ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1380 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 27581 - 27600 จากข้อมูลทั้งหมด 124229 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27581 | ร่างหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ เพื่อสร้างความโปร่งใสในการได้มาซึ่งบุคคลในบัญชีรายชื่อฯ ที่เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่สอดคล้องกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจตามเจตนารมณ์ในบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. เพื่อมิให้เกิดปัญหาความขาดแคลนบุคคลที่มาจากบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ ในการแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ในช่วงระยะเวลา ๑ ปี ก่อนที่บุคคลจะพ้นจากบัญชีรายชื่อเมื่อครบกำหนดระยะเวลา ๕ ปี ให้กระทรวงการคลังสอบถามความประสงค์ในการสมัครเข้ารับการคัดสรรขึ้นบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจใหม่ไปยังบุคคลในบัญชีรายชื่อฯ เพื่อกระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามและเตรียมการคัดสรรขึ้นบัญชีรายชื่อฯ ตามขั้นตอนของหลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ล่วงหน้าต่อไป |
|||||||||||||||||||||
27582 | ร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคีฉบับปรับปรุง | กค | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation Agreement : CMIM Agreement) ฉบับปรับปรุง ทดแทนความตกลง CMIM ฉบับปัจจุบัน โดยมีสาระสำคัญตามกรอบการเจรจาการเพิ่มประสิทธิภาพมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคีที่ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ได้มีมติเห็นชอบแล้ว และนำเสนอร่างความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้ร่างความตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป ๒. เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation Agreement : CMIM Agreement) ฉบับปรับปรุงแล้ว อนุมัติการลงนามในร่างความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง และหนังสือแนบท้ายความตกลงดังกล่าว เพื่อยืนยันการผูกพันในการสมทบเงินใน CMIM ในวงเงิน ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนลงนามในหนังสือรับทราบการขอรับความช่วยเหลือและหนังสือยืนยันการปฏิบัติตามเงื่อนไขของความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง รวมทั้งให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาลงนามในหนังสือให้ความเห็นทางกฎหมายเมื่อประเทศไทยต้องการขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในความตกลงดังกล่าว ให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในความตกลง CMIM ฉบับปรับปรุง |
|||||||||||||||||||||
27583 | ร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... | รง | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยแรงงานทางทะเล เพื่อประโยชน์ในการวางมาตรการควบคุม กำกับ ดูแล และบริการจัดการในการออกใบรับรองด้านแรงงานทางทะเลอย่างเหมาะสม และเป็นมาตรฐานสากลเพื่อคุ้มครองแรงงานทางทะเล อันจะเป็นผลให้การประกอบธุรกิจรับขนทางทะเลเป็นไปโดยราบรื่น ขจัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแก่เจ้าของเรือ ทั้งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนากิจการพาณิชยนาวีของประเทศอีกทางหนึ่ง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับขอบเขตในการใช้บังคับ เนื่องจากพระราชบัญญัตินี้มีความเกี่ยวพันและยังมีผลกระทบกับกฎหมายภายในประเทศหลายฉบับ เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางทะเล ฯลฯ จึงเห็นควรบัญญัติขอบเขตในการใช้บังคับไว้โดยชัดแจ้งเพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนและป้องกันมิให้เกิดความสับสนในการฟ้องคดีต่อศาลในอนาคต ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๔๕ วัน |
|||||||||||||||||||||
27584 | ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ 9/2556 | นร01 | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กบอ. เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน ดำเนินการก่อสร้างประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำคลองบางบัวทอง ตำบลอ้อมเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในวงเงินทั้งสิ้น ๔๔๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยจำแนกเป็นงานจ้างเหมาก่อสร้าง เป็นเงิน ๔๓๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้กรมชลประทานใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และงานดำเนินการเอง ค่าควบคุมงาน เป็นเงิน ๑๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมชลประทาน และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. เห็นชอบให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขยายระยะเวลาการดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง พ.ศ. ๒๕๕๖ ออกไปอีก โดยเริ่มตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป จนกว่าการให้ความช่วยเหลือจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้ ไม่เกินสิ้นปีงบประมาณ หรือภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ |
