ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1022 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20421 - 20440 จากข้อมูลทั้งหมด 124193 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ |
---|---|---|---|
20421 | ขออนุมัติแผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ปี 2559 - 2568 | สธ | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน ใช้เป็นกรอบการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) มาตรการเชิงนโยบายและการควบคุมกำกับอย่างเข้มข้น (๒) เสริมสร้างความเข้มแข็งและขยายความครอบคลุมของมาตรการเชิงป้องกันทั้งในประเทศและภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (๓) พัฒนาคุณภาพการคัดกรองวินิจฉัย การดูแลรักษา การส่งต่อทั้งระบบอย่างบูรณาการ (๔) ส่งเสริม สนับสนุนการมีส่วนร่วมและพัฒนาศักยภาพของชุมชนและองค์กรท้องถิ่นในการป้องกันควบคุมและจัดการสิ่งแวดล้อมโรคพยาธิใบไม้ตับ มะเร็งท่อน้ำดี และการดูแลผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีอย่างเป็นระบบ และ (๕) การศึกษาวิจัยและพัฒนาระบบฐานข้อมูลและการบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ ๑.๒ แนวทางการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ ๒ ระยะ โดยระยะเริ่มต้น ๓ ปี (๒๕๕๙-๒๕๖๑) เป็นโครงการรณรงค์การกำจัดปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ครบ ๗๐ ปี ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ พร้อมทั้งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา ตลอดจนในปีพุทธศักราช ๒๕๖๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา และระยะที่ ๒ เป็นการขับเคลื่อนตามมาตรการของแผนยุทธศาสตร์ในระยะเวลาที่เหลือ (๒๕๖๒-๒๕๖๘) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ ส่งผลให้การกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีเกิดความยั่งยืน และผลักดันให้เป็นการดำเนินงานในแผนงานปกติในอนาคตต่อไป ๑.๓ สนับสนุนงบประมาณการขับเคลื่อนตามมาตรการของแผนยุทธศาสตร์เพื่อให้สามารถดำเนินการกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนในอนาคต ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์ให้ประชาชนรับประทานอาหารปรุงสุกเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ และให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่ ควรดำเนินการในลักษณะสอดประสานไปกับการดำเนินการยุทธศาสตร์อื่น ๆ ที่ดำเนินการอยู่แล้วในพื้นที่ในลักษณะการบูรณาการประเด็นด้านสุขอนามัยและโภชนาการของปัญหาสุขภาพของชุมชน ทั้งในการขับเคลื่อนเชิงนโยบาย การสร้างความตระหนัก การให้ความรู้และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติในระดับประเทศ และควรเพิ่มเติมตัวชี้วัดการดำเนินงานที่มีเป้าหมายร่วมกันระหว่างหน่วยงาน (Joint KPI) เพื่อนำไปสู่การเกิดผลลัพธ์ในการดำเนินงานได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรพิจารณาเชื่อมโยงกิจกรรมและพื้นที่ดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายใต้แผนดังกล่าว จำนวน ๒๖๑,๓๓๔,๘๐๐ บาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อดำเนินการและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๔. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขนำแผนดังกล่าวมาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) ทั้งนี้ กิจกรรมใดที่เป็นการดำเนินการซึ่งเกินกว่ากรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ให้นำเรื่องดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนปฏิรูป เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินพิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี) |
|||
20422 | การขอความเห็นชอบในการให้สัตยาบันอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก | กต | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการให้สัตยาบันอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ASEAN Convention Against Trafficking in Persons, Especially Women and Children : ACTIP) เพื่อกระทรวงการต่างประเทศจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การจัดทำสัตยาบันสาร (Instrument of Ratfication or Approval) เพื่อส่งมอบต่อเลขาธิการอาเซียนเพื่อเก็บรักษาต่อไป โดยอนุสัญญาฯ เป็นเอกสารที่แสดงถึงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะร่วมมือกันป้องกันและต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมถึงให้การคุ้มครองและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยเป็นตราสารทางกฎหมายสำหรับการดำนินการระดับภูมิภาค ซึ่งมีขอบเขตการใช้บังคับในการป้องกันการสืบสวนสอบสวน และการผ้องร้องดำเนินคดีในความผิดตามที่กำหนดไว้ เมื่อความผิดดังกล่าวมีลักษณะข้ามชาติ รวมถึงความผิดที่กระทำโดยองค์กรอาชญากรรม และเพื่อการคุ้มครองและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||
