ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1466 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 29301 - 29320 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29301 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 313/2555) [ขอส่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพิ่มเติม)] | นร04 | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๑๓/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพิ่มเติม [มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพิ่มเติมในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนและคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ] ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29302 | การส่งเสริมการท่องเที่ยวให้แก่ผู้เดินทางมาร่วมการประชุม ฝึกอบรม สัมมนา | นร05 | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) เสนอว่า เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศมากยิ่งขึ้น ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานใดของรัฐจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ฝึกอบรม สัมมนาที่มีชาวต่างประเทศจำนวนมากเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมฯ ขอให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพแจ้งข้อมูลการจัดการประชุมดังกล่าวให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทราบล่วงหน้า เพื่อกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้พิจารณาจัดกิจกรรมสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศให้เหมาะสมสอดคล้องกันต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
29303 | การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจร การขอความเห็นหน่วยงานเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี | นร | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การนำเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจร และการดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเหมาะสม จึงขอกำหนดแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจร การขอความเห็นหน่วยงานเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี และให้หน่วยงานของรัฐ รวมทั้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป ดังนี้
๑. การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจร ให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างเคร่งครัดว่า ในกรณีที่มีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจร ให้รัฐมนตรีเจ้าของเรื่องแจ้งข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นการภายในล่วงหน้าโดยด่วนก่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีและให้เสนอเรื่องอย่างเป็นทางการโดยส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในเวลา ๐๙.๐๐ น. ของวันจันทร์ (กรณีการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติในวันอังคาร) หากล่วงเลยกำหนดวันเวลาดังกล่าว มิให้เสนอเรื่องเป็นวาระจร ทั้งนี้ ยกเว้นเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ผู้บริหาร ประธานกรรมการ กรรมการในหน่วยงานของรัฐ และเรื่องที่มีผลกระทบหรือมีความอ่อนไหว (sensitive) ที่ไม่อาจเปิดเผยล่วงหน้าได้ หรือเรื่องที่เป็นความลับของทางราชการ ๒. การขอความเห็นหน่วยงานเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันอย่างเคร่งครัด ๒.๑ กรณีเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งขอความเห็นหรือข้อเสนอแนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานหลัก เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๗ วันทำการ (ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือแจ้ง) เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยด่วน ๒.๒ กรณีเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และยังไม่มีความเห็นหรือข้อเสนอแนะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำคัญ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ประกอบการเสนอเรื่องมาด้วย ให้กระทรวงการต่างประเทศ (กรณีมิได้เป็นหน่วยงานเจ้าของเรื่อง) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๕ วันทำการ (ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะมีหนังสือแจ้งไป) เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยด่วน ๒.๓ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาตามกรณีในข้อ ๒.๑ หรือข้อ ๒.๒ แล้ว หากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องยังมิได้เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเร่งรัดทวงถามความเห็นหรือข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดังกล่าว และหากครบกำหนด ๑๔ วันนับแต่วันที่ได้แจ้งให้เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะครั้งแรก ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมเรื่อง และรายชื่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่ยังไม่ได้เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. การติดตามและรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ๓.๑ กรณีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดระยะเวลาให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีไว้อย่างชัดเจน ให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีตามกำหนดเวลาดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓.๒ กรณีเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี แต่มิได้กำหนดระยะเวลาไว้อย่างชัดเจน ให้หน่วยงานของรัฐรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีทุกสามเดือน เพื่อให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓.๓ มติคณะรัฐมนตรีตามข้อ ๓.๑ และข้อ ๓.๒ กรณีมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ให้ระบุหน่วยงานเจ้าภาพหลักที่จะต้องรายงานผลการดำเนินการให้ชัดเจน และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีติดตามผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมรายชื่อเรื่องที่ค้างการดำเนินการซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมิได้จัดทำรายงานให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดและนำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบและพิจารณาสั่งการหรือนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามแต่กรณีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
29304 | การดำเนินงานของประเทศไทยตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี | นร | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม เป็นต้น ดำเนินการเร่งรัดมาตรการในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและการป้องกันการทรมาน ตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ที่มีอยู่เดิมหรือกำหนดมาตรการเสริม เพื่อให้การดำเนินการมีความชัดเจนและบังเกิดผลเป็นรูปธรรม แล้วรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๔๕ วัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
29305 | การจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (วันที่ 20 - 21 มกราคม 2556) | นร | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า การคัดเลือกโครงการจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่จะนำเข้ามาพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันอาทิตย์ที่ ๒๐-วันจันทร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดอุตรดิตถ์ นั้น ควรต้องยึดหลักว่าเป็นโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างแท้จริงที่จะต้องใช้จ่ายจากเงินงบกลาง และเป็นโครงการที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยรวมของจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณรับแนวทางดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
29306 | การขอยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 และการขออนุมัติลงนามสัญญาต่าง ๆ ที่ไม่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรี | นร05 | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการขอยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ และการขออนุมัติลงนามสัญญาต่าง ๆ ของส่วนราชการ ดังนี้
๑. ในการขอยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ นั้น ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ดังกล่าว ได้กำหนดให้คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) และคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) มีอำนาจหน้าที่ในการตีความและวินิจฉัยปัญหา รวมทั้งพิจารณาอนุมัติยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ คณะรัฐมนตรีไม่มีอำนาจยกเว้นหรือผ่อนผันระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ได้ ดังนั้น หากส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใดประสงค์จะขอยกเว้น หรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ดังกล่าว ให้เสนอเรื่องไปยัง กวพ. หรือ กวพ.อ. แล้วแต่กรณี โดยไม่ต้องนำเสนอขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ๒. กรณีการทำสัญญาใด ๆ ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ หากสัญญานั้นมิได้อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีที่จะต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบหรือมติคณะรัฐมนตรี ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ โดยไม่ต้องนำเสนอขอความเห็นชอบหรืออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
29307 | ร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีไทย - สหภาพยุโรป | พณ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ที่จะใช้ในการเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งครอบคลุมถึงความตกลงด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยกรอบการเจรจาจะครอบคลุม ๑๗ ประเด็น ได้แก่ การค้าสินค้า พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า มาตรการเยียวยาทางการค้า มาตรการปกป้องด้านดุลการชำระเงิน มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า การค้าบริการ การลงทุน การระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐ ทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ ความโปร่งใส การแข่งขัน การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือ และอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. รับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในเรื่องการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ว่า ภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคธุรกิจมีความเห็นว่า การเจรจาต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังเพื่อให้การเจรจามีประโยชน์มากที่สุด จัดให้มีมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน และต้องเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง เป็นธรรม และเป็นระบบ โดยประเด็นที่มีความห่วงกังวลมากที่สุด ได้แก่ การมีข้อผูกพันเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่เกินไปกว่าที่ตกลงไว้แล้วในองค์การการค้าโลกที่จะก่อให้เกิดการผูกขาดการเกษตรอย่างครบวงจร กระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และวิถีชีวิตของชุมชนและเกษตรกรรายย่อย รวมถึงอุปสรรคต่อการใช้มาตรการสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาและการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน การเปิดเสรีเครื่องดื่มสินค้าแอลกอฮอล์ และบุหรี่จะทำให้มีการบริโภคมากขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างกว้างขวาง รวมทั้งการสูญเสียฐานทรัพยากรของประเทศ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ๓. ให้ประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นหัวหน้าคณะในการเจรจาตามกรอบการเจรจาในเรื่องนี้ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กฎระเบียบ และเงื่อนไขการลงทุนที่ชัดเจนเพื่อดึงดูดและรองรับการลงทุนจากสหภาพยุโรปและจากประเทศอื่น ๆ ไปพร้อม ๆ กับกระบวนการเจรจา การใช้ช่องทางการจัดทำความตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุมในการผลักดันความร่วมมือในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายโอนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของภาคเอกชนไทยและต่อยอดความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ (Comparative advantage) เพื่อขยายโอกาสของไทยในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การเตรียมความพร้อมในเรื่องมาตรการรองรับและปรับตัว ตลอดจนมาตรการเยียวยาต่อการค้าสินค้าและการค้าบริการ อาทิ มาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว มาตรการกำกับดูแลการลงทุนให้มีการแข่งขันอย่างเท่าเทียม การเสริมสร้างการรวมกลุ่มของเกษตรกรรายย่อยและผู้ประกอบการขนาดย่อมให้มีความเข้มแข็งและมีอำนาจต่อรอง การพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี การผลิต การตลาด ราคาสินค้า ข้อตกลงต่าง ๆ ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีต่าง ๆ และคู่มือการปฏิบัติในการใช้สิทธิประโยชน์ความตกลงการค้าเสรีต่าง ๆ นอกจากนี้ เห็นควรพิจารณาเสนอความร่วมมือจากสหภาพยุโรปในสาขาต่าง ๆ ที่สหภาพยุโรปมีความเชี่ยวชาญเพื่อเป็นประโยชน์กับไทย อาทิ การพัฒนาระบบทดสอบมาตรฐานสินค้า รวมทั้งหารือกับภาคเอกชนในการกำหนดท่าทีของไทยต่อประเด็นต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชน และการเปิดเสรีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์ ซึ่งสหภาพยุโรปมีศักยภาพในการส่งออก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินต่อไปด้วย ๕. ให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ติดตาม ศึกษา และวิเคราะห์การเจรจาในเรื่องดังกล่าว แล้วชี้แจงให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างถูกต้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
29308 | ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ ปรับปรุงโครงสร้างผู้ถือหุ้นและกรรมการของบริษัทเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจประกันภัย ๑.๒ กำหนดให้กองทุนชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยแทนบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์และการใช้จ่ายเงินของกองทุนให้เหมาะสมขึ้น ๑.๓ กำหนดให้กองทุนมีอำนาจในการกู้ยืมเงิน หรือออกตราสารทางการเงินอื่นตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการบริหารกองทุนกำหนด และเป็นผู้ชำระบัญชีตามที่คณะกรรมการแต่งตั้ง รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมที่มาของกองทุนให้เหมาะสมด้วย ๑.๔ เพิ่มบทกำหนดโทษคณะกรรมการบริษัทที่ไม่ส่งมอบบัญชีและเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดของบริษัทให้แก่ผู้ชำระบัญชีภายในเจ็ดวัน ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแก้ไขถ้อยคำในร่างมาตรา ๓ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๙ วรรคสาม) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างมาตรา ๓ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๐ วรรคสาม) แห่งพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จาก “... รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ...” เป็น “... รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ...” ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29309 | ขอความเห็นชอบปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการยกระดับมุมมองมิติหญิงชายและความร่วมมือระหว่างสตรีในอาเซียนเพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม | พม | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการยกระดับมุมมองมิติหญิงชายและความร่วมมือระหว่างสตรีในอาเซียนเพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม (Vientiane Declaration on Enhancing Gender Perspectives and ASEAN Women’s Partnership in the Environment Sustainability) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับรองปฏิญญาดังกล่าวในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี (ASEAN Ministerial Meeting on Women : AMMW) ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการดำเนินงานต่อไป โดยสาระสำคัญของปฏิญญาฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อส่งเสริมบทบาทและการมีส่วนร่วมของสตรีในด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนของอาเซียนผ่านความร่วมมือในกรอบต่าง ๆ ของอาเซียน และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนนำหลักการไปปรับใช้โดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรแก้ไขคำกล่าวยืนยันพันธกรณีที่จะร่วมกันส่งเสริม โดยข้อ ๑ แก้ไขเป็น ทักษะความรู้ของสตรีในการจัดการสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) และข้อ ๕ แก้ไขเป็น ส่งเสริมสตรีในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนภายใต้ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ นอกจากนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ควรประสานการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้สามารถดำเนินงานตามปฏิญญาฯ ที่ให้การรับรองไว้ รวมทั้งให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการประสานการดำเนินงานและติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานให้เป็นไปตามปฏิญญาฯ ทั้งในระดับประเทศและในระดับอาเซียนอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บรรลุตามปฏิญญาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29310 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์) | สธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่ง สาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29311 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ดังนี้