|||||||||||||||||||||
27585 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สอง และแนวโน้มปี 2556 | นร11 | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สอง และแนวโน้มปี ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๖ ขยายตัวร้อยละ ๒.๘ เทียบกับร้อยละ ๕.๔ ในไตรมาสแรก การขยายตัวในด้านการใช้จ่าย มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้าตามฐานที่สูงขึ้น ในขณะที่การส่งออกหดตัวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและการแข็งค่าของเงินบาท ด้านการผลิตมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของสาขาโรงแรมและภัตตาคาร อสังหาริมทรัพย์ การค้าปลีกค้าส่ง และการเงิน การขยายตัวของเศรษฐกิจเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๖ และปรับผลของฤดูกาลออก หดตัวร้อยละ ๐.๓ รวมครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๔.๑ ๑.๒ แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๘-๔.๓ ปรับลดจากร้อยละ ๔.๒-๕.๒ ในการประมาณการครั้งก่อนหน้า โดยคาดว่าการบริโภคและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๖ และร้อยละ ๖ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๓-๒.๘ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๐.๓ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ๑.๓ ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๖ ควรให้ความสำคัญกับการดำเนินมาตรการเพื่อรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะสั้นควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายเพื่อสร้างขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว ประกอบด้วย การเร่งรัดดำเนินมาตรการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ การเร่งรัดให้เม็ดเงินที่ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้สามารถดำเนินโครงการลงทุนได้โดยเร็ว การเตรียมความพร้อมของโครงการลงทุนภายใต้แผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวและขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้สามารถขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ๒. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๖ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ วงเงินทั้งสิ้น ๑๗๐,๔๗๕.๐๒๗ ล้านบาท ภายในไตรมาสที่ ๓ และ ๔ ของปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไปด้วย ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖)
|
|||||||||||||||||||||
27586 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (กระทรวงการคลัง) (นายอำพน กิตติอำพน) | กค | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายอำพน กิตติอำพน ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
27587 | มอบหมายประธานกรรมการในคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ | นร04 | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27588 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และจังหวัดนนทบุรี ครั้งที่ 1 | มท | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งดำรงตำแหน่งมาจะครบกำหนด ๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ จำนวน ๒ ราย โดยขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งต่อไปอีก เป็นเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ๒. นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี
|
|||||||||||||||||||||
27589 | การโอนข้าราชการประเภทบริหาร ระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (นายวิทยา พานิชพงศ์) | มท | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายวิทยา พานิชพงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27590 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายดำรงค์ พิเดช) | นร04 | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายดำรงค์ พิเดช เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27591 | การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับนีอูเอ | กต | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานการดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับนีอูเอ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งในกรอบทวิภาคีและเวทีระหว่างประเทศ โดยไทยและนีอูเอได้เห็นชอบให้มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ และกระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างจัดทำประกาศการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต รวมทั้งได้ประสานงานกับกรมประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในวันดังกล่าวด้วยแล้ว และจะจัดพิธีแลกเปลี่ยนคำประกาศการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ โดยผู้แทนทั้งสองประเทศในช่วงการประชุม Pacific Islands Forum (PIF) ณ หมู่เกาะมาร์แชลล์ ระหว่างวันที่ ๓-๖ กันยายน ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||
