ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1468 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 29341 - 29360 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29341 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล และกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาลและกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาต การอนุญาต การขอใบอนุญาต การออกใบอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล รวมทั้งกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาลในการออกใบอนุญาต ๒. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. ๒๕๒๐ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเจาะน้ำบาดาล และใบอนุญาตใช้น้ำบาดาล
|
|||||||||||||||||||||||||||
29342 | การลงนามบันทึกความตกลงด้านการศึกษาไทย - จีน | ศธ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงด้านการศึกษาไทย-จีน (Agreement on Educational Cooperation between the Ministry of Education of the People’s Republic of China and the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand) ในช่วงการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน (นายเวิน เจียเปา) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ สำหรับสาระสำคัญของบันทึกความตกลงฯ เป็นข้อตกลงระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่จะร่วมมือกันในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทางด้านการศึกษาและวิชาการ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ และนักวิชาการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศทุกด้านบนพื้นฐานของความเท่าเทียม และต่างตอบแทน โดยเนื้อหาของบันทึกความตกลงฯ ระบุกรอบความร่วมมือทางการศึกษาและการฝึกอบรมอย่างกว้าง ๆ ครอบคลุมความร่วมมือทุกระดับ และการดำเนินงานจะเป็นไปภายใต้กฎหมายและระเบียบของแต่ละประเทศ ซึ่งจะมีคณะทำงานร่วม (Joint Working Group) เป็นกลไกสำคัญในการกำกับดูแลและการดำเนินงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29343 | ขออนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือ | กต | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือ (Memorandum of Understanding between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs of the People’s Republic of China on Intensifying Cooperation) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างกระทรวงการต่างประเทศของสองฝ่าย และส่งเสริมการประสานงาน การหารือ และความร่วมมือระหว่างกัน อาทิ การจัดตั้งสายด่วนระหว่างผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่าย การแลกเปลี่ยนการเยือน ความร่วมมือด้านการฝึกอบรมและด้านการศึกษาวิจัย รวมทั้งการสื่อสารในระดับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของคู่ภาคี เป็นต้น ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||
29344 | โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2555/56 | พณ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๑๖/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติเป้าหมายการรับจำนำมันสำปะหลัง ในจำนวน ๑๐ ล้านตัน เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา และให้ปรับลดวงเงินค่าใช้จ่ายลงตามสัดส่วนของปริมาณเป้าหมายที่ลดลง โดยให้ใช้งบประมาณจากกรอบวงเงินเดิม ๔๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕) ซึ่งหากมีความจำเป็นสามารถขอขยายเพิ่มเติมในภายหลัง เพื่อไม่ให้กรอบวงเงินค่าใช้จ่ายสูงเกินไปและส่งผลต่อกรอบวงเงินของสินค้าเกษตรชนิดอื่น ประกอบกับราคามันสำปะหลังในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับราคารับจำนำ ทั้งนี้ ควรดำเนินการรับจำนำเมื่อราคามันสำปะหลังลดต่ำกว่าเกณฑ์ราคาที่กำหนด ตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ ๑.๒.๑ ปรับลดวงเงินจ่ายขาด จำนวน ๕,๒๒๓.๐๕๖ ล้านบาท ให้สอดคล้องกับปริมาณเป้าหมาย รวมทั้งปรับลดค่าแปรสภาพให้สอดคล้องกับการนำผลผลิตหัวมันสำปะหลังสดไปผลิตเป็นเอทานอลโดยตรง โดยอัตราค่าใช้จ่ายจ่ายขาดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ตั้งงบประมาณรองรับการดำเนินโครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ไว้แล้ว โดยให้มีค่าใช้จ่ายต่อหน่วย (Unit Cost) ในอัตราเดียวกับการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๔/๕๕ ต้นทุนเงิน ในอัตรา FDR+1 และค่าบริหารโครงการ ในอัตราร้อยละ ๒.๒๕ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ปรับระยะเวลาดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับระยะเวลาดำเนินการจริง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๒.๒ นำส่งเงินจากการจำหน่ายสินค้าตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังเพื่อชำระหนี้ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในทันทีและ/หรือภายใน ๓ วันทำการ โดยยึดแนวทางการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง การจัดหาเงินทุนเพื่อดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) ๑.๒.๓ จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับปริมาณสต็อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และแผนการระบายมันสำปะหลัง รวมทั้งร่วมกับกระทรวงพลังงานในการจัดทำแผนการใช้มันสำปะหลังในการผลิตเอทานอล ๑.