ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1371 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 27401 - 27420 จากข้อมูลทั้งหมด 124229 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27401 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ วิทยาเขตหาดใหญ่ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | ศธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ วิทยาเขตหาดใหญ่ ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากเดิม ภายในวงเงิน ๑๕๗,๔๔๕,๐๐๐ บาท เป็น ภายในวงเงิน ๑๖๒,๔๒๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ วิทยาเขตหาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน จากเดิม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๔ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๘ ๒. สำหรับงบประมาณดำเนินการให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๖ จำนวน ๑๒๗,๘๔๐,๕๐๐ บาท ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแล้ว และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ เป็นเงินงบประมาณ จำนวน ๑๘,๓๓๗,๕๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบอีก จำนวน ๑๖,๒๔๒,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่กำหนดให้ส่วนราชการที่ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณานำเสนอคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อพิจารณาอนุมัติผ่อนผันต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27402 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบล ปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบลปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ้านติ้ว ตำบลบ้านหวาย ตำบลบ้านโสก ตำบลปากช่อง ตำบล ปากดุก ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านไร่ และตำบลช้างตะลูด อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้นตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
27403 | รายงานความก้าวหน้าการกำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา | สธ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าการกำหนดหลักเกณฑ์ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. ราคากลางของยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ๑.๑ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๑.๒ หากไม่มีราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ให้ใช้ราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ๑.๓ หากไม่มีราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ให้ใช้ราคาตลาดโดยสืบราคาจากท้องตลาด รวมทั้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ๒. ราคากลางของยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ๒.๑ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๒ หากไม่มีราคากลางตามประกาศของคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ให้ใช้ราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ๒.๓ หากไม่มีราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ให้ใช้ราคาตลาดโดยสืบราคาจากท้องตลาด รวมทั้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ๓. ราคากลางของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ๓.๑ ให้หน่วยงานของรัฐใช้ราคามาตรฐานของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นและเผยแพร่ทั้งทางเอกสารหรือทางเว็บไซต์ของศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข (http://dmsic.moph.go.th) ๓.๒ หากไม่มีราคามาตรฐานของเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาที่กระทรวงสาธารณสุขจัดทำขึ้นและเผยแพร่ให้ใช้ราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ๓.๓ หากไม่มีราคาที่หน่วยงานเคยซื้อครั้งหลังสุดภายในระยะเวลา ๒ ปีงบประมาณ ให้ใช้ราคาตลาดโดยสืบราคาจากท้องตลาด รวมทั้งจากเว็บไซต์ต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27404 | การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป. ลาว สำหรับโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จังหวัดพะเยา) - เมืองคอบ - เมืองเชียงฮ่อน และ เมืองคอบ - บ้านปากคอบ - บ้านก้อนตื้น สปป. ลาว | กค | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จังหวัดพะเยา)-เมืองคอบ-เมืองเชียงฮ่อน และเมืองคอบ-เมืองปากคอบ-บ้านก้อนตื้น สปป.ลาว ระยะทางโดยรวมประมาณ ๑๑๐ กิโลเมตร ในวงเงินรวม ๑,๓๙๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ในส่วนของที่มาของแหล่งเงินทุน เนื่องจาก สพพ. ไม่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รองรับโครงการดังกล่าวไว้ จึงเห็นควรให้ สพพ. พิจารณาแหล่งเงินทุนอื่นเป็นลำดับแรกก่อน อาทิ เงินสะสมของหน่วยงานหรือการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศ และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในปีงบประมาณต่อไป ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า ช่วงถนนบนภูเขาควรพิจารณาออกแบบ Climbing lane เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางแก่ผู้ใช้ทาง และให้ สพพ. จัดทำรายงานติดตามและประเมินผลโครงการการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว เพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินความสัมพันธ์อย่างมั่นคงและยั่งยืนร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
