ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1024 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20461 - 20480 จากข้อมูลทั้งหมด 124193 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20461 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าขุนแม่กวง ป่าสันทราย ป่าแม่ออน ป่าขุนแม่ทา ป่าดอยขุนตาล และป่าแม่ธิ แม่ตีบ แม่สาร ในท้องที่ตำบลเทพเสด็จ ตำบลลวงเหนือ ตำบลป่าเมี่ยง ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลห้วยแก้ว ตำบลออนเหนือ ตำบลออนกลาง ตำบลทาเหนือ ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบล บ้านธิ อำเภอบ้านธิ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้) | ทส | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าขุนแม่กวง ป่าสันทราย ป่าแม่ออน ป่าขุนแม่ทา ป่าดอยขุนตาล และป่าแม่ธิ แม่ตีบ แม่สาร ในท้องที่ตำบลเทพเสด็จ ตำบลลวงเหนือ ตำบลป่าเมี่ยง ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลห้วยแก้ว ตำบลออนเหนือ ตำบลออนกลาง ตำบลทาเหนือ ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้) เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติดังเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจแก่ชุมชนในท้องถิ่นเกี่ยวกับการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ โดยเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาพื้นที่ป่า และในส่วนของพื้นที่ซึ่งได้กันออกจากเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อจัดสรรเป็นที่ดินทำกินแก่ประชาชน ควรมีการส่งเสริมแนวทางการทำเกษตรกรรมที่เหมาะสมสอดคล้องกับแนวทางการอนุรักษ์พื้นที่ป่า รวมถึงส่งเสริมแนวทางดำรงชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
20462 | สรุปผลการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ 4 | กต | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ครั้งที่ ๔ และผลการปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ระหว่างวันที่ ๓๐ มีนาคม-๑ เมษายน ๒๕๕๙ ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมระดับผู้นำฯ ได้เน้นย้ำความสำคัญของการเสริมสร้างความมั่นคงทางนิวเคลียร์ และความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายในภาพรวม โดยเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวกรอง และการร่วมฝึกซ้อมเหตุการณ์จำลองสถานการณ์ก่อการร้ายระดับระหว่างประเทศมากขึ้น และได้รับรองแถลงการณ์การประชุมระดับผู้นำฯ และแผนปฏิบัติการ ๕ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนสหประชาชาติ (๒) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (๓) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนองค์การตำรวจสากล (๔) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนความริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายทางนิวเคลียร์ และ (๕) ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนหุ้นส่วนระดับโลกว่าด้วยการต่อต้านการแพร่ขยายอาวุธและวัสดุที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ร่วมสนับสนุนข้อเสนอความร่วมมือโดยสมัครใจ (Gift Baskets) เพื่อขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์ในสาขาต่าง ๆ ๒. นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงรับรองอาหารค่ำซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และสภาหอการค้าสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๙ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทย และเชิญชวนให้ภาคเอกชนของสหรัฐอเมริกาขยายการค้า การลงทุน และความเป็นหุ้นส่วนกับไทย พร้อมทั้งได้หารือกับบริษัท Guardian และบริษัท Motorola Solution และเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการนำเสนอจากตัวแทนชาวไทยที่ทำงานอยู่ในธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศเกี่ยวกับมุมมองขององค์กรทั้งสองต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย และข้อริเริ่มของธนาคารโลกในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามแนวทางประชารัฐ พร้อมทั้งมอบแนวทางและคำแนะนำเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของชาวไทยในต่างประเทศในการเสริมสร้างความปรองดองและการพัฒนาประเทศ ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตุรกี เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือระหว่างกันในมิติต่าง ๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งฝ่ายตุรกียังได้เสนอทางเลือกใหม่ให้กับการแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวอุยกูร์ที่เหลืออยู่ในประเทศไทยด้วย |
||||||||||||||||||
20463 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางศิริพร เหลืองนวล) | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางศิริพร เหลืองนวล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||