20423 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 เรื่อง การแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ยากจนและไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง | อื่นๆ | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ยากจนและไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง) และให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) นำเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรแล้ว จำนวน ๖๙๐,๒๐๐,๐๐๐ บาท ไปดำเนินโครงการ จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการศึกษากระบวนการดำเนินงานของธนาคารที่ดิน (๒) โครงการแก้ไขปัญหาเกษตรกรและผู้ยากจนซึ่งมีปัญหาจะสูญเสียสิทธิในที่ดินจากปัญหาการจำนองและขายฝาก (๓) โครงการนำร่องธนาคารที่ดินในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน (๔) โครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร และ (๕) โครงการศึกษาวิจัยระบบข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการที่ดิน ตามมติคณะกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๙ ๑.๒ ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม กรณีการดำเนินโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน) จากเดิม “๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม กรณีการดำเนินโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ทั้งนี้ ให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาและสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย โดยประสานรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินการกับสำนักงบประมาณ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป” เป็น “๑. มอบหมายให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน” ๒. ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในประเด็นโครงการนำร่องธนาคารที่ดินในพื้นที่นำร่อง ๕ ชุมชน นั้น ให้กำหนดหลักเกณฑ์การช่วยเหลือบนหลักความเป็นธรรมและความเสมอภาค คำนึงถึงการแก้ไขปัญหาของพื้นที่อื่น ๆ และติดตามผลการดำเนินงานของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ก่อนกำหนดกิจกรรมและงบประมาณที่จะดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) จัดทำแผนปฏิบัติการตามกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล (ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐) ทั้งนี้ กิจกรรมใดที่เป็นการดำเนินการซึ่งเกินกว่ากรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ให้นำเรื่องดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนปฏิรูป เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินพิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี) แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
|||
20424 | ขออนุมัติแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ และการใช้เงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน | กษ | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ จำนวน ๓๕ รายการ งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑,๔๐๖.๔๑ ล้านบาท และการขอใช้เงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ในส่วนที่คงเหลือจากกรอบงบประมาณที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑,๔๐๖.๔๑ ล้านบาท มาเพื่อใช้ดำเนินโครงการดังกล่าว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายเงินกู้ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ และหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินกู้ตามระเบียบดังกล่าวอย่างเคร่งครัด รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประชาชนที่จะได้รับเป็นสำคัญ ตลอดจนเร่งรัดการดำเนินโครงการและการเบิกจ่ายเงินกู้โครงการเงินกู้ฯ ที่ได้รับอนุมัติเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการ และเห็นควรเร่งรัดโครงการทั้ง ๓๕ รายการ ให้ดำเนินการทำข้อผูกพันงบประมาณภายในไตรมาส ๔ ของปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เพื่อช่วยแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างทันการณ์ ให้มีกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีขีดความสามารถในการดำเนินการได้จริงภายในระยะเวลาที่กำหนด และควรเป็นหน่วยงานราชการหรือผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยไม่มีการจ้างช่วงต่อเพื่อให้เกิดการกระจายงานให้สำเร็จได้ทันตามกำหนดตามแผนงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. โดยที่โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ดังนั้น ในอนาคตหากหน่วยงานเจ้าของโครงการมีวงเงินคงเหลือจากการจัดสรรและมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการเพิ่มเติม ให้หน่วยงานขอใช้จากแหล่งเงินอื่นต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||
20425 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 22 | พณ | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ ๒๒ ผลการหารือทวิภาคี และการดำเนินการต่อเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ปี ๒๐๑๖ และมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ ๒๒ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองอาเรกีปา สาธารณรัฐเปรู มีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี การก้าวสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้แก่ การจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก การเปิดเสรีการค้าและการลงทุนภายใต้เป้าหมายโบกอร์ในปี ๒๐๒๐ และแผนการดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าบริการ และ การส่งเสริม SMEs เข้าสู่ตลาดโลก ๑.๒ การหารือทวิภาคี ได้มีการหารือทวิภาคีกับผู้แทน ๖ เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ สาธารณรัฐเปรู ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น เกี่ยวกับความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเตรียมการของไทย และกับสหพันธรัฐรัสเซียในประเด็นความร่วมมือทางการค้า ๑.