและการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการสำรวจความเสียหายของภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัยทั้งหมดในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีโรงงานอุตสาหกรรมได้รับความเสียหาย จำนวน ๘,๒๕๒ ราย จาก ๔๒ จังหวัด ทั่วประเทศไทย จำแนกเป็น ในนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม จำนวน ๗ แห่ง โรงงาน จำนวน ๘๘๘ ราย มูลค่าความเสียหาย ๑๗๑,๐๘๗ ล้านบาท และภายนอกนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ โรงงาน จำนวน ๗,๓๖๔ ราย มูลค่าความเสียหาย ๑๕๗,๑๗๔ ล้านบาท สรุปความเสียหายรวม ๓๒๘,๒๖๑ ล้านบาท สำหรับจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมได้รับความเสียหาย ๕ ลำดับแรก ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๑,๖๙๐ ราย ปทุมธานี จำนวน ๑,๖๘๔ ราย นนทบุรี จำนวน ๑,๔๑๕ ราย กรุงเทพมหานคร จำนวน ๒,๓๒๔ ราย และอ่างทอง จำนวน ๘๗ ราย ๒. การช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย ๒.๑ การลงทะเบียนผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยเพื่อขอรับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยรัฐบาลสนับสนุนผ่านธนาคารออมสินและการค้ำประกันโดยบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรม (บสย.) สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม วงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท และ ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งจากการเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ มีผู้ประกอบการลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ จำนวน ๒,๖๑๖ ราย มูลค่าเงินลงทุน ๓๖๓,๕๙๘ ล้านบาท มูลค่าความเสียหาย ๑๐๓,๐๐๒ ล้านบาท ๒.๒ มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมได้รับการช่วยเหลือผ่านมาตรการดังกล่าว ได้แก่ การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์และวัตถุดิบที่นำมาทดแทนเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัตถุดิบนำเข้าที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย จำนวน ๖๐ โครงการ มูลค่า ๙,๑๙๔ ล้านบาท และการเร่งอนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของเจ้าหน้าที่/ผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศที่เข้ามาซ่อมแซมเครื่องจักร จำนวน ๓๑๗ ราย ๒.๓ โครงการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ประกอบด้วย โครงการคลินิกอุตสาหกรรม เพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ จำนวน ๒,๔๗๖ ราย ช่วยเหลือในเบื้องต้น ๕๗๕ ราย ผู้ประกอบการ ๑๑๔ ราย สามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติ โครงการศูนย์พักพิงสำหรับผู้ประกอบการ มีผู้ประกอบการสนใจสมัครเข้าโครงการ จำนวน ๑๑๓ ราย จากโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม ๔๒ ราย และวิสาหกิจชุมชน ๗๑ ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทั้งหมด และโครงการศูนย์สารพัดช่าง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านเงินทุน การซ่อมแซมบ้านพักอาศัย ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า และซ่อมแซมยานพาหนะต่าง ๆ ๓. ความก้าวหน้าของการฟื้นฟูนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๗ แห่ง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างการเร่งซ่อมแซมเครื่องจักรอุปกรณ์ จำนวน ๑๓๕ แห่ง หรือร้อยละ ๑๕.๒ ของโรงงานทั้งหมด เริ่มประกอบการได้ ส่วนการพัฒนาระบบป้องกันอุทกภัย นิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมที่ได้รับความเสียหายทุกแห่ง ได้เริ่มดำเนินการศึกษาออกแบบเพื่อจัดสร้างคันกั้นน้ำถาวรที่มีความมั่นคง แข็งแรง คาดว่าจะสร้างคันกั้นน้ำถาวรได้แล้วเสร็จก่อนฤดูน้ำหลากในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๔. ผลการให้ความช่วยเหลือด้านการระบายน้ำของ Japan International Co - Operation Agency (JICA) ซึ่งสนับสนุนรถสูบน้ำ จำนวน ๑๐ คัน ในการระบายน้ำออกจากนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ภารกิจแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ผลการดำเนินการประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง สามารถช่วยในการระบายน้ำในนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็ว และยังช่วยเหลือสถาบันการศึกษาและชุมชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังได้ในหลายพื้นที่ โดยได้จัดพิธีขอบคุณและส่งมอบรถสูบน้ำคืน เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๔
|
||||||||||||||||||
