ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1376 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 27501 - 27520 จากข้อมูลทั้งหมด 124229 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
27501 | ขอใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2556 งบกลาง เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานโครงการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่ว ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีปกครองคดีหมายเลขดำ ที่ อ. 597/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อ. 743/2555 | ทส | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖,๐๐๓,๐๐๐ บาท ให้กรมควบคุมมลพิษ เพื่อดำเนินโครงการกำหนดแนวทางฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้จากการปนเปื้อนสารตะกั่วให้มีความเหมาะสม ถูกต้องตามหลักวิชาการและเป็นที่ยอมรับของประชาชนในพื้นที่ ตามนัยคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่ให้ดำเนินการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ทุกฤดูกาล และต้องเปิดเผยผลการดำเนินการให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖) ที่กำหนดให้ส่วนราชการที่ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณานำเสนอคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อพิจารณาอนุมัติผ่อนผันต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผน/มาตรการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพการเก็บตัวอย่างสิ่งแวดล้อมและการวิเคราะห์ตะกั่วในตัวอย่างสิ่งแวดล้อมไว้ในแผนการดำเนินงาน เช่น ข้อมูลการประเมินระดับความไม่แน่นอนในการวิเคราะห์ของห้องปฏิบัติการ ผลการทดสอบ Cross-check โดยห้องปฏิบัติการอ้างอิง และผลการทดสอบตัวอย่างควบคุมเพื่อวัตถุประสงค์ในการประเมินคุณภาพผลการทดสอบ เป็นต้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการประเมินความเชื่อถือได้ของผลการวิเคราะห์กรณีเกิดเหตุพิพาท/มีข้อโต้แย้งในอนาคต รวมทั้งให้มีการศึกษาผลกระทบหลังสิ้นสุดโครงการด้วย นอกจากนี้ เห็นควรให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบหรือผู้เกี่ยวข้องต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการคัดเลือกที่ปรึกษาและการกำกับการศึกษาด้วย เพื่อให้สามารถเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วบริเวณห้วยคลิตี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับจากประชาชนและองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
27502 | รัฐบาลรัฐคูเวตเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอับดุลเลาะห์ ญุมอะห์ อับดุลเลาะห์ อัลชัรฮาน (Mr. Abdullah Jomaa Abdullah AlSharhan)] | กต | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอับดุลเลาะห์ ญุมอะห์ อับดุลเลาะห์ อัลชัรฮาน (Mr. Abdullah Jomaa Abdullah AlSharhan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐคูเวตประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายอับดุลละฏีฟ อะลี อิบรอฮีม อัลมะวาช (Mr. Abdullatif Ali E Al-Mawash) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27503 | รัฐบาลสาธารณรัฐมาลาวีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายเออร์เนสต์ เอ็ม. มาคาวา (Mr. Ernest M. Makawa)] | กต | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเออร์เนสต์ เอ็ม. มาคาวา (Mr. Ernest M. Makawa) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมาลาวีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สืบแทนนายรูสเวลต์ ลาสตัน กอนด์เว (Mr. Roosevelt Laston Gondwe) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27504 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายอิสมาอีล อะห์มัด ค็อยรอต (Mr. Ismail Ahmed Khairat)] | กต | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอิสมาอีล อะห์มัด ค็อยรอต (Mr. Ismail Ahmed Khairat) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายชาเมล เอลซาเยด นัสเซอร์ (Mr. Shamel Elsayed Nasser) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27505 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายญัมรอด ญัมชีด (Dr. Jamrad Jamshed)] | กต | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายญัมรอด ญัมชีด (Dr. Jamrad Jamshed) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถานประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ สืบแทนนายอับดุล ซามัด ซามัด (Mr. Abdul Samad Samad) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27506 | รัฐบาลสาธารณรัฐอิตาลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายฟรันเชสโก ซาเวรีโอ นีซีโอ (Mr. Francesco Saverio Nisio)] | กต | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายฟรันเชสโก ซาเวรีโอ นีซีโอ (Mr. Francesco Saverio Nisio) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายมีเกลันเจโล ปิปัน (Mr. Michelangelo Pipan) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