๓ ให้กระทรวงพลังงานจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ผู้ประกอบการด้านการพลังงาน เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันและการส่งออกเอทานอลของประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการลดภาระการรับจำนำมันสำปะหลังของประเทศ ๒. ให้เริ่มดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๕-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ สำหรับราคารับจำนำให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังได้กำหนดไว้ (ราคารับจำนำหัวมันสดที่มีเชื้อแป้งร้อยละ ๒๕ ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ กำหนดไว้กิโลกรัมละ ๒.๖๐ บาท) ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ปรับลดวงเงินค่าใช้จ่ายลงตามสัดส่วนของปริมาณเป้าหมายการรับจำนำที่ลดลง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ใช้เงินในกรอบวงเงิน จำนวน ๔๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี ๒๕๕๔/๕๕) และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณจัดทำแผนการบริหารเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินโครงการและแผนการบริหารจัดการสต็อก (stock) มันสำปะหลังอย่างเป็นระบบ รวมทั้งตรวจสอบปริมาณมันสำปะหลังที่รับจำนำไว้เดิมและที่ระบายไปแล้ว และต้องรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการระบายมันสำปะหลัง ปริมาณ และมูลค่าสินค้าคงเหลือให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นรายไตรมาสในแนวทางเดียวกับการดำเนินการเรื่อง ข้าว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานผลการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๔/๕๕ และพิจารณาปริมาณและวงเงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖) ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29345 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 18 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 8 | ทส | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๘ และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๘ (COP18/CMP8) ระหว่างวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน-๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบการแต่งตั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมดังกล่าว และให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนในกรณีที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนได้ ๓. เห็นชอบกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๘ วัตถุประสงค์ของการเจรจา เพื่อให้เกิดข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาฯ ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายสูงสุดของอนุสัญญาฯ กล่าวคือ การบรรลุถึงการรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศให้คงที่ อยู่ในระดับที่ปลอดภัยจากการแทรกแซงจากกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นอันตรายต่อระบบภูมิอากาศ การรักษาระดับดังกล่าวต้องดำเนินการในระยะเวลาเพียงพอที่จะให้ระบบนิเวศปรับตัว โดยไม่คุกคามต่อการผลิตอาหารของมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน ๔. เห็นชอบกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๘ วัตถุประสงค์ของการเจรจา เพื่อให้ข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศในภาคผนวกที่ ๑ หรือประเทศพัฒนาแล้ว เกิดช่วงพันธกรณีที่ ๒ ภายใต้พิธีสารฯ และมีผลบังคับใช้โดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์สูงสุดของอนุสัญญาฯ กล่าวคือ การรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศให้คงที่อยู่ในระดับที่ปลอดภัยจากการแทรกแซงจากกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นอันตรายต่อระบบภูมิอากาศ การรักษาระดับดังกล่าวต้องดำเนินการในระยะเวลาเพียงพอที่จะให้ระบบนิเวศปรับตัว โดยไม่คุกคามต่อการผลิตอาหารของมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นไปได้อย่างยั่งยืน ๕. ให้นำกรอบเจรจาฯ ตามข้อ ๓ และ ๔ เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ทั้งนี้ ให้ผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมจะต้องระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นหรือการแสดงท่าที่เกี่ยวกับกรอบการเจรจาดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
29346 | มาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | กค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการฯ เสนอ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และผู้ว่าราชการจังหวัด ติดตามและกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินโดยเคร่งครัด ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ พร้อมทั้งรายงานปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามแผน หรือการปรับแผนต่อคณะกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐอย่างช้าก่อนสิ้นไตรมาส ๓. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายให้คลังจังหวัดทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการหรือคณะทำงานในการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณในเขตพื้นที่จังหวัดของแต่ละจังหวัด โดยให้สำนักงบประมาณรวบรวมข้อมูลงบประมาณ ตามมิติส่วนราชการ (Function) และมิติพื้นที่ (Area) เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามเร่งรัดการโอนเงินงบประมาณที่ต้องดำเนินการในเขตพื้นที่จังหวัดของแต่ละจังหวัด ๔. ให้คณะทำงานติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐของกรมบัญชีกลางลงพื้นที่ เพื่อตรวจสอบติดตามหน่วยงานที่มีการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินล่าช้า เพื่อรายงานต่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ |
|||||||||||||||||||||||||||
29347 | ขออนุมัติการจัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ CTBT ASEAN NDC Development Workshop ณ จังหวัดเชียงใหม่ ราชอาณาจักรไทย ระหว่างวันที่ 26 - 28 พฤศจิกายน 2555 | วท | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติในฐานะตัวแทนของประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศสมาชิกของคณะกรรมาธิการการเตรียมการสำหรับองค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (Preparatory Commission for the Comprehensive Nuclear-Test-Ben Treaty Organization : CTBTO Prep Com) ตอบรับการเป็นผู้ลงนามในหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ CTBT ASEAN National Data Centre (NDC) Development Workshop ณ จังหวัดเชียงใหม่ ราชอาณาจักรไทย ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตามหนังสือของคณะกรรมาธิการฯ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่มิใช่สารัตถะสำคัญของหนังสือของคณะกรรมาธิการฯ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการแทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. อนุญาตให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ โดยเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นผู้ลงนามในหนังสือตอบรับการเป็นเจ้าภาพฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการฯ ไปยังคณะกรรมาธิการฯ ตามแนวทางที่กระทรวงการต่างประเทศเคยให้ไว้ |
|||||||||||||||||||||||||||
29348 | การประชุมระดับโลกว่าด้วยโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ค.ศ.2012 ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ทก | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทย โดยมีนายไชยยันต์ พึ่งเกียรติไพโรจน์ ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมการประชุมระดับโลกว่าด้วยโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ค.ศ. ๒๐๑๒ ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (World Conference on International Telecommunications 2012 : WCIT-12) ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ ๓-๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยวัตถุประสงค์ของการประชุม WCIT-12 เป็นเวทีสำหรับคณะผู้แทนจากประเทศสมาชิกของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) จาก ๑๙๓ ประเทศทั่วโลก ในการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎข้อบังคับโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Regulation : ITRs) เนื่องจาก ITRs ฉบับที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๘๘ จึงไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันของกิจการโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาออกตราสารแต่งตั้งผู้แทนไทย (Credentials) โดยมอบอำนาจให้ผู้แทนไทยเข้าร่วมอภิปราย แสดงความคิดเห็น และลงมติในนามของรัฐบาลไทย และมอบอำนาจให้หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะเป็นผู้ลงนามในกรรมสารสุดท้ายของการประชุม WCIT-12 ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการแก้ไขข้อบังคับ โดยเฉพาะการกำกับดูแลอินเทอร์เน็ต (Internet governance) ซึ่งเป็นประเด็นใหม่จากวิวัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสาร ควรพิจารณาอย่างสมดุลระหว่างการควบคุมเพื่อป้องกันผลกระทบทางลบจากอินเทอร์เน็ตที่มาพร้อมกับโลกาภิวัฒน์กับสิทธิและเสรีภาพในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
29349 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร) | คค | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุธรรม ศิริทิพย์สาคร เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามนัยมาตรา ๒๔ วรรคสามแห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ แทน นายประเทือง ช่างสลัก กรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ลาออก ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕)
|
|||||||||||||||||||||||||||
