ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1594 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 31861 - 31880 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
31861 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... | ยธ | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ [เรื่อง ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ในประเด็นข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการกำหนดเครื่องแบบพิเศษของส่วนราชการ โดยบางส่วนราชการได้มีการกำหนดรูปดาวเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายแสดงระดับ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับเครื่องหมายแสดงชั้นยศของข้าราชการฝ่ายทหารหรือข้าราชการตำรวจ ซึ่งการใช้เครื่องหมายรูปดาวของข้าราชการพลเรือนดังกล่าวอาจทำให้เกิดความสับสนระหว่างข้าราชการแต่ละประเภทได้ ดังนั้น หากเป็นกรณีที่ส่วนราชการที่กำหนดรูปดาวเป็นเครื่องหมายแสดงระดับไว้แล้วเห็นควรให้คงเดิม ส่วนกรณีที่ส่วนราชการจะกำหนดเครื่องหมายดาวขึ้นใหม่ เห็นควรให้ใช้เครื่องหมายอื่นแทน โดยไม่สมควรที่จะกำหนดรูปดาวเป็นเครื่องหมายแสดงระดับของข้าราชการฝ่ายพลเรือน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31862 | รายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2012) และข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ | นร | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2012) ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับที่ ๑๗ จาก ๑๘๓ ประเทศ ๑.๒ เห็นชอบ ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศเป็นผลสำเร็จและอันดับของประเทศไทยดีขึ้น ตามความเห็นของคณะกรรมการ ก.พ.ร. ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ดังนี้ ๑.๒.๑.๑ ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน ให้กรมที่ดินและกรมสรรพากรเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักศึกษาความเหมาะสมในการปรับลดอัตราภาษีหรือค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนทรัพย์สินเพื่อกำหนดเป็นมาตรการถาวร หรือปรับแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และควรเชื่อมโยงฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับกรมที่ดินให้สามารถตรวจสอบความเป็นนิติบุคคลของผู้ขอจดทะเบียนได้แบบ real time ๑.๒.๑.๒ ด้านการชำระภาษี ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมให้รัฐเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักศึกษารายละเอียดกระบวนการจัดเก็บภาษีของประเทศและปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษีใหม่ให้เกิดการบูรณาการ และศึกษาแนวทางการมอบอำนาจให้หน่วยงานอื่นจัดเก็บภาษีแทนได้ เพื่อให้เกิดระบบการชำระภาษีเพียงจุดเดียว ๑.๒.๑.๓ ด้านการปิดกิจการ ให้กรมบังคับคดีและศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการเร่งปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกำหนดมาตรการเพื่อลดระยะเวลาในกระบวนการปิดกิจการ ๑.๒.๑.๔ ด้านการค้าระหว่างประเทศ ให้กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า - ส่งออกสินค้าเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักดำเนินการผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำระบบ National Single Window ไปใช้ในการนำเข้า - ส่งออกอย่างเป็นรูปธรรม และศึกษาเพื่อกำหนดแนวทางในการลดค่าใช้จ่ายและลดจำนวนเอกสารในการนำเข้า - ส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการ ๑.๒.๑.๕ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักดำเนินการพัฒนาระบบการให้บริการจัดตั้งธุรกิจให้เป็นการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ๑.๒.๑.๖ ด้านการได้รับสินเชื่อ ให้กระทรวงการคลังและกรมบังคับคดีเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักดำเนินการเร่งรัดการประกาศใช้พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายล้มละลายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในสิทธิทางกฎหมายของเจ้าหน้าที่และลูกหนี้ในการขอสินเชื่อ กฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลเครดิตเพื่อขยายขอบเขตการจัดเก็บข้อมูลเครดิต เป็นต้น ๑.๒.๒ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงบริการตามรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ และสนับสนุนงบประมาณแก่สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อดำเนินการศึกษาวิจัยแนวทางการดำเนินงานของประเทศที่ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับต้น ๆ (Benchmarking) เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของไทย (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการศึกษาวิจัย) ๑.๒.