ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1599 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31961 - 31980 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31961 | รายงานการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย | อก | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ ๑.๑ การลงทะเบียนผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยเพื่อขอรับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยการอุดหนุนอัตราดอกเบี้ยและค้ำประกันโดยรัฐ จำแนกออกเป็น ๒ ประเภท คือ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย ๓% ต่อปี โดยธนาคารออมสินนำเงินเข้าฝากธนาคารพาณิชย์ที่เข้าโครงการ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย ๐.๐๑% ต่อปี และธนาคารพาณิชย์สมทบเงินกู้อีก ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรม (บสย.) สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย ๓% ต่อปี ในช่วง ๓ ปีแรก โดยรัฐชดเชยค่าธรรมเนียมและชดเชยความเสียหายไม่เกิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท จากการเปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ มีผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยลงทะเบียนขอความช่วยเหลือ ๒,๑๕๓ ราย มูลค่าการลงทุน ๒๘๔,๕๑๙ ล้านบาท มีแรงงาน ๑๗๖,๕๘๙ คน มูลค่าความเสียหาย ๙๕,๔๑๖ ล้านบาท ๑.๒ มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ได้แก่ การอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรอุปกรณ์ วัตถุดิบไว้นอกโรงงานกรณีฉุกเฉิน การยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ที่นำมาทดแทนเครื่องจักรที่เสียหาย และยืดหยุ่นในเรื่องวัตถุดิบนำเข้าซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า การเร่งอนุมัติวีซ่าและใบอนุญาตทำงานของเจ้าหน้าที่/ผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาติดตั้งซ่อมแซมเครื่องจักร การเพิ่มสิทธิประโยชน์หรือยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีเงินได้ให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายทั้งในกรณีทำการผลิตชั่วคราว หรือลงทุนใหม่เพื่อฟื้นฟูธุรกิจในประเทศ ๑.๓ โครงการและมาตรการช่วยเหลือโดยทั่วไป ได้แก่ การยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีและค่าธรรมเนียมการต่อใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เป็นเวลา ๕ ปี การยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ทดแทนเครื่องจักรที่เสียหายเป็นการทั่วไปสำหรับโรงงานที่ประสบอุทกภัยและมิได้เป็นโรงงานที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน การดำเนินโครงการคลินิกอุตสาหกรรมเพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม โดยจัดส่งทีมงานเข้าสำรวจ วินิจฉัย วางแผนการฟื้นฟูการผลิตและกระบวนการทางธุรกิจ มีผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือ ๒,๑๘๑ ราย และได้เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว ๕๑๖ ราย มีผู้ประกอบการ ๕๕ ราย สามารถประกอบธุรกิจได้ตามปกติ และการดำเนินโครงการศูนย์พักพิงสำหรับผู้ประกอบการ โดยจัดตั้งศูนย์พักพิงอุตสาหกรรมเพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาเครื่องจักรกล สินค้าวัตถุดิบ และเป็นสถานที่เพื่อการผลิตชั่วคราว ซึ่งเบื้องต้นได้จัดพื้นที่ภายในหน่วยงานในจังหวัดอุดรธานี ขอนแก่น สุพรรณบุรี ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ให้บริการแก่ผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยให้ใช้เป็นสถานที่ในการประกอบการผลิตและยืมเครื่องจักรในการผลิต มีผู้ประกอบการเข้ารับบริการ ๘ ราย ๒. มาตรการให้ความช่วยเหลือของการนิคมแห่งประเทศไทย ได้แก่ ๒.๑ การยกเว้นค่าบริการในการออกใบอนุญาตใหม่ กรณีใบอนุญาตเดิมสูญหาย การยกเว้นค่าบริการการต่อใบอนุญาตให้ใช้ที่ดินประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรมประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และการยกเว้นค่าบริการการออกหนังสือรับรองสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์ จนถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ ๒.