ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1025 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20481 - 20500 จากข้อมูลทั้งหมด 124193 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20481 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (นายกรณินทร์ กาญจโนมัย) | คค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกรณินทร์ กาญจโนมัย ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เพิ่มเติม ตามมาตรา ๒๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20482 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์) | พน | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๙ (วาระพิเศษ) เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ลาออกจากการเป็นพนักงานก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20483 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (จำนวน 6 คน 1. นายศักรินทร์ ภูมิรัตน ฯลฯ) | วท | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ จำนวน ๖ คน แทนกรรมการเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายศักรินทร์ ภูมิรัตน ประธานกรรมการ ๒. นายอมเรศ ภูมิรัตน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านชีววิทยาศาสตร์ ๓. นายประสิทธิ์ ผลิตผลการพิพม์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านชีววิทยาศาสตร์ ๔. นายเกียรติ รักษ์รุ่งธรรม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านชีววิทยาศาสตร์ ๕. นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจและการลงทุน ๖. นายภักดี โพธิศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหาร
|
||||||||||||||||||||||||
20484 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (จำนวน 10 คน 1. หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ฯลฯ) | นร12 | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ จำนวน ๑๐ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบกำหนดวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ด้านการเงินการคลัง หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล ๑.๒ ด้านเศรษฐศาสตร์ รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ นายอำพน กิตติอำพน ๑.๓ ด้านรัฐศาสตร์ นายจเด็จ อินสว่าง ๑.๔ ด้านนิติศาสตร์ คุณพรทิพย์ จาละ ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ๑.๕ ด้านบริหารรัฐกิจ นายปรีชา วัชราภัย ๑.๖ ด้านบริหารธุรกิจ นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ๑.๗ ด้านจิตวิทยาองค์การ นายปิติ ตันฑเกษม ๑.๘ ด้านสังคมวิทยา นางจุรี วิจิตรวาทการ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
20485 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (จำนวน 5 คน 1. นายสมชัย สัจจพงษ์ ฯลฯ) | นร12 | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน จำนวน ๕ คน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) ดังนี้
๑. นายสมชัย สัจจพงษ์ ๒. นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารองค์การมหาชน) ๓. นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ๔. นายสุรพล นิติไกรพจน์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารองค์การมหาชน) ๕. นายรณภพ ปัทมะดิษ
|
||||||||||||||||||||||||
20486 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (นางดวงวดี สังโขบล) | สธ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางดวงวดี สังโขบล ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล แทน นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ที่ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป และให้มีวาระเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการบริหารสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20487 | ผลการดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย - กัมพูชา | พณ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย-กัมพูชา โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายระดับผู้นำภาครัฐและเอกชนไทย-กัมพูชา และได้เชิญผู้บริหารระดับสูงภาครัฐและนักธุรกิจชั้นนำของกัมพูชาเดินทางเยือนไทย ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และจัดกิจกรรมให้ได้พบกับนักธุรกิจชั้นนำของไทยเพื่อการสร้างเครือข่ายที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เป็นประธานเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งโครงการนี้ เปิดโอกาสให้กลุ่มชนชั้นนำของไทยและกัมพูชาได้พบปะสร้างสัมพันธ์ผ่านกิจกรรมเสริมสร้างเครือข่ายธุรกิจในบรรยากาศแบบเป็นกันเองและมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากการทำกิจกรรมร่วมกัน รวมทั้งได้พูดคุยในเรื่องที่ชมชอบเหมือนกัน ส่งผลเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจ ความไว้วางใจ (trust) ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะต่อยอดสู่การขยายผลทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ไทย-กัมพูชาได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังช่วยปรับทัศนคติของผู้ประกอบการไทยต่อนักธุรกิจกัมพูชา และรับรู้เกี่ยวกับศักยภาพของกลุ่มมหาเศรษฐีกัมพูชา เพื่อการจับคู่ทางการค้าและการลงทุนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20488 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต 2559/60 ด้านการตลาด | พณ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการตลาด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ โครงการที่ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๓ โครงการ วงเงิน ๕,๘๒๔.๔๗ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ โครงการสินเชื่อเกษตรกรเพื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และโครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น เห็นควรให้ ธ.ก.ส. กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๑.