29350 | ผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ครั้งที่ 5/2555 | นร | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ประธานกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทยเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปความก้าวหน้าในการดำเนินงานเพื่อพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย โดย ๑.๑ คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน ๔ ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย คณะอนุกรรมการพิจารณากรอบแนวคิดด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณากรอบแนวคิดทางเทคนิควิชาการ ของผู้เสนอกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบการแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย และคณะอนุกรรมการชี้แจงข้อมูลโครงการเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย ๑.๒ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับพัสดุในการดำเนินโครงการ เพื่อเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการพัสดุสำหรับโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ขึ้น โดยมีระบบควบคุม ตรวจสอบ และติดตามการดำเนินการเป็นการเฉพาะเพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการดำเนินการของโครงการ ๑.๓ ขั้นตอนการยื่นข้อเสนอโครงการประกอบด้วย ปฏิทินขั้นตอนการดำเนินการ การจัดทำ และวิธีการยื่นข้อเสนอ วิธีการประเมิน Conceptual Plan เกณฑ์การพิจารณา Conceptual Plan และวิธีการคัดเลือกผู้รับจ้างในขั้นตอนสุดท้าย (Final Selection) ๑.๔ คณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของผู้เสนอกรอบแนวคิดฯ ได้คัดเลือกผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น จำนวน ๘ กลุ่ม จากผู้ยื่นข้อเสนอทั้งสิ้น ๓๔ กลุ่ม ๑.๕ คณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณากรอบแนวคิดทางเทคนิควิชาการฯ ได้จัดทำเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอแนวคิดเพื่อเป็นหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกผู้เสนอให้เหลือ ๓ รายต่อกลุ่มแผนงาน รวมทั้งกำหนดวิธีการตรวจสอบเอกสารและกลั่นกรองข้อเสนอ Conceptual Plan ๑.๖ คณะอนุกรรมการชี้แจงข้อมูลโครงการเพื่อออกแบบก่อสร้างฯ ได้ชี้แจงข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการให้กับกลุ่มผู้เสนอกรอบแนวคิด ๑.๗ การดำเนินงานถึงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ได้ดำเนินการถึงขั้นตอนที่ ๗ และได้เตรียมการในขั้นตอนที่ ๘-๑๑ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ๒. เห็นชอบการปรับปรุงคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดเพื่อออกแบบก่อสร้างระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย จำนวน ๓ ท่าน โดยเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธ์) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่รองประธานกรรมการ แต่งตั้งอธิบดีกรมบัญชีกลางให้ทำหน้าที่กรรมการแทนประธานคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ และเปลี่ยนตำแหน่งกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ จากนายวีระพงษ์ แพสุวรรณ เป็นนางปราณี สริวัฒน์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกกรอบแนวคิดฯ มีอำนาจหน้าที่ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้แล้วเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
29351 | การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | ทส | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการตรวจติดตามสภาพปัญหาแนวตลิ่งพังบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ได้ตรวจติดตามสภาพแนวตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่พังทลายในบริเวณตำบลไทรน้อย ตำบลบ้านกุ่ม และตำบลบางชะนี อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมอบหมายให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน และให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในบริเวณพื้นที่วิกฤติ ๒. วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ได้ส่งมอบโครงการน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ โรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม หมู่ ๑ ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร และได้ส่งมอบระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลดื่มได้ภาคสนาม จำนวน ๓ เครื่อง ให้กับเทศบาลตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย เทศบาลตำบลลานกระบือ อำเภอลานกระบือ และองค์การบริหารส่วนตำบลเพชรชมภู อำเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกำแพงเพชร นอกจากนี้ ได้ตรวจติดตามสภาพปัญหาภัยแล้ง การเจาะน้ำบาดาล และการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านสหกรณ์ หมู่ ๓ ตำบลทรงธรรม อำเภอเมืองกำแพงเพชร บ้านคลองขุด หมู่ ๔ ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอปางศิลาทอง และบ้านบ่อถ้ำ หมู่ ๓ ตำบลบ่อถ้ำ อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมทั้งตรวจติดตามสภาพปัญหาลำน้ำคลองขลุงและแนวทางแก้ไข ตำบลหินดาด อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร ๓. วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ได้ตรวจโครงการสูบน้ำจากเหมืองแร่เก่าไปพื้นที่เกษตรกรรม (นาข้าว) บ้านทุ่งทอง หมู่ที่ ๓, ๗, ๙, ๑๑ และ ๑๓ ตำบลทุ่งทอง อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมทั้งตรวจการเจาะน้ำบาดาลและการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านหลักสิบเก้า หมู่ ๑๔ ตำบลอุดมธัญญา อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์
|
|||||||||||||||||||||||||||
29352 | คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 292/2555) | นร04 | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙๒/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29353 | ประกาศและคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (ประกาศ นร ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2555 และคำสั่ง นร ที่ 296/2555) [ขอส่งประกาศและคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวีร์ มะกูดี ผู้แทนการค้าไทยลาออกจากตำแหน่งและแต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน เป็นผู้แทนการค้าไทย)] | นร04 | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ให้นายวรวีร์ มะกูดี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย ลาออกจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๙๖/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ แต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย ตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29354 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล) | วธ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่างในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันขอลาออกจากราชการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29355 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน | อก | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เป็นผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของกระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29356 | การมอบหมายให้รักษาราชการแทน (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่อาจปฏิบัติราชการได้ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตามลำดับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดังนี้
๑. พลตำรวจโท ชัจจ์ กุลดิลก ๒. นายประชา ประสพดี
|
|||||||||||||||||||||||||||
29357 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสิระ พิมพ์กลาง) | นร | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสิระ พิมพ์กลาง ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
29358 | การปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐและคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ | นร05 | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไปดังนี้
๑. แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ แทนรองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ๒. แตั้งตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นรองประธานกรรมการคนที่ ๒ ในคณะกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการที่ดินเชิงระบบ แทนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล)
|
|||||||||||||||||||||||||||
29359 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับเรื่อง World Soil Day 5th December | กษ | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับเรื่อง World Soil Day 5th December ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมอบหมายกรมพัฒนาที่ดินให้เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการจัดงานเฉลิมฉลอง โดยมีกิจกรรมหลัก ๆ ได้แก่ การจัดนิทรรศการเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจทางด้านดิน ทั้งในรูปโปสเตอร์ การแสดงของจริง และแบบจำลอง (model) โดยแสดงพระราชกรณียกิจในภาพรวมที่ทรงปฏิบัติในเรื่องของการพัฒนาน้ำ ป่าไม้ ดิน และการเกษตร ได้แก่ การพัฒนาแหล่งน้ำ การอนุรักษ์ป่า การพัฒนาการเกษตร และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น น้ำเสีย ขยะ และอากาศเป็นพิษ ตลอดจนแนวพระราชดำริด้านการอนุรักษ์ดิน และการแก้ไขดินปัญหาต่าง ๆ เช่น ดินเปรี้ยวจัด ดินปนกรวด ดินดาน ดินทราย ดินเสื่อมโทรม และดินถูกชะล้าง และเกษตรทฤษฎีใหม่ นอกจากนี้ จะมีการแสดงพระเกียรติยศของในหลวงในเรื่องของการพัฒนาที่ดิน จนทำให้โลกยกย่อง สมาพันธ์ดินนานาชาติ (IUSS) ถวายเหรียญสดุดีในฐานะ Humanitarian soil scientist พระองค์แรก และขอพระราชทาน ๕ ธันวาคม เป็นวันดินโลก (World Soil Day) และการบรรยายในห้องประชุม
|
|||||||||||||||||||||||||||
29360 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สาม และแนวโน้มปี 2555 - 2556 | นร11 | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ ๓ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขยายตัวร้อยละ ๓.๐ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๐.๔ และร้อยละ ๔ ในไตรมาสแรก และไตรมาสสอง ตามลำดับ โดยมีปัจจัยจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศที่เร่งตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน การใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนโดยรวม ในด้านการผลิต การขยายตัวมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของการผลิตนอกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสาขาเกษตร การก่อสร้าง การค้าส่งค้าปลีก โรงแรมและภัตตาคาร ที่ขยายตัวสูงต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในระยะ ๙ เดือนแรกของปี เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๒.๖ และเมื่อปรับผลของฤดูกาลแล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศขยายตัวร้อยละ ๑.๒ จากไตรมาสที่ ๒ ดังนี้ ๑.๑ ภาคบริโภครวม ขยายตัวร้อยละ ๖.๕ เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๕.