๒ การบริการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในเขตประกอบการเสรี โดยประสานกรมศุลกากรให้ผู้ประกอบการสามารถขนย้ายเครื่องจักร วัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ออกนอกเขตประกอบการเสรีโดยด่วน พร้อมจัดทำมาตรการด้านพิธีการศุลกากรให้ผู้ประกอบการแจ้งสถานที่ชั่วคราวที่ขนย้ายเครื่องจักรอุปกรณ์ หรือสถานที่ชั่วคราวที่ประกอบกิจการ และสามารถประกอบกิจการและปฏิบัติพิธีการศุลกากรปกติ รวมทั้งการอนุญาตคนต่างด้าวเข้ามาอยู่และทำงานภายใต้กฎหมายการนิคมฯ โดยกรณีหนังสือสูญหายจะจัดทำสำเนาให้ใหม่ และกรณีผู้ประกอบการที่ประสบอุทกภัยต้องการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในระดับผู้เชี่ยวชาญ จะยกเว้นให้เข้ามาได้จนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ ๓. การฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ การตรวจสอบเฝ้าระวังการระบายน้ำและการจัดการกากอุตสาหกรรมมิให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนใกล้เคียง โดยผลการตรวจสอบวิเคราะห์น้ำที่ระบายออกจากนิคม/เขตประกอบการ/สวนอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่อยู่ในมาตรฐานน้ำทิ้งอุตสาหกรรม ยกเว้นในบางพื้นที่มีคราบน้ำมันสูงกว่ามาตรฐาน ซึ่งได้ทำการล้อมให้คราบน้ำมันอยู่ในที่จำกัด และตักออกไปกำจัด และเมื่อมีการระบายน้ำแล้วเสร็จ จะส่งเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบการจัดการกากของเสียอุตสาหกรรมในโรงงานไม่ให้รั่วไหลออกไปสร้างผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ ซึ่งได้ทำการตรวจสอบโรงงานไปแล้ว จำนวน ๒๓๕ แห่ง จากจำนวนทั้งหมด ๘๘๘ แห่ง
|
|||||||||||||||||||||
31962 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2554 | กษ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พื้นที่ประสบอุทกภัย ๗๖ จังหวัด ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ๒. ผลกระทบด้านการเกษตร ๒.๑ ด้านพืช เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑,๒๘๗,๑๕๑ ราย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย ๑๒.๖๓ ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าว ๑๐.๐๐ ล้านไร่ พืชไร่ ๑.๘๗ ล้านไร่ พืชสวนและอื่น ๆ ๐.๗๖ ล้านไร่ ๒.๒ ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๑๓๑,๙๙๒ ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำคาดว่าจะเสียหาย แบ่งเป็น บ่อปลา ๒๑๖,๗๒๐ ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย ๕๓,๖๕๒ ไร่ กระชัง/บ่อซีเมนต์ ๒๙๘,๙๘๗ ตารางเมตร ๒.๓ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ ๒๕๔,๖๗๐ ราย สัตว์ได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น ๓๐.๓๒ ล้านตัว แปลงหญ้า ๑๗,๗๗๖ ไร่ ๓. สรุปความก้าวหน้าการช่วยเหลือ ณ วันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ ๓.๑ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอขอกรอบวงเงินเพิ่มเติม จำนวน ๑๘,๘๙๕.๙๑ ล้านบาท เนื่องจากกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (๘,๑๗๔.๕๔๕ ล้านบาท) ไม่เพียงพอ ซึ่งหากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับอนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติม กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมประมง จะดำเนินการขออนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณทันที วงเงิน ๑๒,๕๑๘,๘๐๒ ล้านบาท ๓.๒ สำนักงบประมาณอนุมัติงบประมาณให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เกษตรกร ๓๖๗,๔๗๔ ราย วงเงิน ๘,๐๘๔.๕๑๗ ล้านบาท ๓.๓ ธ.ก.ส. โอนเงินให้เกษตรกรแล้ว เกษตรกร ๓๑๙,๘๘๙ ราย วงเงิน ๗,๖๑๑.๙๙๔ ล้านบาท ๔. การดำเนินการช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ได้แก่ การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ การผลิตและใช้น้ำหมัก พด.๖ การสนับสนุนพืชอาหารสัตว์ การดูแลสุขภาพสัตว์ รวมทั้งการสนับสนุนแร่ธาตุและเวชภัณฑ์
|
|||||||||||||||||||||
31963 | การพิจารณาเกี่ยวกับการลงนามหนังสือรับมอบความช่วยเหลืออุทกภัยจากจีน | นร | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์) เป็นผู้ลงนามในหนังสือรับมอบ (Handover Certificate) ความช่วยเหลืออุทกภัยจากจีน โดยเป็นการบริจาคความช่วยเหลือทั้งในรูปของเงินสดและสิ่งของ จำนวน ๑ ฉบับ ในช่วงการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยแจ้งว่า ฝ่ายจีนจะมอบหมายให้นายเฉิน เต๋อหมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน เป็นผู้ลงนามฝ่ายจีน ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
31964 | เร่งรัดการอนุมัติค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย การเตรียมรองรับสถานการณ์อุทกภัยภาคใต้ การบริหารจัดการขยะและถุงทราย การดูแลรักษาความปลอดภัย และการฝึกอบรมเพื่อสร้างงานแก่ผู้ว่างงาน | นร | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องเร่งด่วนที่ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการ ดังต่อไปนี้