27405 | ปัญหาอาชญากรรม (ในรอบเดือนกรกฎาคม 2556) | ตช | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานข้อมูลปัญหาอาชญากรรม ในรอบเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านการป้องกันอาชญากรรม ๑.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๓๗๕ คดี ๑.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ คดีประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย และเพศ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๑,๘๙๕ คดี ๑.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ คดีประทุษร้ายต่อทรัพย์ มีการรับแจ้งคดีทั้งสิ้น ๔,๐๒๗ คดี ๒. ด้านการปราบปรามอาชญากรรม ๒.๑ คดีกลุ่มที่ ๑ จับกุมได้ ๒๐๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๓๓ ของการรับแจ้ง (๓๗๕ คดี) ๒.๒ คดีกลุ่มที่ ๒ จับกุมได้ ๘๘๐ คดี คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๔๔ ของการรับแจ้ง (๑,๘๙๕ คดี) ๒.๓ คดีกลุ่มที่ ๓ จับกุมได้ ๑,๕๙๔ คดี คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๕๘ ของการรับแจ้ง (๔,๐๒๗ คดี) ๓. ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้เร่งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนมีความระมัดระวังในการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของตนเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้คนร้ายเข้ามาประทุษร้ายต่อทรัพย์ของตนเองได้ง่าย รวมทั้งการให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสการกระทำผิดของคนร้าย สำหรับกรณีที่มีการจับกุมผู้กระทำผิดในคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภาพรวมหรือกระทบต่อความสงบสุขในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้พิจารณาจัดแถลงข่าวทางสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ ๔. จากผลการดำเนินการในรอบเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ พบว่าในด้านการป้องกันอาชญากรรมในภาพรวม สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถควบคุมอาชญากรรมให้อยู่ในระดับเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ เนื่องจากได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัด เข้มงวดกวดขันในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดในพื้นที่ล่อแหลมหรือเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม ส่งผลให้สถิติคดีอาญาลดน้อยลง ส่วนด้านการปราบปรามอาชญากรรม ทุกกลุ่มคดีมีผลการปฏิบัติไม่ผ่านเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้ จึงได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละระดับเร่งรัดมาตรการด้านสายตรวจให้มีความถี่เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดแรงจูงใจในการกระทำผิดตามห้วงเวลาที่เกิดเหตุมากของแต่ละพื้นที่ ให้หน่วยปฏิบัติพิจารณาระดมกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงเวลาที่เหมาะสมเป็นประจำทุกเดือน ๆ ละไม่น้อยกว่า ๑๐ วัน เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิดตามหมายจับคดีค้างเก่าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการระดมกวาดล้างยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||
27406 | ผลการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่ง สปป. ลาว และกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ 5 | พณ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมแผนความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย ครั้งที่ ๕ เมื่อวันที่ ๘-๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ณ นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ๑.๒ เห็นชอบให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมฯ เพื่อให้มีการทำงานอย่างบูรณาการและเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยกระทรวงพาณิชย์จะติดตามความคืบหน้าในด้านการปฏิบัติตามผลการประชุมฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องทุกเรื่อง ๑.๒.๑ เป้าหมายการค้าและการลงทุน ได้แก่ การศึกษาแผนยุทธศาสตร์และแผนงานเพื่อสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของการค้าไทย-สปป.ลาว ให้ถึง ๘,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๕๘ และการส่งเสริมการขยายตัวของการลงทุนระหว่างกัน ๑.๒.๒ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎระเบียบทางการค้าและการลงทุน ๑.๒.๓ การอำนวยความสะดวกทางการค้า ได้แก่ การเร่งรัดขั้นตอนในประเทศและเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถดำเนินงานพิธีการศุลกากรตรวจแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Stop Inspection : SSI) ได้ทันภายในปี ๒๕๕๖ การหารือกับ สปป.ลาว เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิด/ยกระดับด่านตามความเหมาะสม ตามที่ได้ตกลงกันในการประชุมคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าแขวงชายแดน ไทย-สปป.ลาว ครั้งที่ ๙ การพัฒนาและการใช้เส้นทางหมายเลข ๘ และ ๑๒ ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น การจัดกิจกรรมการพบปะหารือระหว่างภาคเอกชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและ สปป.ลาว เพื่อหาแนวทางความร่วมมือการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ บนเส้นทางหมายเลข ๘ และ ๑๒ และการจัดทำแผนปฏิบัติการการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ๑.๒.๔ แผนความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนไทย-ลาว ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ได้แก่ การดำเนินงานโครงการ ICT เพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลการค้าใน ๕ แขวงนำร่องของ สปป.ลาว (นครหลวงเวียงจันทน์ สะหวันนะเขต จำปาสัก หลวงพระบาง และหลวงน้ำทา) ให้เป็นไปตามเป้าหมายภายในปี ๒๕๕๘ การจัดโครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานตามแผนงานประจำปี การจัดงานแสดงสินค้า และกิจกรรมการจับคู่ธุรกิจไทย-สปป.ลาว การส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยออกไปลงทุนใน สปป.