27507 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบพิเศษ 5 ชั้น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร | ศธ | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบพิเศษ ๕ ชั้น พร้อมค่าถมดินโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ๑ หลัง วงเงินรวม ๘๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอยู่อีก จำนวน ๖๖,๘๐๐,๐๐๐ บาท ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นต่อไป ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่กำหนดให้ส่วนราชการที่ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณานำเสนอคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเพื่อพิจารณาอนุมัติผ่อนผันต่อไป และในโอกาสต่อไปขอให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ในกรณีที่ส่วนราชการมีความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการสิ่งก่อสร้างที่มีผลทำให้ประมาณราคากลางสูงกว่าวงเงินงบประมาณรวมวงเงินเผื่อเหลือเผื่อขาดที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันเกินร้อยละ ๕ ขอให้ส่วนราชการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาก่อนดำเนินการประกวดราคา ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
27508 | การขอขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาจ้างของกระทรวงสาธารณสุข | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ ที่เห็นควรผ่อนผันการก่อหนี้ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๑๔ รายการ โดยให้ก่อหนี้ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ และไม่เห็นควรผ่อนผัน จำนวน ๓ รายการ ประกอบด้วย รายการอาคารห้องสมุดและเทคโนโลยีวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่ รายการอาคารศูนย์การเรียนรู้ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ และอาคารที่ทำการและสิ่งก่อสร้างประกอบเป็นอาคารคลังเก็บวัคซีนมาตรฐานของภูมิภาค เนื่องจากเป็นรายการที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนในวงกว้าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำกับและติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ผ่อนผัน โดยรายการที่ไม่ได้รับการผ่อนผัน จำนวน ๓ รายการ ให้พิจารณาทบทวนและปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๖ ตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
27509 | มาตรการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดการสัมมนาในประเทศ) มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องในการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศให้แก่ลูกจ้าง หรือรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจและมัคคุเทศก์เพื่อการอบรมสัมมนาดังกล่าว ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว) มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๔ ทศ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สิน (ฉบับที่ ๑๔๕) พ.ศ. ๒๕๒๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ๕๐๕) พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยกำหนดเงื่อนไขและอัตราการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ประเภทอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ แต่ไม่รวมถึงทรัพย์สินประเภทที่เป็นยานพาหนะ ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตามกฎหมายว่าด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยซื้อหรือได้รับโอนกรรมสิทธิ์เพื่อมีไว้ในการประกอบกิจการของตนเอง สำหรับทรัพย์สินที่ได้มาและอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ ในอัตราร้อยละห้าสิบของมูลค่าต้นทุน สำหรับส่วนที่เหลือให้หักตามเงื่อนไขและอัตราที่กำหนดไว้ในมาตรา ๔ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน (ฉบับที่ ๑๔๕) พ.ศ. ๒๕๒๗ สำหรับทรัพย์สินที่ได้มาและอยู่ในสภาพพร้อมที่จะใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีเงินได้และการหักค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเพื่อสนับสนุนการจัดสัมมนาในประเทศ จะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ จึงเห็นควรรายงานผลการดำเนินการและประเมินความสำเร็จของมาตรการดังกล่าว เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
27510 | ขออนุมัติกู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องการดำเนินงาน ในวงเงิน ๔,๘๙๑.๔๖๐ ล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบวงเงินที่บรรจุไว้ในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๒ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๖ เนื่องจากได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๗๘๙.๒๕๓๙ ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๑.๗๑๖๑ ล้านบาท รวมทั้งสิ้น ๘๑๐.๙๗๐ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ไว้แล้ว สำหรับกรณีขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเร่งปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการของ รฟท. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๓ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๓) ซึ่งประกอบด้วย ๓ หน่วยธุรกิจ ได้แก่ หน่วยธุรกิจการเดินรถ หน่วยธุรกิจการซ่อมบำรุง หน่วยธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน และ ๑ บริษัทลูก เพื่อดำเนินโครงการ Airport Rail Link โดยให้แต่ละหน่วยธุรกิจสามารถบริหารจัดการตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากการบริหารหน่วยธุรกิจในปัจจุบันของ รฟท. ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถบริหารจัดการแบ่งแยกบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน และรับรู้ผลกำไรขาดทุนของแต่ละหน่วยธุรกิจได้อย่างชัดเจน และให้ รฟท. เร่งดำเนินการศึกษาต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ในการให้บริการที่มีประสิทธิภาพทั้งการดำเนินงานในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม รวมทั้งให้ความสำคัญและเร่งดำเนินงานปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานตามแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
27511 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้าเกษตรตามโครงการความร่วมมือเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง (ACMECS) เข้ามาในราชอาณาจักร ประจำปี 2556 พ.ศ. .... | พณ | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้าเกษตรตามโครงการความร่วมมือเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) เข้ามาในราชอาณาจักร ประจำปี ๒๕๕๖ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การนำเข้าสินค้าเกษตรทั้ง ๑๐ ชนิด ได้แก่ ข้าวโพดหวาน ถั่วเขียวผิวมัน มันสำปะหลัง (มันเส้น) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ลูกเดือย ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ละหุ่ง งา และไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและส่งตรงมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสหภาพเมียนมาร์ ตามโครงการความร่วมมือเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองตามที่กำหนดแสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับบทอาศัยอำนาจ และความถูกต้องของรายละเอียดต่าง ๆ เช่น การระบุชื่อประเทศสหภาพเมียนมาร์หรือพิกัดอัตราศุลกากร โดยเฉพาะถั่วเหลืองและไม้ยูคาลิปตัส ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการให้คณะกรรมการจัดทำแผนการลงทุนเกษตรแบบมีสัญญากับประเทศเพื่อนบ้านพิจารณาจัดสรรสินค้าเกษตร โดยคำนึงถึงช่วงระยะเวลาที่ผลผลิตสินค้าเกษตรออกสู่ท้องตลาด การดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนเพื่อให้การดำเนินโครงการฯ ไม่เกิดการร้องเรียนในภายหลัง การบูรณาการในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การกำกับดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล การเร่งพัฒนาศักยภาพการให้บริการของด่านสินค้าเกษตรชายแดนให้มีระบบตรวจสอบสินค้าเกษตรให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ การพัฒนาระบบการติดตามและตรวจสอบสินค้าเกษตรที่นำเข้าให้ปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ไม่ได้คุณภาพ การป้องกันโรคพืชที่อาจจะติดมากับสินค้าเกษตรนำเข้า รวมทั้งการติดตามการนำเข้าสินค้าเกษตรอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่มีผลผลิตเกินความต้องการใช้ภายในประเทศ อาทิ มันสำปะหลัง เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศ และให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
27512 | ร่างหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2556 | กษ | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ที่รับทราบร่างหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงแก้ไขร่างหลักเกณฑ์ฯ ข้อ ๕.๑ (๓) โดยตัดข้อความ “ยกเว้นรายการสินค้าควบคุมที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด” เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์มิได้มีกฎหมายกำหนดราคาจำหน่ายปลีก เพียงแต่กำหนดให้ผู้จำหน่ายปลีกปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีกให้ชัดเจนและเปิดเผย และกำกับดูแลให้ราคาจำหน่ายเป็นไปตามกลไกตลาด สำหรับราคาจำหน่าย ณ โรงงาน จะกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้ว่าจ้างผลิต ผู้นำเข้า เพื่อจำหน่ายแจ้งราคาจำหน่าย และรายละเอียดของสินค้า ห้ามจำหน่ายแตกต่างจากที่แจ้งไว้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการเท่านั้น ตามความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ แล้วดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไปได้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยในการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้รับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