๑. เพิ่มเติมผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ ๒. เพิ่มเติมผู้แทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (๑ ท่าน) เป็นกรรมการ ๓. เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ "ให้มีอำนาจในการผลักดันการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามนโยบายและแผนที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งกำกับดูแลการติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายฯ ของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง" ทั้งนี้ สามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายฯ ของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการฯ ทราบเป็นระยะๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29312 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายสกนธ์ ชุมทัพ) | ศธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสกนธ์ ชุมทัพ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29313 | การกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปีงบประมาณ 2556 | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินในประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่ครบกำหนด โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน และการค้ำประกันในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ๒. ให้กระทรวงการคลัง และ ธอส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนงานและแนวทางในการบริหารจัดการความไม่สอดคล้องของระยะเวลาระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินเพื่อลดความเสี่ยงทางด้านสภาพคล่องของธนาคาร ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เน้นการขยายระยะเวลาของหนี้สินจากระยะสั้นเป็นระยะกลางถึงยาวให้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้สามารถรองรับการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและตามภารกิจหลักของธนาคาร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29314 | ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 48 (1) แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551) | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดห้ามมิให้สถาบันการเงินไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้สินเชื่อทำธุรกรรมที่มีลักษณะคล้ายการให้ สินเชื่อ หรือประกันหนี้แก่กรรมการ ผู้จัดการ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าที่เรียกชื่ออย่างอื่น ผู้มีอำนาจในการจัดการของสถาบันการเงิน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าว เว้นแต่เป็นการให้สินเชื่อในรูปของบัตรเครดิตตามอัตราขั้นสูงที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด หรือการให้สินเชื่อเพื่อเป็นสวัสดิการแก่บุคคลดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท. ประกาศกำหนด เมื่อเห็นว่าการให้สินเชื่อนั้นไม่ได้เป็นการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินออกจากสถาบันการเงินโดยมิชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในประเด็นการขัดกันของผลประโยชน์ระหว่างกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินกับสถาบันการเงิน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาในรายละเอียดสาระสำคัญของกฎหมาย และหลักเกณฑ์ที่ ธปท. จะประกาศกำหนด รวมทั้งระเบียบปฏิบัติอื่นที่ใช้บังคับกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่จะได้รับผลกระทบภายหลังการแก้ไขเพิ่มเติมในครั้งนี้ โดยรักษามาตรฐานการกำกับดูแลให้อยู่ในระดับสากล โดยเฉพาะการกำกับดูแลธุรกรรมที่เกิดขึ้นระหว่างสถาบันการเงินประเภทต่าง ๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทประกันภัย เป็นต้น เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของสถาบันการเงินและระบบการเงินโดยรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
29315 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๔ ดังนี้
๑. กำหนดให้กรรมการปฏิรูปกฎหมายที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่เต็มเวลาซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาปฏิบัติงานเช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานของกรรมการปฏิรูปกฎหมายตามมาตรา ๔ ๒. กำหนดให้กรรมการซึ่งได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอยู่แล้วในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาปฏิบัติงานย้อนหลังไปนับตั้งแต่วันที่กรรมการผู้นั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