31945 | มาตรการรถยนต์คันแรก | กค | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. กรณีที่ให้มีการให้สิทธิกับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกให้ครอบคลุมถึงรถยนต์ที่มีความจุกระบอกสูบเกิน ๑,๕๐๐ ลูกบาศก์เซนติเมตร ต้องมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำ และสามารถใช้พลังงานทดแทนได้ นั้น การกำหนดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และการใช้พลังงานทดแทน สามารถกำหนดได้จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งปัจจุบันมาตรฐานการวัดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังไม่เป็นมาตรฐานบังคับ จึงเห็นควรคงขนาดของเครื่องยนต์ไว้ที่ความจุกระบอกสูบไม่เกิน ๑,๕๐๐ ลูกบาศก์เซนติเมตร ตามเดิม ๒. กรณีการห้ามโอนกรรมสิทธิ์ก่อนระยะเวลา ๕ ปี ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาทางปฏิบัติในบางกรณีเช่น ผู้ได้รับสิทธิต้องการออกจากโครงการฯ และคืนเงินครบตามจำนวน ผู้ให้เช่าซื้อยึดรถกรณีผู้เช่าซื้อผิดสัญญาและนำออกขายทอดตลาด ผู้ได้รับสิทธิเสียชีวิต รถยนต์เกิดอุบัติเหตุหรือประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติและผู้ซื้อหรือผู้เช่าซื้อไม่ประสงค์จะใช้รถยนต์นั้นต่อไป เป็นต้น เห็นควรให้กระทรวงการคลังประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์ก่อนระยะเวลา ๕ ปี เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติ ๓. ให้กรมบัญชีกลางกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการรับเงินคืน จำนวนเงินที่ต้องเรียกคืนจากผู้ซื้อ การติดตามเรียกเงินคืน กรณีผู้ซื้อปฏิบัติผิดเงื่อนไข
|
||||||||||||||||||
31946 | การจัดทำสัญญาเช่าบ้านพัก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ | พณ | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมส่งเสริมการส่งออกทำสัญญาเช่าบ้านพัก ของนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระยะเวลาการเช่าตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ รวมระยะเวลาเช่า ๔ ปี โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ รายการค่าเช่าบ้านพัก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ สาธารณรัฐอินเดีย ในวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๑๒,๕๕๔,๐๐๐ บาท หรือเท่ากับ ๑๕,๖๙๒,๕๐๐ รูปี คิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ รูปี เท่ากับ ๐.๘๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่น กรณีมีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๘,๐๑๒,๕๐๐ รูปี หรือเท่ากับ ๕,๖๐๘,๘๐๐ บาท ส่วนงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการส่งออกเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||
31947 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย | มท | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒๐ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้ง (ย้าย) ข้าราชการตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ได้แก่ ๑.๑ นายกำธร ถาวรสถิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอำนาจเจริญ ๑.๒ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๓ นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๔ นายสามารถ ลอยฟ้า ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. แต่งตั้ง (เลื่อน) ข้าราชการตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้น ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๖ ราย ได้แก่ ๒.๑ นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดกาญจนบุรี ๒.๒ นายชนะ นพสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดชัยภูมิ ๒.๓ นายธานินทร์ สุภาแสน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเชียงราย ๒.๔ นายนิมิต จันทน์วิมล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครปฐม ๒.๕ นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครพนม ๒.๖ นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนราธิวาส ๒.๗ นายคณิต เอี่ยมระหงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ ๒.๘ นายจิรายุทธ วัจนะรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบูรณ์ ๒.๙ นายเกษม วัฒนธรรม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดแพร่ ๒.๑๐ นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดมหาสารคาม ๒.๑๑ นายประวัติ ถีถะแก้ว ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดยโสธร ๒.๑๒ นายเดชรัฐ สิมศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดยะลา ๒.๑๓ นายบุญเชิด คิดเห็น ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดลำปาง ๒.๑๔ นายประทีป กีรติเรขา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดศรีสะเกษ ๒.๑๕ นายพิศาล ทองเลิศ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสตูล ๒.๑๖ นางนฤมล ปาลวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดแม่ฮ่องสอน
|
||||||||||||||||||