27513 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี 2555 - 2556 | กษ | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้อนุมัติเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ภัยแล้ง ภัยฝนทิ้งช่วง วาตภัย โรคพืชระบาด ได้แก่ โรคแอนแทรคโนสในหอมแดง โรคเหี่ยวในมะเขือเทศ โรคเหี่ยวเขียวในแตงโม โรคไหม้ในข้าวนาปรัง โรคใบหงิกเหลืองในมะเขือเทศ โรคใบจุดสีม่วงในกระเทียมและหอมแดง และไรกระเทียม รวมทั้งศัตรูพืชระบาด และภัยอื่น ๆ ได้แก่ น้ำทะเลเป็นพิษจากการตายของแพลงตอนจมลงสู่พื้นทะเล เกิดก๊าซแอมโมเนียและก๊าซไข่เน่า น้ำทะเลเปลี่ยนสี (ขี้ปลาวาฬ) ช่วงประสบภัยระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ รวม ๔๒ จังหวัด เกษตรกรจำนวน ๖๙๒,๓๑๗ ราย วงเงินขอรับความช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น ๖,๐๙๒,๘๗๘,๙๖๗ บาท ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาและกรอบวงเงินให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตลอดจนระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติในระดับพื้นที่ ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งสำรวจจำนวนเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๖ ที่เหลือทั้งหมด เพื่อเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) พิจารณาโดยด่วนต่อไป ๒. การใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี เช่น อุทกภัย ภัยศัตรูพืชระบาด และภัยแล้ง เป็นต้น เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ทำให้สูญเสียงบประมาณจำนวนมากและไม่เกิดความยั่งยืน ดังนั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น สมควรที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย จะได้พิจารณาจัดทำแผนงาน/โครงการในเชิงรุกเพื่อการเตรียมการและป้องกันหรือบรรเทาปัญหา/ภัยต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นล่วงหน้า โดยให้นำผลการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
27514 | ขออนุมัติจำหน่ายหนี้สูญออกจากบัญชีลูกหนี้ขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อคส.) จำหน่ายลูกหนี้ออกจากบัญชี กรณีหนี้เงินค้างชำระที่ไม่สามารถเรียกร้องจากลูกหนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕-๒๕๔๓ จำนวน ๑,๘๑๗ ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๗,๓๑๘,๘๖๔.๒๗ บาท ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ อคส. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า อคส. ควรให้ความสำคัญกับการติดตามหนี้อื่น ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดหนี้สูญและลดผลกระทบต่อฐานะการเงินของ อคส. ในอนาคตต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
27515 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแนะในประเด็นสำคัญเพิ่มเติม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการเพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์ น่าเชื่อถือ สามารถใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และตัดสินใจเชิงนโยบายด้านการเงินการคลังได้อย่างถูกต้อง และให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดทุกกระทรวงให้ความสำคัญและกำชับหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑ กลุ่มรัฐบาลกลางและหน่วยงานภาครัฐ ให้ อ.ก.พ. กระทรวงมหาดไทย พิจารณาปรับเกลี่ยอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจหรือปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งที่มีอยู่ให้เป็นนักวิชาการเงินและบัญชีให้แก่จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ในฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณ หากยังไม่เพียงพอให้นำเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อพิจารณาต่อไป และเพื่อให้การบริหารทรัพย์สินของหน่วยงานภาครัฐเกิดประโยชน์สูงสุด เห็นควรให้ผู้บริหารให้ความสำคัญในการบริหารทรัพย์สินให้เกิดประสิทธิภาพ โดยใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่อย่างคุ้มค่าและจัดซื้อจัดหาทรัพย์สินให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานอย่างเหมาะสม หรืออาจพิจารณาการใช้ทรัพย์สินร่วมกัน ๑.๒.๒ กลุ่มกองทุนและเงินทุนหมุนเวียน การจัดสรรเงินงบประมาณอุดหนุนแก่กองทุนและเงินทุนหมุนเวียนควรพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยพิจารณาฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของหน่วยงาน เพื่อประโยชน์ในการบริหารงบประมาณของแผ่นดินในภาพรวม ๑.๒.๓ กลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดจัดทำรายงานการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภายใน ๖๐ วัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำส่งเงิน และการตรวจเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ หมวด ๑๑ ข้อ ๘๙ และส่งสำเนารายงานการเงินให้กรมบัญชีกลางเพื่อจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐ และเพื่อประโยชน์ในการบริหารเงินสดและเงินฝากธนาคารของ อปท. ในภาพรวมให้เกิดประสิทธิภาพและเหมาะสม เห็นควรให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกำกับดูแลเร่งรัดให้ อปท. ใช้จ่ายเงินในการดำเนินงาน ตามแผนงาน/โครงการ และนโยบายของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายเงินของ อปท. ให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือและสวัสดิการขั้นพื้นฐานจากรัฐอย่างทั่วถึง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานงานเพื่อเร่งรัดให้กรุงเทพมหานครจัดทำรายงานการเงินส่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภายใน ๖๐ วัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การนำส่งเงิน และการตรวจเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ หมวด ๑๑ ข้อ ๘๙ และส่งสำเนารายงานการเงินให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เพื่อจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีได้อย่างครบถ้วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
