ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1023 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20441 - 20460 จากข้อมูลทั้งหมด 124193 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20441 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 ด้านการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการและกรอบวงเงินงบประมาณของมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการเงินของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน ๔ โครงการ ประกอบด้วย โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ โครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๙/๖๐ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ และโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙ กรอบวงเงินงบประมาณรวม ๔๕,๕๘๙.๓๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนดำเนินการในรายละเอียดเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการดำเนินมาตรการและการกำกับดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการฯ ดังกล่าว โดยกำกับดูแลให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๔ เดือน ๒. สำหรับโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกรรายย่อยที่ต้องการพัฒนาศักยภาพ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับเงื่อนไขให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องขยายกรอบวงเงินงบประมาณให้เสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต่อไปได้ ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
20442 | ผลการประชุม CLMVT Forum 2016 : Towards a Shared Prosperity | พณ | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม CLMVT Forum 2016 : Towards a Shared Prosperity ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานเปิดการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งเสริมความเชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าของภูมิภาคและของโลก ประเทศในภูมิภาคควรร่วมมือกันส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแต่ละประเทศเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการต่อรองในตลาดโลก และเพิ่มความร่วมมือผ่านการแบ่งปันประสบการณ์เรื่องสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication:GI) สินค้า OTOP และหัตถกรรม เป็นต้น ๒. การเพิ่มความเชื่อมโยง (connectivity) ส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในระดับจังหวัด/ภูมิภาค โดยตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหาทางการค้าร่วมกัน ๓. การเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน การร่วมมือกันในการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันร่วมกัน เช่น ส่งเสริม startups และ SME ให้เข้าสู่แหล่งเงินทุน นักลงทุน และสร้าง eco-system และการเชื่อมโยงมาตรฐานและระบบการรับรองคุณภาพให้สอดคล้องกัน ๔. การแบ่งปันกัน และการทำงานร่วมกัน (Sharing and Collaboration) ส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจการค้ารอบด้าน และส่งเสริมความร่วมมือในทุกระดับ ระหว่างภาคเอกชนและรัฐบาล ระหว่างภาคเอกชนและความร่วมมือระดับท้องถิ่น และความเชื่อมโยงระหว่างผู้คน และสนับสนุนการท่องเที่ยวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
20443 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศ ตามแนวทางปฏิรูป | นร07 | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป ที่สำนักงบประมาณจัดสรรให้ส่วนราชการฯ จำนวน ๔,๔๐๐,๘๔๖,๗๓๐ บาท ๑.๒ อนุมัติหลักการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๑๗,๘๙๙,๑๙๔,๙๓๐ บาท เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมฯ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่อไป สำหรับโครงการ/รายการที่กรมการท่องเที่ยวเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายแทนกองทัพเรือและเมืองพัทยา ให้หน่วยงานทั้งสองจัดทำรายละเอียดโครงการ/รายการ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายตามกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||
20444 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. .... | กษ | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล และนโยบายของรัฐบาล แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ในกรณีที่มีประเด็นใดในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวที่จำเป็นต้องนำมาดำเนินการโดยเร่งด่วน ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาใช้มาตรการหรือกลไกดำเนินการที่เหมาะสมสำหรับกรณีจำเป็นเร่งด่วนดังกล่าวโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20445 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ และนายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์) | ทส | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๒. นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง |
|||||||||||||||||||||
20446 | รายงานผลการรณรงค์หาเสียงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 2 สำหรับผู้แทนไทย | พม | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการรณรงค์หาเสียงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ สำหรับผู้แทนไทย โดยผลการเลือกตั้งคณะกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีประเทศรัฐภาคีที่มีสิทธิออกเสียง จำนวน ๑๖๐ ประเทศ มีผู้สมัครเป็นกรรมการว่าด้วยสิทธิคนพิการ วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ จำนวน ๑๘ คน นายมณเฑียร บุญตัน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งเป็นผู้พิการทางการเห็นมาตั้งแต่กำเนิด ในฐานะผู้สมัครของประเทศไทย ได้รับคะแนนการเลือกตั้ง ๑๐๒ คะแนน เป็นลำดับที่ ๔ ได้รับการยอมรับจากประเทศสมาชิกสหประชาชาติให้ทำหน้าที่เป็นกรรมการประจำอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ สมัยที่ ๒ ซึ่งนายมณเฑียรฯ จะมีบทบาทตรวจสอบการเข้าถึงสิทธิของคนพิการในประเทศสมาชิกรัฐภาคี และการผลักดันสิทธิของคนพิการเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย ทั้งนี้ลำดับที่ ๑ ได้แก่ สาธารณรัฐตูนีเซีย ๑๒๒ คะแนน ลำดับที่ ๒ ราชอาณาจักราซาอุดีอาระเบีย ๑๑๐ คะแนน ลำดับที่ ๓ ประเทศฮังการี ๑๐๗ คะแนน ส่วนประเทศที่ได้รับเลือกอีก ๕ ประเทศ ได้แก่ ประเทศนิวซีแลนด์ ๑๐๑ คะแนน สาธารณรัฐยูกันดา ๙๕ คะแนน ประเทศญี่ปุ่น ๙๓ คะแนน สาธารณรัฐเคนยาและสหพันธรัฐรัสเซียได้ ๘๙ คะแนน เท่ากัน