20464 | การต่ออายุสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์ | พม | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ต่ออายุสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีของสำนักงานธนานุเคราะห์เพื่อเป็นเงินทุนสำรองหมุนเวียนรับจำนำและสำหรับใช้จ่ายในการบริหารการเงินให้เกิดสภาพคล่องในกิจการ จำนน ๕๐๐ ล้านบาท ออกไปอีกเป็นเวลา ๒ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สำนักงานธนานุเคราะห์) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการกำหนดแผนทางการเงินและแผนการบริหารความเสี่ยงที่มีความเหมาะสม เพื่อให้สามารถให้บริการประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ในทุกช่วงเวลาและไม่ส่งผลต่อภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
20465 | ขออนุมัติยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ 118 แห่ง | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชี้แจงว่า การยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ ๑๑๘ แห่ง ไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของกรมสรรพากรในการจัดเก็บภาษีของรัฐ ๒. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้กรมสรรพากรยกเลิกโครงการปรับปรุงห้องคอมพิวเตอร์สำนักงานสรรพากรทั่วประเทศ ๑๑๘ แห่ง วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๗๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า หากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงพัฒนาโครงการดังกล่าว ควรจะแบ่งโครงการเป็นระยะ ๆ ต่อไป และในการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
20466 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งปี 2558/59 ภายใต้มาตรการที่ 1 การส่งเสริมความรู้และสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน | กษ | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายเวลาดำเนินโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ภายใต้มาตรการที่ ๑ การส่งเสริมความรู้และสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน กิจกรรมสร้างรายได้จากปศุสัตว์และประมงในฤดูแล้ง จากสิ้นสุดโครงการภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นสิ้นสุดโครงการภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้ ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการเฉพาะในส่วนของการจัดหาปัจจัยการผลิตซึ่งได้มีการลงนามในสัญญากับเอกชนแล้ว และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีที่หน่วยงานได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้วมีเงินเหลือจ่าย ก็ให้ส่งเงินคืนสำนักงบประมาณในโอกาสแรกด้วย และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์และระยะเวลาที่ได้ขอขยายเพิ่มเติม ตลอดจนควรรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ และคณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
20467 | ขออนุมัติหลักการในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพให้กับผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ ภายใต้โครงการสร้างโอกาสในการพัฒนาสมรรถนะของผู้ประกอบอาชีพ | อื่นๆ | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการในการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพให้กับผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะใน ๕๓ สาขาวิชาชีพ ได้มีโอกาสเข้าสู่ระบบคุณวุฒิวิชาชีพเพื่อสร้างรายได้และความก้าวหน้าในอาชีพ ในระยะ ๕ ปีแรก ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ประมาณ ๓๑๐,๐๐๐ คน ภายใต้โครงการสร้างโอกาสในการพัฒนาสมรรถนะของผู้ประกอบอาชีพ รวมทั้งวงเงินงบประมาณรายจ่ายสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพ จำนวน ๒,๕๐๐ บาทต่อ ๑ คน ต่อ ๑ อาชีพ ต่อ ๑ ระดับชั้น สำหรับผู้เข้ารับการประเมินสมรรถนะฯ ตามที่สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เสนอ ทั้งนี้ งบประมาณในการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เห็นควรให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ใช้จ่ายจากเงินสะสมเหลือจ่ายหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแล้วแต่กรณี ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้พิจารณาดำเนินโครงการในลักษณะของการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะดังกล่าวระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ และผู้เข้ารับการประเมิน รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์แนวทางการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพที่ให้ผู้ประกอบอาชีพสามารถเข้าถึงโอกาสการประเมินสมรรถนะได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีแล้ว และมีบัญชาเพิ่มเติมว่า “ให้มีผลงานเป็นรูปธรรม/กำหนดว่าอะไรจะสำเร็จในระยะแรก ๑ ๒ ๓/เป็นตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ ๒. ให้สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้สำนักงาน ก.