31948 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันพฤหัสบดีที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ กระทู้ถามที่ ๑๒๖ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจราจรในจังหวัดภูเก็ต (นายเรวัต อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี) มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) เตรียมตอบชี้แจง
|
||||||||||||||||||
31949 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||
31950 | ร่างพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||
31951 | การมอบหมายการดำเนินการ [เกี่ยวกับ 1) การจัดงาน OTOP 2) สถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ภาคใต้ 3) การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ และ 4) ปัญหาการนำชิ้นส่วนและโครงรถยนต์ที่ใช้แล้วเข้ามาประกอบในประเทศ] | นร | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องเร่งด่วนที่ขอมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการ ดังต่อไปนี้
๑. งานหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองทองธานีประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ได้ประสานงานและเร่งรัดติดตามการดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว สำหรับการจัดงาน OTOP ครั้งถัดไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งรัดเตรียมการจัดงาน โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป ๒. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับการเตรียมการรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ โดยมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าภาพหลักรับไปพิจารณาร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับอิทธิพลจากพายุและอาจเกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นได้ นั้น ให้รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคใต้ทั้ง ๖ จังหวัด ลงพื้นที่เพื่อกำกับติดตามการให้ความช่วยเหลือดูแลผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบด้วย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนำปัญหาเกี่ยวกับสภาวะอากาศแปรปรวน มีพายุและคลื่นสูงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ไปดำเนินการศึกษาวิจัยรวมกับเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นต่อไป ๓. เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ประธานกรรมการนโยบายยางธรรมชาติและประธานกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปแก้ไขปรับปรุงคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามที่มอบหมายต่อไปด้วย ๔. เนื่องจากได้มีการนำเข้าชิ้นส่วนและโครงรถยนต์ที่ใช้แล้วเข้ามาประกอบหรือดัดแปลงเป็นรถยนต์ใหม่ในประเทศ ซึ่งเป็นการใช้ช่องว่างของกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องชำระภาษีอากรที่เกี่ยวข้อง มอบให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการห้ามนำเข้าชิ้นส่วนและโครงรถยนต์ที่ใช้แล้ว และให้กระทรวงคมนาคมระงับการจดทะเบียนรถยนต์ที่ใช้ชิ้นส่วนและโครงรถยนต์เข้ามาประกอบหรือดัดแปลงเป็นรถยนต์ใหม่โดยด่วน |
||||||||||||||||||
31952 | การเสนอเรื่องเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีอากรเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร | 27/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังเสนอมาตรการทางภาษีอากรเพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยต่อคณะรัฐมนตรีได้โดยตรง โดยไม่ต้องนำเสนอคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) พิจารณาก่อน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้สำนัก ก.พ.ร. รับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการและกลไกการปฏิบัติงานฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้มีหลักการดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||
31953 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่าย ประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเป็นการเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราเงินสมทบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | รง | 19/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม ดังนี้ ๑.๑.๑ กำหนดให้รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีคลอดบุตร ในอัตราฝ่ายละเท่ากับร้อยละ ๐.๕ ของค่าจ้าง และในกรณีสงเคราะห์บุตรและกรณีชราภาพ ในอัตราฝ่ายละเท่ากับร้อยละ ๒ ของค่าจ้าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๑.๑.๒ กำหนดให้รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย และกรณีคลอดบุตร ในอัตราฝ่ายละเท่ากับร้อยละ ๐.