ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 4 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 61 - 80 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
61 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ฯลฯ จำนวน 4 ราย) | ยธ. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวศิริประกาย วรปรีชา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายโกมล พรมเพ็ง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
62 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2565 | ยธ. | 06/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.
ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑)
เหตุผลความเป็นมาของการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงาน ๒)
แผนปฏิบัติการต้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ๓) สถานการณ์ยาเสพติด ๔) ผลปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. ๕) การกระทำความผิดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และ ๖) ปัญหา
อุปสรรคและการดำเนินการแก้ไขปัญหา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เสนอรายงานดังกล่าวพร้อมข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
63 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 - 2572 เพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | ยธ. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๒
เพื่อเป็นค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน
๓,๐๐๐ ซีชี)
พร้อมพนักงานขับรถยนต์ จำนวน ๑ คัน อัตราค่าเช่าไม่เกิน ๘๕,๐๐๐
บาทต่อคันต่อเดือน ระยะเวลา ๖๐ เดือน (ตั้งแต่เดือนมกราคม ๒๕๖๗ ถึงเดือนธันวาคม
๒๕๗๑) ภายในวงเงิน ๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท
ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๗๖๕,๐๐๐ บาท
ให้สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔,๓๓๕,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒
โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับวงเงินตามสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ การขออนุมัติดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ
เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
64 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายพีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
65 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ในการดำเนินโครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ
ตำบลทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ และโครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดยโสธร
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ตำบลสำราญ อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ของกระทรวงยุติธรรม
ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับสำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมคุ้มค่าของราคาก่อสร้างของทั้ง
๒ เรือนจำ โดยคำนึงถึงความจำเป็น ประโยชน์ใช้สอย และสอดคล้องกับขนาดของเรือนจำ
รวมทั้งให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงบประมาณ เช่น กรณีพื้นที่ดำเนินโครงการอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้
ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องก่อนเข้าดำเนินการในพื้นที่
ให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการก่อสร้างเรือนจำ
จำนวน ๒ โครงการ ดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมตามความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ สถานะการเงินการคลังของประเทศ และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ
๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด
ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างรายได้และโอกาสให้แก่ประชาชน
การพัฒนารัฐบาลดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการภาครัฐหรืออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและภาคธุรกิจ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
และการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศในด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน
แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
66 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 | ยธ. | 02/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย
เรื่อง อำนาจการควบคุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๕๐ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๖ โดยที่ประชุมเห็นว่า
ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกมาตรา ๑๑/๖
ในประเด็นการยกเลิกอำนาจการควบคุมตัวผู้ถูกจับในคดียาเสพติดไว้เพื่อสืบสวนสอบสวนได้เป็นเวลาไม่เกิน
๓ วัน ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ และยังไม่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายรวม
๒ ฉบับ คือ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๘๗ วรรคสาม และพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง และที่ประชุมได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
67 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2567 ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ให้แก่ประชาชน ของกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ
เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน จำนวน ๑๒ โครงการ/กิจกรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
68 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 26/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน
ช่วยเหลือ หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม
กฎกระทรวงว่าด้วยการแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ
หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยกำหนดให้เจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. ยื่นคำขออนุมัติแจ้งข้อหาแก่ผู้กระทำความผิดฐานสนับสนุน ช่วยเหลือ
หรือสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดต่อเลขาธิการ ป.ป.ส.
กรณีหลังจากศาลออกหมายจับแก่ผู้กระทำความผิดดังกล่าวแล้ว และให้นำไปดำเนินการกับพนักงานสอบสวนต่อไป
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น ควรปรับถ้อยคำของร่างข้อ ๑/๑ เป็น “กรณีเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. สังกัดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ซึ่งผู้รับผิดชอบในการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานจนทราบรายละเอียดแห่งความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด
ซึ่งศาลได้ออกหมายจับผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา ๑๒๕ หรือมาตรา
๑๒๗ ให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. มีอำนาจยื่นคำขออนุมัติแจ้งข้อหาต่อเลขาธิการ ป.ป.ส. ก่อนร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนต่อไป”
เพื่อให้เกิดความชัดเจนตรงตามเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้
เนื่องจากมุ่งหมายเฉพาะคดีที่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. สังกัดสำนักงาน ป.ป.ส.
ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจโดยตรงในการป้องกัน ปราบปราม
และแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นผู้ทำการแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานตามอำนาจและหน้าที่จนทราบรายละเอียดแห่งความผิดและตัวผู้กระทำความผิดจนนำไปสู่การขอศาลออกอนุมัติหมายจับ
โดยให้เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการในขั้นตอนขออนุมัติแจ้งข้อหาและนำคำสั่งอนุมัติแจ้งข้อหาไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
69 | ขอยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่่โครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ | ยธ. | 19/12/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเลิกการใช้พื้นที่โครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์
ของกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๖,๕๔๑ ตารางเมตร ประกอบด้วย (๑) สำนักงานรัฐมนตรีและสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
พื้นที่ชั้น ๘ จำนวน ๑,๖๙๑ ตารางเมตร และพื้นที่ชั้น ๙ จำนวน
๔,๓๕๗ ตารางเมตร รวมจำนวน ๖,๐๔๘
ตารางเมตร และ (๒) กรมบังคับคดี พื้นที่ชั้น ๙ จำนวน ๔๙๓ ตารางเมตร ตั้งแต่วันที่
๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ เรื่อง
หลักเกณฑ์การยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ
ในส่วนที่กำหนดให้หน่วยงานจะต้องแจ้งให้กรมธนารักษ์ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย ๑ ปี
ในประเด็นการขอยกเลิกการเข้าใช้พื้นที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ
ให้แก่กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานรัฐมนตรีและสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม
และกรมบังคับคดี)
เฉพาะกรณีการขอยกเลิกการใช้พื้นที่โครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ
อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ บริเวณชั้น ๘-๙ จำนวน ๖,๕๔๑
ตารางเมตร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ที่เห็นควรให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ หนังสือเวียน และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
70 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด | ยธ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
71 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล และพันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล) | ยธ. | 28/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
72 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 และที่ออกตามพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด พ.ศ. 2561 | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ และพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด
พ.ศ. ๒๕๖๑ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ รวม ๑๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑.
กฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ จำนวน ๖ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑
กฎกระทรวงระบุตำแหน่งพนักงานอื่นเพื่อช่วยเหลือผู้อำนวยการสถานพินิจ ๑.๒
กฎกระทรวงการแต่งตั้งและถอดถอนผู้ช่วยพนักงานคุมประพฤติ ๑.๓
กฎกระทรวงการออกใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกอบรม
หรือสถานแนะนำทางจิต ๑.๔
ระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่อื่นของสถานพินิจ ๑.๕
ระเบียบการแยกเด็กหรือเยาวชนในสถานที่อื่นนอกจากที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๖
ระเบียบกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานศึกษา สถานฝึกและอบรม
หรือสถานแนะนำทางจิตเกี่ยวกับเด็กได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ๒.
กฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด
พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๖ ฉบับ ดังนี้ ๒.๑
ระเบียบกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งเจ้าพนักงานพินิจซึ่งผ่านการฝึกอบรมตามมาตรา ๑๙ ๒.๒ ระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานในสถานที่ควบคุม
การปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานพินิจแนวทางการปฏิบัติตัวของเด็กและเยาวชนแต่ละประเภท ๒.๓
ระเบียบการดูแล แก้ไขบำบัดฟื้นฟู และพัฒนานิสัยเด็กและเยาวชนให้กลับตนเป็นคนดี ๒.๔
ระเบียบการจัดกลุ่มเด็กและเยาวชนให้เหมาะสมในแต่ละประเภท
การควบคุมดูแลแก้ไขบำบัดฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยเด็กและเยาวชน
และการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย ๒.๕
ประกาศกำหนดอาณาบริเวณภายนอกรอบสถานที่ควบคุมซึ่งเป็นที่สาธารณะเป็นเขตปลอดภัย
พร้อมแสดงแผนที่ของอาณาบริเวณดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
73 | รายงานประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562-2565) | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) แผนสิทธิมนุษยชนฯ เป็นเครื่องมือ กลไก และมาตรการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการส่งเสริม
ปกป้อง คุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้กับประชาชน ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำและขับเคลื่อนแผนดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
โดยแผนสิทธิมนุษยชนฯ ประกอบด้วย โครงการ/กิจกรรม จำนวน ๒,๔๐๙ โครงการ มีโครงการที่ทำเสร็จ
จำนวน ๑,๘๓๗ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๗๖.๒๖
และมีผลการดำเนินการในภาพรวม โดยมอบหมายกระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ)
รับผิดชอบกำหนดแนวทาง วิธีการ รายงานผล และแบบรายงาน ทั้งนี้
เมื่อสิ้นสุดวาระการบังคับใช้แผนฯ กระทรวงยุติธรรมจึงได้รวบรวมข้อมูล
และจัดทำรายงานประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามแผนฯ
เพื่อแสดงถึงพัฒนาการความก้าวหน้า ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องภายใต้หลักการคุ้มครองสิทธิทางวัฒนธรรม
ส่งเสริมศักยภาพกลุ่มชาติพันธุ์และสร้างความเสมอภาคบนความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหา ดำเนินการผลักดัน
(ร่าง) พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย
โดยอีกหลายกลุ่มไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิบางประการ เช่น การกำหนดสถานะของบุคคล
การมีสิทธิอาศัยและใช้ประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งมีการทับซ้อนกับพื้นที่อนุรักษ์หรือพื้นที่ที่อยู่ในการดูแลของทางราชการที่ไม่สามารถอนุญาตให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมาย
และการขาดโอกาสการเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน เป็นต้น ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดในภาพรวม
อาทิ ดัชนีเสรีภาพ (Freedom in the world) พร้อมทั้งกำหนดค่าเป้าหมายของตัวชี้วัดแต่ละด้านให้ชัดเจน
เพื่อให้การติดตามประเมินผลสามารถสะท้อนความก้าวหน้าและผลสำเร็จในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนในภาพรวมของประเทศอย่างแท้จริง
วิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกับสนธิสัญญา/อนุสัญญาระหว่างประเทศ
ปฏิญญาสากลด้านสิทธิมนุษยชน หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่เกี่ยวข้องกับด้านสิทธิมนุษยชน และมีกลไกติดตามผลการดำเนินงานเป็นระยะอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า
(Early warning) ในกรณีที่พบความเสี่ยงหรือปัญหาจากการดำเนินงาน
และหาแนวทางลดความเสี่ยงหรือแก้ไขได้ทันสถานการณ์
เพื่อให้การพัฒนางานด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
74 | ขอขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา พ.ศ. 2527 | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความในมาตรา
๓๑ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๒๗ รวม ๒ ฉบับ ที่เห็นว่า กระทรวงยุติธรรมมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอขยายระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายลำดับรองเพียง
๒ ฉบับ (จาก ๑๐ ฉบับ) ได้แก่ ๑)
ประกาศกระทรวงกำหนดการจำแนกประเภทหรือชั้นของเรือนจำ ซึ่งต้องออกตามความในมาตรา ๓๑
แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และ ๒) กฎกระทรวงกำหนดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการโอนนักโทษ
ซึ่งต้องออกตามความในมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการดำเนินการตามคำพิพากษาคดีอาญา
พ.ศ. ๒๕๒๗ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ตามความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
75 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (สมรสเท่าเทียม) | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่จะมีการจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ
ไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย 2023 (Thailand Biennale,
Chiang Rai 2023) ระหว่างวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๖-๓๐ เมษายน ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินไทยและต่างชาติ ภายใต้แนวคิด : เปิดโลก (The Open World) อันจะเป็นการเปิดมิติทางศิลปะวัฒนธรรมเพื่อยกระดับเมืองเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระดับโลก
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐร่วมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การจัดงานมหกรรมดังกล่าวให้แพร่หลายและกว้างขวางออกไปทั้งในประเทศและต่างประเทศ
รวมทั้งเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าว เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
76 | ผลการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Special Meeting of Justice Ministers: AJSMJ) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Special Meeting of Justice Ministers : AJSMJ)
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๕-๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
โดยที่ประชุมได้มีมติรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และเห็นชอบแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ทั้งนี้
ในการประชุมดังกล่าว มีการปรับแก้ไขร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เช่น การระบุวันที่ สถานที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตรงกับความเป็นจริง
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินความร่วมมือตามแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น
ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และร่างแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น
ด้านกฎหมายและงานยุติธรรมดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงความร่วมมือด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
77 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 พ.ศ. .... | ยธ. | 21/11/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พ.ศ. ๒๕๓๔ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว สาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พ.ศ. ๒๕๓๔ ทั้งฉบับ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น
และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้า
เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนและพึงกำหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง
ตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อ ๑๑ ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่กำหนดให้บุคคลจะถูกจำคุกเพียงเพราะเหตุว่าไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญามิได้
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
78 | การแต่งตั้งข้าราชการให้รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ) | ยธ. | 31/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ข้าราชการตำรวจ
ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปรักษาราชการแทน
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตามความในมาตรา ๑๑
(๕) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
79 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธนากร คัยนันท์) | ยธ. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธนากร คัยนันท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งรองเลขาธิการ ป.ป.ส. (นักบริหารระดับต้น) สำนักงาน ป.ป.ส. ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม
ตั้งแต่วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
80 | การรับโอนข้าราชการตำรวจมาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (พลตำรวจ ภาณุรัตน์ หลักบุญ) | ยธ. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ข้าราชการตำรวจ ตำแหน่ง
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งเดิมเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|