29316 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ หรือบริการสาธารณะอื่น เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. .... | นร09 | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะ หรือการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ หรือบริการสาธารณะอื่น เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. กำหนดให้อุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดให้มีในอาคารหรือสถานที่อื่น ต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรงและปลอดภัยในการใช้งาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการพิเศษของคนพิการแต่ละประเภท ๒. กำหนดให้นำบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารมาใช้บังคับโดยอนุโลมในการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการ ในอาคารหรือสถานที่ ๓. กำหนดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการพิเศษของคนพิการแต่ละประเภท ในอาคารที่มีผู้ปฏิบัติงานเป็นคนพิการร่วมอยู่ด้วย ๔. กำหนดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้อย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กำหนด ในอาคารหรือสถานที่ของหน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน หรือองค์กรอื่นใด ๕. กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติดำเนินการตามที่กำหนด ในเรื่องการจัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือบริการในอาคารหรือสถานที่เพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29317 | รายงานประจำปี 2554 พร้อมรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ พร้อมรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การวิจัย พัฒนาและเผยแพร่หลักสูตร สื่อ อุปกรณ์และกระบวนการเรียนรู้ โดยดำเนินโครงการวิจัย พัฒนาหลักสูตร สื่อกระบวนการเรียนการสอนการวัดและประเมินผลให้ทันสมัยทัดเทียมนานาชาติ โครงการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ดิจิทัล ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี และโครงการวิจัยติดตามประเมินผลเพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งในประเทศและร่วมกับนานาชาติ ๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการพัฒนาศักยภาพครู เพื่อเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง และโครงการพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนพระราชดำริและโรงเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาร ๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การประเมินมาตรฐานการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการพัฒนาและประเมินมาตรฐานครูบุคลากรทางการศึกษาและสถานศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี และโครงการพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินสัมฤทธิผลการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การสร้างความเข้าใจให้สาธารณชนตระหนักในความสำคัญของวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายและแหล่งเรียนรู้ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต และโครงการสร้างความตระหนักในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี ๒. การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างเต็มศักยภาพ ๒.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการพัฒนาและส่งเสริมการจัดการเรียนรู้สำหรับผู้ที่มีความรู้ความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ช่วงชั้นที่ ๒, ๓ และ ๔ และโครงการจัดการแข่งขันคอมพิวเตอร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒๓ ในปี ๒๕๕๔ ณ ประเทศไทย ๒.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๖ การพัฒนาและส่งเสริมครูที่มีความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ๓. การปรับปรุงกระบวนการจัดการบริหารภายในและความรู้สู่องค์กรคุณภาพสูง ๓.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๗ การพัฒนาขีดความสามารถองค์กรให้มีศักยภาพสูง กำหนดเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนด้วยความมั่นคง ต่อเนื่อง มีการประสานงานที่ดีตลอดเวลา รวมทั้งเตรียมความพร้อมให้มีบุคลากรที่มีศักยภาพสูง มีระบบงาน กระบวนการ และทรัพยากรทางการบริหารจัดการที่มีคุณภาพ ทันสมัย และใช้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๓.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๘ การพัฒนาและบริหารจัดการองค์ความรู้ โดยดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ระบบงานและค่าตอบแทน โครงการเสริมสร้างบทบาทของ สสวท. ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากร โครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อขยายขีดความสามารถการดำเนินภารกิจ โครงการพัฒนาและบริหารจัดการความรู้ และโครงการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ๔. ทิศทางและแผนการดำเนินงาน ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ๔.๑ การยกระดับคุณภาพการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี เน้นการบูรณาการแผนงาน และทรัพยากรกับหน่วยงานอื่นเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ ๔.๒ การพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และเทคโนโลยี อย่างเต็มตามศักยภาพ มุ่งเน้นการดำเนินกิจกรรมสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษอย่างต่อเนื่อง ๔.๓ การปรับปรุงกระบวนการจัดการบริหารภายในและความรู้สู่องค์กรคุณภาพสูง ปรับโครงสร้างองค์กรให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ปรับโครงสร้างเงินเดือนเพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถและรักษาบุคลากรที่มีไว้กับองค์กร รวมทั้งพัฒนาและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อขยายขีดความสามารถในการดำเนินภารกิจที่จะส่งผลต่อกระบวนการบริหารจัดการภายในที่มีประสิทธิภาพ ๕. งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว โดยผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของ สสวท. ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญ ตามหลักการบัญชีที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||