๕ ของค่าจ้าง และในกรณีสงเคราะห์บุตรและกรณีชราภาพ ในอัตราฝ่ายละเท่ากับร้อบยละ ๒ ของค่าจ้าง และรัฐบาลร้อยละ ๒ ของค่าจ้าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ๑.๑.๓ การออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน รัฐบาล นายจ้าง และผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ยังคงออกเงินสมทบตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยรัฐบาลออกเงินสมทบในอัตราร้อยละ ๐.๒๕ ของค่าจ้าง นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ออกเงินสมทบในอัตราร้อยละ ๐.๕ ของค่าจ้าง ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพเป็นการเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราเงินสมทบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพสำหรับผู้ประกันตนซึ่งออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราเงินสมทบตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ให้กระทรวงแรงงานแจ้งการลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม และการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามร่างกฎกระทรวงฯ ให้คณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) เพื่อทราบต่อไป |
||||||||||||||||||
31954 | ขอความเห็นชอบการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีเงินเดือนเต็มขั้น | พม | 19/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีเงินเดือนเต็มขั้นของการเคหะแห่งชาติ โดยให้มีผลสำหรับการเลื่อนเงินเดือนปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ (ผลงานปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓) เป็นต้นไป ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. กรณีได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานในระดับ ๑ หรือได้รับการประเมินให้เลื่อนเงินเดือนหรือค่าจ้างครึ่งขั้น ให้เบิกจ่ายเงินเดือนหรือค่าจ้างในอัตราสูงสุดของตำแหน่งเดิม ๒. กรณีได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานในระดับ ๒ - ๓ หรือได้รับการประเมินให้เลื่อนเงินดือนหรือค่าจ้างหนึ่งขั้น ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ ร้อยละ ๒ ๓. กรณีได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานในระดับ ๔ หรือได้รับการประเมินให้เลื่อนเงินเดือนหรือค่าจ้างหนึ่งขั้นครึ่ง ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ ร้อยละ ๔ (โดยมีสัดส่วนของผู้ที่ได้รับเป็นจำนวนร้อยละ ๒๕ ของผู้ที่มีเงินเดือนเต็มขั้น) ๔. กรณีได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานในระดับ ๕ หรือได้รับการประเมินให้เลื่อนเงินเดือนหรือค่าจ้างสองขั้น ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ ร้อยละ ๖ (โดยมีสัดส่วนของผู้ที่ได้รับเป็นจำนวนร้อยละ ๑๐ ของผู้ที่มีเงินเดือนเต็มขั้น) โดยการจ่ายเงินดังกล่าวไม่ถือเป็นค่าจ้าง และมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว รวมทั้งไม่เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่พนักงาน ซึ่งการเคหะแห่งชาติได้พิจารณาประเมินผลสำหรับการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษดังกล่าวไว้แล้วเป็นเงิน ๕,๕๓๘,๓๖๐ บาท ต่อปี |
||||||||||||||||||
31955 | รายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (วันที่ 9 - 15 ธันวาคม 2554 และวันที่ 17 - 23 ธันวาคม 2554) | ทก | 19/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปสภาวะอากาศในรอบสัปดาห์ฯ ของกรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสภาวะอากาศทั่วไปในรอบสัปดาห์และการพยากรณ์อากาศใน ๗ วันข้างหน้า ของกรมอุตุนิยมวิทยา ๑.๑ ลักษณะอากาศในช่วง ๗ วันที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔) บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น สำหรับบริเวณภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ๑.๒ ลักษณะอากาศใน ๗ วันข้างหน้า (ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๔) ช่วงต้นสัปดาห์ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงระลอกใหม่เข้าปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง หลังจากนั้น บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ส่วนพายุโซนร้อนวาชิบริเวณตอนใต้ของประเทศฟิลิปปินส์จะเคลื่อนตัวผ่านทะเลจีนใต้ตอนล่าง คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังก่อนเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางพื้นที่ คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง ๒ - ๔ เมตร ๒. รายงานการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔) ได้มีการแจ้งเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม รวม ๒ ครั้ง และมีการแจ้งข่าวแผ่นดินไหว รวม ๑๖ ครั้ง ซึ่งศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้เฝ้าระวังสภาวะอากาศและติดตามประเมินผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตรียมพร้อมเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้เกิดภัยพิบัติได้ นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายที่เกิดจากภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในบริเวณเชิงเขาและพื้นที่ต้นน้ำ และดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ด้วย