๓ การดำเนินการต่อเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ปี ๒๐๑๖ มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี การก้าวสู่การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อมและรายย่อยไปสู่ตลาดโลก การพัฒนาทุนมนุษย์ และการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการให้แข็งแกร่ง ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการให้ไทยเข้าร่วมการเจรจาลดภาษีสินค้าสิ่งแวดล้อมในกรอบองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ก็ต่อเมื่อเป็นการเจรจาที่ให้ประเทศสมาชิกทั้งหมดของ WTO เข้าร่วมเท่านั้น และไทยควรสงวนสิทธิ์ในการจัดเก็บภาษีศุลกากรถาวรสำหรับการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากยังมีความไม่ชัดเจนทั้งคำจำกัดความและแนวทางการดำเนินการในการส่งเสริมการค้าดิจิทัลและการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว อีกทั้งประเด็นดังกล่าวยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ รวมทั้งการปรับปรุงข้อมูลตามตารางสรุปประเด็นสำคัญและหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อประสานงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||
20426 | การดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) | กค | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) สรุปได้ ดังนี้
๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๕๑/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน มีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชนร่วมเป็นกรรมการ และมีผู้อำนวยสำนักนโยบายการออมและการลงทุน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นกรรมการและเลขานุการฯ โดยคณะกรรมการฯ ได้ประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อพิจารณาร่างแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นของประเทศไทย (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) และพิจารณาแนวทางการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิบัติงานตามแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นฯ ๒. การจัดทำแผนการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นฯ เป็นการดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ “ผลักดัน Startup ให้เป็นกลไกในการพลิกโฉมสังคม เศรษฐกิจ นำไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ ASEAN” และมีพันธกิจหลัก ๔ ประการ ได้แก่ (๑) การสร้างความตระหนักและการรับรู้เพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (๒) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น (๓) การส่งเสริมการบ่มเพาะวิสาหกิจเริ่มต้น และ (๔) การเสนอแนะนโยบายและมาตรการภาครัฐเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น ๓. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และกองทุนรวมวายุภักษ์ ในฐานะผู้จัดสรรแหล่งเงินทุนสำหรับการจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้น อยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาแนวทางการจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้น ซึ่งคาดว่าจะจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้นในรูปแบบทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust) โดยธนาคารกรุงไทยฯ และกองทุนรวมวายุภักษ์ร่วมกันสนับสนุนแหล่งเงินทุน ในวงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าการดำเนินการจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้นจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ มีนักลงทุนสถาบันภาคเอกชนแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุนในกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้นมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อจัดตั้งกองทุนเพื่อร่วมลงทุนกับวิสาหกิจเริ่มต้นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การจัดตั้งทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust) |
|||
20427 | ผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2559 | สวพส. | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวงเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนโครงการหลวง ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานสำคัญในการสนับสนุนงานโครงการหลวง รวมทั้งเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนแม่บท ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และคำของบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒ รับทราบกรอบคำของบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่สนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวง จำนวน ๓๘ แห่ง จำนวน ๑,๗๐๔,๔๔๖,๖๔๐ บาท และโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง จำนวน ๒๙ แห่ง จำนวน ๔๙๙,๗๓๙,๕๕๑ บาท ซึ่งหน่วยงานได้ส่งกรอบคำขอตั้งงบประมาณให้สำนักงบประมาณพิจารณาแล้ว และสำนักงบประมาณได้พิจารณาสนับสนุนงบประมาณให้ตามความเหมาะสม และได้ปรับปรุงโครงสร้างแผนงานตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วน “แผนงานยุทธศาสตร์สนับสนุนการพัฒนาโครงการหลวง” โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการตามแผนงานดังกล่าวด้วย ๑.๓ เห็นชอบแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กรอบงบประมาณรวม ๕,๘๔๗,๙๙๗,๖๗๓ บาท และแผนแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กรอบงบประมาณรวม ๓,๐๙๐,๒๔๐,๙๗๙ บาท ๒. ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๒๑ (เรื่อง ขออนุมัติในหลักการให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเป็นผู้ตรวจสอบโครงการวิจัย) สำหรับโครงการและแผนงานวิจัยตามแผนแม่บทศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และแผนแม่บทโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๓. ให้สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ความสำคัญในการผลักดันกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้โครงการที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทฯ ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มเติมรายละเอียดมาตรการควบคุมและป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและการแพร่กระจายของมลพิษจากกิจกรรมต่าง ๆ การเพิ่มเติมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและรุกรานของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นในพื้นที่ดำเนินการ โดยเฉพาะการเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ต่างถิ่นที่อาจส่งผลกระทบต่อชนิดพันธุ์ดั้งเดิม การเพิ่มเติมโครงการ/กิจกรรมด้านการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในความสำคัญของพื้นที่ต้นน้ำลำธารให้กับประชาชนในพื้นที่ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูดิน น้ำ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ผ่านการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่น การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม การให้ความสำคัญกับการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยยึดพื้นที่เป็นเป้าหมาย การแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายป่าและปัญหายาเสพติดควบคู่ไปกับการพัฒนาอาชีพของประชาชนบนพื้นที่สูง รวมทั้งการส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยลดการใช้หรือหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีทางการเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||
20428 | ผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่ประธานกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุม กศร. ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ ซึ่งมีเรื่องเพื่อทราบ รวม ๕ เรื่อง และเรื่องเพื่อพิจารณา รวม ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การขอปรับผังการใช้ประโยชน์พื้นที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ของ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (๒) แผนการใช้ที่ดินของหน่วยงานรัฐ จังหวัดสระบุรี และ (๓) แผนแม่บทศูนย์ราชการจังหวัดกาฬสินธุ์และการใช้ที่ดินราชพัสดุเป็นที่ตั้งศูนย์ราชการจังหวัดกาฬสินธุ์แห่งใหม่ ๑.๒ เห็นชอบแผนการใช้ที่ดินของหน่วยงานรัฐ จังหวัดสระบุรี ๑.๓ เห็นชอบแผนแม่บทศูนย์ราชการจังหวัดกาฬสินธุ์และการใช้ที่ดินราชพัสดุเป็นที่ตั้งศูนย์ราชการจังหวัดกาฬสินธุ์แห่งใหม่ ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการจัดทำแผนการใช้ที่ดินของหน่วยงานของรัฐ จังหวัดสระบุรี และการจัดทำแผนแม่บทศูนย์ราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ดังกล่าว ควรกำชับให้จังหวัดสระบุรีและจังหวัดกาฬสินธุ์ใช้ประโยชน์พื้นที่ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทศูนย์ราชการโดยเคร่งครัดด้วย สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก่อสร้างอาคารของส่วนราชการต่าง ๆ ในบริเวณศูนย์ราชการใหม่ ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เห็นควรให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียด แบบรูปรายการ และประมาณการค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมสอดคล้องกับแผนการใช้ที่ดินและแผนแม่บทศูนย์ราชการจังหวัด และมีความพร้อมในการดำเนินการอย่างแท้จริง เพื่อจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||
20429 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม และศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารชุดพักอาศัย บ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้เพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดนครปฐม และศาลอุทธรณ์ภาค 7 และอาคารชุดพักอาศัย บ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จากวงเงิน ๑๒,๔๙๒,๕๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๖,๙๕๖,๑๒๕ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่จัดสรรงบประมาณให้แล้ว จำนวน ๑๐,๔๑๖,๖๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๕๖๕,๗๕๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน ๕,๙๗๓,๗๗๕ บาท ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ให้ครบค่างานตามสัญญาต่อไป ๑.๒ สำหรับการดำเนินการจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างส่วนที่เหลือของอาคารดังกล่าว ให้สำนักงานศาลยุติธรรมปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มาตรฐานของทางราชการ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เกี่ยวกับแนวทางการจัดทำสัญญาจ้างควบคุมงานก่อสร้างที่กำหนดว่า การกำหนดค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานจะต้องสอดคล้องกับผลงานในสัญญาก่อสร้างที่จะดำเนินการจริง โดยไม่ใช้ระยะเวลาในการควบคุมงานเป็นตัวกำหนดค่าใช้จ่าย รวมทั้งคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และเมื่อดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างจนได้ข้อยุติแล้ว ให้สำนักงานศาลยุติธรรมขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้ง ทั้งนี้ ภาระค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว จำนวน ๔,๔๖๓,๖๒๕ บาท เห็นควรที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการตรวจสอบหาบุคคลรับผิดชอบตามขั้นตอนของกฎหมายให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงาน อันเนื่องมาจากผู้รับจ้างงานก่อสร้างเดิมผิดสัญญา โดยจะต้องเรียกร้องไล่เบี้ยความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จากผู้รับจ้างซึ่งกระทำผิดสัญญางานก่อสร้างรายเดิมให้เป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ของทางราชการด้วย |