27592 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (จำนวน 7 ราย 1. รองศาสตราจารย์ กุลภัทรา สิโรดม ฯลฯ) | กค | 20/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ซึ่งได้ผ่านการสรรหาและคัดเลือกโดยคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ จำนวน ๗ คน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์กุลภัทรา สิโรดม ๒. นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร ๓. รองศาตราจารย์ธัญญะ เกียรติวัฒน์ ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมบัติ อยู่เมือง ๕. นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ๖. รองศาสตราจารย์สุกรี เจริญสุข ๗. นายกงกฤช หิรัญกิจ
|
|||||||||||||||||||||
27593 | การกำชับให้ผู้บังคับบัญชารักษาวินัยของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา | นร10 | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติ ก.พ. ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เกี่ยวกับการกำชับให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาวินัยของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๘๗ โดยเคร่งครัด และให้ถือว่าการที่การรักษาวินัยของข้าราชการมิได้ดีขึ้น ผู้บังคับบัญชามีส่วนรับผิดชอบ เพราะมิได้เสริมสร้าง พัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย และมิได้ป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทำผิดวินัยซึ่งผู้บังคับบัญชาอาจต้องรับผิดทางวินัยด้วย ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27594 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือเชียงแสนและค่าธรรมเนียมอันเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. .... | คค | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตท่าเรือเชียงแสนและค่าธรรมเนียมอันเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้บริเวณท่าเทียบเรือ ในแม่น้ำโขง เขตอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นเขตท่าเรือเชียงแสน และให้สามารถจัดเก็บค่าธรรมเนียมในการดำเนินการอนุญาต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
27595 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 (บางวัว) และทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ที่บ้านสวนมะพร้าว บ้านวังตะโก บ้านนาพร้าว บ้านหนองขาม บ้านนาวัง บ้านหนองน้ำเต้าลอย บ้านโป่งล่าง และที่บ้านหนองสมอ พ.ศ. .... | คค | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ สายกรุงเทพมหานคร- บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔ (บางวัว) และทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ที่บ้านสวนมะพร้าว บ้านวังตะโก บ้านนาพร้าว บ้านหนองขาม บ้านนาวัง บ้านหนองน้ำเต้าลอย บ้านโป่งล่าง และที่บ้านหนองสมอ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อขยายทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔ (บางวัว) และทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ที่บ้านสวนมะพร้าว บ้านวังตะโก บ้านนาพร้าว บ้านหนองขาม บ้านนาวัง บ้านหนองน้ำเต้าลอย บ้านโป่งล่าง และที่บ้านหนองสมอ ในท้องที่อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอศรีราชา และอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความเห็นว่าควรมอบหมายให้กรมทางหลวงดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ พิจารณาความเหมาะสมของการลงทุนปรับปรุงระบบเก็บค่าผ่านทางของโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข ๗ จากระบบเปิดให้เป็นระบบปิด และพิจารณาการออกแบบระบบจัดเก็บค่าผ่านทางโดยให้ความสำคัญกับความสามารถในการบริหารจัดการปริมาณจราจรบริเวณหน้าด่าน ตลอดจนการสร้างความเข้าใจและความยอมรับจากประชาชนโดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บค่าผ่านทาง พร้อมทั้งกำหนดมาตรการลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ที่ต้องการทำการเวนคืนอย่างเหมาะสม ๒.๒ สำหรับการจัดให้มีจุดบริการ (Service Area) เพิ่มขึ้น ๑ แห่ง เห็นควรให้กรม ทางหลวง ศึกษาออกแบบและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความสอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ทางในแต่ละประเภท โดยเฉพาะผู้ประกอบการและพนักงานขนส่งสินค้าโลจิสติกส์ รวมทั้งพิจารณารูปแบบการบริหารจัดการที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดภาระการลงทุนของภาครัฐ และการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตลอดจนการปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์โดยรวมให้อยู่ในสภาพที่ดีและปลอดภัยต่อผู้ใช้ทางตลอดอายุการใช้งาน |
|||||||||||||||||||||
