ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | ข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมปศุสัตว์เพื่อโอกาสในการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจประเทศอย่างเป็นธรรม | ยธ. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | ร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (พ.ศ. 2566-2570) | ยธ. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. .... | ยธ. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. ๒๕๖๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อขยายกำหนดเวลาในการมีผลใช้บังคับของมาตรา ๒๒ มาตรา ๒๓ มาตรา ๒๔
และมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวออกไป โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑
ตุลาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความจำเป็นในการตราพระราชกำหนดในเรื่องนี้ที่เข้าลักษณะเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ
ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ ตามมาตรา ๑๗๒
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชกำหนดดังกล่าวต่อไป
๓. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นควรเตรียมความพร้อมในการให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อสาธารณชนและประชาชนระหว่างประเทศด้วยว่า
พระราชกำหนดฯ
ฉบับนี้มีผลเพื่อขยายกำหนดเวลาในการมีผลใช้บังคับเพียงบางมาตราออกไปก่อนเท่านั้น
(ได้แก่ มาตรา ๒๒ ถึงมาตรา ๒๕) ทั้งนี้ มาตรา ๒๒ ถึงมาตรา ๒๕
จะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
และไม่น่าจะมีการขยายกำหนดเวลาดังกล่าวออกไปอีก
และควรเร่งเตรียมการให้มีความพร้อมโดยมีแผนรองรับในการบังคับใช้กฎหมายสำหรับการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และอุปกรณ์ในการสนับสนุนการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ
รวมทั้งเร่งทำความเข้าใจกับภาคประชาชนเพื่อร่วมสนับสนุนการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง
อันจะนำมาซึ่งการสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบและกระบวนการดำเนินงานของภาครัฐอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | หลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ กรรมการ และอนุกรรมการ ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565 | ยธ. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ
กรรมการ และอนุกรรมการ ตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
พ.ศ. ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) เบี้ยประชุมคณะกรรมการ เห็นควรปรับถ้อยคำจากเดิมเป็น
“ให้ประธานกรรมกรรมการ และกรรมการ ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน
ในอัตราประธานกรรมการ ๑๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน รองประธานกรรมการ ๙,๐๐๐ บาทต่อเดือน และกรรมการ ๘,๐๐๐ บาทต่อเดือน ทั้งนี้
ให้มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมรายเดือนเฉพาะเดือนที่มีการประชุม
หากเดือนใดไม่มีการประชุมหรือมีการประชุมแต่ไม่ได้เข้าประชุม ให้งดจ่าย”
และตัดข้อความ “ทั้งนี้ ในกรณีที่ประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้รับเบี้ยประชุมในอัตราเดียวกับประธานกรรมการหรือประธานอนุกรรมการ
แล้วแต่กรณี” เพื่อให้สอดคล้องกับการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ
พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (๒) เบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการ
ควรปรับอัตราเบี้ยประชุมคณะอนุกรรมการเป็น
“อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง
เฉพาะครั้งที่เข้าร่วมประชุมและให้ได้รับเบี้ยประชุมไม่เกิน ๔ ครั้งต่อเดือน
ในอัตราประธานอนุกรรมการ ๑,๒๕๐ บาทต่อครั้ง รองประธานอนุกรรมการ
๑,๑๒๕ บาทต่อครั้ง และอนุกรรมการ ๑,๐๐๐
บาทต่อครั้ง และ (๓) ประโยชน์ตอบแทนอื่น เห็นควรปรับถ้อยคำจากเดิมเป็น
“ให้ประธานกรรมการ กรรมการ
และอนุกรรมการในคณะกรรมการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าร่วมประชุมเป็นค่าพาหนะ
ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก
และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายเนื่องในการเดินทางไปราชการตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนดตามนัยพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
และหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร. .โดยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖.ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมคุมประพฤติตามที่ได้รับจัดสรร
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้กรมควบคุมประพฤติจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ควรรับฟังความเห็นของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบกฎหมายว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อประกอบการพิจารณา
และเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ
และการกำหนดองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการ ควรมีเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมต่อการสนับสนุนการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง
เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า และไม่ให้เป็นภาระงบประมาณภาครัฐในระยะยาว