๑. ค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ๑.๑ ให้สำนักงบประมาณประสานกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนให้งบประมาณจำนวนรวม ๒๐,๑๑๐.๕๕๗๒ ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง สรุปผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย) เห็นชอบกรอบวงเงินดังกล่าวไว้แล้ว ได้รับการอนุมัติลงสู่จังหวัดที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในสัปดาห์นี้ เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้บรรลุผลโดยเร็วต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพื่อการนี้อีกจำนวนหนึ่งวงเงินประมาณ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยพิจารณาตามขั้นตอน แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ๑.๒ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการตรวจติดตามการดำเนินการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ ดังกล่าวที่ได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานหลักให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทราบ (ครั้งที่ ๑) ภายในสิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ ๒. การเตรียมการรองรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นเจ้าภาพหลักรับไปพิจารณาร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ที่ได้รับอิทธิพลจากพายุ และอาจเกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นได้ โดยให้พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการและแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยให้ชัดเจนเพื่อให้พร้อมดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้นำข้อมูลและแนวทางการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานครมาใช้ประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. การบริหารจัดการขยะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อกำจัดขยะมูลฝอยที่ยังตกค้างอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งกระสอบทรายและถุงทราย (Bib Bag) ที่ใช้กั้นน้ำให้หมดไปโดยเร็วเพื่อให้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีความสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย พร้อมต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้วย ๔. การดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๔.๑ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับไปกำกับติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในความรับผิดชอบทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือนในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เป็นจุดเสี่ยงในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้เคร่งครัด เพื่อให้ประชาชนมีขวัญกำลังใจและความมั่นใจในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ๔.๒ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) รับไปกำกับ ติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในประชาคมข่าวกรองอย่างเคร่งครัด และประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาความไม่สงบต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย ๕. การฝึกอบรมเพื่อสร้างงานให้แก่ประชาชนและผู้ว่างงานอันเนื่องมาจากสถานการณ์อุทกภัย มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการระยะสั้น (ประมาณ ๑ - ๒ วัน) ให้แก่ประชาชนผู้สนใจหรือผู้ที่ว่างงานอันเนื่องมาจากสถานการณ์อุทกภัยให้สามารถปฏิบัติงานเกี่ยวกับการซ่อมและฟื้นฟูที่อยู่อาศัยได้ เช่น การซ่อมบ้าน การทาสี เป็นต้น เพื่อให้บุคคลเหล่านี้มีอาชีพและมีรายได้จากการรับจ้างทำงานดังกล่าวได้ในช่วงเวลานี้ ซึ่งมีที่อยู่อาศัยที่ประสบอุทกภัยรอการซ่อมแซมและฟื้นฟูอยู่เป็นจำนวนมาก
|
|||||||||||||||||||||
31965 | วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | นร | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เสนอว่า โดยที่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญนิติบัญญัติจะเริ่มประชุมในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ และจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีได้ร้องขอให้รัฐสภาพิจารณาต่อไปตามมาตรา ๑๕๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น เพื่อให้การเสนอร่างพระราชบัญญัติต่อรัฐสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เห็นควรให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเป็นผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เป็นผู้เสนอ ๒. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองภูเก็ต พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองเพชรบุรี พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองนครสวรรค์ พ.ศ. .... มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เป็นผู้เสนอ ๓. ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ. .... มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เป็นผู้เสนอ ๔. ร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในทางแพ่งเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิควบคุมดูแลเด็ก พ.ศ. .... มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เป็นผู้เสนอ ๕. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ศาลฎีกาเป็นผู้เสนอ ๖. ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เป็นผู้เสนอ ๗. ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์) เป็นผู้เสนอ ทั้งนี้ เพื่อให้การพิจารณาและลงมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากรัฐมนตรีท่านอื่นไม่มีภารกิจ ขอความร่วมมือเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วย