พ. กำหนดให้ผู้ที่ผ่านการประเมินสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพสามารถนำหนังสือรับรองสมรรถนะในสายงานที่เกี่ยวข้องมาใช้แสดงเป็นใบประกอบวิชาชีพเพื่อเพิ่มเงินแรกบรรจุในการเข้ารับราชการ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายควรครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มนักศึกษา กลุ่มคนทำงาน และกลุ่มคนไม่มีงานทำ เป็นต้น การกำหนดมาตรการแรงจูงใจสร้างความเชื่อมั่นและยอมรับมาตรฐานอาชีพจากภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาระบบการประเมินสมรรถนะให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล รวมถึงการประเมินผลสัมฤทธิ์การใช้จ่ายงบประมาณควรเน้นเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ การสร้างความตระหนักหรือการยอมรับในความสำคัญของระบบคุณวุฒิวิชาชีพสำหรับผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพในสาขาสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นด้านกระบวนการจัดทำมาตรฐานและเครื่องมือการประเมินการรับรองสมรรถนะบุคคลตามมาตรฐานอาชีพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชนในกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะสอดคล้องกับความต้องการของภาคการผลิตและบริการ การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อติดตามความก้าวหน้าในสายอาชีพของผู้ได้รับการประเมินสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพเพื่อประเมินความสำเร็จของโครงการฯ และการประชาสัมพันธ์มาตรฐานอาชีพ รวมทั้งกระบวนการในการจัดทำมาตรฐานอาชีพที่แสดงให้เห็นว่ามาจากความร่วมมือของกลุ่ม/สมาคมอาชีพร่วมกันพัฒนา การให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการและผู้เข้ารับการประเมินมีส่วนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะ รวมทั้งความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการพิจารณาความเชื่อมโยงมาตรฐานและระบบการประเมินของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องมาตรฐานอาชีพ เช่น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ส่วนค่าใช้จ่ายในการประเมินสมรรถนะฯ ซึ่งในการทดสอบแต่ละสาขาวิชาชีพอาจจะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน จึงควรพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณที่ใช้ในการประเมิน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทยพิจารณาทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของผู้ประกอบอาชีพต่าง ๆ เช่น ผู้ขับขี่ยานพาหนะสาธารณะ ผู้ให้บริการหรือผู้ควบคุมเครื่องเล่นหรือเครื่องยนต์ในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน |
||||||||||||||||||
20468 | การลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือเกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปค | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือเกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการจัดการกองทุนรวมภูมิภาคเอเชียข้ามพรมแดนภายใต้กรอบเอเปค (Memorandum of Cooperation on the Establishment and Implementation of the Asia Region Funds Passport : MOC) มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมระหว่างเขตเศรษฐกิจที่ร่วมลงนาม โดยกองทุนรวมที่ได้รับความเห็นชอบจากเขตเศรษฐกิจหนึ่ง (Home Jurisdiction) สามารถไปเสนอขายหน่วยลงทุนต่อผู้ลงทุนรายย่อยในเขตเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ (Host Jurisdiction) ได้ โดยดำเนินการผ่านตัวกลาง (Intermediaries) ที่ได้รับใบอนุญาตหรือกำกับดูแลโดยหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของ Host Jurisdiction ๑.๒ มอบหมายให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในร่าง MOC ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลที่ชัดเจนเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว เช่น ความสามารถในการแข่งขัน และความสามารถในการปรับตัว เพื่อเตรียมมาตรการรองรับและสร้างความพร้อมให้กับภาคธุรกิจและสถาบันการเงินภายในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||
20469 | (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) และ(ร่าง) บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement on Employment) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา | รง | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) และ (ร่าง) บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement on Employment) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดย (ร่าง) บันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญครอบคลุมความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองประเทศในด้านแรงงาน ได้แก่ ความร่วมมือทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน ความร่วมมือด้านการจ้างงานระหว่างสองประเทศ และความร่วมมือด้านวิชาการอื่น ๆ ที่คู่เจรจามีความสนใจ และการจัดประชุมร่วมระหว่างสองฝ่ายทั้งระดับรัฐมนตรีและระดับหน่วยงานปฏิบัติ สำหรับ (ร่าง) บันทึกข้อตกลงฯ มีสาระสำคัญในการทบทวนการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับเดิม ซึ่งได้มีการลงนามเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน และเพื่ออำนวยความสะดวกในการจ้างแรงงานให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส คำนึงถึงสิทธิของแรงงาน และขจัดปัญหาการจ้างงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ๑.