|
|||||||||||||||||||||
20447 | การดำเนินการเกี่ยวกับการประชุมสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ นั้น เพื่อให้การชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมทั้งการขับเคลื่อนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรให้มีการดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติวิเคราะห์ความสอดคล้องของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ กับแผนการลงทุนภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และจัดทำข้อมูลส่งให้นายกรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อใช้ประกอบการชี้แจงต่อที่ประชุมดังกล่าวต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดกลไกหรือระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการสำคัญของรัฐบาลพร้อมทั้งงบประมาณที่นำไปใช้ว่า แต่ละโครงการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปีด้วย ทั้งนี้ อาจนำกลไกที่มีอยู่ เช่น คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาใช้ก็ได้
|
|||||||||||||||||||||
20448 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. ในช่วงที่ผ่านมาเกิดฝนตกในพื้นที่ต่าง ๆ ในหลายจังหวัด และคาดว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ลานีญาในระยะต่อไปนั้น เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขเหตุอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น จึงให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยร่วมกันพิจารณาดำเนินการกักเก็บน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในฤดูแล้ง รวมทั้งจัดทำแผนการระบายน้ำ เช่น จัดทำแก้มลิงเพิ่มเติม โดยหากมีความจำเป็นต้องผันน้ำเข้าไปในพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ให้ประสานเกษตรกรล่วงหน้าและพิจารณาความเหมาะสมในการดำเนินการชดเชยค่าเสียหายให้แก่เกษตรกรด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) จัดทำแผนการระบายน้ำเมื่อเกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยไม่ให้เกิดกรณีมีน้ำท่วมขังรอการระบายเป็นระยะเวลานาน โดยให้เน้นพื้นที่ที่ประสบปัญหาในฤดูฝนที่ผ่านมาเป็นสำคัญ ๑.๓ ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทยร่วมกันอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่สัญจรทางถนนกรณีเกิดเหตุน้ำท่วม เช่น การนำหน่วยทหารและนักศึกษาอาชีวะเพื่ออำนวยความสะดวกในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย ๒. ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติงานที่มุ่งให้เกิดผลลัพธ์ที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณงาน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและคำนึงถึงความพึงพอใจของประชาชนเป็นหลัก ทั้งนี้ หากภารกิจใดมีความจำเป็นต้องใช้บุคลากรเพิ่มเติมให้พิจารณาใช้วิธีการจ้างพนักงานจากภายนอกองค์กร (outsource) เพื่อช่วยปฏิบัติงานตามความเหมาะสม โดยให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้ทุกส่วนราชการนำข้อเสนอประเด็นตามแผนการปฏิรูปที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้ส่งให้รัฐบาลแล้ว จำนวน ๖๗ เรื่อง ในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาและเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่มีความสอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศและกรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล โดยให้มอบหมายเจ้าหน้าที่รับผิดชอบติดตามการดำเนินการในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่ผ่านมาและเรื่องที่จะดำเนินการเพื่อให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๆ ๑๕ วัน ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมการประกวดเมืองสิ่งแวดล้อมที่มีการพัฒนาอย่างสมดุล โดยให้จังหวัด อำเภอ ตำบล หรือท้องถิ่นที่สนใจนำเสนอการดำเนินการบริหารจัดการในชุมชนของตนเองให้เป็นเมืองที่มีการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความสมดุลในมิติต่าง ๆ เช่น น้ำ ป่า อุตสาหกรรม การกำจัดขยะ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๕. ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้เพิ่มการสัญจรทางน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรทางบก รวมทั้งเพื่อเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมโดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพมหานคร นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการเดินเรือในเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษม โดยในระยะแรกให้นำเรือที่มีอยู่แล้วมาให้บริการแก่ประชาชน และร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการค้าขายทางเรือในเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษมด้วย ๖. ให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการติดตามตรวจสอบสินค้าประเภทยา เครื่องสำอาง อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่มีการโฆษณาขายสินค้าตามรายการโทรทัศน์หรือสื่อออนไลน์ หากพบว่ามีการดำเนินการที่ผิดกฎหมายให้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ๗. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหรือสังคมสูงวัยของประเทศไทยให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยให้มีหน่วยงานรับผิดชอบและมีความชัดเจนในเรื่องแหล่งที่มาของงบประมาณที่ใช้ด้วย ๘. ตามที่กระทรวงยุติธรรมได้เสนอผลการพิจารณาเกี่ยวกับกรณีการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อคณะรัฐมนตรี นั้น ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการสร้างความเข้าใจในประเด็นข้อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ให้รวมถึงกรณีประเทศอื่น ๆ เช่น ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียด้วย