๓ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาศึกษาและปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการปรับปรุงบริการของหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ๑.๒.๔ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสนับสนุนและพัฒนาระบบการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แก่หน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ๑.๒.๕ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบในการปรับปรุงบริการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก ๖ เดือน ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการติดตามและประเมินผลการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศเป็นผลสำเร็จและอันดับของประเทศไทยดีขึ้น เพื่อให้ผลการดำเนินการเรื่องนี้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพด้วย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเกี่ยวกับการกำหนดให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสนับสนุนและพัฒนาระบบการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แก่หน่วยงานต่าง ๆ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการพัฒนาระบบและดำเนินการระบบอย่างต่อเนื่องด้วย ไปประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. ส่วนการมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาศึกษาและปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการดังกล่าวแล้ว นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย กฎ และระเบียบ เพื่อเป็นการลดขั้นตอนและลดการขออนุญาตที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เหมาะสมกับภาคธุรกิจ เช่น การกำหนดระยะเวลา การดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ในกฎหมาย การกำหนดให้มีการพิจารณาร่วมกันระหว่างพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แล้วเสร็จในคราวเดียวกัน โดยมีมาตรฐานการพิจารณาเป็นอย่างเดียวกัน และการลดการอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
31863 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก กรณีศึกษาในจังหวัดระยอง | สสป | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็น ตามที่เลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การป้องกัน และแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก กรณีศึกษาในจังหวัดระยอง ดังนี้ ประเด็นที่ ๑ ชะลอการขยายและก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและมลภาวะในจังหวัดระยอง จนกว่าจะแก้ไขปัญหามลพิษไม่ให้เกินมาตรฐานที่กำหนด ประเด็นที่ ๒ เร่งฟื้นฟู บูรณะสิ่งแวดล้อมในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกอย่างจริงจัง โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในทุกระดับ ประเด็นที่ ๓ จัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบพิเศษในพื้นที่อุตสาหกรรมมาบตาพุดและบริเวณโดยรอบ เพื่อให้มีเอกภาพในการบริหารจัดการ ประเด็นที่ ๔ ให้ปรับปรุงผังเมืองรวมจังหวัดระยอง ประเด็นที่ ๕ จัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนา การแก้ไขและป้องกันปัญหาอันเกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ประเด็นที่ ๖ เพิ่มบริการสาธารณสุขและสถานศึกษาในจังหวัดระยองเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึงและเพียงพอ ประเด็นที่ ๗ เร่งฟื้นฟูและบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกให้สามารถรองรับการใช้น้ำของภาคอุตสาหกรรม ประเด็นที่ ๘ ให้มีองค์กรติดตามการแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ๒. ความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภูมิภาคในพื้นที่และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ดังนี้ ๒.๑ กลุ่มประเด็น : นโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดระยอง ประเด็นที่ ๑ ควรชะลอการขยายและก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่ที่อาจส่งผลกระทบต่อมลภาวะในจังหวัดระยอง ยกเว้นโรงงานที่จำเป็นต้องดำเนินการต่อเนื่อง ประเด็นที่ ๔ ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการจัดทำผังเมืองระยองให้แล้วเสร็จและประกาศใช้บังคับอย่างต่อเนื่อง และให้เทศบาลเมืองมาบตาพุดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องซึ่งรับการถ่ายโอนภารกิจปรังปรุงผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมหลักและชุมชน จังหวัดระยอง ประเด็นที่ ๗ มอบหมายให้กรมชลประทานเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการบูรณาการการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ๒.