|
|||||||||||||||||||||
31966 | การเตรียมการจัดการประชุมคณะรัฐมตรีในต่างจังหวัด (วันที่ 16 มกราคม 2555 ณ จังหวัดเชียงใหม่)(การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่) | นร | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเตรียมการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานงานกับจังหวัดเชียงใหม่และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์) เกี่ยวกับสถานที่สำหรับการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับจังหวัดเชียงใหม่และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายบุญทรง เตริยาภิรมย์) เพื่อพิจารณากำหนดโครงการที่จะมอบหมายให้คณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ โดยให้เน้นโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และให้เสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายในวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ให้จัดทำสรุปรายงานการลงพื้นที่เสนอคณะรัฐมนตรีในวันประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับทางภาคเอกชนและหอการค้าจังหวัดที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ ก่อนการรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งจะเสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติ ราชพฤกษ์ ๒๕๕๔ ๔. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดเชียงใหม่ในเรื่องเกี่ยวกับการจัดการต้นน้ำและศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
|
|||||||||||||||||||||
31967 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงแรงงาน) | รง | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอำมร เชาวลิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
31968 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังประจบ ตำบลน้ำรึม ตำบลตลุกกลางทุ่ง ตำบลวังหิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ตำบลวังตะคร้อ อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย และตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังประจบ ตำบลน้ำรึม ตำบลตลุกกลางทุ่ง ตำบลวังหิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ตำบลวังตะคร้อ อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย และตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ คือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลวังประจบ ตำบลน้ำรึม ตำบลตลุกกลางทุ่ง ตำบลวังหิน อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ตำบลวังตะคร้อ อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย และตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องประสานกับกรมป่าไม้เมื่อจะเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
31969 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการจ้างงานและแรงงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ | รง | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการจ้างงานและแรงงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้กรมการจัดหางานในฐานะหน่วยงานผู้ส่งมีอำนาจในการสรรหาและจัดส่งคนงาน และกำหนดให้สถาบันพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เกาหลี (HRD Korea) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการจ้างงานและแรงงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ในฐานะหน่วยงานผู้รับมีอำนาจในการจัดการบัญชีคนหางานและรับคนงาน ๑.๒ กำหนดให้มีการจัดสอบความสามารถภาษาเกาหลี เพื่อวัตถุประสงค์ในการคัดเลือกคนหางานตามกฎหมายการทำงานของแรงงานต่างชาติ ในกรณีที่จำเป็นอาจจะดำเนินการทดสอบทักษะฝีมือเพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมให้แก่นายจ้าง ๑.๓ กระทรวงการจ้างงานและแรงงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลีจะเป็นผู้กำหนดหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินการจัดฝึกอบรมเพื่อการทำงานและการตรวจสุขภาพ คนงานจะได้รับอนุญาตให้ทำงานในเกาหลีเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓ ปี นับจากวันที่เดินทางเข้าประเทศ และคนงานสามารถขยายระยะเวลาการทำงานออกไปได้อีกไม่เกิน ๒ ปี ๑.