27596 | รายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำหรับปีบัญชี 2555 และ 2554 | อก | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการสอบบัญชีของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำหรับปีบัญชี ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ของ กนอ. โดยฐานะการเงิน ณ วันสิ้นงวดปีบัญชี ๒๕๕๕ กนอ. มีสินทรัพย์รวมจำนวน ๒๐,๗๑๗ ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน ๑๐,๔๕๕ ล้านบาท และส่วนของทุนจำนวน ๑๐,๒๖๒ ล้านบาท และผลประกอบการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีกำไรสุทธิจำนวน ๑,๖๘๓ ล้านบาท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27597 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย - ศรีลังกา ครั้งที่ 3 | กต | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย-ศรีลังกา (Thailand-Sri Lanka Joint Commission for Bilateral Cooperation) ครั้งที่ ๓ และผลการหารือที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงโคลัมโบ สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ระหว่างวันที่ ๑-๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ และให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามผลการประชุมฯ โดยเฉพาะการเร่งรัดผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ ตามตารางติดตามผลการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ การขยายความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านความมั่นคง การเพิ่มมูลค่าการค้าโดยฟื้นฟูกลไกอนุกรรมการด้านการค้า (sub-committee on trade) การเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) สองประเทศ การส่งเสริมความร่วมมือด้านการลงทุนในสาขาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสาขาซอฟต์แวร์ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและโครงการ Northem Expressway ความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาและการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรศรีลังกาในสาขาการท่องเที่ยวและโรงแรม การประชุมคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร ครั้งที่ ๓ เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านการเกษตร และการประชุมคณะทำงานร่วมด้านการประมง ครั้งที่ ๒ เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือในด้านการประมง ซึ่งศรีลังกาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม การพิจารณาให้ความร่วมมือด้านการอบรมและพัฒนาทรัพยากรบุคคลด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวคิดหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลอง ๒๖๐ ปีการสถาปนานิกายสยามวงศ์ในศรีลังกาในปี ๒๕๕๖ การสานต่อการจัดกิจกรรมภายใต้ความตกลงด้านความร่วมมือทางวัฒนธรรม การก่อสร้างวัดไทยในเมืองแคนดี้ การแลกเปลี่ยนการเยือนและการฝึกอบรมของอาจารย์ รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการสอนหนังสือ ๒. การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ [Memorandum of Understanding (MOU)] และความตกลงต่าง ๆ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างไทยและศรีลังกา บันทึกความเข้าใจเพื่อการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับเมืองแคนดี้ และความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างไทยและศรีลังกา
|
|||||||||||||||||||||
27598 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา) | กต | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา) ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๖ และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๖ และการประชุมรัฐมนตรีมิตรของประเทศลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๓ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๖ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอนุภูมิภาค และดึงญี่ปุ่นให้ร่วมให้การสนับสนุนในลักษณะความร่วมมือสามฝ่าย รวมทั้งในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย การดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (CBTA) อย่างเต็มรูปแบบ การแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับระบบการเงินของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การจัดเวทีสนทนาระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน รวมทั้งการประชุม Mekong-Japan Meeting of the Forum for the Promotion of Public-Private Cooperation in the Mekong Region ครั้งที่ ๔ ที่ญี่ปุ่นในปี ๒๕๕๗ การร่วมมือกับญี่ปุ่นและประเทศลุ่มน้ำโขงพัฒนาเขตเศรษฐกิจในประเทศลุ่มน้ำโขง การอำนวยความสะดวกให้มีการดำเนินการตามกรอบความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน และความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนที่ดำเนินการโดยศูนย์อาเซียนญี่ปุ่น การเป็นเจ้าภาพร่วมกับญี่ปุ่นในการจัดการประชุม Green Mekong Forum ครั้งที่ ๒ ที่กรุงเทพฯ ในช่วงปลายปี ๒๕๕๖ การทบทวนแผนปฏิบัติการกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นในประเด็นด้านเศรษฐกิจ และการเตรียมการเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๕ ๒. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๓ ได้แก่ การจัดทำแผนปฏิบัติการและเสนอโครงการในสาขาความเชื่อมโยง การติดตามความคืบหน้าการประชุมสามฝ่าย กัมพูชา-ไทย-สาธารณรัฐเกาหลีเพื่อการพัฒนาเส้นทางหมายเลข ๔๘ (เกาะกง-สะแรอัมเบิล) ในกัมพูชา การจัดทำแผนปฏิบัติการและเสนอโครงการในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และติดตามความร่วมมือในการพยากรณ์อากาศระดับภูมิภาค การจัดทำแผนปฏิบัติการและเสนอโครงการในสาขาการบริหารจัดการน้ำ การจัดทำแผนปฏิบัติการและเสนอโครงการในสาขา Green Growth การจัดทำแผนปฏิบัติการและเสนอโครงการในสาขาการเกษตรและการพัฒนาชนบท และติดตามความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีเก็บรักษาผลผลิตการเกษตร การจัดทำแผนปฏิบัติการและเสนอโครงการในสาขาพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการประสานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย) เข้าร่วมการประชุม Mekong-ROK Business Forum ครั้งที่ ๒ ที่เวียดนาม ๓. การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๖ ได้แก่ การติดตามผลการพิจารณาข้อเสนอโครงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการบริหารจัดการพรมแดนของสหรัฐฯ การติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ Infrastructure Best Practices Exchange Workshop Series (BPEs) ของสหรัฐฯ ซึ่งเสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัด workshop เกี่ยวกับตลาดทุน financing modality และ PPPs ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง การดำเนินโครงการ Professional Communication Skills for Leaders ระยะที่ ๒ การติดตามผลการดำเนินโครงการสามฝ่าย ไทย-เมียนมาร์-สหรัฐฯ ในการป้องกันและควบคุมโรคมาลาเรียบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ การพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะจัดทำข้อเสนอโครงการในเรื่องระบบพยากรณ์อากาศแบบบูรณาการในอนุภูมิภาค และการฝึกร่วมด้านการป้องกันและควบคุมไฟป่า รวมทั้งการพิจารณาสรรหาบุคคลที่เหมาะสมเพื่อเข้าร่วมในกลุ่ม Eminent and Expert Persons Group (EEPG) ในส่วนของไทย
|
|||||||||||||||||||||
27599 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 | นร01 | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน ไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้ส่วนราชการให้ความสำคัญกับการเร่งรัดดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมโดยไม่ชักช้า ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน จำแนกตามช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ (๔ ช่องทาง) ในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประชาชนแจ้งเรื่องร้องทุกข์ผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น ๒๔,๕๗๗ ครั้ง โดยผ่านช่องทางสายด่วนของรัฐบาล ๑๑๑๑ มากที่สุด รองลงมาคือ ช่องทางเว็บไซต์ (www.1111.go.th) ช่องทาง ตู้ ปณ. ๑๑๑๑/ไปรษณีย์/โทรสาร และช่องทางจุดบริการประชาชน ๑๑๑๑ ตามลำดับ ๒. จำนวนเรื่องร้องทุกข์ จำแนกตามประเภทเรื่องในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประชาชนร้องทุกข์และเสนอข้อคิดเห็นในประเภทเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น ๑๔,๖๗๙ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์และเสนอข้อคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เรื่องขอให้ซ่อมแซมไฟฟ้ากับขยายและติดตั้งปรับปรุงระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้า รองลงมาคือ เหตุเดือดร้อนรำคาญ และร้องเรียนการให้บริการของเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามลำดับ ๓. จำนวนเรื่องร้องทุกข์และผลการดำเนินการจำแนกตามหน่วยงาน [ไม่รวมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และจังหวัด] ในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีเรื่องร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น ๖,๖๘๔ เรื่อง จำแนกเป็นหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ โดยหน่วยงานที่ได้รับการประสานงานเรื่องร้องทุกข์มากที่สุด ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการประสานงานเรื่องร้องทุกข์มากที่สุด ได้แก่ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ธนาคารออมสิน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ๔. จำนวนเรื่องร้องทุกข์และผลการดำเนินการจำแนกตาม อปท. และจังหวัด ในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีเรื่องร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น ๓,๖๖๒ เรื่อง โดยกรุงเทพมหานครได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์มากที่สุด รองลงมา ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี ๕. จำนวนเรื่องร้องทุกข์และเสนอข้อคิดเห็นเรียงตามลำดับประเด็นเรื่องที่มีการร้องทุกข์และเสนอข้อคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ ไฟฟ้า ยาเสพติด การบริการขนส่งทางบก ถนน น้ำประปา บ่อนการพนัน โทรศัพท์ และร้องเรียนการให้บริการของเจ้าหน้าที่รัฐในสังกัดกระทรวง ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์และเสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐ และไฟฟ้า
|
|||||||||||||||||||||
27600 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 13/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....