ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1029 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20561 - 20580 จากข้อมูลทั้งหมด 124193 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20561 | ขอทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองตามร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและส่งข้อมูลการดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเพิ่มเติม (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ เรื่อง ขอทราบความคืบหน้าการดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองตามร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติและส่งข้อมูลการดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเพิ่มเติมของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตรากฎหมายลำดับรอง ตามร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ชุดที่ ๒) และชุดที่ (๓) รวมจำนวน ๕๐ ฉบับ และแจ้งผลการดำเนินงานตรากฎหมายลำดับรองไปยังคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
20562 | ความคืบหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและนโยบายของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการตรวจลงตรา | กต | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบมติที่ประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เรื่อง ทบทวนรายชื่อประเทศ/ดินแดนที่คนชาติได้รับสิทธิยกเว้นการตรวจลงตราและสิทธิขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ และเรื่อง การพิจารณากำหนดสิทธิการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยที่ประชุมมีมติให้ปรับปรุงบัญชีรายชื่อประเทศที่ได้รับสิทธิขอรับ/ผ่อนผันการตรวจลงตราซ้ำซ้อนกัน โดยหากได้รับสิทธิขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA) สิทธิผ่อนผันให้พำนักอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้ไม่เกิน ๓๐ วัน (ผ.๓๐) ให้ยึดสิทธิ ผ.๓๐ เป็นหลัก และหากได้รับสิทธิ VoA ผ.๓๐ และสิทธิตามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราซ้ำซ้อนกัน ให้ยึดสิทธิตามความตกลงฯ เป็นหลัก และมีแนวทางในการพิจารณาให้สิทธิ/ถอนสิทธิการตรวจลงตราแก่ประเทศต่าง ๆ โดยนำปัจจัยสำคัญอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความมั่นคง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ปริมาณนักท่องเที่ยว และผลประโยชน์ของไทยในมิติอื่น ๆ (การสนับสนุนไทยในเวทีระหว่างประเทศ) มาใช้เป็นปัจจัยในการพิจารณาร่วมกับหลักประติบัติต่างตอบแทน ๑.๒ เห็นชอบให้คนชาติของสาธารณรัฐฟิจิและคนชาติของรัฐเอกราชปาปัวนิวกินีสามารถขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA) ได้ ๑.๓ รับทราบความคืบหน้าของการจัดทำระบบการยื่นคำร้องขอรับการตรวจลงตราผ่านทางอินเทอร์เน็ต (Electronic Visa) โดยกระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและรอการแจ้งผลในประเด็นข้อกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณกลางปี ๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานในระดับปฏิบัติมีระบบข้อมูลที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกันเพื่อไม่ให้สิทธิตามความตกลงยกเว้นการตรวจลงตรา กระทบต่อความเสี่ยงด้านความมั่นคง และไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
20563 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... | นร09 | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) จะขอนำร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และกระทรวงยุติธรรม จึงเห็นควรเลื่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปเป็นวันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||
20564 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลเบิล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รั่วไหลที่จังหวัดระยอง | พน | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิชุมชน กรณีได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลเบิล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รั่วไหลที่จังหวัดระยอง ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอแนะให้มีการกำหนดหลักประกันความเสี่ยงและความเสียหายที่เป็นรูปธรรมกรณีการเกิดเหตุการณ์รุนแรงเกี่ยวกับกิจการปิโตรเลียมทางบกและทะเล และเปิดเผยข้อมูลกิจการปิโตรเลียม กิจการการขนถ่ายปิโตรเลียมและน้ำมัน ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นต่อสาธารณะ โดยใช้ช่องทางที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย ซึ่งกระทรวงพลังงานรายงานว่ากฎหมายเพื่อป้องกันและระงับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในการขนถ่ายน้ำมันปิโตรเลียมทางบกและมาตรการการเปิดเผยข้อมูลปิโตรเลียมต่อสาธารณะที่มีอยู่มีความเหมาะสมและครอบคลุมที่จะเป็นหลักประกันความเสี่ยงและความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
20565 | ขอความเห็นชอบให้ข้าราชการลาเข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 โดยไม่ถือเป็นวันลา | นร01 | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ รวมทั้งลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของหน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่เข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท ๗๗๐ รูป เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ลาอุปสมบทได้ไม่เกิน ๒๐ วัน โดยนับระยะเวลาตั้งแต่เตรียมการอุปสมบทถึงลาสิกขา และอยู่ระหว่างวันที่ ๒๕ พฤษภาคม-วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยไม่ถือเป็นวันลาเสมือนการปฏิบัติราชการและได้รับเงินเดือนตามปกติ ๒. ให้ข้าราชการทุกประเภท พนักงานราชการ รวมทั้งลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่เคยลาอุปสมบทระหว่างรับราชการ หากได้ลาอุปสมบท เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว ไม่มีผลกระทบถึงสิทธิในการลาอุปสมบทในอนาคต ซึ่งเป็นการใช้สิทธิลาอุปสมบทครั้งแรกตั้งแต่เริ่มรับราชการ ตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยยังคงได้รับสิทธิการลาอุปสมบท และยังคงได้สิทธิในการรับเงินเดือนตามปกติตามพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||||||||