|||
20430 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงยุติธรรม) (นายสมณ์ พรหมรส) | ยธ | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมณ์ พรหมรส ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเฉพาะด้านนโยบายและการบริหารงานยุติธรรม (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||
20431 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวอรนุช ไวนุสิทธิ์) | กค | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอรนุช ไวนุสิทธิ์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||
20432 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบล แหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัด สมุทรสงคราม เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดมาตรการห้ามกระทำการหรือประกอบกิจการ มาตรการบริหารจัดการและกำกับดูแล ผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการจัดทำแผนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอดซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Site) ไม่ให้เสื่อมสภาพลงและมีระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติที่สมบูรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรกำหนดเรื่องการทำประมงตามร่างข้อ ๗ (๑๑) ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และเห็นควรให้คลังก๊าซปิโตรเลียมเหลวของบริษัทเอ็นเอสแก๊ซ แอลพีจี จำกัด ซึ่งดำเนินการในพื้นที่บริเวณที่ ๒ ตามร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยจะต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งเพิ่มผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากนี้ การประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือทุกขนาดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ต้องห้ามตามประกาศนี้ ถ้าได้รับคำขออนุญาตหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายใดไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้คงดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่จะดำเนินการอื่นเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับไม่ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||
20433 | ร่างกฎกระทรวงตามมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รวม 4 ฉบับ | มท | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ (กำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์) ๒. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ (กำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ สำหรับการเปลี่ยนตัวทรัสตีรายเดิมเป็นทรัสตีรายใหม่) ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) (กำหนดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับห้องชุด สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์) ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุด ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) (กำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับห้องชุดสำหรับการเปลี่ยนตัวทรัสตีรายเดิมเป็นทรัสตีรายใหม่) |
|||
20434 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลทรงธรรม ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัด กำแพงเพชร พ.ศ. .... | คค | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทรงธรรม ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลทรงธรรม ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๑๒ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ได้มีการกำหนดให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จึงเห็นควรตรวจสอบแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||
20435 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่องสิทธิพลเมืองอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิในชีวิตร่างกายกรณีขอให้คุ้มครองสิทธิของผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้ต้องสงสัยกล่าวอ้างว่าถูกซ้อมทรมานให้รับสารภาพ) | ยธ | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิพลเมืองอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิในชีวิตร่างกาย กรณีขอให้คุ้มครองสิทธิของผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้ต้องสงสัยกล่าวอ้างว่าถูกซ้อมทรมานให้รับสารภาพ) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งว่าในคดีนี้ไม่ปรากฏว่ามีการทรมานจึงไม่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่และขอรับข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา ๒. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแจ้งว่าคดีนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีเหตุอันควรสงสัยหรือมีคนกล่าวหาจึงยังไม่ได้ทำการไต่สวนแต่อย่างใด ๓. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐแจ้งว่าได้มีการตรวจสอบในกรณีนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนเพราะยังไม่ทราบผลการตรวจสอบที่ชัดเจน ๔. กรมราชท้ณฑ์แจ้งว่าในทางปฏิบัติได้มีการพิจารณาอนุญาตให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนหรือหน่วยงานอื่น ๆ เข้าพบหรือตรวจเยี่ยมผู้ต้องหาตามที่ได้รับการร้องขอได้อยู่แล้ว ๕. กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้ทำการประชุมอบรมสัมมนาเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง และหากทุกหน่วยงานมีความพร้อมแล้วก็จะดำเนินการเสนอเรื่องเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Optional Protocol to The Convention Against Torture) ต่อไป ๖. สำนักงานอัยการสูงสุดมีข้อเสนอแนะว่าพนักงานอัยการควรมีส่วนร่วมในการสอบสวนเพื่อเข้าทำการคุ้มครองสิทธิผู้ต้องสงสัยดังกล่าวและควรให้มีการกำหนดช่องทางหรือหน่วยงานในการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการสอบสวนดังกล่าวขึ้นในทุกจังหวัด |