|
|||||||||||||||||||||
20449 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | อื่นๆ | 21/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) และรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงานว่า ๑.๑ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้ร่วมกันพิจารณาจัดทำฐานข้อมูลด้านความมั่นคง โดยจำแนกข้อมูลตามประเด็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง รวม ๗ ด้าน ได้แก่ (๑) การเตรียมพร้อมแห่งชาติ (๒) การบริหารจัดการชายแดน (๓) การรักษาผลประโยชน์แห่งชาติทางทะเล (๔) อาชญากรรมข้ามชาติและการก่อการร้าย (๕) ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง (๖) การเป็นประชาคมอาเซียน และ (๗) ด้านอื่น ๆ และได้มีการกำหนดชั้นความลับและผู้ใช้งานทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับการจัดทำฐานข้อมูลภาครัฐ ๑.๒ กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๕๓ แล้ว โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และหนังสือสั่งการอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจะดำเนินการทบทวนและแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้จังหวัดสามารถปรับเกลี่ยงบประมาณที่เหลือจากเงินส่งคืนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเพื่อนำไปใช้ในเรื่องดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วต่อไปด้วย ๒. รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-เวียดนาม ครบรอบ ๔๐ ปี โดยได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รองประธานสภาแห่งชาติ รองนายกรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว เพื่อหารือการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยฝ่ายไทยได้หยิบยกประเด็นส่งเสริมการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างไทยและเวียดนามในรูปแบบ ๒ ประเทศ ๑ จุดหมาย (Two Countries, One Destination) นอกจากนี้ ยังได้เป็นประธานร่วมในงานแสดงหุ่นละครเล็กของไทย และการแสดงหุ่นของเวียดนามด้วย ๓. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานว่า ตามที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการรวบรวมผลการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล ประกอบด้วย ผู้แทนจากส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อดำเนินการตามภารกิจ ๓ ประการ คือ (๑) การติดตามการปฏิบัติงานตามนโยบายของรัฐบาล (๒) การจัดทำรายงานผลงานรัฐบาลครบรอบ ๒ ปี และ (๓) การสนับสนุนการทำงานของโฆษกรัฐบาล ทั้งนี้ คณะกรรมการดังกล่าวจะมีการประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา ๑๖.๐๐ น.
|
|||||||||||||||||||||
20450 | วีดิทัศน์เรื่อง โครงการภาคภูมิแผ่นดินไทย | นร | 15/06/2559 | ||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
20451 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2559) | อื่นๆ | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20452 | ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
20453 | สรุปผลการเข้าร่วมประชุมใหญ่ประจำปีขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 105 | รง | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเข้าร่วมประชุมใหญ่ประจำปีขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ ๑๐๕ (105th Session of International Labour Conference : 105th Session of ILC) ณ สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม-๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ ของคณะผู้แทนไตรภาคีไทย ซึ่งประกอบด้วยรัฐบาล นายจ้างและลูกจ้าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าวปราศรัยในที่ประชุมเต็มคณะ เรื่อง การยุติความยากจนเพื่อบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ว่า ประเทศไทยสนับสนุนให้องค์การแรงงานระหว่างประเทศพัฒนาแนวทาง "ความริเริ่มว่าด้วยการยุติความยากจน (The End to Poverty Initiative)" ต่อไป ซึ่งประเทศไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นแนวคิดแห่งการพึ่งพาตนเอง รวมทั้งแนวทาง "ประชารัฐ" มาเป็นหลักของการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานนำเสนอแนวคิดการให้โอกาสแก่ประชาชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อยและไม่มีงานที่มั่นคงให้ได้รับความคุ้มครองและสามารถพึ่งพาตนเองได้ภายใต้หลักการ "๓ โอกาส" คือ โอกาสแห่งการเริ่มต้น โอกาสในการพัฒนา และโอกาสในการได้รับการคุ้มครองทางสังคม ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเข้าร่วม ASEAN Labour Minister'' Breakfast Meeting เป็นการหารือระหว่างรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนซึ่งจัดขึ้นทุกปีในระหว่างการประชุมใหญ่ ILC ซึ่งในปีนี้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นเจ้าภาพ ๓. การยื่นจดทะเบียนสัตยาบันสารอนุสัญญาแรงงานทางทะเล ค.ศ. ๒๐๐๖ (Maritime Labour Convention : MLC, 2006) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้นำสัตยาบันสารอนุสัญญาฯ ยื่นจดทะเบียนต่อผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ โดยอนุสัญญาจะมีผลบังคับใช้กับประเทศไทยในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และเกิดประโยชนแก่ประเทศไทย คือ เจ้าของเรือมีความเชื่อมั่นในการนำเรือเดินทะเลไปเทียบท่ายังประเทศที่ให้สัตยาบันอนุสัญญาแล้ว เนื่องจากมีใบรับรองด้านแรงงานทางทะเลตามที่อนุสัญญากำหนด โดยที่รัฐบาลไทยยังคงมีรายได้จากการจดทะเบียนเรือ ภาษีอากรจากการประกอบธุรกิจของบริษัทเจ้าของเรือ รวมถึงรายได้อื่นที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศได้อีกด้วย |