20566 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนกำแพงเพชร 6 กับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พ.ศ. .... | มท | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนกำแพงเพชร ๖ กับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนกำแพงเพชร ๖ กับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ในท้องที่แขวงตลาดบางเขน และแขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
20567 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... | มท | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดจำนวนคนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวซึ่งจะมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้ประเทศละจำนวนไม่เกิน ๑๐๐ คน และคนต่างด้าวไร้สัญชาติ จำนวนไม่เกิน ๕๐ คน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
20568 | การนำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ในเรื่องเกี่ยวกับวินัยการดำเนินการทางวินัย มาบังคับใช้กับข้าราชการศาลยุติธรรม | ศย | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานศาลยุติธรรมนำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ในเรื่องเกี่ยวกับวินัยและการดำเนินการทางวินัย มาบังคับใช้กับข้าราชการศาลยุติธรรมโดยอนุโลม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป และไม่นำพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ในเรื่องเกี่ยวกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ได้แก่ การอุทธรณ์ การร้องทุกข์ และการคุ้มครองระบบคุณธรรมมาบังคับใช้ ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๙ และมติคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ครั้งที่ ๗/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20569 | ข้อแนะนำการเริ่มการเพาะปลูกฤดูกาลผลิต ปี 2559/60 | กษ | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อแนะนำการเริ่มการเพาะปลูกฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๙/๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ได้สรุปว่าสภาพอากาศเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และคาดการณ์ว่า ปริมาณฝนปีนี้จะมากกว่าปกติ ร้อยละ ๖ สำหรับประเทศไทยคาดการณ์ว่าทั้งปีจะมีปริมาณฝนอยู่ในเกณฑ์ปกติ และจะเข้าสู่ฤดูฝนในสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ๒. สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ มีปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีน้ำใช้การได้ ๑๐,๓๙๐ ล้านลูกบาศก์เมตร กรณีที่ไม่มีฝนตกปริมาณน้ำดังกล่าวสามารถสนับสนุนการใช้น้ำสำหรับอุปโภค บริโภค และรักษาระบบนิเวศ ได้จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ๓. การบริหารจัดการน้ำในฤดูฝน ปี ๒๕๕๙ เพื่อให้ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอสำหรับการใช้น้ำตลอดฤดูฝน ๒๕๕๙ และเก็บกักไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะถึง กรมชลประทานพิจารณาดำเนินการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศให้เพียงพอตลอดทั้งปี ส่งเสริมการปลูกพืชฤดูฝนให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก บริหารจัดการน้ำท่าให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้วยระบบและอาคารชลประทาน และดำเนินการเก็บกักน้ำในเขื่อนให้มากที่สุด ๔. การวางแผนการเพาะปลูกฤดูกาลผลิต ปี ๒๕๕๙/๖๐ ประกอบด้วย (๑) พื้นที่เพาะปลูกในเขตชลประทาน ได้แก่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง พื้นที่ลุ่มต่ำ แนะนำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกเมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศการเข้าสู่ฤดูฝนของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๙ และพื้นที่ดอน ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีปริมาณมากเพียงพอ แนะนำให้เพาะปลูกได้ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม สำหรับพื้นที่โครงการชลประทานอื่น ๆ การเพาะปลูกพืชฤดูฝนจะดำเนินการตามมติคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมการประชุม จะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ (๒) พื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทาน แนะนำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกตามฤดูกาลปกติ ประมาณกลางเดือนกรกฎาคม ทั้งนี้ ในพื้นที่ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ฤดูฝนจะแตกต่างจากภาคอื่น แนะนำให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกตามฤดูกาลปกติประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||