๒ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์ วงเงิน ๙๔๐ ล้านบาท มีกำหนดระยะเวลารับสมัครและกลั่นกรองวงเงินสินเชื่อของธนาคารตั้งแต่วันที่ ๑๕ สิงหาคม-๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ จึงยังไม่มีภาระงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยแก่ผู้ประกอบการของโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ กรณีมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่าย เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณคงเหลือจากโครงการชดเชยดอกเบี้ย ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ ที่มีงบประมาณคงเหลืออยู่อีก จำนวน ๒๗๖,๗๙๘,๓๘๐.๒๔ บาท ในโอกาสแรกก่อน และหากไม่เพียงพอหรือมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้กระทรวงพาณิชย์ขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการติดตามประเมินผลและรายงานผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้ทันต่อสถานการณ์ การประชาสัมพันธ์โครงการในหลายช่องทางอย่างทั่วถึงและการติดตามประเมินผลสำเร็จการดำเนินงานและปัญหาอุปสรรคของโครงการฯ การให้ความสำคัญกับการพิจารณาศักยภาพของสถาบันเกษตรกรในการให้สินเชื่ออย่างรอบคอบ การพิจารณาความเป็นไปได้ในการสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกรแปรรูปข้าวสารเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร การพิจารณาความพร้อมของเกษตรกรที่จะได้รับสินเชื่อ การคัดกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งการกำหนดมาตรการเพื่อสนับสนุนนโยบายด้านการตลาดด้วยการปรับรูปแบบการผลิตให้มีการเปลี่ยนรูปแบบจากการขายข้าวในลักษณะเป็นวัตถุดิบขั้นต้น เช่น ข้าวเปลือก หรือข้าวสาร เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบอื่นเพื่อเพิ่มมูลค่าและลดค่าใช้จ่ายการสต็อกข้าวในคลัง เช่น การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถนำไปผลิตเป็นสุราที่มีลักษณะเฉพาะตามภูมิศาสตร์แบบเดียวกับสาเกของประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. พิจารณาแนวทางการบริหารจัดการข้าวในสต็อกตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ เพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับติดตามการดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ อย่างต่อเนื่อง และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20489 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเยาวชนลูกเสือเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเสริมสร้างวินัย ทักษะชีวิต และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมว่า เมื่อวันที่ ๖-๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ สำนักงานลูกเสือแห่งชาติร่วมกับสมาคมสโมสรลูกเสืออากาศ โดยการสนับสนุนของกองทัพอากาศ ได้จัดงานชุมนุมลูกเสืออากาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑ “๕๐ ปีลูกเสืออากาศไทย เทิดไท้ราชจักรีวงศ์” ณ กองบิน ๕ กองทัพอากาศ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ พร้อมทั้งเฉลิมฉลองการก่อตั้งลูกเสืออากาศไทยครบ ๕๐ ปี มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย ลูกเสือและเนตรนารีจากโรงเรียนต่าง ๆ ๒,๐๐๐ คน และจากประเทศมาเลเซียและเวียดนาม ๒๐ คน ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ ๒๐๐ คน คณะกรรมการและวิทยากร ๔๐๐ คน ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวก่อให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด ได้แก่ การพัฒนาเยาวชนลูกเสือ เสริมสร้างความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การเสริมสร้างวินัย ทักษะชีวิต และการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม การอยู่ร่วมกัน การทำงานร่วมกัน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ด้วยความรักและความสามัคคี ๒. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดกิจกรรมการชุมนุมลูกเสือต่าง ๆ เช่น ลูกเสือชาวบ้าน เพื่อส่งเสริมให้ได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างความสมัครสมานสามัคคีในหมู่ลูกเสือด้วยกัน
|
||||||||||||||||||||||||
20490 | แนวปฏิบัติในการนำเสนอวีดิทัศน์ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี | นร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดแนวปฏิบัติในการนำเสนอวีดิทัศน์ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. วีดิทัศน์ควรมีความกระชับโดยมีความยาวไม่เกิน ๔ นาที เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง การนำเสนอวีดิทัศน์หรือสื่อนำเสนอ (PowerPoint Presentation) ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ๒. กรณีการนำเสนอวีดิทัศน์โดยไม่มีเรื่องเสนออยู่ในระเบียบวาระการประชุม ให้ส่วนราชการเสนอให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการให้ความเห็นชอบก่อนส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการ ทั้งนี้ ในกรณีนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะไม่มีการบันทึกหรือจดเป็นมติคณะรัฐมนตรี ๓. กรณีการนำเสนอวีดิทัศน์เพื่อประกอบเรื่องในระเบียบวาระการประชุมเพื่อทราบหรือเพื่อพิจารณา ให้ส่วนราชการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับขั้นตอนการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีกำหนดอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||
20491 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการในโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ (รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปิง บ้านคลองเชียงทอง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก) | มท | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ งบลงทุน จากรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปิง บริเวณหน้าจวนผู้ว่าฯ ตำบลหนองหลวง อำเภอเมือง จังหวัดตาก ความยาว ๓๐๕ เมตร เป็นรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปิง บ้านคลองเชียงทอง หมู่ที่ ๒ ตำบลประดาง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก ความยาว ๓๘๐ เมตร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20492 | วีดิทัศน์เรื่อง ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเซีย - ยุโรป ครั้งที่ 12 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