ลาว โดยเฉพาะในเขตอุตสาหกรรม เขตเศรษฐกิจพิเศษ และเขตเศรษฐกิจเฉพาะต่าง ๆ การแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบทางการค้ากับหัวหน้าแผนกอุตสาหกรรมและการค้าแขวงตามแนวชายแดนไทย-สปป.ลาว อย่างสม่ำเสมอ การส่งเสริม อำนวยความสะดวก และแก้ไขปัญหาการค้าชายแดน ความร่วมมือด้าน ODOP/OTOP โดยพิจารณาให้ความช่วยเหลือการจัดฝึกอบรมให้แก่ สปป.ลาว และความร่วมมือด้านเกษตรกรรม ได้แก่ การดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจร่วม (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาล สปป.ลาว ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมโครงการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญาภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และการให้ความช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านวิชาการและเทคนิคในการประเมินความเสี่ยงและการตรวจสอบสุขอนามัยพืช รวมทั้งมาตรฐานและคุณภาพของสินค้าเกษตรของ สปป.ลาว ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามผลการประชุมฯ โดยเร็ว โดยเฉพาะเรื่องการยกเลิกมาตรการจำกัดระยะเวลาการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จาก สปป.ลาว และการดำเนินงานด้านพิธีการศุลกากรตรวจแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Stop Inspection : SSI) รวมทั้งการเพิ่มบทบาทการเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการแก่ สปป.ลาว ในด้านการเงิน การธนาคาร การบริการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
27407 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2554 | ทส | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบกับรายงานดังกล่าวแล้ว โดยรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วยเนื้อหาสาระที่สำคัญ ดังนี้
๑. สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงคุณภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๔ ๒. ประเด็นปัญหาสำคัญ ได้แก่ อุทกภัยและดินถล่มในภาคใต้ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินและสภาพสิ่งแวดล้อมในจังหวัดน่าน และการจัดการทรัพยากรชายฝั่งอย่างมีส่วนร่วม ๓. แนวโน้มสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ๔. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ ได้แก่ ควรมีการกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม และเป็นเชิงวิสัยทัศน์ ควรมีข้อกำหนดเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐอย่างชัดเจนทั้งในด้านการกำหนดนโยบาย และการดำเนินนโยบาย และควรมีการเสริมสร้างสมรรถนะ (capacity building) ในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||
27408 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี และพระราชกำหนด จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. ๒๔๙๓ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๕๖ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๘ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๖ รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๘ (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังคารที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมร่วมกันของรัฐสภาทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง ๑๑) กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๑๑ มาตรา ๑๑๒ มาตรา ๑๑๕ มาตรา ๑๑๖ วรรคสอง มาตรา ๑๑๗ มาตรา ๑๑๘ มาตรา ๑๒๐ และมาตรา ๒๔๑ วรรคหนึ่ง และยกเลิกมาตรา ๑๑๓ และมาตรา ๑๑๔) ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว (เริ่มการพิจารณาในร่างมาตรา ๗) ตั้งแต่วันพุธที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๖ จนกว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27409 | การแต่งตั้งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. (นักบริหารสูง) | นร12 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวขนิษฐา สุดกังวาล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27410 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | พม | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นางรัชนี สุดจิตร์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายวิทัศน์ เตชะบุญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
27411 | ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27412 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | นร11 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นางนิตยา กมลวัทนนิศา ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. นางชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27413 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ (จำนวน 5 ราย 1. พลตำรวจโท ฉลอง สนใจ ฯลฯ) | นร04 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๖ คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกวาระหนึ่ง จำนวน ๕ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พลตำรวจโท ฉลอง สนใจ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ๒. นายสุรชัย เบ้าจรรยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ๓. นายอนุสรณ์ ไกรวัตนุสสรณ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๔. นายวิสา คัญทัพ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ๕. นางฉวีวรรณ คลังแสง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27414 | รายงานผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมกรณีการชุมนุมของชาวสวนยางและปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ | คค | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมกรณีการชุมนุมของชาวสวนยางและปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดตั้งศูนย์ประสานงานคมนาคม (ศปส. คค.) เพื่อติดตามสถานการณ์ชุมนุมที่มีผลกระทบต่อการคมนาคมขนส่งทั้งทางถนน รถไฟ และอากาศยาน โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นผู้อำนวยการศูนย์ หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัด และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรทำหน้าที่เลขานุการ กำหนดการประชุมในรูปแบบ Video Conference ระหว่างกระทรวงคมนาคมไปยังหน่วยงานในสังกัดทั้งส่วนกลางและในพื้นที่เป็นประจำทุกวัน เพื่อรายงานสถานการณ์และเตรียมมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้เดินทาง ตลอดจนประสานงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาการชุมนุมเรียกร้องราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน (ศปกย.) ของสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธาน ๒. มาตรการที่ได้ดำเนินการเพื่อแก้ปัญหา ๒.๑ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ได้ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นแจ้งข้อมูลและแผนที่เส้นทางเลี่ยงจุดที่มีการชุมนุม ติดตั้งป้ายและตรวจสอบสภาพของเส้นทางเลี่ยงให้อยู่ในสภาพดี รวมทั้งมีการวางแผนเส้นทางการเดินรถรายวัน ๒.๒ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดการเดินรถสายใต้ถึงสถานีชุมทางทุ่งสงและจากสถานีพัทลุง-หาดใหญ่-สุไหงโกลก เส้นทางที่ขาดช่วง คือ จากชุมทางทุ่งสง-พัทลุง กรมการขนส่งทางบก และบริษัท ขนส่ง จำกัด ได้จัดรถโดยสาร บขส. และรถร่วม บขส. มาให้บริการ ๒.๓ ในช่วงที่มีการชุมนุมบนทางหลวงหมายเลข ๔๑ ห่างจากบริเวณด้านหน้าของท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานีเพียง ๑ กิโลเมตร กรมการบินพลเรือนได้ปิดประตูทางเข้าสนามบิน และจัดรถบริการรับ-ส่ง ผู้โดยสารที่จะเข้ามาในพื้นที่จากประตูทางเข้าไปยังอาคารผู้โดยสาร และกำหนดการเดินทางโดยใช้เส้นทางเลี่ยงท่าอากาศยาน-กองบินที่ ๗-ร้านอาหารวังกุ้ง เป็นเส้นทางเข้า-ออก จากท่าอากาศยาน มีรถรับ-ส่ง พร้อมแจกจ่ายแผนที่เส้นทางแก่ประชาชน สำหรับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ได้เตรียมหอบังคับการบินสำรอง ทำการซ้อมแผนและอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน พร้อมอุปกรณ์การควบคุมการจราจรทางอากาศครบถ้วนสามารถเคลื่อนย้ายได้ทันทีหากมีการบุกยึดท่าอากาศยานและศูนย์ควบคุมการบินที่สุราษฎร์ธานี และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ติดตามเฝ้าระวังเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกเที่ยวบินใด ๆ และเตรียมความพร้อมเรื่องท่าอากาศยานสำรองไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
27415 | การแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ | กษ | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ๒. เห็นชอบ อนุมัติ และรับทราบ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธาน กนย. เสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗ ที่ได้ปรับปรุงตามมติ กนย. ในการประชุมเมื่อวันที่ ๕ และวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๖ ในส่วนของการแก้ไขปัญหายางพาราระยะสั้นเร่งด่วน ประกอบด้วย ๒.๑.๑ จำนวนเกษตรกรและพื้นที่เป้าหมาย เป็นไปตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗ ที่คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๖ (เรื่อง โครงการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗) ให้ความเห็นชอบ คือ เกษตรกรเป้าหมาย ๙๙๑,๗๑๗ ราย พื้นที่เป้าหมาย ๘.๙๗ ล้านไร่ รวมทั้งเกษตรกรที่มีเอกสารสิทธิ์ตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส ๑๖๐๒.๕/๕๕๒๗ ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒.๑.๒ เงื่อนไข คือ ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยจ่ายเงินชดเชยแก่เกษตรกรที่มีพื้นที่ยางเปิดกรีด และต้นยางอายุไม่เกิน ๒๕ ปี โดยต้องเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์หรือสิทธิทำกินในพื้นที่นั้น ซึ่งรวมถึงประเภทเอกสารสิทธิ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งเป็นที่ยอมรับของกรมป่าไม้ตามหนังสือกรมป่าไม้ ที่ ทส ๑๖๐๒.๕/๕๕๒๗ ลงวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒.๒ อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อการดำเนินงานตามแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้นของโครงการฯ วงเงิน ๒๑,๒๔๘.๙๕ ล้านบาท โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรตรวจสอบเอกสารหลักฐานเกษตรกรที่จะได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ และรวบรวมส่งสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งจัดทำคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณในคราวเดียวกัน และให้ถือว่าคำขอดังกล่าวเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมสำเนาส่ง ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมหารือเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางสำหรับพื้นที่ที่นอกเหนือจากข้อ ๒.๑.๒ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายต่อไป ๒.๔ เห็นชอบการเพิ่มเติมผู้แทนเกษตรกรชาวสวนยาง ๒ คน คือ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ และประธานเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการใน กนย. ๒.๕ รับทราบผลการพิจารณาทบทวนการเก็บเงินสงเคราะห์ (เงิน Cess) ซึ่งคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ในการประชุมเมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ มีมติเห็นชอบให้งดเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ (เงิน Cess) เป็นเวลา ๔ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยออกประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๖ ๓. ให้ใช้กรอบวงเงินเพื่อการดำเนินงานตามโครงการแก้ไขปัญหายางพาราในระยะสั้นที่สำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นชอบแล้ว จำนวน ๒๑,๒๔๘.๙๕ ล้านบาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมการเกษตร) เร่งรัดขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และให้สำนักงบประมาณ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและเร่งรัดการดำเนินการในขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรถึงมือเกษตรกรโดยเร็วที่สุด |