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า การบริโภคภาคครัวเรือนเร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๕.๓ เป็นร้อยละ ๖.๐ ตามการปรับตัวดีขึ้นของรายได้ภาคครัวเรือน และมาตรการคืนเงินภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรก และเมื่อรวม ๙ เดือนแรกของปี การบริโภครวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๙ ๑.๒ การลงทุนรวม ขยายตัวร้อยละ ๑๕.๕ เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๑๐.๒ ในไตรมาสที่ ๒ โดยการขยายการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๑๘.๒ ในขณะที่การลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ ๑๓.๒ สูงขึ้นจากร้อยละ ๔.๐ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อรวม ๙ เดือนแรกของปี การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๐.๓ ๑.๓ ภาคการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่า ๕๙,๒๘๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๓.๐ ตลาดส่งออกที่หดตัว ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา (ลดลงร้อยละ ๑.๒) สหภาพยุโรป (ลดลงร้อยละ ๑๙.๒) ญี่ปุ่น (ลดลงร้อยละ ๖.๓) อาเซียน (ลดลงร้อยละ ๙.๐) และรวม ๙ เดือนแรกของปี มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐหดตัวร้อยละ ๐.๙ ๑.๔ ภาคเกษตร ขยายตัวร้อยละ ๘.๖ เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๑.๘ ในไตรมาสก่อน ตามการขยายตัวของผลผลิตภาคเกษตร ทั้งหมวดพืชผล และปศุสัตว์ โดยเฉพาะข้าวเปลือก มันสำปะหลัง และยางพารา ที่ขยายตัวสูงร้อยละ ๕๗.๗ ๒๗.๐ และ ๘.๓ ตามลำดับ ทำให้รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๔ และรวม ๙ เดือนแรกของปี ภาคการเกษตรขยายตัวร้อยละ ๔.๓ ๑.๕ ภาคการก่อสร้าง ขยายตัวร้อยละ ๙.๘ เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ ๖.๙ ในไตรมาสก่อน ตามการขยายตัวของสาขาก่อสร้างภาครัฐที่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๓ และการก่อสร้างภาคเอกชนที่ขยายตัวร้อยละ ๙.๙ และรวม ๙ เดือนแรกของปี ภาคการก่อสร้างขยายตัวร้อยละ ๖.๑ ๑.๖ ภาคการค้าส่งค้าปลีก ขยายตัวร้อยละ ๔.๑ ชะลอลงจากร้อยละ ๕.๔ เนื่องจากการหดตัวของการค้าในหมวดวัตถุดิบทางการเกษตรและสิ่งมีชีวิตตามการหดตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการส่งออก ในขณะที่การค้าหมวดยานยนต์ และน้ำมันเชื้อเพลิงขยายตัว และรวม ๙ เดือนแรกของปี ภาคการค้าส่งค้าปลีกขยายตัวร้อยละ ๔.๖ ๑.๗ สาขาโรงแรมและภัตตาคาร ขยายตัวต่อเนื่องร้อยละ ๖.๙ ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยจำนวนนักเที่ยวต่างชาติมีจำนวน ๕.๓ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๔ และรวม ๙ เดือนแรกของปี สาขาโรงแรมและภัตตาคารขยายตัวร้อยละ ๗.๐ ๑.๘ ภาคอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ ๑.๑ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในไตรมาสก่อน เนื่องจากการหดตัวของอุตสาหกรรมเพื่อส่งออก โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ และอาหารแช่แข็ง หดตัวร้อยละ ๓๗.๒ ๒๗.๘ และ ๒๔.๖ ตามลำดับ และรวม ๙ เดือนแรกของปี ภาคอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ ๐.๙ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๕ จะขยายตัวร้อยละ ๕.๕ ซึ่งเป็นขอบล่างของการประมาณการร้อยละ ๕.๕-๖.๐ การบริโภคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ ๕.๒ การลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๑๒.๐ การส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๕.๕ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ ๓.๐ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๐.๘ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๕-๕.๕ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๑๒.๒ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๔.๐ และร้อยละ ๘.๑ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๐ ของ GDP โดยมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การฟื้นตัวของการค้าสินค้าคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ อุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดี การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และแรงกดดันอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเกณฑ์ต่ำ รวมทั้งปัจจัยความเสี่ยงที่ควรระมัดระวัง ได้แก่ อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานสูงยังมีข้อจำกัดในการขยายตัว สภาพคล่องส่วนเกินในระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก และราคาน้ำมันยังมีความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการคาดการณ์ ๔. ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๕ และในปี ๒๕๕๖ ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้เต็มศักยภาพควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจและป้องกันความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในส่วนของการเร่งรัดการส่งออก การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการดำเนินการตามโครงการลงทุนสำคัญ ๆ ของภาครัฐ การติดตามและเตรียมการเพื่อรองรับแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท การดำเนินการปรับโครงสร้างราคาพลังงานตามแผนที่กำหนดไว้ และการปรับกฎระเบียบด้านการค้าและการลงทุน
|
.....