|
||||||||||||||||||
31956 | รายงานผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | นร | 19/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้อำนวยการ ศปภ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การบริหารจัดการน้ำ ๑.๑ ผลการปฏิบัติด้านการระบายน้ำ ได้ดำรงความพยายามไม่ปล่อยน้ำไปสู่แอ่ง หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง มากเกินไป เนื่องจากพื้นที่ไม่เหมาะสม จึงเลี่ยงน้ำไปไว้ในที่สูง คือ จังหวัดฉะเชิงเทราให้มากที่สุด และระบายน้ำส่วนหนึ่งออกทางแม่น้ำบางปะกงให้มากที่สุด ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จและสามารถระบายน้ำฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครที่ท่วมขังได้อย่างรวดเร็ว สำหรับฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากปริมาณน้ำหลากมากกว่าเป็นจำนวนมากจึงทำให้ระบบบริหารจัดการน้ำทำได้ยาก ทำให้เกิดน้ำขังบริเวณกว้าง อย่างไรก็ตามมาตรการเพิ่มเครื่องสูบน้ำ และซ่อมแซมคันกั้นน้ำที่ชำรุด ทำให้สามารถลดระดับน้ำ และระยะเวลาที่เกิดน้ำท่วมขังได้เร็วกว่าปล่อยธรรมชาติ อย่างน้อย ๑๐ - ๒๐ วัน ๑.๒ ผลการปฏิบัติการด้านการป้องกันน้ำท่วม ได้ดำเนินการอำนวยการให้กรุงเทพมหานครป้องกันน้ำท่วมพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน โดยใช้ Big Bag และการบริหารจัดการประตูระบายน้ำต่าง ๆ ทำให้ปริมาณน้ำท่วมในกรุงเทพฯ ชั้นในไม่มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ (สถานการณ์เลวร้ายสุด) (Worst Case Scenario) คือ สามารถตรึงแนวน้ำไว้ที่คลองบางซื่อ และทำให้พื้นที่รอดได้ ๒. การช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ การเคลื่อนย้ายและจัดเตรียมที่พักอาศัยให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย การอำนวยความสะดวกการเดินทางและขนส่ง การจัดตั้งโรงครัวในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด การช่วยเหลือประชาชนผ่าน Call Center การผลิตน้ำสะอาดสำหรับอุปโภค บริโภคแจกจ่ายประชาชน การจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว การแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัย และการช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุข ๓. การอนุมัติจัดสรรงบประมาณ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ และวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมวงเงิน ๕,๐๐๐ ล้านบาท โดยสถานการณ์การใช้จ่ายงบกลาง ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ คณะกรรมการ ศปภ. ด้านงบประมาณพิจารณาอนุมัติ ๒,๙๘๔.๔๐๐๕ ล้านบาท โดยพิจารณาจัดสรรให้แก่ ๑๓ กระทรวง ๒๕ หน่วยงาน จำแนกตามลักษณะภารกิจได้เป็น ด้านการป้องกัน ๖๗๓.๙๒๘๗ ล้านบาท ด้านการอพยพ ๘๓๑.๓๓๓๘ ล้านบาท ด้านส่งกำลังบำรุง ๒๗๐.๐๙๒๒ ล้านบาท และด้านการผันน้ำ ๑,๒๐๙.๐๔๕๘ ล้านบาท และมีเรื่องที่จะต้องพิจารณาอีก ๑,๖๒๒.๑๒๘๐ ล้านบาท คงเหลือวงเงินที่จะอนุมัติได้ ๓๙๓.๔๗๑๕ ล้านบาท
|
||||||||||||||||||
31957 | การเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | นร | 19/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ หรือตามที่คณะรัฐมนตรีจะเห็นสมควรให้มีการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม โดยในส่วนของสำนักงบประมาณได้พิจารณาการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามแนวทางและหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จำนวนทั้งสิ้น ๗๘,๖๘๓.๕ ล้านบาท ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณนำเรื่อง การเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เร่งตรวจสอบรายการงบประมาณรายจ่ายที่เสนอขอเพิ่มในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ หากหน่วยงานใดพิจารณาเห็นว่ายังมีรายการใดเป็นการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วน/วาระแห่งชาติของรัฐบาล และจำเป็นต้องขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายฯ (เช่น งบประมาณบูรณาการเพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และงบประมาณเพื่อเป็นค่าซ่อม/สร้างอาคารห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์บริการ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้นไป) ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งประสานงานและยืนยันในรายละเอียดไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||