|||
20436 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... | ทส | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสัตว์ทะเลหายาก จำนวน ๔ ชนิด เป็นสัตว์ป่าสงวน ได้แก่ ปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) วาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) วาฬโอมูระ (Balaenoptera omurai) และเต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||
20437 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน พ.ศ. .... | กค | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกันเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินตามพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||
20438 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายที่ 2253 (ค.ศ. 2015) และ 2255 (ค.ศ. 2015) | กต | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบและรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย ที่ ๒๒๕๓ (ค.ศ. ๒๐๑๕) เป็นการขยายความครอบคลุมในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายให้รวมถึงกลุ่ม ISIL (Da’ esh) และข้อมติ UNSC ที่ ๒๒๕๕ (ค.ศ. ๒๐๑๕) เป็นการกำหนดให้รัฐสมาชิกปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดในข้อมติ UNSC ที่ ๑๙๘๘ (ค.ศ. ๒๐๑๑) กับกลุ่ม Taliban ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการผู้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุดถือปฏิบัติ และแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบต่อไปด้วย |
|||
20439 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่า คุ้มครอง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | ทส | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สัตว์ทะเลหายาก จำนวน ๑๒ ชนิด เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้แก่ ปลากระเบนแมนต้ายักษ์ (Manta birostris) ปลากระเบนแมนต้าแนวปะการัง (Manta alfredi) ปลากระเบนปีศาจครีบสั้น (Mobula kuhlii) ปลากระเบนปีศาจหางหนาม (Mobula japonica) ปลากระเบนปีศาจครีบโค้ง (Mobula thurstoni) ปลากระเบนปีศาจแคระ (Mobula eregoodootenkee) ปลากระเบนราหูน้ำจืด (Himantura chaophraya) ปลาโรนินหรือปลากระเบนท้องน้ำ (Rhina ancylostoma) ปลาฉนากยักษ์ (Pristis pristis) ปลาฉนากปากแหลม (Anoxypristis cuspidata) ปลาฉนากเขียว (Pristis zijsron) และปลาฉนากฟันเล็ก (Pristis pectinata) ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการกำหนดให้วาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) และปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ๒๕๔๖ และกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งมีมาตรการในการสงวนและคุ้มครองที่เข้มงวดกว่า ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ท้ายกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. ๒๕๔๖ จำนวน ๑ ชนิด โดยกำหนดให้ปลากระเบนราหูน้ำจืดหรือปลากระเบนเจ้าพระยา (Himantura chaophraya) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเพาะพันธุ์ได้ เพื่อป้องกันมิให้สูญพันธุ์ และเพื่ออนุญาตให้บุคคลมีไว้ในครอบครอง ค้า และเพาะพันธุ์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการประกาศใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... ก่อนหรือพร้อมกับร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
|||
20440 | การรับรองเอกสารผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 7 | วธ | 21/06/2559 |
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ประธานสำหรับการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๗ (Chair’s Statement of the 7th ASEM Culture Ministers’ Meeting) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนและพัฒนาความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างเอเชียและยุโรปในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงการผลักดันให้เกิดการเติบโตในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรปจะร่วมกันผลักดันให้เกิดแผนงานอย่างเป็นรูปธรรมและเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านกลไกการประชุมเชิงปฏิบัติการใน ๓ หัวข้อ คือ (๑) อนาคตของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (๒) มรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ (๓) ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยรับรองร่างแถลงการณ์ประธานฯ ในการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๗ (7th Asia-Europe Culture Ministers’ Meeting ASEM CMM 7) ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ เมืองกวางจู สาธารณรัฐเกาหลี ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ประธานฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงวัฒนธรรมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
.....