|||||||||||||||||||||
20454 | การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา | กค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งต้องชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา โดยบริษัทที่อยู่ระหว่างอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือฟ้องศาลต้องถอนอุทธรณ์หรือถอนฟ้องแล้วแต่กรณี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20455 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 26/2559 เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อแก้ไขปัญหา การบุกรุกลำน้ำสาธารณะ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน จากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายกัน | สลธ.คสช. | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๖/๒๕๕๙ เรื่อง การจัดหาที่ดินเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกลำน้ำสาธารณะ สั่ง ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๗/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน สั่ง ณ วันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20456 | การขออนุมัติใช้เงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการที่ปรากฏในพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2558 | มท | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการให้ใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินรายการตามพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๘ รายการที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อ จำนวน ๔๒๐ รายการ เป็นเงิน ๑,๔๙๖,๖๐๓,๖๒๙ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงาน และรายงานผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่อคณะรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20457 | แผนปฏิบัติการ พ.ศ. 2559 - 2561 ภายใต้แผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | สธ | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ภายใต้แผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ระยะที่ ๑ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๙-๒๕๖๑) ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนารูปแบบบริการระบบบริการ คุณภาพบริการ การเข้าถึงบริการด้านทันตสุขภาพของผู้สูงอายุ (๒) การศึกษาวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุ (๓) การพัฒนาบุคลากรและหลักสูตรด้านทันตกรรมผู้สูงอายุ และ (๔) การบริหารจัดการ การพัฒนาระบบฐานข้อมูล การติดตามประเมินผลการดำเนินงานเพื่อให้มีระบบบริหารจัดการที่ดี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อดำเนินการและเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนแต่ละกลุ่ม รวมทั้งผู้สูงอายุได้รับทราบสิทธิประโยชน์ของตนเอง การประชาสัมพันธ์หน่วยบริการทันตกรรมที่มีศักยภาพและความสามารถในการจัดบริการเฉพาะทางให้ประชาชนทุกช่วงวัยทราบ เพื่อให้ได้มีโอกาสเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมและทันตสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น การนำแผนไปสู่การปฏิบัติต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการ กิจกรรม ที่หน่วยงานนั้น ๆ ดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มทุนและเป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดิน การดำเนินการร่วมกันระหว่างสถานพยาบาลภาครัฐทุกสังกัดและภาคเอกชนในแต่ละเขตสุขภาพ เพื่อก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันในการจัดบริการและเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงบริการทันตสุขภาพของผู้สูงอายุ การกำหนดตัวชี้วัดที่สะท้อนผลสัมฤทธิ์ด้านการส่งเสริมป้องกันการเกิดโรค นอกจากการเข้าถึงบริการการรักษา อาทิ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลช่องปากของผู้สูงอายุ และภาวะโภชนาการที่สัมพันธ์กับสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ เพื่อนำไปสู่การปรับแผนปฏิบัติการฯ ในระยะที่สองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการบูรณาการขั้นตอนและการดำเนินงานให้ครอบคลุมทั้งระบบสวัสดิการและสิทธิต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20458 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดเชียงใหม่ และกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายรอนัลด์ จอห์น เอลเลียตต์ (Mr. Ronald John Elliott) และนางเฮทเทอร์ แอนน์ รีด (Ms. Heather Ann Reid)] | กต | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายรอนัลด์ จอห์น เอลเลียตต์ (Mr. Ronald John Elliott) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน สุโขทัย อุตรดิตถ์ และตาก สืบแทน นายไมเคิล วอลเตอร (Mr. Michael Walther) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๒. นางเฮทเทอร์ แอนน์ รีด (Ms. Heather Ann Reid) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐออสเตรเลียประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี สืบแทน นายเคนเน็ธ จง (Mr. Kenneth Chung) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
|
|||||||||||||||||||||
20459 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายสัญชัย เกตุวรชัย) | กษ | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสัญชัย เกตุวรชัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผนและโครงการ) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20460 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พ.ศ. .... | คค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....