31958 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างทบวงกิจการทางมหาสมุทรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 19/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างทบวงกิจการทางมหาสมุทรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือทางด้านทะเล แทนปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโอกาสที่นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีจีน เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย - จีน ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนาม
|
||||||||||||||||||
31959 | แผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี 2554 - 2556 | วธ | 19/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างปี ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นข้อตกลงย่อย (arrangement) ภายใต้ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะแลกเปลี่ยนการเยือนและจัดกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกันทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย ด้านมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้และไม่ได้ ในด้านการแสดงนาฏศิลป์และดนตรี นิทรรศการทางศิลปะ ห้องสมุด จดหมายเหตุ พิพิธภัณฑ์ โบราณคดี วรรณกรรม พุทธศาสนา รวมทั้งขยายความร่วมมือในด้านใหม่ ๆ เช่น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม อุตสาหกรรมทางวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์ และการออกแบบและสร้างสรรค์ร่วมสมัย เป็นต้น ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในแผนปฏิบัติการฯ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full power) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ลงนามในแผนปฏิบัติการฯ ๔. หากมีความจำเป็นสามารถปรับปรุงถ้อยคำของแผนปฏิบัติการฯ ได้เท่าที่ไม่ขัดกับหลักการและสาระสำคัญที่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีหรือเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
|
||||||||||||||||||
31960 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2554) | มท | 19/12/2554 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปสถานการณ์อุทกภัย และการช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๔) ๑.๑ ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยและประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ใน ๒ พื้นที่ ได้แก่ ประเทศไทยตอนบน ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร รวม ๗๔ อำเภอ ๔๗๖ ตำบล ๓,๑๑๘ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๑,๕๙๗,๑๐๗ ครัวเรือน ๔,๒๒๒,๖๑๐ คน และสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ มีพื้นที่ประสบอุทกภัยจากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ และมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งสิ้น ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พัทลุง และตรัง มีผู้เสียชีวิต ๑๐ ราย ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู ๑.๒. การดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (กรณีอุทกภัย) ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔) ในส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ประสบอุทกภัย ๓๐ เขต กรอบครัวเรือน จำนวน ๖๒๑,๓๕๕ ครัวเรือน เป็นเงิน ๓,๑๐๖,๗๗๕,๐๐๐ บาท รวมส่งธนาคารออมสินแล้ว ๘๒,๓๔๔ ครัวเรือน เป็นเงิน ๔๑๑,๗๒๐,๐๐๐ บาท และธนาคารออมสินจ่ายเงินแล้ว ๑๙,๗๓๗ ครัวเรือน สำหรับในพื้นที่จังหวัดที่ประสบอุทกภัย ๖๒ จังหวัด กรอบครัวเรือน จำนวน ๒,๒๘๙,๕๖๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑๑,๔๔๗,๘๑๐,๐๐๐ บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว ๕๘๙,๐๙๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒,๙๔๕,๔๙๕,๐๐๐ บาท และธนาคารออมสินจ่ายเงินแล้ว ๒๖๕,๔๒๗ ครัวเรือน ๒. สรุปสถานการณ์ภัยหนาว (ระหว่างวันที่ ๒ พฤศจิกายน - ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๔) มีจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) เนื่องจากมีสภาพอากาศหนาว (อุณหภูมิ ๘.๐ - ๑๕.๙ องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (อุณหภูมิต่ำกว่า ๘.๐ องศาเซลเซียส) ในพื้นที่ ๑๓ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน ตาก พะเยา อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ มุกดาหาร เลย สกลนคร และจังหวัดนครพนม รวม ๑๓๑ อำเภอ ๙๘๕ ตำบล ๙,๙๒๘ หมู่บ้าน สำหรับการให้ความช่วยเหลือ จังหวัด พร้อมด้วยอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เหล่ากาชาด องค์กร มูลนิธิ สมาคม ได้ระดมการช่วยเหลือโดยการจัดหาผ้าห่มและเครื่องกันหนาวให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวแล้ว
|
.....