20493 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้หน่วยงานภาครัฐให้การช่วยเหลือเกษตรกรในด้านปัจจัยการผลิต โดยการสนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรทางการเกษตรที่ผลิตได้ภายในประเทศ เช่น รถไถ รถเกี่ยวข้าว เครื่องสูบน้ำที่ใช้พลังงานทดแทน รวมทั้งนำผลผลิตทางการเกษตรภายในประเทศมาแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การนำยางพารามาใช้เป็นส่วนประกอบในการก่อสร้างสนามกีฬา สนามเด็กเล่น นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งรัดดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีทราบภายใน ๓ เดือน ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ และ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณาและปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ภาครัฐสามารถนำที่ดินที่เหลือจากการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เช่น พื้นที่สองข้างทางรถไฟไปใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของการเวนคืนได้ เพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคมหรือเพื่อประโยชน์อื่นของรัฐ นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน ๒.๒ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำกฎหมายเพื่อปฏิรูประบบการบริหารจัดการและกำกับดูแลกิจการสหกรณ์ออมทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จและเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓ เดือน ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และสถาบันการบินพลเรือนร่วมกันปรับปรุงแผนการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของไทย โดยจัดลำดับความสำคัญของการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Organization : ICAO) ทั้งนี้ การดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับขององค์กรตรวจสอบด้านการบินระหว่างประเทศด้วย ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินและพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าว และรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยด่วน ๓.๓ ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติแล้ว นั้น ให้ทุกส่วนราชการร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยในการดำเนินภารกิจหรือโครงการต่าง ๆ ให้ส่วนราชการดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้ยึดหลักความโปร่งใสและตรวจสอบได้เป็นสำคัญ หากมีการร้องเรียนว่าภารกิจหรือโครงการใดมีการทุจริตให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
20494 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐอย่างกว้าง ๆ เพื่อเป็นมาตรฐานกลางสำหรับใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาภายใต้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังเร่งจัดทำกฎหมายลำดับรองและหลักเกณฑ์ตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและทันกับการบังคับใช้กฎหมายนี้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20495 | ผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียในส่วนของภาคเอกชนที่ร่วมเดินทางกับกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการร่วมเดินทางไปเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมกับคณะรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ และนำภาคเอกชนไทยรายใหญ่รวม ๒๗ ราย ร่วมเดินทาง มีผลการเยือนสรุปได้ ดังนี้
๑. กิจกรรมเจรจาธุรกิจและสร้างเครือข่ายกับหอการค้าและอุตสาหกรรม นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นักธุรกิจสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านภาพรวมเศรษฐกิจ โอกาสทางการค้า การลงทุน การทำธุรกิจ ระหว่างไทยและรัสเซีย พร้อมทั้งได้มีกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ Business Networking ทำให้ทั้งสองฝ่ายได้ทราบถึงโอกาสและลู่ทางการลงทุนในรัสเซียและไทย รวมทั้งเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักธุรกิจ ๒. การเยี่ยมชมกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทยในห้างสรรพสินค้า LENTA โดยห้างฯ สนใจนำเข้าสินค้า ได้แก่ เนื้อไก่ เนื้อหมู ปลาทูน่า และน้ำตาล จากไทย และผู้บริหารห้างฯ กำหนดเดินทางเยือนงานแสดงสินค้า THAIFEX 2016 ที่ประเทศไทย เพื่อคัดสรรสินค้าเพิ่มเติมสำหรับนำไปจำหน่ายระหว่างการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าในห้างฯ กว่า ๑๔๐ สาขาทั่วประเทศ ประมาณระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ๓. การเจรจาธุรกิจกับตัวแทนบริษัท Sistema ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจครอบคลุม ๑๒ สาขา เช่น โทรคมนาคม บริการสุขภาพ ธุรกิจท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเกษตรและการแปรรูปอาหาร การผลิตกระดาษและเยื่อกระดาษ อากาศยาน เป็นต้น โดยบริษัทประสงค์จะเชิญชวนนักธุรกิจไทยร่วมลงทุนกับบริษัทในสาขาเหล่านี้ มีผลสำเร็จของการเจรจา คือ ตัวแทนเอกชนไทยหลายฝ่ายเข้าร่วมหารือกับบริษัท โดยสาขาที่มีโอกาสมาก ได้แก่ สาขาธุรกิจสปา และโรงพยาบาล ๔. การเข้าร่วมกิจกรรม Thai Russia Business Dialogue นักธุรกิจฝ่ายไทยและรัสเซียได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนเวที Panel Discussion ทำให้นักธุรกิจสองฝ่ายได้เข้าใจ เรียนรู้ โอกาสด้านการค้า การลงทุน การธนาคาร เกษตรแปรรูป ซอฟท์แวร์ สุขภาพและเภสัชภัณฑ์ ระหว่างกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความร่วมมือด้านการลงทุนร่วมระหว่างกันต่อไป ๕. การเข้าร่วมกิจกรรม ASEAN-RUSSIA Business Forum ณ เมืองโซชิ มีการนำเสนอแนวทางในการขยายความร่วมมือระหว่างภูมิภาคอาเซียนและรัสเซียไปสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งความร่วมมือระหว่างอาเซียน สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) และองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ซึ่งเป็นแนวทางแห่งความร่วมมือที่รัสเซียคาดหวังให้ไทยและอาเซียนบรรลุข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวให้เป็นเขตการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ ๖. กิจกรรมคณะเอกชนไทยพบนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ณ เมืองโซชิ ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อรายงานผลการเข้าร่วมเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียกับคณะนายกรัฐมนตรี ปัญหาอุปสรรค ข้อเสนอแนะและการจัดทำ Roadmap ที่จะขยายการค้า การลงทุนสู่สหพันธรัฐรัสเซีย |
||||||||||||||||||||||||
20496 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 | คค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว โดยมีข้อสังเกตว่า รฟม. ไม่ได้นำเงินค่าทดแทนที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และค่าชดเชยพืชผล และค่าทดแทนภาระในอสังหาริมทรัพย์ที่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ตกลงทำสัญญากับ รฟม. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดส่งคืนรายได้แผ่นดิน รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินค้างจ่ายโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงจากฝ่ายบัญชีและการเงินกับฝ่ายกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่ตรงกัน นอกจากนี้ การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายฝึกอบรมไม่เป็นไปตามข้อบังคับองค์การรถไฟฟ้ามหานคร ฉบับที่ ๑๐ ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานหรือฝึกอบรมภายในประเทศ และข้อบังคับองค์การรถไฟฟ้ามหานคร ฉบับที่ ๓๓ ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานหรือฝึกอบรมภายในประเทศ ทั้งนี้ คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยได้มีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินดังกล่าวด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20497 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ขั้วคู่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ชั้วคู่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ขั้วคู่ เพื่อกำหนดมาตรฐานให้สอดคล้องกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ขั้วคู่-คุณลักษณะที่ต้องการด้านความปลอดภัยที่ได้ปรับปรุงใหม่ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมควรเผยแพร่ข้อมูลของร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลอดฟลูออเรสเซนซ์ขั้วคู่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง รวมทั้งเพื่อให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20498 | ร่างกฎกระทรวงภายใต้พระราชบัญญัติที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงเพื่อรองรับการรวมหน่วยงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค จำนวน 4 ฉบับ | พณ | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท แต่งตั้งนายทะเบียน และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแต่งตั้งผู้ช่วยนายทะเบียนกลางเพื่อรองรับการรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบและวิธีการแจ้งการเลิกประกอบธุรกิจหรือย้ายสำนักงานหรือสถานที่ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสถานที่แจ้งการเลิกประกอบธุรกิจหรือย้ายสำนักงานหรือสถานที่ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เพื่อรองรับการรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตจัดตั้งหอการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสถานที่ยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งหอการค้า เพื่อรองรับการรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสถานที่ยื่นคำขออนุญาตจัดตั้งสมาคมการค้า เพื่อรองรับการรวมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบถึงการปรับเปลี่ยนให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพียงแห่งเดียวเป็นสถานที่ยื่นคำขอ พร้อมทั้งบูรณาการการทำงานร่วมกันของภารกิจงานภายใต้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด โดยเตรียมความพร้อมของบุคลากรให้สามารถรองรับการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการติดต่อและขอรับบริการจากกระทรวงพาณิชย์ อันจะเป็นการส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20499 | ร่างประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดชนิดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) | กห | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดชนิดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง กำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๓๐ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการกำกับดูแล และควบคุมไม่ให้มีการนำยุทธภัณฑ์ดังกล่าวไปใช้ในทางที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20500 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างยกร่างประกาศกระทรวงการคลังเพื่อประกาศวันที่ข้อบทของความตกลงมีผลบังคับใช้กับประเทศไทย โดยจะออกประกาศกระทรวงการคลังดังกล่าวให้ใกล้เคียงกับวันที่ประเทศไทยส่งมอบสัตยาบันสารมากที่สุด รวมทั้งได้เสนอเรื่อง “การขอรับจัดสรรงบกลางสำหรับการชำระเงินทุนงวดแรกในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชียและการสงวนสิทธิ์ไม่ยกเว้นภาษีจากคนชาติในส่วนของประเทศไทย” และอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งกระทรวงการต่างประเทศให้จัดทำสัตยาบันสารและหนังสือสงวนสิทธิ์ดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|