๒ กลุ่มประเด็น : การแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต ประเด็นที่ ๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟูบูรณะสิ่งแวดล้อมในพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกอย่างจริงจัง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและรัดกุม โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมทุกระดับ ประเด็นที่ ๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดีขึ้นและใช้กลไกที่มีอยู่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเชิงรุกและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการศูนย์เฝ้าระวัง และตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมที่จะเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบ ประเด็นที่ ๖ เห็นควรให้จังหวัดระยองดำเนินการสำรวจประชากรแฝงให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อจะได้ทำแผนในการดูแลคุณภาพชีวิตในทุกด้านอย่างมีประสิทธิภาพ ๒.๓ กลุ่มประเด็น : การบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ประเด็นที่ ๓ ให้กระทรวงมหาดไทยทำการศึกษารูปแบบในการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษดังกล่าวให้แล้วเสร็จ และนำเสนอต่อคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณา ประเด็นที่ ๘ ในระดับชาติควรมอบให้คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รับไปดำเนินการ และในระดับพื้นที่ควรมอบหมายจังหวัดระยองรับไปดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31864 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกแนวเขตที่ต้องเวนคืนในแปลงหมายเลขที่ ๒๐๗ ของแผนที่ท้ายพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๒๗ และให้ใช้แผนที่ท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน ๒. ให้ยกเลิกความในแปลงหมายเลข ๒๐๗ ของบัญชีรายชื่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินที่ต้องเวนคืนท้ายพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลห้วยโป่ง และตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๒๗ และให้ใช้ความตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้แทน
|
|||||||||||||||||||||||||||
31865 | รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี วุฒิสภา | สว | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ และผลการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมตามรายงานดังกล่าว และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป รายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นแนวทางการพัฒนาโครงการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ ฯ ๑.๑ ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล โดยมี ศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นเจ้าภาพหลัก พร้อมทั้งกำหนดแผนโลจิสติกส์และสิทธิประโยชน์พิเศษ ๑.๒ พิจารณาเร่งรัดการสนับสนุนงบประมาณการก่อสร้างถนนเชื่อมเส้นทางหลักหมายเลข ๔๒ ๑.๓ พิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินโครงการไก่สดแช่แข็ง โดยขอให้ บริษัท สหฟาร์ม จำกัด จัดทำข้อเสนอโครงการไก่สดแช่แข็ง ๒. ประเด็นมาตรการในการรักษาความปลอดภัยความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ได้กำหนดมาตรการในการรักษาความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุน ได้แก่มาตรการก่อนเหตุ และมาตรการขณะเกิดเหตุ ๓. ประเด็นการจัดกิจกรรมส่งเสริม กระทรวงพาณิชย์มีแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าฮาลาลอยู่เป็นประจำทุกปี โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ มีการจัดนิทรรศการฮาลาลในงาน THAIFEX-World of Food Asia 2012 การจัดคณะผู้แทนการค้าสินค้าอาหารไปเยือนตะวันออกกลาง การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ๔. ประเด็นระดับความรับผิดชอบของหน่วยงาน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในระดับนโยบาย ที่ปัจจุบันดำเนินการภายใต้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๐๖/๒๕๔๙ เรื่อง นโยบายเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้ระบุการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในส่วนของการพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ของท้องถิ่น ส่วนรายละเอียดการดำเนินการจะเป็นเรื่องของส่วนราชการที่รับผิดชอบโดยตรง
|
|||||||||||||||||||||||||||