๔ กำหนดให้กรมการจัดหางานดำเนินการให้ความรู้เบื้องต้นแก่คนงานที่ได้ลงนามสัญญาจ้างแล้ว โดยอาจให้ความรู้เบื้องต้นด้วยตนเอง หรือจะให้องค์กรสาธารณะที่มีภารกิจดังกล่าวดำเนินการในการให้ความรู้โดยต้องมีการหารือเป็นการล่วงหน้ากับกระทรวงการจ้างงานและแรงงานแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ในกรณีที่จำเป็นสามารถคัดเลือกองค์กรซึ่งไม่ใช่หน่วยงานของรัฐในการดำเนินการให้ความรู้เบื้องต้น โดยมีเงื่อนไขว่าองค์กรที่ได้รับคัดเลือกต้องมีความโปร่งใสและมีความยุติธรรม ๑.๕ กำหนดให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและประสิทธิภาพในกระบวนการจัดส่งและรับ และทั้งสองฝ่ายอาจตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ณ จุดที่อาจจะมีการรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง ๑.๖ กำหนดให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันช่วยเหลือคนงานให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากการประกันการเดินทางกลับและการประกันค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับประเทศไทยก่อนเดินทางออกจากสาธารณรัฐเกาหลี ๑.๗ บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ลงนามของทั้งสองฝ่าย และจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา ๒ ปี บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้อาจจะมีการพักใช้หรือยกเลิกได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหากมีเหตุอันสมควร เช่น การละเมิด บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้จะยังคงมีผลบังคับระหว่างที่มีการดำเนินการเพื่อต่ออายุ เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องขอให้มีการสิ้นสุดการมีผลบังคับ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งทางการสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อให้บันทึกความเข้าใจฯ มีผลบังคับใช้ และออกหนังสือมอบอำนาจเต็มให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย |
|||||||||||||||||||||
31970 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ยาจุดกันยุงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ยาจุดกันยุงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยาจุดกันยุงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๒๓ และพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยาจุดกันยุงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๖ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการควบคุมการผลิตและนำเข้าของหน่วยงานที่ทำหน้าที่กำกับดูแลยาจุดกันยุง ๒ หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
31971 | สรุปประเด็นผลการประชุม "World Economic Forum Annual Meeting of the New Champion in Asia 2011" (Summer Davos) ณ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน | นร | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปประเด็นผลการประชุม “World Economic Forum Annual Meeting of the New Champion in Asia 2011” (Summer Davos) ระหว่างวันที่ ๑๔ - ๑๖ กันยายน ๒๕๕๔ ณ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยมีประเด็นสำคัญของการประชุม ดังนี้
๑. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม : พบว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ในขณะที่การส่งออกจากทวีปเอเชียยังคงสูงกว่าทุกทวีป ประชากรโลกจะสูงถึง ๙.๓ พันล้านคน ในปี ๒๐๕๐ ส่วนใหญ่อยู่ในจีน อินเดีย และแอฟริกา และชนชั้นกลางในประเทศตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ๒. ความสำเร็จของการพัฒนาแบบยั่งยืนจะเป็นชัยชนะในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันรูปแบบใหม่ (New Sustainability Champion) : สมาชิกเวทีการประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum : WEF) ร่วมกับ Boston Consulting Group (BCG) ได้ศึกษาวิธีปฏิบัติขององค์กรหรือบริษัทในประเทศตลาดเกิดใหม่ เพื่อหาแนวทางปฏิบัติรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน ๓. การสร้างนวัตกรรมโดยคำนึงถึงข้อจำกัดของทรัพยากร (Insights from Emerging Markets : Frugal Innovation) : แม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะทำให้หลายประเทศต้องชะลอหรือยกเลิกโครงการลงทุนด้านการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม แต่ประเทศในทวีปเอเชีย มีการลงทุนด้านนี้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มีความเข้มข้นของการลงทุนวิจัยและพัฒนาสูงกว่าอเมริกา ๔. ประโยชน์ของการศึกษาฟิสิกส์ดาราศาสตร์ต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม : นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามสร้างกล้องโทรทรรศน์ (Telescopes) และแบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาจักรวาล ศึกษาอะตอม และมีการประยุกต์ใช้จริงในเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ วัสดุตัวนำยิ่งยวด (Super conductors) และอื่นๆ ๕. การจัดตั้งชุมชนประชากรที่มีอายุระหว่าง ๒๐ - ๓๐ ปี ให้มีส่วนร่วมมากขึ้นในกระบวนการหรือเวทีในการกำหนดทิศทางการพัฒนา (Global Shapers Community) : เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเยาวชนมีบทบาทในการกำหนดอนาคตทิศทางและประเด็นท้าทายของโลก และเพื่อพัฒนาภาวะผู้นำเยาวชนเพื่อรับใช้สังคม ๖. ภาวะผู้นำจะเป็นปัจจัยที่สำคัญของการบริหารจัดการองค์กรให้สำเร็จในอนาคตภายใต้สถานการณ์ที่มีความผันผวนสูง : โดยมีปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ ความสามารถในการใช้คนเท่าเดิมแต่ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และการสร้างนวัตกรรมใหม่