20570 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกระบวนการบาหลี ครั้งที่ 6 และปฏิญญาบาหลี เรื่อง การลักลอบขนคน การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้อง | กต | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีของกระบวนการบาหลี ครั้งที่ ๖ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยร่วมการประชุมฯ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบต่อไปด้วย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาบาหลี เรื่อง การลักลอบขนคน การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยืนยันเจตนารมณ์ร่วมของประเทศสมาชิกกระบวนการบาหลีในการร่วมมือกันในระดับภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติอย่างครอบคลุม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนบนพื้นฐานของหลักการการแบ่งเบาภาระระหว่างประเทศ โดยคณะผู้แทนไทยสามารถเจรจากับที่ประชุมให้รวมประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญเข้าในปฏิญญาฯ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ การเพิ่มขีดความสามารถให้แก่บุคลากรในด้านต่าง ๆ เช่น การบังคับใช้กฎหมาย และการค้นหาและกู้ภัย การให้องค์กรด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงผู้โยกย้ายถิ่นฐานเพื่อร่วมกับรัฐในการให้ความช่วยเหลือ การส่งเสริมการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัยและเป็นระบบ การส่งเสริมความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งจากภาคเอกชนและและประชาสังคม ตลอดจนความสำคัญของการทำโครงการประชาสัมพันธ์ (Information Campaign) เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้โยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติเพิ่มขึ้น และส่งสัญญาณไปยังขบวนการลักลอบขนคนและค้ามนุษย์ถึงความจริงจังของภาครัฐในการปราบปราม ๒. ในระหว่างการประชุมฯ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือทวิภาคีกับนาย Volker Turk ผู้ช่วยข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees : UNHCR) และนาย William Lacy Swing ผู้อำนวยการใหญ่องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration : IOM) โดยได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์การโยกย้ายถิ่นฐานในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะการเตรียมการส่งกลับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาในพื้นที่พักพิงชั่วคราวตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา นอกจากนี้ ได้พบกับนาย Ratu Inoke Kubuabola รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิจิ นาย Mohamed Saeed รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจมัลดีฟส์ และนาย David Adeang รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและการควบคุมพรมแดนนาอูรู เพื่อขอรับการสนับสนุนการสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติของไทยสำหรับวาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๑๘ |
|||||||||||||||||||||||||||
20571 | รายงานการเข้าร่วมการประชุม 16th World Travel & Tourism Council Global Summit | กก | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานการเข้าร่วมการประชุม 16th World Travel & Tourism Council Global Summit ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ณ เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๖-๗ เมษายน ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วมหารือในระดับรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชน (WTTC/UNWTO Ministerial Dialogue with Private Sector CEO’s) ใน ๒ ประเด็นหลัก คือ ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้เงื่อนไขทางด้านความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ และการแลกเปลี่ยน บริหารจัดการข้อมูลในสถานการณ์วิกฤต เพื่อลดผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้แลกเปลี่ยนบทเรียนของประเทศไทยในการรับมือเหตุวิกฤตกรณีระเบิดย่านราชประสงค์ โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน รวมไปถึงเครือข่ายภาคเอกชน และอาสาสมัครเป็นปัจจัยสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ และฟื้นฟูสถานการณ์ให้กลับคืนสู่ปกติได้อย่างรวดเร็ว โดยผลสรุปของการหารือในครั้งนี้จะถูกนำไปรายงานในการประชุม UNWTO Executive Council ที่ประเทศสเปน เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อจัดตั้งคณะทำงาน (task force) และจัดทำแผนปฏิบัติการต่อไป ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมฯ และรับฟังการเสวนาในประเด็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมในการกำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมทั้งเข้าร่วมพิธีปิดการประชุมฯ และรับมอบอย่างเป็นทางการให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งต่อไป โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้กล่าวแนะนำประเทศไทยและต้อนรับทุกคนเข้าร่วมการประชุมครั้งต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
20572 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและแผนงานในอนาคตแห่งสาธารณรัฐเกาหลีและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | ทก | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและแผนงานในอนาคตแห่งสาธารณรัฐเกาหลีและกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Memorandum of Understanding between the Ministry of Science, ICT and Future Planning of the Republic of Korea and the Ministry of Information and Communication Technology of the Kingdom of Thailand on Cooperation in the Field of Information and Communication Technology) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและแผนงานในอนาคตแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (H.E. Mr. Choi Yanghee) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศ โดยส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อการพัฒนาในสาขาไอซีที โดยมีขอบเขตความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจฯ จะมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา ๓ ปี นับจากวันที่ลงนามโดยคู่ภาคี เว้นแต่ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะขอยุติโดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งล่วงหน้าเป็นเวลา ๓ เดือน ๒. ผลการหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและแผนงานในอนาคตแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (H.E. Mr. Choi Yanghee) เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับสาธารณรัฐเกาหลี
|
|||||||||||||||||||||||||||
20573 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 17 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2558 - 29 กุมภาพันธ์ 2559) | นร | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๘-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ๑.๒ การปฏิรูปประเทศ การดำเนินการเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้คณะกรรมการปฏิรูปและขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ๖ คณะ กำหนดกรอบแผนงานการดำเนินงานและรายงานผลความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบทุกเดือน ๑.๓ การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน การเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาตรการสนับสนุนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start Up) มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งและมาตรการเพิ่มขีดความสามารถภาคการเกษตร การขยายการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีก ๑ ปี แบบ ๗ ขั้น การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว กระทรวงพาณิชย์จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ยาง การกำหนดธุรกิจบริการที่ไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยพัฒนาและนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาประเทศ การเตรียมความพร้อมให้แก่ภาคประชาชนเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒. มอบหมายให้คณะกรรมการโฆษกกระทรวงรับไปพิจารณาดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลต่อไป โดยให้ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ทุกมิติ สรุปเป็นเอกสารข่าวแจกโดยย่อ (Press Release) นำเสนอการดำเนินการ ผลสัมฤทธิ์ เรื่องที่มีผลดีต่อการบริหารราชการ การไม่สร้างปัญหาใหม่ ฯลฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20574 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี พ.ศ. .... | กค | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกพันบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคาห้าสิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
20575 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑.๑ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ มอบให้ผู้แทนกระทรวงยุติธรรมรับประเด็นความเห็นในที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม และจะพิจารณาอีกครั้งพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการรวมกันเป็นสมาคมของบุคคล) และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย ซึ่งเห็นควรให้ถอนร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๓ ฉบับออกจากการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อมิให้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวค้างการพิจารณาในกระบวนการนิติบัญญัติ และมอบให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติหารือกับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
20576 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เพิ่มเติม สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป | นร07 | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ทั้งนี้ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ตามพระราชบัญญัติงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่ก่อหนี้ผูกพันได้หลังจากเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ให้ดำเนินการได้เฉพาะรายการ ดังต่อไปนี้ ๑.๑ รายการที่มีคุณลักษณะพิเศษทางการแพทย์ ๑.๒ รายการที่ต้องจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศด้านความมั่นคง ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วน ต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||
20577 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 10 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน - จีน อย่างไม่เป็นทางการ | กห | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ ๑๐ และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-จีน อย่างไม่เป็นทางการ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๒๔ ถึงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ ๑๐ รัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันลงนามปฏิญญาร่วมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง เพื่อพลวัตประชาคมอาเซียน และให้ความเห็นชอบเอกสารความร่วมมือ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) เอกสารขอบเขตการปฏิบัติงานของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน (๒) เอกสารขอบเขตการปฏิบัติงานของกองกำลังเตรียมพร้อมอาเซียนด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ และ (๓) เอกสารแนวความคิดว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ ในกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ๒. การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-จีน อย่างไม่เป็นทางการ รัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียนได้มีความเห็นร่วมกันว่า อาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนอยู่ในสภาวะต้องเผชิญกับภัยคุกคามร่วมกัน โดยความสัมพันธ์อาเซียน-จีน ในลักษณะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ควรได้รับการพัฒนาให้มีความก้าวหน้าบนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจและเน้นผลประโยชน์ร่วมกัน สำหรับกรณีทะเลจีนใต้ ได้เสนอให้แก้ไขปัญหาด้วยความยับยั้งชั่งใจ ไม่ใช้กำลังข่มขู่ ปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea : DOC) อย่างเต็มที่ และอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งควรมีการพัฒนาระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการเผชิญหน้าโดยไม่ตั้งใจในทะเล (Code for Unplanned Encounters at Sea : CUES) เพื่อลดโอกาสในการเกิดและป้องกันเหตุการณ์บานปลายในทะเล รวมทั้งได้แสดงความพร้อมให้การสนับสนุนไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนในการปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานร่วมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้ายในกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจาในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ๓. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มีการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมิตรประเทศ ได้แก่ การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน และการสนับสนุนไทยในการเป็นประธานร่วมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ในกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ และการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีนเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือร่วมกันในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการฝึก การศึกษา และการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการต่อต้านการก่อการร้าย
|
|||||||||||||||||||||||||||
20578 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่ตาว และตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่ตาว และตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่ตาว และตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดมาตรการห้ามกระทำการหรือประกอบกิจการมาตรการบริหารจัดการและกำกับดูแลผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการจัดทำแผนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติได้รับการฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพตามระบบนิเวศดั้งเดิม คุณภาพสิ่งแวดล้อมและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับข้อยกเว้นสำหรับโรงงานบางจำพวกและกิจการเป้าหมายสำหรับการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายของรัฐ ในพื้นที่บริเวณที่ ๒ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ริมฝั่งลำน้ำ และกำหนดให้ตั้งอยู่ในระยะ ๕๐ เมตรห่างจากลำน้ำนั้น ในทางปฏิบัติ อาจพิจารณาให้ถอยร่นมาถึงระยะ ๒๐๐ เมตร เพื่อป้องกันการรั่วไหลของมลพิษลงในลำน้ำ และให้มีการติดตามตรวจสอบมลพิษในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
20579 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนเมษายน 2559 | นร02 | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ทั้ง ๒๐ กระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชาสัมพันธ์ในเดือนที่ผ่านมา (เมษายน ๒๕๕๙) ได้แก่ การจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ตามนโยบาย Smart Farmer สถานการณ์ภัยแล้งและมาตรการช่วยเหลือประชาชน แผนการส่งเสริมตลาดข้าวและตลาดยางพาราในต่างประเทศ การขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน ๖ ด้านตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ กิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ การบริหารจัดการน้ำตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศ วันวิสาขบูชา ประจำปี ๒๕๕๙ งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์สาธารณรัฐฝรั่งเศส การขับเคลื่อนวาระประเทศไทยปลอดภัย การดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) และเตรียมพร้อมหารือกับสหภาพยุโรปในรอบต่อไป และรายงานสถานการณ์น้ำมันลดราคาและมาตรการใช้น้ำมันอย่างประหยัด ๒. การประชาสัมพันธ์ในเดือนต่อไป (มิถุนายน ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุม Shangri-La Dialogue ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ สถานการณ์ภัยแล้ง/สถานการณ์ไฟป่าและมาตรการช่วยเหลือประชาชน การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน การพัฒนาอาชีพเสริมของเกษตรกรชาวสวนยางพารา การรณรงค์ออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ รวมพลังเครือข่ายประชารัฐ ขับเคลื่อนสังคมคุณธรรมเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลฯ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ นโยบายการปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย โครงการ Global Natural History Day 2016-Thailand final การดูแลสุขภาพในช่วงฤดูฝนและโรคที่มาพร้อมกับฤดูฝน การรณรงค์แก้ไขปัญหา IUU การขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วน ๖ ด้าน ตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรม และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20580 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน ผู้ดำเนินการ ผู้ครอบครองอาคาร และเจ้าของอาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... | มท | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน ผู้ดำเนินการ ผู้ครอบครองอาคาร และเจ้าของอาคาร ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน ผู้ดำเนินการ ผู้ครอบครองอาคาร และเจ้าของอาคาร โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ (๓) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ และมาตรา ๘(๑๓) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๔๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่า เพื่อให้การบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงฉบันนี้มีผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ประกาศใช้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะต้องให้ความสำคัญต่อการกำกับดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |