ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1462 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 29221 - 29240 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
29221 | การพิสูจน์สัญชาติและผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร | นร05 | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อผู้ประกอบการภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาการผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ (เรื่อง การขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติและผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าว) เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติและผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา อยู่ในราชอาณาจักรต่อไปถึงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ เพื่อเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จ
|
|||||||||||||||||||||
29222 | ให้พิจารณาแนวทางและมาตรการเพื่อลดภาระของผู้มีรายได้น้อย | นร04 | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซ รวมทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคหลายชนิดมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อย จึงขอให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาแนวทาง/มาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือ/ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อย ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
29223 | การดำเนินการเกี่ยวกับไม้พะยูง | นร | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไร เพื่อนำไม้พะยูงซึ่งเป็นไม้อนุรักษ์ที่ได้ยึดหรืออายัดมาเป็นของกลางจำนวนมาก มาใช้ประโยชน์ของทางราชการเป็นหลักต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
29224 | มาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและรักษาความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 | นร04 | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๖ จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก จึงมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ในฐานะกำกับการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปกำกับดูแลการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น การอำนวยการจราจรในสายทางต่าง ๆ การดูแลนักท่องเที่ยว การป้องกันอุบัติเหตุและอาชญากรรม และการดำเนินโครงการฝากบ้านกับตำรวจ เป็นต้น ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพประสิทธิผล และให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย (ซึ่งรับผิดชอบศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน) อำนวยความสะดวกในการเดินทางและรักษาความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชนในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) กำกับสั่งการให้มีการประสานงานและบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมด้วย เพื่อป้องกันและลดจำนวนการเกิดอุบัติเหตุและความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงเทศกาลดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
29225 | การแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร05 | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ขณะนี้สังคมไทยยังคงมีความเห็นที่หลากหลายในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเห็นได้จากการเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาซึ่งมีทั้งหมด ๓ ร่าง และถึงแม้ว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะนี้จะดำเนินการมาถึงขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ ๓ แล้วก็ตาม แต่เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน และเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง จึงมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาแนวทางในการที่จะทำให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำประชาเสวนา หรือการออกเสียงประชามติ เพื่อลดความขัดแย้งหรือความเห็นที่แตกต่าง อันเป็นการรักษาบรรยากาศของบ้านเมืองให้เกิดความสงบสุขและความสามัคคี แล้วนำเสนอผลการศึกษาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วที่สุด
|
|||||||||||||||||||||
29226 | การบูรณาการเพื่อจัดทำแผนแม่บทการจัดสรรพื้นที่และการใช้ประโยชน์พื้นที่ทั้งประเทศ | นร04 | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ปัจจุบันหน่วยงานของรัฐใช้ข้อมูลเกี่ยวกับแผนที่ พื้นที่แหล่งน้ำ เส้นทางน้ำ และเส้นทางคมนาคมที่แตกต่างกัน และมีความหลากหลายในคำนิยามที่ใช้ในการวางแผนและกำหนดนโยบาย เป็นผลให้ทางปฏิบัติของหน่วยงานขาดเอกภาพและผลสัมฤทธิ์ จึงเห็นควรปฏิรูประบบฐานข้อมูลทางกายภาพ ซึ่งรวมถึงแผนที่ เส้นทางคมนาคม แหล่งน้ำ ทรัพยากรป่าไม้ รวมทั้งการใช้ประโยชน์ที่ดิน ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขอบเขตการปกครองในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรที่เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการประชุมในวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ และให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องมานำเสนอในที่ประชุมเพื่อที่จะกำหนดผู้รับผิดชอบและกลไกในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวร่วมกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
29227 | ร่างกฎกระทรวงให้เพิกถอน ป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลตบหู อำเภอ เดชอุดม ตำบลพรสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย ตำบลยาง ตำบลยางใหญ่ ตำบล เก่าขาม ตำบลบุเปือย ตำบลสีวิเชียร ตำบลโซง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลไพบูลย์ ตำบลตาเกา และตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,063 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติบางส่วน พ.ศ. .... | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้เพิกถอน ป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลตบหู อำเภอเดชอุดม ตำบลพรสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย ตำบลยาง ตำบลยางใหญ่ ตำบลเก่าขาม ตำบลบุเปือย ตำบลสีวิเชียร ตำบลโซง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลไพบูลย์ ตำบลตาเกา และตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑,๐๖๓ (พ.ศ. ๒๕๒๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้เพิกถอน ป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลตบหู อำเภอเดชอุดม ตำบลพรสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย ตำบลยาง ตำบลยางใหญ่ ตำบลเก่าขาม ตำบลบุเปือย ตำบลสีวิเชียร ตำบลโซง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลไพบูลย์ ตำบลตาเกา และตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑,๐๖๓ (พ.ศ. ๒๕๒๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
29228 | ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 4/2555 | กค | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธาน กนร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการกู้เงิน จำนวน ๔๒๐ ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อให้ รฟท. นำเงินกู้ดังกล่าวมาให้บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) กู้ต่อเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Airport Rail Link : ARL) (โครงการ ARL) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ (เรื่อง ขออนุมัติการกู้เงินให้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการ Airport Rail Link) และให้กระทรวงคมนาคมศึกษาการปรับโครงสร้างทางการเงินและการจัดการองค์กรของ รฟฟท. ทั้งระบบ พร้อมทั้งจัดทำแผนธุรกิจของ รฟฟท. และแผนงานการถ่ายโอนทรัพย์สินระหว่าง รฟท. และ รฟฟท. เพื่อให้ รฟฟท. สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำเสนอ กนร. พิจารณาภายใน ๖ เดือน ทั้งนี้ ให้ศึกษาถึงความเหมาะสมในการถือหุ้นใน รฟฟท. ๒ กรณี คือ กรณีที่ ๑ รฟท. เป็นผู้ถือหุ้นเช่นเดิม และกรณีที่ ๒ กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น และกระทรวงคมนาคมเป็นผู้กำกับดูแลโดยตรง ซึ่งในกรณีที่ ๒ อาจพิจารณาให้ รฟท. มีสิทธิซื้อหุ้น รฟฟท. คืนจากกระทรวงการคลังได้ เมื่อ รฟท. มีความพร้อมทางการเงินและการบริหารจัดการ ๑.๒ รับทราบกรอบแนวคิดในการจัดทำแผนการพัฒนาและขยายโครงข่ายเพื่อผลักดันนโยบาย Smart Thailand ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ โดยให้รับข้อสังเกตของ กนร. ในการจัดทำแผนธุรกิจของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ. ทีโอที) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ. กสท โทรคมนาคม) ที่ปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลายรายอยู่แล้ว ทั้งนี้ ในระยะเวลาอันใกล้ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม จะได้รับผลกระทบจากสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้มอบหมายภารกิจใหม่ตามนโยบาย Smart Thailand จึงเห็นควรให้เชื่อมโยงแนวทางการแก้ไขผลกระทบจากการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจตามนโยบาย Smart Thailand ที่ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม อาจจะต้องลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากเมื่อขาดรายได้จากสัมปทาน ความสามารถในการระดมทุนของ ๒ องค์กร จะลดลงและจะกระทบเรื่องแหล่งเงินลงทุน ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงคมนาคม รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ บมจ. ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคม ดำเนินการตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๘๔ ที่กำหนดว่าภายใน ๓ ปี หลังจากประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวแล้ว ให้รัฐวิสาหกิจนำรายได้ภายหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วตามสัญญาสัมปทาน หรือสัญญาที่รัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ นำส่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และให้คณะกรรมการฯ นำส่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป สำหรับ รฟท. เห็นควรจัดทำแผนการประชาสัมพันธ์ระยะเร่งด่วนเพื่อจูงใจให้ประชาชนมาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ใช้บริการที่มีสัมภาระในการเดินทางปรับพฤติกรรมการใช้บริการจากระบบรถไฟฟ้าธรรมดา (City Line) มาใช้บริการระบบรถไฟด่วน (Express Line) นอกจากนี้ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับดูแลและติดตามการบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจในการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและผลตอบแทนในการลงทุน เพื่อมิให้เป็นภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
29229 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | กก | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
|
|||||||||||||||||||||
29230 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยนครพนม กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยนครพนม กระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการ ในมหาวิทยาลัยนครพนม กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขชื่อ “วิทยาลัยการอาชีพธาตุพนม” เป็น “วิทยาลัยธาตุพนม” และแก้ไขชื่อ “วิทยาลัยการอาชีพนาหว้า” เป็น “วิทยาลัยนาหว้า”
|
|||||||||||||||||||||
29231 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 72 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... | กค | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๗๒ ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๗๒ ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
29232 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2551 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยซ่อมอากาศยาน จำนวน 5 ฉบับ | คค | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยซ่อมอากาศยาน จำนวน ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอ การออก การกำหนดอายุ และการต่ออายุใบรับรองหน่วยซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้ผู้ขอรับใบรับรองหน่วยซ่อมซึ่งเป็นนิติบุคคลตามมาตรา ๔๑/๙๕ ที่ประสงค์จะขออนุญาตประกอบกิจการหน่วยซ่อมในราชอาณาจักร ให้ยื่นคำขอต่ออธิบดีตามแบบของกรมการบินพลเรือน ณ กรมการบินพลเรือน พร้อมด้วยหลักฐานและเอกสารตามที่กำหนด ๑.๒ กำหนดขีดความสามารถในการดำเนินการกิจการหน่วยซ่อมของใบรับรองหน่วยซ่อมประเภทต่าง ๆ ๑.๓ กำหนดลักษณะสถานที่ และเครื่องมือที่ใช้ในการบำรุงรักษา ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ในการจัดตั้งหน่วยซ่อมบริการ ๑.๕ กำหนดขั้นตอนในการพิจารณาการออกใบรับรองหน่วยซ่อมของอธิบดีกรมการบินพลเรือน ๑.๖ กำหนดหลักเกณฑ์ในกรณีที่หน่วยซ่อมประสงค์จะเพิ่มหรือลดขีดความสามารถ หรือเพิ่ม ลด หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติตามข้อกำหนดรายละเอียด การปฏิบัติการหน่วยซ่อม หรือเปลี่ยนหรือดัดแปลงสถานที่ตั้งหรือสิ่งอำนวยความสะดวกของหน่วยซ่อม ๑.๗ กำหนดอายุของใบรับรองหน่วยซ่อมแต่ละประเภท ๑.๘ กำหนดหลักเกณฑ์ในการขอต่ออายุใบรับรองหน่วยซ่อม และขั้นตอนในการพิจารณาการต่ออายุใบรับรองหน่วยซ่อมของอธิบดีกรมการบินพลเรือน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติของผู้ดำเนินการหน่วยซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำเนินการหน่วยซ่อม เช่น มีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๕ ปีบริบูรณ์ มีประสบการณ์เกี่ยวกับงานที่รับผิดชอบอยู่ ไม่เป็นผู้มีพฤติการณ์อันเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นต้น ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตผลิตชิ้นส่วนของอากาศยานโดยผู้ได้รับใบรับรองหน่วยซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๓.๑ กำหนดให้ผู้ได้รับใบรับรองหน่วยซ่อมสามารถขอผลิตชิ้นส่วนของอากาศยานได้ ซึ่งการผลิตนั้นต้องนำมาใช้ในการบำรุงรักษาอากาศยาน หรือส่วนประกอบสำคัญของอากาศยานที่ตนรับบำรุงรักษาเท่านั้น ๓.๒ กำหนดข้อจำกัดของการผลิต ๓.๓ กำหนดหลักฐานและเอกสารซึ่งต้องยื่นคำขอต่ออธิบดี ๓.๔ กำหนดคุณสมบัติของบุคลากร สถานที่หรืออาคาร และเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตชิ้นส่วนของอากาศยาน ๓.๕ กำหนดขั้นตอนในการพิจารณาคำขออนุญาตของอธิบดี ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอ การออก การพักใช้และการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๔.๑ กำหนดให้นิติบุคคลที่ประสงค์จะประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศในราชอาณาจักร ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศต่ออธิบดี ๔.๒ กำหนดให้ผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ บุคลากร ข้อมูลทางเทคนิค อาคารสถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวก ตามขีดความสามารถที่ขออนุญาต ไว้ให้พร้อม ณ สถานที่ประกอบกิจการ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกรมการบินพลเรือนตรวจสอบได้ ๔.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อออกใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศ และขีดความสามารถในการบำรุงรักษาอากาศยานต่างประเทศ ๔.๔ กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศต้องจัดให้มีสถานที่ที่ใช้ในการบำรุงรักษา เครื่องมือ อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก และบุคลากร ให้เป็นไปตามขีดความสามารถที่ขอรับใบอนุญาต ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ๔.๕ กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศจะต้องดำเนินการบำรุงรักษาตามที่หลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำหนด ๔.๖ กำหนดหลักเกณฑ์ในการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงคู่มือหรือเอกสารต่าง ๆ และการขอเพิ่มหรือลดขีดความสามารถ หรือเพิ่ม ลด หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง การปฏิบัติตามข้อกำหนดรายละเอียดการปฏิบัติการหน่วยซ่อม หรือเปลี่ยนหรือดัดแปลงสถานที่ตั้งหรือสิ่งอำนวยความสะดวกของหน่วยซ่อม ๔.๗ กำหนดอายุใบอนุญาต และหลักเกณฑ์ในการพิจารณาต่ออายุใบอนุญาต ๔.๘ กำหนดให้อำนาจอธิบดีในการพักการใช้และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการบำรุงรักษาเฉพาะอากาศยานต่างประเทศ ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอ การออก แบบ อายุ การพักใช้และการเพิกถอนใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๕.๑ กำหนดให้ศูนย์หรือหน่วยซ่อมที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศที่ประสงค์จะทำการบำรุงรักษาอากาศยานไทย หรือบำรุงรักษาส่วนประกอบสำคัญของอากาศยาน บริภัณฑ์ หรือชิ้นส่วนของอากาศยานที่จะใช้กับอากาศยานไทย ยื่นคำขอรับใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศต่ออธิบดี ๕.๒ กำหนดให้ศูนย์หรือหน่วยซ่อมที่ขอรับใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศจะต้องจัดเตรียมสถานที่หรืออาคาร เครื่องมือ อุปกรณ์ บุคลากร ข้อมูลทางเทคนิค และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะใช้ในการบำรุงรักษา ตามขีดความสามารถที่ขอรับใบรับรองไว้ให้พร้อม ณ สถานที่หรืออาคารที่จะใช้ประกอบกิจการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกรมการบินพลเรือนตรวจสอบได้ ๕.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อออกใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ ๕.๔ กำหนดขีดความสามารถในการดำเนินกิจการหน่วยซ่อมแต่ละประเภท ๕.๕ กำหนดหลักเกณฑ์ในการขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงคู่มือหรือเอกสารต่าง ๆ และการขอเพิ่ม หรือลดขีดความสามารถ หรือเพิ่ม ลด หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง การปฏิบัติตามข้อกำหนดรายละเอียดการปฏิบัติการหน่วยซ่อม หรือเปลี่ยนหรือดัดแปลงสถานที่ตั้งหรือสิ่งอำนวยความสะดวกของหน่วยซ่อม ๕.๖ กำหนดให้ศูนย์หรือหน่วยซ่อมที่ได้รับใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศต้องจัดให้มีสถานที่ที่ใช้ในการบำรุงรักษา เครื่องมือ อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก และบุคลากร ตามขีดความสามารถที่ขอรับใบรับรอง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด ๕.๗ กำหนดให้ศูนย์หรือหน่วยซ่อมที่ได้รับใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศจะต้องทำการบำรุงรักษาตามที่หลักเกณฑ์และเงื่อนไขกำหนด ๕.๘ กำหนดหลักเกณฑ์ในการรายงานข้อมูลในกรณีที่ศูนย์หรือหน่วยซ่อมที่ได้รับใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ พบการชำรุด ข้อขัดข้อง หรือข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นกับอากาศยานไทย ส่วนประกอบสำคัญของอากาศยาน บริภัณฑ์และชิ้นส่วนของอากาศยานที่จะใช้กับอากาศยานไทย ๕.๙ กำหนดอายุใบรับรอง ๕.๑๐ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอและการพิจารณาต่ออายุใบรับรอง ๕.๑๑ กำหนดให้อำนาจอธิบดีในการพักใช้และเพิกถอนใบรับรองหน่วยซ่อมต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
29233 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรม วุฒิสภา เรื่อง กฎบัตรประเทศไทยว่าด้วยการบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรม | วธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรม วุฒิสภา เรื่อง กฎบัตรประเทศไทยว่าด้วยการบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรม และผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมตามรายงานดังกล่าวในประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมดูแลรักษาพื้นที่ มรดกทางวัฒนธรรม บทนิยามศัพท์ วัตถุประสงค์ของกฎบัตร แนวทางปฏิบัติ หลักการและเหตุผล หลักการในการอนุรักษ์ การบริหารจัดการแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม และการบริหารจัดการแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกต ดังนี้
๑. เนื่องจากกฎบัตรฯ ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีผลบังคับใช้ แต่มีความสำคัญในการใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมของชาติ ให้กับทุกภาคส่วน อย่างน้อยที่สุดหน่วยงานของรัฐควรใช้เป็นแนวทางในการอ้างอิงเพื่อประโยชน์ในการปกปักรักษามรดกวัฒนธรรมของชาติและสนับสนุนการดำเนินงานโดยภาคประชาชน ๒. รัฐควรเป็นผู้เปิดโอกาสและเผยแพร่ให้ภาคประชาชนเห็นความสำคัญและใช้แนวทางในกฎบัตรฯ ในการสืบสานมรดกวัฒนธรรม รวมถึงเป็นผู้นำสู่การปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๖๖ และมาตรา ๖๗ โดยวุฒิสภา เป็นผู้ประสานงาน ๓. รัฐควรสนับสนุนให้มีกองทุนเพื่อการบริหารจัดการมรดกวัฒนธรรมเพื่อใช้สนับสนุนการดำเนินงานรักษามรดกวัฒนธรรมอย่างเป็นรูปธรรม เช่น Natioanl Trust ในอังกฤษ ๔. การนำแนวทางในกฎบัตรฯ ไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างนัยสำคัญ และถือเป็นความสำคัญอันดับต้น ๆ ในการพัฒนาท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||
29234 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2555 ณ วันที่ 30 กันยายน 2555 | กค | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะของประเทศ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ มียอดหนี้สาธารณะคงค้าง จำนวน ๔,๙๓๗,๒๓๙.๖๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๔๓.๙๑ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product : GDP) โดยเป็นหนี้ของรัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน ๓,๕๑๕,๐๑๐.๙๕ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน จำนวน ๑,๐๖๔,๒๘๙.๑๑ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน ๓๕๒,๒๐๗.๓๕ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน ๕,๗๓๒.๒๑ ล้านบาท ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไม่มีหนี้คงค้าง โดยหนี้สาธารณะจำนวนดังกล่าวจำแนกตามอายุของหนี้เป็นหนี้ระยะยาว ๔,๖๕๘,๖๔๒.๒๒ ล้านบาท และหนี้ระยะสั้น ๒๗๘,๕๙๗.๔๐ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๔.๓๖ และร้อยละ ๕.๖๔ ตามลำดับ และจำแนกตามแหล่งที่มาเป็นหนี้ต่างประเทศ ๓๔๐,๖๗๑.๗๖ ล้านบาท และหนี้ในประเทศ ๔,๕๙๖,๕๖๗.๘๖ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๖.๙๐ และร้อยละ ๙๓.๑๐ ตามลำดับ ๒. ภาพรวมผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ประกอบด้วย ๕ แผนงานย่อย และได้ปรับปรุงแผนฯ ในระหว่างปี เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงินกู้และบริหารหนี้ ซึ่งหลังการปรับปรุงแผนฯ ครั้งที่ ๔ ทำให้วงเงินรวมในแผนฯ ที่จะบริหารจัดการมีจำนวนทั้งสิ้น ๒,๒๗๘,๔๗๘.๗๒ ล้านบาท โดยในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕ กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้ เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๘๗,๒๘๔.๑๙ ล้านบาท ๓. ผลการดำเนินงานในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกอบด้วย แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงินรวม ๔๙๖,๔๒๐.๒๓ ล้านบาท แผนการปรับโครงสร้างหนี้ วงเงินรวม ๕๒๔,๘๒๕.๘๐ ล้านบาท แผนการบริหารความเสี่ยง วงเงินรวม ๓๗,๗๖๑.๑๖ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ วงเงินรวม ๑๐,๑๑๙.๗๕ ล้านบาท ส่วนแผนการก่อหนี้ใหม่ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ไม่มีการก่อหนี้ใหม่ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๕ ๔. สรุปผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ในช่วง ๖ เดือนหลังของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ (เมษายน-กันยายน ๒๕๕๕) กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการบริหารและจัดการหนี้สาธารณะตามกรอบแผนฯ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๕๙,๐๐๗.๑๙ ล้านบาท โดยมีความก้าวหน้าคิดเป็นร้อยละ ๕๐.๐๘ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี สำหรับผลการกู้เงินและบริหารจัดการหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ในช่วง ๖ เดือนหลัง ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้ รวมทั้งสิ้น ๒๘,๒๗๗.๐๐ ล้านบาท และจากการดำเนินการดังกล่าว กระทรวงการคลังและรัฐวิสาหกิจได้กู้เงินและบริหารหนี้ รวมทั้งสิ้น ๑,๐๘๗,๒๘๔.๑๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๗.๗๒ ของแผนการบริหารหนี้สาธารณะทั้งปี ทั้งนี้ การกู้เงินและการบริหารหนี้ตามแผนฯ แบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล จำนวน ๗๕๙,๙๖๗.๔๕ ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน ๒๕๙,๑๒๑.๕๙ ล้านบาท และหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน จำนวน ๖๘,๑๙๕.๑๕ ล้านบาท |
|||||||||||||||||||||
29235 | รัฐบาลสาธารณรัฐสหกรณ์กายอานาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเดวิด ดาบีดีน (Mr. David Dabydeen)] | กต | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเดวิด ดาบีดีน (Mr. David Dabydeen) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสหกรณ์กายอานาประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
29236 | การพิจารณาโครงการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดภาคใต้ฝั่งตะวันออก | นร11 | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นและข้อสั่งการของรัฐมนตรีที่ลงพื้นที่ในโครงการก่อสร้างแก้มลิงพรุคลองช้าง และโครงการก่อสร้างแก้มลิงพรุกง ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ดำเนินการปรับปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว และมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ดำเนินการต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการก่อสร้างแก้มลิงพรุคลองช้าง เนื่องจากพื้นที่ขุดลอกมีลักษณะเป็นพรุหรือแหล่งซับน้ำ ซึ่งหากทำการขุดลอกอาจมีผลกระทบกับระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมของพื้นที่ เห็นควรให้กรมชลประทานพิจารณาตรวจสอบสภาพพื้นที่ที่จะดำเนินการขุดลอกและปรับแผนดำเนินการให้เหมาะสม แล้วนำเสนอ กบอ. พิจารณาต่อไป ๑.๒ โครงการก่อสร้างแก้มลิงพรุกง เนื่องจากพื้นที่ขุดลอกเป็นส่วนต่อเนื่องกับป่าพรุ จึงต้องระมัดระวังผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการดำเนินการขุดลอก เห็นควรให้กรมชลประทานรับทำการสำรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดกับพื้นที่ป่าพรุโดยรอบ แล้วนำเสนอ กบอ. พิจารณาต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับไปดำเนินการ โดยให้รับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธาน กบอ. ที่เห็นควรให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษา สำรวจ และดำเนินการออกแบบเกี่ยวกับการก่อสร้างหรือปรับปรุงแหล่งน้ำที่เป็นพรุให้เป็นแก้มลิง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอ กบอ. พิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
29237 | การปรับระบบบริหารงานบุคคลข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา | ศธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างกฎ ก.พ.อ. การได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎ ก.พ.อ. ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาอาจได้รับเงินประจำตำแหน่งตามบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาท้ายกฎ ก.พ.อ. นี้ ๑.๒ กำหนดให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ มาใช้บังคับกับการจ่ายเงินประจำตำแหน่งตามกฎ ก.พ.อ. นี้โดยอนุโลม ๑.๓ กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งวิชาการตามที่กำหนด และตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้รับเงินประจำตำแหน่ง และจะได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราใดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.อ. ประกาศกำหนด ๑.๔ กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งประเภทผู้บริหารตามที่กำหนด และตำแหน่งอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีได้รับเงินประจำตำแหน่ง การได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราใดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.อ. ประกาศกำหนด ๑.๕ กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ (วช.) ตามที่กำหนด ได้รับเงินประจำตำแหน่งตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ ก.พ.อ. ประกาศกำหนด แต่ให้ได้รับไม่ก่อนวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๓ ๑.๖ กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ (ชช.) ตามที่กำหนด ได้รับเงินประจำตำแหน่ง แต่ให้ได้รับไม่ก่อนวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๓ ๑.๗ กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามข้อ ๑.๓ ข้อ ๑.๔ ข้อ ๑.๕ และข้อ ๑.๖ ตำแหน่งใด ระดับใด และปฏิบัติหน้าที่หลักของตำแหน่งดังกล่าวให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราสำหรับตำแหน่งนั้น ๑.๘ กำหนดให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้รักษาราชการแทนหรือรักษาการในตำแหน่งประเภทผู้บริหารที่มีวาระการดำรงตำแหน่งตามที่กำหนด ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราที่กำหนดไว้ในตำแหน่งนั้นนับแต่วันที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ จนถึงวันที่พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ แต่ต้องไม่เกินหกเดือน ๑.๙ กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอาจารย์ ๓ ตำแหน่งครู หรือตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามที่กำหนด ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราตามตำแหน่งที่กำหนด นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะที่ ๒ เกี่ยวกับการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งประเภทผู้บริหารในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาเขต ผู้อำนวยการกองหรือหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่ากองตามมาตรา ๑๘ (ข) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยเทียบเคียงกับตำแหน่งประเภทอำนวยการตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ และการกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาได้รับเงินประจำตำแหน่งตามกฎ ก.พ.อ. ฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
29238 | ร่างระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม พ.ศ. .... | ศธ | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่ครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกระเบียบ ก.ค. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษของครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม พ.ศ. ๒๕๓๙ ๑.๒ กำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษที่จ่ายควบกับเงินเดือนในอัตราเดือนละ ๒,๕๐๐ บาท ๑.๓ กำหนดให้การได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษในตำแหน่งครูการศึกษาพิเศษและครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนด ๑.๔ กำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการจ่ายเงิน การงดจ่ายเงินและการส่งเงินคืนเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษ ๑.๕ กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซึ่งมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษอยู่แล้วในวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตามระเบียบนี้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อกำหนดในร่างระเบียบฯ โดยกำหนดกรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ใดมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มฯ หลายอัตรา ให้ได้รับเงินเพิ่มฯ ในอัตราที่สูงสุดเพียงอัตราเดียว และให้จ่ายเป็นรายเดือนในลักษณะจ่ายควบกับเงินเดือน แต่ไม่นำไปรวมคำนวณกับบำเหน็จบำนาญ รวมทั้งแก้ไขบทนิยามคำว่า “คนพิการ” “ครูการศึกษาพิเศษ” และ “ครูการศึกษาพิเศษกรณีเรียนร่วม” ให้สอดคล้องกับบทนิยามในพระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๑ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
29239 | ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... | พน | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดคำนิยาม เช่น ระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ สถานี รายงานด้านสิ่งแวดล้อม ประมวลหลักการปฏิบัติงาน และบริเวณอันตราย เป็นต้น ๒. กำหนดให้ระบบขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อจะต้องได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือได้รับความเห็นชอบรายงานด้านสิ่งแวดล้อมตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ๓. กำหนดให้เจ้าของโครงการะบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อต้องจัดให้มีการตรวจสอบคุณภาพและผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยจัดทำรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข ลด ติดตาม และตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ๔. กำหนดคุณสมบัติของผู้ทดสอบและตรวจสอบ และกำหนดคุณสมบัติของผู้ปฏิบัติงานในการดำเนินการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ต้องมีคุณสมบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา ๗ (๔) ๕. กำหนดมาตรฐานระยะควบคุมความปลอดภัย โดยกำหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานต่างประเทศ และมาตรฐานอื่นที่กรมธุรกิจพลังงานเห็นชอบ ๖. กำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะนำมาใช้ในบริเวณอันตรายของสถานี ๗. กำหนดมาตรการความปลอดภัยของแนวเขตสถานี และระยะโดยรอบของบริเวณอันตรายของสถานี ๘. กำหนดมาตรฐานวัสดุ อุปกรณ์ และการออกแบบการก่อสร้างในระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ กำหนดให้ท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่นอกเขตสถานีต้องวางอยู่ใต้พื้นดิน กำหนดมาตรฐานการเชื่อมบรรจบท่อเข้ากับท่อในระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ และกำหนดมาตรฐานการทดสอบความดันท่อและอุปกรณ์ในระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ๙. กำหนดให้กรณีที่มีการเชื่อมบรรจบท่อเข้ากับท่อที่มีการทดสอบความดันแล้ว และการเชื่อมบรรจบท่อดังกล่าวไม่สามารถทดสอบความดันทั้งระบบได้ ให้ตรวจสอบรอยเชื่อมดังกล่าวแบบไม่ทำลายโดยวิธีการทดสอบด้วยรังสี คลื่นความถี่สูง ผงแม่เหล็กหรือสารแทรกซึม หรือวิธีการทดสอบอื่นที่กรมธุรกิจพลังงานประกาศกำหนด ๑๐. กำหนดให้สถานีต้องติดตั้งเครื่องดับเพลิงชนิดผงแห้งที่ได้มาตรฐาน ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือมาตรฐานอื่นที่กรมธุรกิจพลังงานเห็นชอบอย่างน้อยสองเครื่องไว้ ณ บริเวณที่มองเห็นและสามารถนำออกมาใช้ได้โดยง่าย กำหนดห้ามทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดเปลวไฟหรือประกายไฟภายในสถานี และกำหนดให้สถานีต้องจัดให้มีป้ายห้ามที่มีข้อความและสัญลักษณ์ติดตั้งไว้ ณ บริเวณที่เห็นได้ง่าย ๑๑. กำหนดให้ผู้รับอนุญาตต้องจัดให้มีการเตรียมการระงับเหตุเพลิงไหม้ และในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทำให้ระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อชำรุดเสียหายจนเกิดการรั่วไหล ให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ๑๒. กำหนดให้แนวท่อส่งก๊าซธรรมชาติต้องจัดให้มีป้ายที่อย่างน้อยต้องมีรายละเอียดตามที่กำหนด และในกรณีที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติเป็นท่อฝังดินโดยวิธีการขุดเปิด ต้องมีการฝังเทปเตือนสีเหลือง ถ้ามีแผ่นคอนกรีตป้องกันท่อให้ฝังเทปเตือนไว้เหนือแผ่นคอนกรีต ๑๓. กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีระบบการตรวจประเมินด้านการจัดการความปลอดภัยของระบบการส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อที่เป็นไปตามแผนประกันคุณภาพ และต้องจัดเก็บเอกสารและข้อมูลของระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ๑๔. กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีความประสงค์จะทำการพักหรือหยุดใช้งานทั้งหมดหรือบางส่วนชั่วคราว ต้องแจ้งต่อกรมธุรกิจพลังงาน โดยระบุเหตุผลที่จะพักหรือหยุดใช้งานชั่วคราว พร้อมทั้งจะต้องกำหนดมาตรการตรวจสอบและบำรุงรักษาตามมาตรฐาน และหากมีความประสงค์จะกลับมาใช้ใหม่ ผู้รับใบอนุญาตต้องแจ้งกรมธุรกิจพลังงานเพื่อตรวจสอบว่าระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อดังกล่าวยังมีมาตรฐานตามที่กำหนด และยังปฏิบัติตามที่กำหนด ๑๕. กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีความประสงค์จะเลิกใช้งานทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นการถาวร ต้องแจ้งต่อกรมธุรกิจพลังงานโดยแนบรายละเอียด ระบุตำแหน่ง ขนาด ความยาว และรายละเอียดอื่น ๆ ที่จะเลิกใช้งาน พร้อมทั้งมาตรการในการจัดการและตรวจสอบระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อดังกล่าว และมาตรการในการป้องกันสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่โดยรอบเพื่อให้กรมธุรกิจพลังงานเห็นชอบ ๑๖. กำหนดบทเฉพาะกาลของระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อที่ดำเนินการอยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||
29240 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (รายการก่อสร้างอาคารสำนักงานขนส่งสาขา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม) | คค | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กรมการขนส่งทางบกเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณ จากการก่อสร้างสำนักงานขนส่งสาขา อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นรายการก่อสร้างสำนักงานขนส่งสาขา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้กรมการขนส่งทางบกขอความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างสำนักงานขนส่งสาขา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม กับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....