29318 | ร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ในกรณีที่การผลิตอากาศยานมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศ หรือมีเหตุอันควรในการส่งเสริมการประกอบกิจการดังกล่าว หรือเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามความตกลงระหว่างประเทศ อาจตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นคุณสมบัติและลักษณะของผู้ขอรับใบอนุญาตตามวรรคหนึ่ง (๒) และ (๔) โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาของการยกเว้นไว้ด้วยก็ได้ ๒. กำหนดให้ยกเลิกวรรคสามของมาตรา ๔๑/๒๕ แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓. กำหนดให้ในกรณีที่การผลิตส่วนประกอบสำคัญของอากาศยานกรณีใดมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศ หรือมีเหตุอันสมควรในการส่งเสริมการประกอบกิจการดังกล่าว หรือเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามความตกลงระหว่างประเทศ อาจตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นคุณสมบัติและลักษณะของผู้ขอรับใบอนุญาตตามมาตรา ๔๑/๒๓ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๔) โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาของการยกเว้นไว้ด้วยก็ได้ ๔. กำหนดให้ในกรณีที่การประกอบกิจการหน่วยซ่อมประเภทที่หนึ่งกรณีใดมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจากต่างประเทศ หรือมีเหตุอันสมควรในการส่งเสริมการประกอบกิจการดังกล่าว หรือเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีตามความตกลงระหว่างประเทศ อาจตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อยกเว้นคุณสมบัติและลักษณะของผู้ขอรับใบรับรองตามมาตรา ๔๑/๒๓ วรรคหนึ่ง (๒) และ (๔) โดยจะกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และระยะเวลาของการยกเว้นไว้ด้วยก็ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
29319 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... | พม | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดความหมายของสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตรายและลักษณะการกระทำที่เป็นพฤติกรรมอันตราย ซึ่งรวมถึงการกระทำวิปริตทางเพศ การกระทำทารุณกรรมต่อเด็ก การฆ่าตัวตายของเด็กหรือเป็นหมู่คณะ การใช้ยาเสพติด การกระทำความผิดต่อชีวิตและความผิดต่อทรัพย์สิน และขยายความหมายของคำว่า “เด็ก” ให้ครอบคลุมถึงตัวแสดงที่ปรากฏอยู่ในสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตรายซึ่งมีลักษณะที่ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นเด็กด้วย ๒. กำหนดให้พระราชบัญญัตินี้ไม่กระทบกระเทือนถึงอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการหรือเจ้าหน้าที่อื่นตามกฎหมายอื่นที่มีลักษณะหรือเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย และกำหนดให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยและการวางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการและการประสานงาน ๓. กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นรัฐมนตรีของกระทรวงที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย และให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตนเท่านั้น ๔. กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย ซึ่งประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ๕. กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการ ๖. กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการเข้าไปตรวจค้นในสถานที่หรือเคหสถานของบุคคล ค้นบุคคลหรือยานพาหนะ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตรายหรือทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือจะใช้ในการกระทำความผิดซึ่งอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ยึดหรืออายัดสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตรายหรือพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด รวมทั้งมีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดในพัสดุภัณฑ์ จดหมาย ตู้ไปรษณียภัณฑ์ ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ฯลฯ เมื่อปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าจะได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ทั้งนี้ จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลและต้องรายงานผลการดำเนินการให้ศาลทราบด้วย และให้เจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ๗. กำหนดความผิดและบทกำหนดโทษสำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย |
|||||||||||||||||||||||||||
29320 | การกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้เงินกู้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ปีงบประมาณ 2556 | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กู้เงินในประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงินไม่เกิน ๑๑๓,๗๙๘ ล้านบาท เพื่อ Roll Over เงินกู้โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๑/๕๒ ที่จะครบกำหนดชำระคืน โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน รัฐบาลรับภาระชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ยจากการกู้เงินและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินการ Roll Over ทั้งหมด ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนบริหารจัดการระบายผลผลิตทางการเกษตรและแผนการบริหารเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร เพื่อให้โครงการรับจำนำฯ มีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งลดภาระงบประมาณในการชดใช้ดอกเบี้ยและภาระการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐบาล และให้กระทรวงการคลังบริหารจัดการการค้ำประกันเงินกู้ของภาครัฐ โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องจากภายใต้กรอบวงเงินค้ำประกันเงินกู้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ ๔๘๐,๐๐๐ ล้านบาท มีวงเงินคงเหลือที่รัฐบาลสามารถค้ำประกันเงินกู้ได้อีกเพียงจำนวน ๗๙,๑๓๐ ล้านบาท ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
.....