และควรมีการทบทวนความคงอยู่ของคณะอนุกรรมการเมื่อสิ้นสุดการดำเนินภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย.ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 - 2570) | ยธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | รายงานผลการดำเนินการตามมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด | ยธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | ยธ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยกระทรวงยุติธรรมได้มีคำสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ ๑๙๓/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๒๑ กันยายน
๒๕๖๕
แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. .... มีหน้าที่และอำนาจในการกำหนดและยกร่างนโยบาย แผนงาน รวมทั้งระเบียบต่าง
ๆ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติฯ
พร้อมทั้งประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ
จะจัดทำคู่มือการตีความและรวบรวมเจตนารมณ์ของมาตราต่าง ๆ
ซึ่งจะนำข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ รวมเข้าไปในคู่มือด้วย นอกจากนี้
มีแผนการดำเนินงานที่จะศึกษาพิจารณา และยกร่างมาตรฐานการเยียวยาทั้งที่เป็นตัวเงิน
ไม่ใช่ตัวเงิน รวมถึงการฟื้นฟูเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ให้สอดคล้องกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ และมาตรฐานสากล
รวมถึงการเรียกตัวตามกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจต่อไป
อีกทั้งมีแผนที่จะศึกษา พิจารณา และยกร่างคู่มือและแนวทางบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ
ให้เกิดความชัดเจน โดยที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรม
โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้มีการจัดฝึกอบรมในประเด็นการป้องกันทรมานและบังคับบุคคลให้สูญหายให้กับเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายมาโดยตลอด
และจะได้จัดฝึกอบรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสาระสำคัญและแนวทางบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ
อย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | การสร้างหลักประกันความเป็นธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ | ยธ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ.ร.
รับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการดำเนินการเรื่องนี้ให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
โดยให้คำนึงถึงกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ใช้บังคับอยู่แล้วในปัจจุบัน
รวมทั้งบริบทแวดล้อมอื่น ๆ ให้ครอบคลุม ครบถ้วนในทุกมิติ ตลอดจนภาระงบประมาณที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
โดยให้รับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคระกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานอัยการสูงสุด
สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานคระกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และประธานกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วให้กระทรวงยุติธรรมนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติพิจารณาในภาพรวม
ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 24/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓ โครงการ
วงเงินทั้งสิ้น ๕,๐๐๔,๑๗๙,๒๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
จำนวน ๑,๐๐๐,๘๓๕,๙๐๐
บาท ส่วนที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๖๘-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๔,๐๐๓,๓๔๓,๓๐๐ บาท ตามนัยมาตรา
๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ให้จัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการก่อสร้างเรือนจำ จำนวน ๓
โครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดรูปแบบรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมตามความจำเป็นเร่งด่วน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เห็นควรควบคุม
ดูแล และกำกับการดำเนินงานโครงการก่อสร้างเรือนจำดังกล่าว
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน พ.ศ. .... | ยธ. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ และการคุมขังฉุกเฉิน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการพิจารณาและจัดทำรายงานจำแนกลักษณะนักโทษเด็ดขาดที่เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำที่เสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ใช้มาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุ้มขังภายหลังพ้นโทษ หรือมาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษร่วมกับมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษเมื่อครบกำหนดการคุมขังต่อเนื่องกันไป
และการกระทำความเห็นของพนักงานคุมประพฤติที่เสนอต่อพนักงานอัยการเพื่อร้องขอให้ศาลมีคำสั่งใช้มาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ
มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษ มาตรการคุมขังภายหลังพ้นโทษร่วมกับมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษเมื่อครบกำหนดการคุมขังต่อเนื่องไป
หรือสั่งคุมขังฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการกำหนดกลไกในการกำหนดมาตรการต่าง ๆ
ก่อนปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดในความผิดเหล่านี้
เพื่อเป็นการป้องกันสังคมและผู้เสียหายจากการกระทำผิดที่อาจเกิดขึ้นอีก ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรม โดยมีข้อสังเกตว่า
ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวยังมิได้กำหนดวันที่กฎกระทรวงมีผลใช้บังคับจึงควรกำหนดไว้ให้ชัดเจน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | การดำเนินการตามข้อสังเกต (Concluding Observations) ของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ต่อรายงานประเทศฉบับที่ 4-8 ของประเทศไทย | ยธ. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบข้อสังเกต
(Concluding Observations)
ของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ
ต่อรายงานประเทศฉบับที่ ๔-๘ ของประเทศไทย
และตารางหน่วยงานรับผิดชอบเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสหประชาชาติฯ
และพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ
ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสหประชาชาติฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและข้อเสนอแนะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่เห็นว่าการดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สามารถเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยป้องกันคนในสังคมให้หลีกเลี่ยงการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์และโซเซียลมีเดียในทางที่ผิด
หรือนำมาเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ Hate Speech และ Hate
Crime ทางเชื้อชาติได้ และในประเด็นที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบ จำนวน ๓ ประเด็น ประกอบด้วย ๑)
ประเด็นที่ดิน อาณาเขต และทรัพยากรของกลุ่มชนพื้นเมืองดั้งเดิม ๒)
ประเด็นการค้ามนุษย์ และ ๓) ประเด็นย่อหน้าที่มีความสำคัญเป็นการเฉพาะ
พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในประเด็นแรงงานข้ามชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (1. ศาสตราจารย์พิเศษเข็มชัย ชุติวงศ์ ฯลฯ รวม 6 คน) | ยธ. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย
รวม ๖ คน
เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์พิเศษเข็มชัย
ชุติวงศ์ ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์
อุรพีพัฒนพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปารีณา ศรีวนิชย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายพณชิต กิตติปัญญางาม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายสุรงค์ บูลกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2566 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.
บริการสานสุข (๑๐ กิจกรรม) เช่น พร้อมใจไกล่เกลี่ยแก้หนี้ครัวเรือน และไกล่เกลี่ยทั่วไทย
สุขใจปีใหม่ ๒๕๖๖ เป็นต้น ๒.
ปีใหม่...ให้ความรู้คู่ความสุข (๗ กิจกรรม) เช่น ยุติสร้างสุข ส่งสุขให้กับประชาชน
และสนับสนุนการให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชน เป็นต้น ๓.
ปีใหม่ปลอดภัย (๓ กิจกรรม) เช่น
จัดทำสื่อดิจิทัลประกอบแผนที่ระบุบริเวณจุดเสี่ยงภายในจังหวัดนนทบุรี
การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๖ และคุมประพฤติห่วงใย
สร้างความปลอดภัยให้ประชาชน เป็นต้น ๔.
กฎหมายดี... รับปีใหม่ (๔ กิจกรรม) เช่น การสร้างหลักประกันความเป็นธรรมให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
และเร่งผลักดันการแก้ไขกฎหมายลดค่าธรรมเนียมในชั้นบังคับคดี เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเสกสรร สุขแสง และนางสาวพัชรศรี ศรีเมือง) | ยธ. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเสกสรร สุขแสง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ยธ. | 13/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑)
การดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
(๒) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบกรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
(๓) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเยียวยากรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
(๔) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำทรมานและบังคับให้หายสาบสูญ และ
(๕) การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการคัดกรองกรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | ยธ. | 08/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม
พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร
และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ.
.... ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยกระทรวงสาธารณสุขได้แก้ไขกฎหมายเพื่อให้มีการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม
กำหนดนโยบาย แผนการปฏิบัติงาน และทำงานเชิงบูรณาการ
มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานงาน เร่งรัด ส่งเสริม และสนับสนุนการขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ยา อาหาร และเครื่องสำอางที่ผลิตจากพืชกระท่อม สำนักงาน ป.ป.ส. จะประสานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาศึกษาแนวทางการดำเนินการและวางระบบการชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาต
กำหนดเพิ่มเติมการห้ามขายให้แก่บุคคลบางกลุ่ม
กำหนดเพิ่มเติมสถานที่หรือวิธีการที่ห้ามขายใบกระท่อม ทั้งนี้ ควรให้สำนักงาน
ป.ป.ส.
เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมหัวข้อหรือโครงการวิจัยและพัฒนาการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อมทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้การพัฒนาพืชกระท่อมให้เป็นพืชเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ส.