27516 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) | อก | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
27517 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 100 ปี ธนาคารออมสิน พ.ศ. .... | กค | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี ธนาคารออมสิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๑๐๐ ปี ธนาคารออมสิน ในวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
27518 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2554 และ 2553 | รง | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนองบดุลและการรับจ่ายเงินของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ประจำปี ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๓ และผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของแต่ละปีของกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ในปี ๒๕๕๔ กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม ๔๐๑,๕๘๒,๓๘๙.๑๐ บาท หนี้สินหมุนเวียนรวม ๗๕๓,๓๖๓.๗๖ บาท เงินกองทุนรวม ๔๐๐,๘๒๙,๐๒๕.๓๔ บาท รวมหนี้สินและเงินกองทุน ๔๐๑,๕๘๒,๓๘๙.๑๐ บาท รายได้รวม ๔๐,๐๒๙,๑๙๒.๑๙ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๔๖,๒๑๓,๐๑๘.๐๔ บาท รายได้ต่ำกว่าค่าใช้จ่าย ๖,๖๔๕,๔๖๑.๕๗ บาท ๒. ปี ๒๕๕๓ กองทุนฯ มีสินทรัพย์รวม ๔๐๘,๑๐๐,๖๓๐.๐๓ บาท หนี้สินหมุนเวียนรวม ๖๑๖,๖๔๓.๑๒ บาท เงินกองทุนรวม ๔๐๗,๔๘๓,๙๘๖.๙๑ บาทรวมหนี้สินและเงินกองทุน ๔๐๘,๑๐๐,๖๓๐.๐๓ บาท รายได้รวม ๔๘,๕๐๙,๕๑๒.๑๓ บาท ค่าใช้จ่ายรวม ๔๓,๓๖๓,๕๔๖.๑๒ บาท รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย ๕,๑๔๕,๙๖๖.๐๑ บาท
|
|||||||||||||||||||||
27519 | รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนกรกฎาคม 2556 | พณ | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศและรายงานการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าและเศรษฐกิจของไทยเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๐ (เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๑๕) จากการสูงขึ้นของดัชนีหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๘ (เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ สูงขึ้นร้อยละ ๐.๒๗) ได้แก่ หมวดพาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร รวมทั้งสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดเคหสถาน และหมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ในขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลงร้อยละ ๐.๒๑ (เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ ลดลงร้อยละ ๐.๐๗) จากการลดลงของราคาหมวดผักและผลไม้ และหมวดไข่และผลิตภัณฑ์นมเป็นสำคัญ ๒. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ เทียบกับเดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ ดัชนีโดยเฉลี่ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีบางรายการสินค้าและบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นและลดลง ประกอบด้วย สินค้าและบริการที่มีราคาสูงขึ้น ได้แก่ หมวดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดเคหสถาน และหมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ขณะที่สินค้าและบริการที่มีราคาลดลง ได้แก่ หมวดเครื่องประกอบอาหาร หมวดอาหารสำเร็จรูป หมวดค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล และหมวดเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
|
|||||||||||||||||||||
27520 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิตาลีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม | อก | 27/08/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอิตาลีว่าด้วยความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ เป็นกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในทุกระดับระหว่างสองประเทศ ในภาคส่วนอุตสาหกรรม อาหาร การเกษตร แฟชั่น และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์ พลังงานสิ้นเปลือง พลังงานทดแทน และเครื่องจักรอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมการค้าทวิภาคี การบริการและการลงทุนที่เกี่ยวข้อง โดยอยู่บนพื้นฐานของสิทธิที่เท่าเทียมกัน ความเป็นหุ้นส่วนและผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงอุตสาหกรรม หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๒. ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้วตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงอุตสาหกรรม รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
.....