๒ อนุมัติให้ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) และบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement on Employment) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามในเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขในเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำเล็กน้อยเพื่อความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
20470 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขนิยามคำว่า หนี้สาธารณะ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนเพิ่มเติมนิยามคำว่า หนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง ปรับปรุงองค์ประกอบและเพิ่มเติมอำนาจของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และปรับปรุงกรอบการลงทุนของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับความสอดคล้องกับบทบัญญัติที่เกี่ยวกับหนี้สาธารณะในร่างพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. .... ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับหนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลังว่า กระทรวงการคลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการศึกษาเพื่อพัฒนาเครื่องมือหรือตัวชี้วัด ตลอดจนกรอบกฎหมายและแนวปฏิบัติเพื่อให้สามารถติดตามและกำกับดูแลหนี้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพิจารณานำภาระงบประมาณที่จะต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีชดใช้ อาทิ กิจกรรมกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินของรัฐ กำหนดไว้ในบทนิยามคำว่า "หนี้สาธารณะ" หรือ "หนี้เงินกู้ ีที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง" เพื่อให้ทราบสถานะของหนี้สาธารณะและภาระของงบประมาณได้อย่างครอบคลุม ครบถ้วนและชัดเจน ตลอดจนการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเป็นหนี้สาธารณะหรือหนี้เงินกู้หน่วยงานของรัฐควรจะเป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งการกำกับติดตามหนี้เงินกู้ที่เป็นความเสี่ยงทางการคลัง จะต้องให้ความรู้ความเข้าใจแก่หน่วยงานที่มีหนี้ในลักษณะดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในภาพรวมเกี่ยวกับการกำกับติดตามและการรายงานสถานะหนี้ให้มีความครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาภายใต้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ |
||||||||||||||||||
20471 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ออสเตรเลีย | คค | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งออสเตรเลีย พร้อมทั้งบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ออสเตรเลีย ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยร่างความตกลงฯ จะใช้แทนความตกลงฯ ฉบับเดิม (ลงนามเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๓) มีสาระสำคัญในการปรับปรุงและเพิ่มข้อบทของความตกลงฯ ให้สอดคล้องกับกฎหมายของทั้ง ๒ ประเทศ และเป็นไปตามหลักสากล รวมทั้งเน้นเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของสายการบิน ส่วนบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิการบินในด้านความจุความถี่และสิทธิรับขนการจราจรเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการให้บริการระหว่างกัน ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามความตกลงฯ ดังกล่าว ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของความตกลงฯ และบันทึกความเข้าใจฯ ต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
||||||||||||||||||
20472 | รายงานผลการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ปี 2556 - 2557 | พม | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการให้ความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง ปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เปิดให้ผู้ได้รับผลกระทบยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือเยียวยาฯ ระหว่างวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์-๑๗ มีนาคม ๒๕๕๙ มีผู้มายื่นขอรับความช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น ๘๒๐ คน มีผู้ผ่านการพิจารณา ๑๒๕ คน เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐,๘๗๘,๔๕๙ บาท ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดโครงการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธานในงานดังกล่าว
|
||||||||||||||||||