31866 | ความคืบหน้าการเตรียมการด้านการเงินเพื่อการลงทุนวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ | นร | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างกฎหมาย รวม ๔ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎหมายปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ๑.๒ ร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ ๑.๓ ร่างกฎหมายกองทุนประกันภัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยกองทุนประกันภัย ๑.๔ ร่างกฎหมายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนำหลักการของร่างกฎหมายทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าว เสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศพิจารณา และกำหนดกรอบแผนงานและโครงการการลงทุน รวมทั้งกลไกในการบริหารจัดการกรอบเงินลงทุนดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาด้วย เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวมีความเชื่อมโยงและต้องดำเนินการให้สอดคล้องกัน จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางในการกำหนดรูปแบบของร่างกฎหมายดังกล่าวให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31867 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการบินพลเรือน | คค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการบินพลเรือน จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๔ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์ นาวาอากาศเอก วรพจน์ ขำพิศ ๒. เรืออากาศโท นรหัช พลอยใหญ่
|
|||||||||||||||||||||||||||
31868 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในทรัพย์สินของผู้ประสบอุทกภัย | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในทรัพย์สินของผู้ประสบอุทกภัย เพื่อช่วยเสริมสร้างสภาพคล่องและทำให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ประกอบด้วย มาตรการหักค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการรับจ้างผลิตสินค้า และมาตรการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการรับจ้างผลิตสินค้า ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการได้มาซึ่งทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการรับจ้างผลิตสินค้า เป็นจำนวนร้อยละยี่สิบห้าของเงินได้ที่ได้จ่ายไปนั้น ทั้งนี้ ต้องจ่ายไปตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้หักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินประเภทเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการรับจ้างผลิตสินค้าเบื้องต้นในวันที่ได้ทรัพย์สินนั้นมาในอัตราร้อยละสี่สิบของมูลค่าต้นทุน สำหรับมูลค่าต้นทุนส่วนที่เหลือให้หักตามเงื่อนไขที่กำหนดในประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ ต้องเป็นทรัพย์สินที่ได้มาตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๓. ให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31869 | ผลการตรวจติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการตรวจติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชนครอบครัวละ ๕,๐๐๐ บาท กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้แจ้งข้อมูลการให้ความช่วยเหลือครอบครัวละ ๕,๐๐๐ บาท (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔) จากการสำรวจจำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ๖๒ จังหวัด และกรุงเทพมหานคร มีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย จำนวน ๒,๑๔๑,๑๐๔ ครัวเรือน ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลแล้ว จำนวน ๘๗๘,๗๐๖ ครัวเรือน (ร้อยละ ๔๑.๐๔) ทั้งนี้ การขอรับความช่วยเหลือบางส่วน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้พิจารณากลั่นกรองแล้วไม่ส่งธนาคารออมสิน เนื่องจากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด หรือเป็นการขอที่ซ้ำซ้อน จึงส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสิน จำนวน ๘๐๓,๐๘๗ ครัวเรือน ซึ่งธนาคารออมสินได้ดำเนินการจ่ายเงินไปแล้ว จำนวน ๖๓๘,๖๘๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๓,๑๙๓,๔๓๕,๐๐๐ บาท (ร้อยละ ๗๙.๕๓) ๒. ด้านการซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔) ได้ให้ความช่วยเหลือกรณีบ้านเสียหายทั้งหลังเป็นค่าวัสดุ หลังละไม่เกิน ๒๔๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๑๘๑ หลัง จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว ๖๗ หลัง (ร้อยละ ๓๗.๐๒) เป็นเงิน ๑๖,๐๘๐,๐๐๐ บาท สำหรับการให้ความช่วยเหลือในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมที่อยู่อาศัยของราษฎรในพื้นที่จังหวัดซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัย จำนวน ๖๒ จังหวัด (กรุงเทพมหานครยังไม่ได้รายงาน) (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๔) มีบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง จำนวน ๑,๑๕๘ หลัง ให้ความช่วยเหลือแล้ว ๒๒๘ หลัง (ร้อยละ ๑๙.๖๙) เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๖,๕๗๑,๖๔๖.๐๐ บาท และบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหายบางส่วน จำนวน ๒๐๓,๘๔๗ หลัง ให้ความช่วยเหลือแล้ว ๒,๖๕๔ หลัง (ร้อยละ ๑.๓๐) เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๗,๗๕๔,๓๔๒.๐๐ บาท ๓. ด้านการฟื้นฟูเส้นทางคมนาคม ในส่วนของกรมทางหลวงได้ดำเนินการบูรณะฟื้นฟูเร่งด่วนทางสายหลัก จำนวน ๓๓ โครงการ รวม ๑๑ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาท ปทุมธานี อ่างทอง และสิงห์บุรี วงเงิน ๑,๘๑๓.