|||||||||||||||||||||||||||
27416 | รายงานผลกระทบด้านการท่องเที่ยวจากการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรยางพารา ระหว่างวันที่ 3 - 6 กันยายน 2556 | กก | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลกระทบด้านการท่องเที่ยวจากการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรยางพารา ระหว่างวันที่ ๓-๖ กันยายน ๒๕๕๖ โดยการสอบถามจากผู้ประกอบการที่พักในพื้นที่ ๑๒ จังหวัดภาคใต้ พบว่า การชุมนุมปิดถนนของกลุ่มเกษตรกรยางพาราส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวใน ๕ จังหวัด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ ๔๗๕ ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีมูลค่าความเสียหายสูงสุด คือ นครศรีธรรมราช ประมาณ ๑๕๘ ล้านบาท รองลงมาได้แก่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร พัทลุง และประจวบคีรีขันธ์ ตามลำดับ ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ได้รับผลกระทบน้อยมาก โดยส่วนใหญ่เป็นปัญหาความล่าช้าในการเดินทาง การขอเลื่อนและการยกเลิกการประชุมสัมมนาของหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดภาคใต้
|
|||||||||||||||||||||||||||
27417 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม และแนวโน้มปี 2556 | นร11 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ และแนวโน้มปี ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ๑.๑ ภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญ (หลังปรับปัจจัยฤดูกาล) ในเดือนกรกฎาคม ยังคงแสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนตัว โดยเฉพาะดัชนีการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม และจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตามมูลค่าการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ๑.๒ ภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ เครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ ทั้งด้านการใช้จ่ายและการผลิตยังคงปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวยังคงขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๖ และอัตราการว่างงานที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำ ดุลการค้าเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๓ แม้ว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะขาดดุลก็ตาม ๑.๓ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๖ อัตราการว่างงานในเดือนมิถุนายน อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ ๐.๖ ดุลการค้าเกินดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๓ แต่ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ๑.๔ สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้สุทธิของรัฐบาลในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม การเบิกจ่ายจากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในขณะที่หนี้สาธารณะทรงตัว ๑.๕ สถานการณ์ด้านการเงิน ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ สินเชื่อและเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ยังคงขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทรงตัวตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ในขณะที่การชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นของสถาบันการเงินทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกสุทธิ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๖ มีแนวโน้มขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๘-๔.๓ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีในช่วงร้อยละ ๒.๓-๒.๘ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๐.๓ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
27418 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและอุทกภัยของประเทศไทยประจำสัปดาห์ | นร01 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) และประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและอุทกภัยของประเทศไทยประจำสัปดาห์ ณ วันที่ ๕ กันยายน ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. เฝ้าระวังฝนตกหนัก ช่วงวันที่ ๔-๖ กันยายน ๒๕๕๖ ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ เลย อุดรธานี หนองบัวลำภู นครพนม สกลนคร หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากร่องมรสุมจะมีกำลังแรงขึ้นและเลื่อนลงมาพาดผ่านบริเวณดังกล่าว ๒. เฝ้าระวังฝนตกหนัก ช่วงวันที่ ๗-๙ กันยายน ๒๕๕๖ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดตาก กำแพงเพชร พิจิตร สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ และปริมณฑล สระแก้ว ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่าน ประกอบกับมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักในพื้นที่ดังกล่าว ๓. แผนการระบายน้ำ ช่วงวันที่ ๒-๘ กันยายน ๒๕๕๖ เนื่องจากปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำมีค่อนข้างน้อย จึงจำเป็นต้องเก็บกักน้ำให้มากที่สุดเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในกรณีฝนทิ้งช่วง กรมชลประทานร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยพิจารณาแล้วเสนอให้คงการระบายน้ำที่เขื่อนภูมิพลวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ลดการระบายน้ำลงเหลือวันละ ๓ ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงวันที่ ๒-๔ กันยายน ๒๕๕๖ หลังจากนั้นจะเพิ่มการระบายเป็นวันละ ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ในช่วงวันที่ ๕-๘ กันยายน ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