|
|||||||||||||||||||||
31972 | การค้ำประกันเงินกู้ โครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกปี 2552/53 | กษ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาและการค้ำประกันเงินกู้ วงเงิน ๑๒๑,๖๑๙,๙๘๑.๑๘ บาท ออกไปจนกว่าสำนักงบประมาณจะสามารถจัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกปี ๒๕๕๒/๕๓ จนเสร็จสิ้น โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ รัฐบาลรับภาระชำระคืนต้นเงินและดอกเบี้ยจากการกู้เงิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรรายงานผลการดำเนินโครงการฯ โดยเฉพาะจำนวนสต็อกข้าวคงเหลือ รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ ให้คณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้รับทราบสถานการณ์เป็นระยะ ๆ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการและดำเนินการระบายข้าวได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และควรร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งส่งเสริมการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรให้เป็นศูนย์กลางในการซื้อขายสินค้าเกษตรอย่างจริงจังในแต่ละภูมิภาคของประเทศ เพื่อกระตุ้นให้กลไกตลาดมีการแข่งขันกันมากขึ้น และเป็นทางเลือกในการจำหน่ายสินค้าเกษตรของเกษตรกรในอนาคต นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและแปรรูปจากสินค้าข้าวอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดข้าวระดับบนมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
31973 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชานุมาน ตำบลคำเขื่อนแก้ว ตำบลโคกสาร ตำบลโคกก่ง และตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชานุมาน ตำบลคำเขื่อนแก้ว ตำบลโคกสาร ตำบลโคกก่ง และตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ คือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชานุมาน ตำบลคำเขื่อนแก้ว ตำบลโคกสาร ตำบลโคกก่ง และตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
31974 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขาดิน ตำบลหน้าเขา ตำบลพรุเตียว ตำบลสินปุน ตำบลเขาพนม ตำบลโคกหาร อำเภอเขาพนม และตำบลทุ่งไทรทอง อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขาดิน ตำบลหน้าเขา ตำบลพรุเตียว ตำบลสินปุน ตำบลเขาพนม ตำบลโคกหาร อำเภอเขาพนม และตำบลทุ่งไทรทอง อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ คือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๓๑ เพื่อกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินเฉพาะที่ดินที่มีการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเท่านั้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
31975 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านแก้ง และตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านแก้ง และตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ คือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านแก้ง และตำบลโคกปี่ฆ้อง อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีแนวเขตปฏิรูปที่ดินบางส่วนอยู่ในพื้นที่ควรสงวนไว้ไม่นำไปปฏิรูปที่ดิน สมควรที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมต้องประสานกับกรมป่าไม้เมื่อจะเข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
31976 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 5 ฉบับ | กษ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยบ้านยาง เป็นทาง น้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยบ้านยาง ในท้องที่ตำบลโคกกรวดและตำบลสุรนารี อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง เป็นทางน้ำ ชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทาน อ่างเก็บน้ำห้วยยาง ในท้องที่ตำบลธงชัยเหนือ อำเภอปักธงชัย และตำบลไชยมงคล อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำบึงหนองคู เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ๒.๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองบัว และทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองปรือ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และ ๒.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยซับหวายเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