๘๗๔๘ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการแล้วเสร็จไม่เกิน ๓ เดือน (ภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๕) รวมทั้งดำเนินการบูรณะเร่งด่วนโครงข่ายสำคัญ จำนวน ๖๗๕ โครงการ วงเงิน ๑๐,๐๘๔.๑๒๕๒ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน ๙ เดือน ซึ่งทุกโครงการจะเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ และจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๗ เดือน (ภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๕) สำหรับกรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูทางหลวงชนบทอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย รวมทั้งสิ้น ๑๑ โครงการ งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๓๙,๘๑๐,๐๐๐ บาท คาดว่าจะดำเนินการลงนามในสัญญาแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
31870 | การแต่งตั้งคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ | พม | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๒ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ และลงวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๔ พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติชุดใหม่ จำนวน ๑๐ คน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ยกเว้น นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการมีมติอนุมัติเป็นต้นไป
ซึ่งไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานกรรมการ ๒. นายศุภฤกษ์ หงษ์ภักดี กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๓. นายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ กรรมการ ๔. นายวัฒนา เชาวสกู กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ๕. นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ กรรมการ ๖. นายศิริโรจน์ ชาวปากน้ำ กรรมการ ๗. นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ กรรมการ ๘. นายนิวัต วัชรขจร กรรมการ ๙. นายคณิต แพทย์สมาน กรรมการ ๑๐. นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31871 | ร่างพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. .... | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างกฎหมาย รวม ๔ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎหมายปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ๑.๒ ร่างกฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ ๑.๓ ร่างกฎหมายกองทุนประกันภัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยกองทุนประกันภัย ๑.๔ ร่างกฎหมายการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนำหลักการของร่างกฎหมายทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าว เสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศพิจารณา และกำหนดกรอบแผนงานและโครงการการลงทุน รวมทั้งกลไกในการบริหารจัดการกรอบเงินลงทุนดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ให้ส่งร่างกฎหมายทั้ง ๔ ฉบับดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาด้วย เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวมีความเชื่อมโยงและต้องดำเนินการให้สอดคล้องกัน จึงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแนวทางในการกำหนดรูปแบบของร่างกฎหมายดังกล่าวให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31872 | มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม ในส่วนของหลักการและแนวทางการจ่ายเงินแก่ผู้ประสบภัยรถยนต์น้ำท่วม โดยให้ใช้เงินจากโครงการรถยนต์คันแรก ในวงเงิน ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักเกณฑ์สำหรับรถยนต์ที่ได้รับสิทธิ ๑.๑.๑ เป็นรถยนต์ใหม่ที่มีราคาขายปลีกไม่เกินคันละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๑.๒ เป็นรถยนต์นั่งที่มีขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน ๑,๕๐๐ ลูกบาศก์เซนติเมตร รถยนต์กระบะ รถยนต์นั่งที่มีกระบะ ๑.๑.๓ เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดทะเบียน) ๑.๒ หลักฐานประกอบสำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิ ๑.๒.๑ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ ๑.๒.๒ รูปถ่ายรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ๑.๒.๓ หลักฐานการลงทะเบียนขอใช้สิทธิการซื้อรถยนต์ใหม่ ๑.๒.๔ หลักฐานการรับรองว่ารถยนต์ดังกล่าวประสบภัยน้ำท่วมให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตประกาศกำหนด ๑.๒.๕ หนังสือรับรองการขอรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (ถ้ามี) ๑.๒.