27419 | การแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา | นร04 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๔๖/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหายางพารา ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยมีองค์ประกอบของคณะกรรมการและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
๑. องค์ประกอบของคณะกรรมการ ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ประชา พรหมนอก) เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายยุคล ลิ้มแหลมทอง) เป็นรองประธานกรรมการ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวราเทพ รัตนากร) ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นกรรมการ โดยมีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (พลตำรวจตรี ธวัช บุญเฟื่อง) เป็นกรรมการและเลขานุการ และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์) เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒. อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ พิจารณาสภาพปัญหาและความเดือดร้อนของผู้เกี่ยวข้องกับกิจการยางพารา และหารือร่วมกันกับตัวแทนผู้เกี่ยวข้องกับกิจการยางพาราทุกภาคส่วน เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายและสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยให้กิจการยางพารามีเสถียรภาพ แล้วเสนอแนะข้อคิดเห็นในการแก้ไขปัญหาต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
27420 | การเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดลพบุรี | นร11 | 10/09/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. โครงการในการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ จำนวน ๔ จังหวัด (จังหวัดลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท) ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๑.๑ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ ได้แก่ โครงการศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์จากวัสดุท้องถิ่นเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน โครงการพัฒนาสวนน้ำเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ โครงการส่งเสริมสหกรณ์การตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัย กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังและเตือนภัยจากน้ำ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวระดับชั้นพันธุ์หลักและชั้นพันธุ์ขยายเพื่อเสริมสร้างระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของกลุ่มจังหวัดภาคกลาง และโครงการพัฒนาและบูรณะทางหลวงเพื่อความปลอดภัย และเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ๑.๒ จังหวัดลพบุรี ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์ส่งเสริม บริการเยาวชนและผู้สูงวัย (จังหวัดลพบุรี) โครงการดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม แบบ long term care โครงการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำจังหวัดลพบุรีด้วยแบบจำลองสามมิติทางภูมิศาสตร์และระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) อัจฉริยะ โครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนเกษตรกรทำการเกษตรอาหารปลอดภัย โครงการยกระดับเขตเมืองเก่าลพบุรีเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในระดับภูมิภาคอาเซียน และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกระจายน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ (วังแขม) ๑.๓ จังหวัดอ่างทอง ได้แก่ โครงการพัฒนาบ่อทรายให้เป็นแก้มลิง โครงการบริหารจัดการน้ำในเขตชุมชนบ้านรอเทศบาลเมืองอ่างทองเพื่อป้องกันอุทกภัย โครงการบริหารจัดการน้ำในเขตชุมชนบางแก้วและโรงพยาบาลอ่างทอง เทศบาลเมืองอ่างทอง เพื่อป้องกันอุทกภัย โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวตามวิถีชีวิตชุมชนคนลุ่มแม่น้ำน้อย โครงการรักษาเสถียรภาพต้นทุนผลผลิตทางการเกษตรของสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกร และโครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้นอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “อุทยานสวรรค์ ๑๑๕ ปี อ่างทอง หนองเจ็ดเส้น เฉลิมพระเกียรติฯ” เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน ๑.๔ จังหวัดสิงห์บุรี ได้แก่ พัฒนาค่ายบางระจันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ พัฒนาและปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้เกษตรปลอดภัยในพื้นที่โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหมู่ที่ ๕ ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ๑.๕ จังหวัดชัยนาท ได้แก่ โครงการเมืองเมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาท โครงการส่งเสริมการปลูกอ้อยทดแทนการปลูกข้าว ตามนโยบายเกษตร Zoning ๒. การประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.ภูมิภาค) กำหนดในวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๖ ณ ห้องประชุมชั้น ๓ อาคาร ๙๐ ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จังหวัดลพบุรี
|
.....