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประสานการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกันชี้แจงและประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากใบกระท่อมและไม่นำไปใช้ในทางที่ผิด
พัฒนาระบบการออกใบอนุญาตนำเข้าหรือส่งออกใบกระท่อมและให้สามารถขอรับใบอนุญาตทางอิเล็กทรอนิกส์ได้
รวมทั้งกำหนดพิกัดศุลกากรเกี่ยวกับสินค้าพืชกระท่อม
เพื่อให้รองรับกระบวนการนำเข้าและการส่งออกใบกระท่อม
ประกอบกับกระทรวงอุตสาหกรรมมีกลไกให้ความช่วยเหลือและสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มธุรกิจรายย่อยและวิสาหกิจชุมชน
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | แนวทางการควบคุมสารโซเดียมไซยาไนด์ สารเบนซิลคลอไรด์ และสารเบนซิลไซยาไนด์ที่นำไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด | ยธ. | 01/11/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการควบคุมสารโซเดียมไซยาไนด์ สารเบนซิลคลอไรด์
และสารเบนซิลไซยาไนด์ที่นำไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด
เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง
ซึ่งผลการประชุมมีสาระสำคัญเพื่อระงับการส่งออก และชะลอการนำเข้าสารโซเดียมไซยาไนด์
และสารเบนซิลไซยาไนด์ไว้ก่อน เพื่อปรับปรุงวิธีการพิจารณาการอนุญาตการนำเข้า
และส่งออก โดยจะอนุญาตให้นำเข้าและส่งออกตามปริมาณการใช้จริง และกรมโรงงานอุตสาหกรรม
จะดำเนินการควบคุมการใช้สารโซเดียมไซยาไนด์ และเบนซิลไซยาไนด์
โดยกำหนดให้ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก
และผู้ซื้อ (End User) ต้องยืนยันตัวตนโดยการลงทะเบียน
เพื่อควบคุมปริมาณและการติดตามการใช้สารดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งเครือรัฐออสเตรเลียในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ | ยธ. | 25/10/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | ข้อเสนอเพื่อกำหนดมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดที่เป็นรูปธรรม | ยธ. | 18/10/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการกำหนดมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดที่เป็นรูปธรรม
ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบมาตรการสำคัญ ๔
ประเด็นหลักที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดอย่างจริงจัง
รวมทั้งควรกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินการในแต่ละประเด็น ได้แก่ ๑)
มาตรการเกี่ยวกับอาวุธปืน ๒) มาตรการด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
๓) มาตรการด้านการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และ ๔)
มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
โดยให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาปรับปรุงหน่วยงานรับผิดชอบหลักในมาตรการ
๔.๒ ด้วย และให้กระทรวงยุติธรรม หน่วยงานรับผิดชอบหลัก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่/บูรณาการการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืนโดยเร็วต่อไป
โดยให้ผู้บังคับบัญชาในแต่ละชั้นกำกับดูแลการปฏิบัติงานของพนักงาน/เจ้าหน้าที่ให้ถูกต้อง
เหมาะสม โดยไม่สร้างความเดือดร้อนและความไม่สะดวกแก่ประชาชนเกินความจำเป็น ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินการในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน ๙๐
วัน ๒.
ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติดตามข้อ ๑
ในส่วนของพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู
ซึ่งมีการระบาดของยาเสพติดสูงและได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
นั้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงยุติธรรม
กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้บรรลุผลเป็นที่ประจักษ์โดยด่วน
เพื่อให้จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นต้นแบบของ “พื้นที่สีขาว”
ที่มีความยั่งยืนและขยายผลไปยังพื้นที่อื่นต่อไป ทั้งนี้
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีทุก ๓๐
วัน ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 (แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องแบบของข้าราชการกรมราชทัณฑ์) | ยธ. | 05/10/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๘ (แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องแบบของข้าราชการกรมราชทัณฑ์)
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ ๘๓ (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช ๒๔๗๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขเพิ่มเติมลักษณะเครื่องแบบพิธีการ
และเพิ่มเครื่องแบบปฏิบัติงานสำหรับข้าราชการกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้เครื่องแบบข้าราชการกรมราชทัณฑ์มีความเหมาะสมกับภารกิจ
และเป็นสากล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|