๖ เอกสารการแจ้งหยุดใช้รถยนต์ตลอดไปเนื่องจากน้ำท่วมจากกรมขนส่งทางบก ทั้งนี้ ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ต้องใช้สิทธิลงทะเบียนขอรับสิทธิในการซื้อรถยนต์ใหม่ที่กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยใช้สิทธิซื้อรถยนต์ใหม่ก่อนวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ อนึ่ง ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า ๕ ปี เว้นแต่กรณีเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังประกาศกำหนด และการจ่ายเงินตามสิทธิจะจ่ายให้เมื่อครอบครองรถยนต์ ๑ ปีไปแล้ว (เริ่มจ่ายให้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖) ๑.๓ แนวทางการดำเนินงาน ๑.๓.๑ ให้ผู้ประสบภัยลงทะเบียนขอใช้สิทธิในการซื้อรถยนต์ใหม่ที่กรมสรรพสามิตหรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕ พร้อมหลักฐานตามข้อ ๑.๒ ๑.๓.๒ ให้กรมบัญชีกลางมีอำนาจอนุมัติให้เงินสนับสนุนสำหรับรถยนต์คันใหม่ให้กับผู้ซื้อ พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การให้เงินสนับสนุน การติดตามเรียกเงินคืนกรณีผู้ซื้อปฏิบัติผิดเงื่อนไข ตลอดจนการติดตามจำนวนเงินดังกล่าวจากผู้ซื้อ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณากำหนดมาตรการเพิ่มเติมให้มีความรอบคอบรัดกุมเพื่อป้องกันมิให้มีการนำรถยนต์ที่ประสบภัยน้ำท่วม (และผู้ครอบครองรถยนต์ดังกล่าวได้ขอใช้สิทธิการซื้อรถยนต์ใหม่) ไปซ่อมและจำหน่ายเป็นรถยนต์ใช้แล้วได้อีก ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณากำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจน สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อผู้ประสบอุทกภัยอย่างแท้จริง รวมทั้งควรกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข กรณีผู้ซื้อปฏิบัติผิดเงื่อนไข ตลอดจนการติดตามจำนวนเงินจากผู้ซื้อให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีข้อโต้แย้งในภายหลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31873 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารเพื่อดำเนินการตามกฎบัตรอาเซียน | กต | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารเพื่อดำเนินการตามกฎบัตรอาเซียน ได้แก่ ๑.๑ ร่างกฎการดำเนินงานสำหรับการตีความกฎบัตรอาเซียน (Rules of Procedure for the Interpretation of the ASEAN Charter) มีสาระสำคัญกำหนดขั้นตอน กระบวนการ และรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง กรณีรัฐสมาชิกต้องการขอให้สำนักเลขาธิการอาเซียนตีความกฎบัตรอาเซียน โดยกำหนดสาระที่รัฐสมาชิกต้องระบุให้คำขอตีความและสาระในรายงานผลการตีความของสำนักเลขาธิการอาเซียน รวมทั้งระบบระยะเวลาการดำเนินการของสำนักเลขาธิการอาเซียน ๑.๒ ร่างกฎสำหรับการเสนอเรื่องการไม่ปฏิบัติตามให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนตัดสิน (Rules for Reference of Non - compliance to the ASEAN Summit) มีสาระสำคัญกำหนดขั้นตอนกระบวนการสำหรับรัฐสมาชิกในการเสนอเรื่องให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนตัดสิน กรณีที่ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐสมาชิกอีกประเทศหนึ่งไม่ปฏิบัติตามผลการวินิจฉัย ข้อเสนอนแนะ หรือข้อตัดสินใจ ซึ่งเป็นผลจากกลไกระงับข้อพิพาทอาเซียนภายใต้พิธีสารของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาท ๑.๓ ร่างตราสารผนวกกฎสำหรับการเสนอเรื่องการไม่ปฏิบัติตามให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนตัดสินเข้ากับพิธีสารของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาท (Instrument of incorporation of the Rules for Reference of Non - compliance to the ASEAN Summit to the Protocol to the ASEAN Charter on Dispute Settlement Mechanisms) มีสาระสำคัญเพื่อผนวกกฎฯ ในข้อ ๑.๒ เข้ากับพิธีสารของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาท เพื่อให้กฎดังกล่าวเป็นเอกสารแนบท้ายพิธีสารฯ โดยการจัดทำตราสารผนวกฯ เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติสากลของการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างกฎการดำเนินงานสำหรับการตีความกฎบัตรอาเซียน และร่างกฎสำหรับการเสนอเรื่องการไม่ปฏิบัติตามให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนตัดสิน ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕ ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ๓. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามร่างตราสารผนวกกฎสำหรับการเสนอเรื่องการไม่ปฏิบัติตามให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนตัดสินเข้ากับพิธีสารของกฎบัตรอาเซียนว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