31977 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปากคาด ตำบลโนนศิลา ตำบลสมสนุก ตำบลนาดง ตำบลหนองยอง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ และตำบลโพนแพง ตำบลนาทับไฮ ตำบลพระบาทนาสิงห์ อำเภอรัตนวาปี ตำบลวังหลวง ตำบลหนองหลวง ตำบลเฝ้าไร่ ตำบลนาดี ตำบลอุดมพร อำเภอเฝ้าไร่ ตำบลจุมพล ตำบลชุมช้าง ตำบลบ้านผือ ตำบลทุ่งหลวง ตำบลเหล่าต่างคำ ตำบลเซิม ตำบลวัดหลวง ตำบลสร้างนางขาว ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลนาหนัง อำเภอโพนพิสัย ตำบลสีกาย ตำบลหินโงม ตำบลหาดคำ ตำบลวัดธาตุ ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลสองห้อง อำเภอเมืองหนองคาย ตำบลบ้านฝาง อำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปากคาด ตำบลโนนศิลา ตำบลสมสนุก ตำบลนาดง ตำบลหนองยอง อำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ และตำบลโพนแพง ตำบลนาทับไฮ ตำบลพระบาทนาสิงห์ อำเภอรัตนวาปี ตำบลวังหลวง ตำบลหนองหลวง ตำบลเฝ้าไร่ ตำบลนาดี ตำบลอุดมพร อำเภอเฝ้าไร่ ตำบลจุมพล ตำบลชุมช้าง ตำบลบ้านผือ ตำบลทุ่งหลวง ตำบลเหล่าต่างคำ ตำบลเซิม ตำบลวัดหลวง ตำบลสร้างนางขาว ตำบลบ้านโพธิ์ ตำบลนาหนัง อำเภอโพนพิสัย ตำบลสีกาย ตำบลหินโงม ตำบลหาดคำ ตำบลวัดธาตุ ตำบลโพธิ์ชัย ตำบลสองห้อง อำเภอเมืองหนองคาย ตำบลบ้านฝาง อำเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ คือ ปรับปรุงพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอโพนพิสัย และอำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๒๑ เพื่อกำหนดเขตปฏิรูปที่ดินเฉพาะที่ดินที่มีการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเท่านั้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
31978 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวัดปทุมธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์เพิ่มขึ้น และกำหนดให้สีแดงเป็นสีประจำสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
31979 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ 2554 ของไตรมาส 4 | ทก | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Govermment Contact Center : GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไตรมาส ๔ ประเด็นที่ประชาชนสนใจสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ๒๕๕๔ การทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี โครงการบ้านหลังแรก การคืนภาษีรถยนต์คันแรกให้กับผู้ซื้อ การทำบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าและการใช้สิทธิ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา การพยากรณ์อากาศ ราคาทองคำ และราคาน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 สามารถให้ข้อมูลแก่ประชาชนอย่างเหมาะสม ทำให้ประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์ เกิดความเข้าใจที่ดีต่อภาครัฐ รวมทั้งสามารถเตรียมรับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ๒. โครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111 ยังเป็นช่องทางหนึ่งที่ให้ความช่วยเหลือสังคม เช่น การรับเรื่องร้องเรียน รับแจ้งเบาะแสและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริการประชาชนในเรื่องต่าง ๆ เช่น เปิดให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมและภัยพิบัติต่าง ๆ แจ้งเข้ามาที่สายด่วน ๑๑๑๑ รวมทั้งรับแจ้งเบาะแสยาเสพติด และประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
|
|||||||||||||||||||||
31980 | การมอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์ มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐเซอร์เบีย และให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐมาซิโดเนีย | กต | 19/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. ให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเอเธนส์ สาธารณรัฐเฮลเลนิก มีเขตอาณาครอบคลุม สาธารณรัฐเซอร์เบีย และให้เอกอัครรราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐเฮลเลนิกดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐเซอร์เบีย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเอเธนส์ อีกตำแหน่งหนึ่ง ๒. ให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี มีเขตอาณาครอบคลุม สาธารณรัฐมาซิโดเนีย และให้เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐตุรกีดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำสาธารณรัฐมาซิโดเนีย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงอังการา อีกตำแหน่งหนึ่ง
|
.....