20473 | การกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับได้ (ค่า K) ของการประกวดราคานานาชาติ และ กำหนดแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2532 กรณีการจ้างเหมาก่อสร้างแบบ Design and Build | นร07 | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของการประกวดราคานานาชาติ และแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง) กรณีการจ้างเหมาก่อสร้างแบบ Design and Build ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. การใช้ดัชนีราคาฐานคำนวณค่า K ให้ใช้ ๒๘ วัน ก่อนวันยื่นซองประกวดราคา (แทนการคำนวณใช้ดัชนีเดือนเปิดซองประกวดราคา) เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีวงเงินค่าจ้างสูง มีความซับซ้อนต้องใช้เทคโนโลยีในการก่อสร้างจากประสบการณ์ของผู้รับจ้าง และผู้รับจ้างต้องใช้ระยะเวลาในการจัดเตรียมเอกสารและข้อมูลในการเสนอราคา ซึ่งเป็นการรับซองประกวดราคา ๓ ซอง คือ ซองคุณสมบัติ ซองเทคนิค และซองราคา ซึ่งกว่าจะเปิดซองราคาต้องใช้ระยะเวลามาก และมิได้ก่อให้เกิดข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบแต่อย่างใด เพราะทั้ง ๒ ฝ่ายรับความเสี่ยงและความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างเท่ากัน ทั้งนี้ กรณีงานเพิ่มเติม หากมีการตกลงราคาใหม่โดยราคาต่อหน่วยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ใช้วันที่ตกลงราคาใหม่ แทนการใช้ ๒๘ วัน ก่อนวันยื่นซองประกวดราคา ๒. การขอเงินชดเชยค่างานก่อสร้างเพิ่มให้นับ ๙๐ วัน ตั้งแต่วันที่ผู้ว่าจ้างออกหนังสือรับรองผลงานแล้วเสร็จ (Certificate of Completion) ของงานงวดสุดท้าย (แทนการนับ ๙๐ วัน ตั้งแต่วันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย) เนื่องจากเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ การส่งมอบงานงวดสุดท้ายจะมีงานบางส่วนเหลือเล็กน้อย ซึ่งผู้รับจ้างต้องดำเนินการให้เรียบร้อยจึงจะตรวจรับและออกหนังสือรับรอง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจรับงาน และจะเป็นประโยชน์กับทางราชการเพื่อให้มีการตรวจสอบงานได้สมบูรณ์ครบถ้วนโดยไม่ต้องรีบจ่ายเงินค่างานก่อสร้าง ๓. การจัดจ้างงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง (Design and Build) เช่น งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน งานระบบรางรถไฟฟ้า เป็นต้น และการจ้างเหมาก่อสร้างแบบ Turnkey เป็นงานจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ มีรูปแบบและขอบเขตการดำเนินงานครอบคลุมการสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยผู้รับจ้างรายเดียว ผู้รับจ้างเสนอราคาเป็นราคาเหมารวมไม่มีรายละเอียดบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคา (Bill of Quantities : B.O.Q.) มีการบวกราคาเผื่อความเสี่ยงต่าง ๆ รวมทั้งเผื่อการผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานที่เกิดขึ้นในอนาคตไว้แล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการแนวคิดของการใช้สัญญาแบบปรับราคาได้ ที่มีวัตถุประสงค์ในการลดความเสี่ยงของผู้รับจ้างจากความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง และป้องกันมิให้ผู้รับจ้างบวกราคาเผื่อการเปลี่ยนแปลงวัสดุไว้ล่วงหน้า จึงไม่สมควรนำเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ มาใช้ |
||||||||||||||||||
20474 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการในโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ (รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำท่าว้า บริเวณวัดชีธาราม หมู่ที่ 1 ตำบลไร่รถ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี) | มท | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ งบลงทุน จากรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำท่าจีน บริเวณวัดจันทร์ภาวนาราม หมู่ที่ ๓ (ตั้งแต่เขตวัดไปทางทิศเหนือถึงถนนสาธารณประโยชน์) ตำบลสามชุก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี ความยาว ๖๐๐ เมตร เป็นรายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำท่าว้า บริเวณวัดชีธาราม หมู่ที่ ๑ ตำบลไร่รถ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ความยาว ๕๓๐ เมตร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||
20475 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. .... | กต | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าบทบัญญัติบางประการอาจไม่สอดคล้องกับข้อบทที่ทำความตกลงไว้ เห็นควรให้ตัดร่างมาตรา ๗ ซึ่งกำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหารือกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การฯ เนื่องจากปัจจุบันได้ปฏิบัติตามแนวทางนี้อยู่แล้ว เห็นควรให้ตัดมาตราที่เกี่ยวข้องกับการยกเว้นภาษีออก เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๙ ได้วางแนวทางว่าเรื่องใดไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากรไม่ให้มีบทบัญญัติกำหนดยกเว้นภาษีอากรตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากร รวมทั้งควรมีการกำหนดขอบเขตและนิยามในเรื่องข้อกำกัดด้านการเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตราให้ชัดเจน และเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความซับซ้อนควรพิจารณาในรายละเอียดอย่างรอบคอบ โดยต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศและพันธกรณีระหว่างประเทศของไทยด้วย สำหรับในส่วนของการใช้ถ้อยคำเกี่ยวกับการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันในเรื่องการยกเว้นจากการควบคุมหรือกำกัดด้านการเงินตามร่างพระราชบัญญัติฯ มีขอบเขตกว้างกว่าเอกสิทธิ์การยกเว้นจากการควบคุมหรือกำกัดเงินตรา (Currency) ที่รัฐบาลไทยเคยให้แก่องค์การระหว่างประเทศ ที่ผ่านมา ทำให้อาจยังไม่มีความชัดเจนว่ามีขอบเขตกว้างเพียงใด และอาจเกี่ยวข้องกับการยกเว้นการดำเนินการภายใต้หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ และนอกจากจะกำหนดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการทำความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยหรือหน่วยงานของรัฐ กับรัฐบาลต่างประเทศ หน่วยงานของรัฐต่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศหรือองค์การอื่นที่จัดตั้งตามหนังสือสัญญา ต้องหารือกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ควรกำหนดให้หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบดังกล่าวหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ไปประกอบการพิจารณาด้วย ๓. ให้เชิญกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมชี้แจงในขั้นตอนการตรวจพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||
20476 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | กต | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี (Joint Statement by India and Thailand on the State Visit of Prime Minister of Thailand General Prayut Chan-o-cha to India) เพื่อให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าวระหว่างการเยือนในวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมและติดตามความร่วมมือทวิภาคีไทย-อินเดีย ในด้านต่าง ๆ ได้แก่ เศรษฐกิจ ความเชื่อมโยง ความมั่นคงและกลาโหม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัฒนธรรม การศึกษา การแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน และความร่วมมือในระดับภูมิภาคและในระดับพหุภาคี รวมทั้งเพื่อเป็นการปูทางสำหรับการเฉลิมฉลองครบรอบ ๗๐ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินเดียในปี ๒๕๖๐ ซึ่งการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ จะแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองและความพร้อมของไทยที่จะดำเนินความร่วมมือทวิภาคีไทย-อินเดีย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และสาขาความร่วมมืออื่น ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมทั้งจะเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับอินเดีย และจะมีผลในการช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||
20477 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการจัดกิจกรรมโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ | กห | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๓๗๐,๗๘๗,๑๐๐ บาท ให้กองบัญชาการกองทัพไทยและกองทัพบก เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ตามนโยบายของรัฐบาลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับโครงการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และการดำเนินงานของหน่วยงานอื่นที่มีลักษณะเดียวกัน รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||
20478 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ) | ยธ | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
20479 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำลังพลสำรอง (จำนวน 5 คน 1. พลเอก ธนดล เผ่าจินดา ฯลฯ) | กห | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำลังพลสำรอง จำนวน ๕ คน ตามพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลเอก ธนดล เผ่าจินดา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. นายพรชาต บุนนาค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. พลเอก อภิชัย ทรงศิลป์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายประพันธ์ ปุษยไพบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. พลเอก วิเชียร มัญญะหงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||
20480 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (จำนวน 5 คน 1. นางสุดา วิศรุตพิชญ์ ฯลฯ) | กค | 14/06/2559 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งจะครบวาระสองปี ในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค นางสุดา วิศรุตพิชญ์ นายลวรณ แสงสนิท ๒. ด้านการเงินการธนาคาร นางสาวอาริศรา ธรมธัช ๓. ด้านคอมพิวเตอร์ นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ๔. ผู้แทนผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์
|
.....