31874 | สรุปผลการพิจารณาแผนงาน/โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) | มท | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแผนงาน/โครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๑,๐๒๖.๖๐๗ ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เสนอ ๒. ให้คณะกรรมการบริหารศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนการบริหารการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (กบภ.) และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเร่งรัดการตรวจติดตามการดำเนินการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่ได้ขออนุมัติงบประมาณไปแล้วอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินการตามแผนงาน/โครงการดังกล่าวบรรลุผลและเป็นไปอย่างถูกต้อง รัดกุม และประหยัด ทั้งนี้ ให้รายงานผลให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย ๓. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอนุมัติแผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปแล้วเป็นเงินรวมประมาณ ๙๓,๐๐๐ ล้านบาท (ไม่รวมที่เสนอครั้งนี้) รวมทั้งยังมีแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องอีก ซึ่งทำให้มียอดวงเงินโดยรวมใกล้เคียงกับกรอบวงเงินที่จะสามารถอนุมัติสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย จำนวนประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาทได้ จึงอนุมัติเป็นหลักการว่าโครงการใด ๆ ที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว หากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณได้พิจารณาทบทวนในรายละเอียด รวมทั้งจากผลการตรวจติดตามการดำเนินโครงการตามข้อ ๒ แล้วเห็นว่า สมควรยกเลิก เปลี่ยนแปลง หรือชะลอไปดำเนินโครงการในระยะยาว โดยใช้จ่ายจากงบประมาณปกติได้ ก็ให้นำเสนอ กฟย. และคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
31875 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย) | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับ ๑.๑ เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมรวมทั้งค่าวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมทรัพย์สินซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคาร หรือที่อยู่ในเขตอาคาร หรือห้องชุดในอาคารชุด และทรัพย์สินที่มีการประกอบติดตั้งติดกับตัวอาคารหรือห้องชุดในอาคารชุด รั้ว และประตูรั้ว ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ แต่ไม่เกินหนึ่งแสนบาท เป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๑.๒ เงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมและค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการซ่อมแซมรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ แต่ไม่เกินสามหมื่นบาท เป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์หรือเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์ที่ได้รับการซ่อมแซม ควรครอบคลุมถึงผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกน้ำท่วมรถยนต์ที่ไม่ได้อยู่ในท้องที่ที่ทางราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย และการกำหนดให้เงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องเป็นเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมรถยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ควรครอบคลุมถึงรถประเภทอื่น ๆ ซึ่งมิได้บัญญัติไว้ในกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รวมทั้งควรกำหนดให้นำมาตรการภาษีดังกล่าวมีผลใช้บังคับกับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ด้วย นอกจากนี้ ควรกำหนดหลักเกณฑ์การใช้สิทธิการหักค่าลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านให้รัดกุมกรณีที่มีผู้ถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งคน เพื่อป้องกันมิให้มีการใช้สิทธิรวมกันเกินกว่าวงเงินที่กำหนดหนึ่งแสนบาท ส่วนมาตรการให้หักค่าลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ กรณีหลักเกณฑ์ที่กำหนดว่าผู้มีเงินได้ต้องเป็นเจ้าของรถยนต์หรือผู้เช่าซื้อรถยนต์ ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ที่มิได้มีสถานะที่เป็นเจ้าของหรือผู้เช่าซื้อ เช่น ผู้เช่ารถรายวัน ผู้ยืมรถมาใช้ชั่วคราว และพนักงานขับรถที่มีหน้าที่ต้องดูแลรับผิดชอบรถยนต์เต็มเวลา เป็นต้น ไม่สามารถใช้สิทธิตามมาตรการนี้ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
31876 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เรื่อง การพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพืชสมุนไพร | สว | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เรื่อง การพัฒนากฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับพืชสมุนไพร ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ และผลการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามรายงานดังกล่าว และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้ ๑.พัฒนากฎหมายระดับรองให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ๒.พัฒนากฎหมายระดับรองภายใต้พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้อง ๓.วิจัยและพัฒนาความรู้และวิชาการเฉพาะด้าน ๔.ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการเผยแพร่ ๕.กำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติตามกฎหมายที่มีขั้นตอน ๖.ส่งเสริมการบูรณาการระบบบริการของภาครัฐที่ถือกฎหมายแต่ละฉบับที่เกี่ยวข้อง ๗.ปรับปรุงรายละเอียดการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร ๘.การจัดทำฐานข้อมูลงานวิจัยและพัฒนาพืชสมุนไพรอย่างเป็นระบบ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31877 | ร่างพระราชบัญญัติกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตวัฒนา และเขตสาทร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | นร | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์เพื่อกิจการขนส่งมวลชน โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ในท้องที่เขตห้วยขวาง เขตวัฒนา และเขตสาทร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
31878 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 27/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเทพนิมิต ตำบลหนองตาคง ตำบลทับไทร ตำบลโป่งน้ำร้อน ตำบลคลองใหญ่ อำเภอโป่งน้ำร้อน และตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
31879 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | นร | 27/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒. กำหนดให้กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม มีภารกิจเกี่ยวกับการส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยการวิจัย พัฒนา ฝึกอบรม สร้างจิตสำนึก และถ่ายทอดเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างยั่งยืน และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๓. กำหนดให้แบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย สำนักงานเลขานุการกรม กองส่งเสริมและเผยแพร่ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม ศูนย์สารสนเทศสิ่งแวดล้อม และสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๔. กำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายใน และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร รับผิดชอบงานขึ้นตรงต่ออธิบดี และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
31880 | ขอความเห็นชอบในการทำ Station's operator contract สำหรับสถานีเฝ้าตรวจนิวไคลด์กัมมันตรังสี (สถานี RN65) ภายใต้สนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ | วท | 27/12/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การทำ Station’s operator contract กับบริษัท Environment S.A. ซึ่งเป็นคู่สัญญาขององค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Provisional Technical Secretariat for the Comprehensive Nuclear - Test - Ban Treaty Organization : CTBTO/PTS) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑.๑ เพื่อช่วยเหลือคู่สัญญาของ CTBTO ในการก่อสร้างสถานีเฝ้าตรวจนิวไคลด์กัมมันตรังสี (สถานี RN65) ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน รวมทั้งการปฏิบัติงานภายในสถานี RN65 ก่อนขั้นตอนการรับรองสถานีของ CTBTO ๑.๑.๒ Testing and Evaluation and Post - Certification Activities Contract กับ CTBTO/PTS เพื่อการทดสอบ ประเมิน และปฏิบัติงานภายในสถานี RN65 และการปฏิบัติงานภายในสถานีเฝ้าตรวจความสั่นสะเทือนของพิภพ (สถานี PS41) ๑.๒ ให้เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยใน Station’s operator contract ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับข้อสังเกตของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับสัญญา ข้อ ๖ “ข้อตกลงนี้และเอกสารที่ผู้จัดหาสำหรับสถานีจัดให้มีต่อผู้ปฏิบัติงานของสถานี และข้อมูลจากการวัดเป็นความลับและจะต้องไม่ถูกสื่อสารต่อบุคคลอื่น นอกเสียจากว่ามีการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้จัดหาสำหรับสถานีและซีทีบีทีโอ” ควรมีหลักเกณฑ์ที่ทำให้สถานีดังกล่าวใช้เป็นหน่วยสนับสนุนการเฝ้าระวังภัยทางรังสี และการเตือนภัยแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิสำหรับประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ร่างสัญญาข้อ ๙ (Termination) สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติควรเจรจาเพื่อให้สัญญาดังกล่าวให้สิทธิแก่คู่สัญญาในการใช้สิทธิต่าง ๆ ภายหลังการบอกเลิกสัญญาโดยเท่าเทียมกัน และควรเจรจาให้มีการตัดข้อความในวรรคสองในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของบริษัท Environment S.A. ข้อความว่า ‘and shall be relieved from any liabillties on the Station’s Operator.” ออก เพื่อมิให้มีปัญหาว่าในภายหลังบริษัทฯ อาจหลุดพ้นจากความรับผิดทั้งหมดในกรณีที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติผิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการก่อนการลงนามด้วย |