ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 01/10/2557 | ||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการตรวจสอบสต็อกผลผลิตทางการเกษตรที่อยู่ในความรับผิดชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้คณะอนุกรรมการจัดทำบัญชีข้าวคงเหลือของรัฐเร่งดำเนินการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาหาแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรทุกชนิดอย่างเป็นระบบให้ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบในประเทศ เช่น ที่นอนยางพารา ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการศึกษาหาแนวทางและมาตรการในการลดภาระหนี้สินครัวเรือนและหนี้นอกระบบที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันให้เกิดเป็นรูปธรรมและเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยเร็ว ๑.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงมหาดไทยประสานงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการพิจารณากำหนดพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สมควรจัดให้มีมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นการเร่งด่วน ๑.๕ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) จัดให้มีเวทีการพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจชั้นนำจากสาขาต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ๒. ด้านการต่างประเทศ ๒.๑ ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐอิตาลี ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดเตรียมข้อมูลให้ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง รวมถึงความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนเสนอนายกรัฐมนตรีด้วย ๒.๒ ในการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศในโอกาสต่าง ๆ ขอให้ทุกส่วนราชการบูรณาการการทำงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการกำหนดท่าที การเจรจา และการเสนอความเห็นของประเทศไทยในเวทีต่าง ๆ มีความเป็นเอกภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ๓. ด้านการบริหารราชการ ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกำชับให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในกำกับดูแลทำความเข้าใจและปฏิบัติตามแนวทางการทำงานของรัฐบาล ที่มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม โดยยึดมั่นในหลักความโปร่งใสและปราศจากการทุจริตในการปฏิบัติราชการทุกระดับ และมุ่งเดินหน้าสร้างความปรองดองควบคู่ไปกับการปฏิรูป ๓.๒ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานงานกับทุกหน่วยงานในการบูรณาการการใช้ประโยชน์ร่วมกันจากฐานข้อมูลที่มีอยู่ โดยปรับปรุงฐานข้อมูลที่อยู่ในความรับผิดชอบให้ทันสมัยและพร้อมใช้งานทุกเวลา โดยเฉพาะฐานข้อมูลที่ใช้รองรับการให้บริการประชาชน เมื่อดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแจ้งศูนย์ดำรงธรรมทราบ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการให้บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service) ต่อไป ๔. ด้านสังคม ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) ประสานงานกับทุกส่วนราชการเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนาซึ่งครอบคลุมใน ๓ มิติ คือ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี การพัฒนาคน และการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยให้บูรณาการงบประมาณในการดำเนินการจากกองทุนหมุนเวียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังและกองทุนอื่น ๆ ของทุกหน่วยงาน และให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องข้างต้น เพื่อนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) พิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔.๒ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดแนวทางในการเตรียมความพร้อมของบุคลากรเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี ๒๕๕๘ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาถึงการดูแลให้ความช่วยเหลือบุตรธิดาของเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้สามารถศึกษาต่อจนจบหลักสูตรการศึกษาและมีโอกาสในการทำงานที่ดีด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดแนวทางการจัดระเบียบสังคมตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ เช่น การจัดระเบียบรถตู้และรถจักรยานยนต์โดยสารสาธารณะให้มีความต่อเนื่องและยั่งยืน โดยใช้กลไกเครือข่ายภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ ๕. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๕.๑ ตามที่ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานทุกส่วนราชการเพื่อจัดทำแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี นั้น ให้ทุกส่วนราชการเร่งเสนอร่างกฎหมายที่มีความจำเป็นเร่งด่วนโดยเร็ว และให้เร่งรัดจัดกลุ่มกฎหมาย แล้วส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อรวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ สำหรับกฎหมายเร่งด่วนหรือกฎหมายที่มีลักษณะพิเศษซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณานาน เช่น ภาษีมรดก อย่างน้อยให้ประกาศใช้บังคับก่อนไตรมาสที่ ๓ ๕.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพิจารณาหาแนวทางในการดำเนินการเพื่อให้รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนหรือนโยบายสำคัญตามแนวทางที่สอดคล้องกับร่างกฎหมายต่าง ๆ ที่รัฐบาลเสนอและอยู่ในระหว่างการพิจารณาในขั้นตอนทางนิติบัญญัติซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลานาน เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาเร่งด่วนได้อย่างรวดเร็ว ๕.๓ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนการจัดตั้งศาลแขวงและศาลจังหวัดในภาพรวมทั่วประเทศในระยะ ๕ ปี ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๖. ด้านอื่น ๆ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ติดตามการรายงานและการพยากรณ์เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศและระดับน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลว่า ภัยแล้งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างไร โดยเฉพาะผลกระทบด้านการเกษตร
|
.....