ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 10 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 181 - 200 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
181 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและความร่วมมือทางนิติวิทยาศาสตร์ | ยธ. | 08/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงยุติธรรม แห่งราชอาณาจักรไทย และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงความมั่นคงสาธารณะประชาชนจีน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการและความร่วมมือทางนิติวิทยาศาสตร์
ซึ่งได้มีการปรับแก้จากฉบับเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม
๒๕๖๓ ดังนี้ (๑) เพิ่มเติมถ้อยคำในข้อ ๒ และข้อ ๓
ซึ่งเป็นการปรับแก้ภาษาและเพิ่มเติมถ้อยคำเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยไม่กระทบต่อสาระสำคัญโดยรวม (๒) เพิ่มข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑
ตามข้อเสนอแนะของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อความเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ทั้งนี้ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้จัดพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ในรูปแบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๔ โดยมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา
๕ ปี และจะได้รับการต่อออายุอีก ๕ ปี
เมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอมร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
182 | รายงานผลการดำเนินงานด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของกรมราชทัณฑ์ | ยธ. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ของกรมราชทัณฑ์ โดยสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ที่เป็นวงกว้างในพื้นที่หลายจังหวัด ซึ่งรวมถึงการพบผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-๑๙
ในหลายเรือนจำและทัณฑสถาน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร
กรมราชทัณฑ์จึงได้รายงานผลการดำเนินการในด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดฯ
ได้แก่ (๑) รายงานผลการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ ในระหว่างวันที่ ๓ เมษายน-๘
พฤษภาคม ๒๕๖๔ (๒) การกำหนดให้มีมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดฯ
(๓) การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-๑๙ และ (๔)
การรับมอบเงินและอุปกรณ์พระราชทานต่าง ๆ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
183 | ขออนุมัติงบประมาณรายการค่าใช้จ่ายการแก้ไขและป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำและทัณฑสถาน จากงบกลางรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | ยธ. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายการค่าใช้จ่ายการแก้ไขปัญหาและป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ในเรือนจำและทัณฑสถาน จากงบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ภายในกรอบวงเงิน ๓๑๑,๖๕๐,๓๐๐ บาท
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ในเรือนจำและทัณฑสถานมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก
และมีความจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม และรักษาโรคอย่างเร่งด่วน
สำหรับข้อเสนอแนะในเรื่องการขอสนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์
ขอให้กระทรวงยุติธรรมประสานการขอสนับสนุนพร้อมรายละเอียดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข
เพื่อจะได้พิจารณาการสนับสนุนในเรื่องดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
184 | ข้อเสนอเชิงนโยบายในการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ | ยธ. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ
โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดการระบบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ ไปพลางก่อน
สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดตรวจสอบจำนวนผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำให้ถูกต้องครบถ้วนตามจำนวนที่มีอยู่จริงเพื่อการจัดระบบบริการและระบบประกันสุขภาพให้เหมาะสม
รวมทั้งเพื่อให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้อง
สามารถเสนอขอรับงบประมาณได้อย่างถูกต้องตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์)
เป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุมหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางในการจัดการระบบและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาสาถนะบุคคลและต่างด้าวในระยะยาวให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
เช่นหน่วยงานหลักในการดูแลระบบบริการและระบบประกันสุขภาพ
อัตราค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมและเป็นธรรม เป็นต้น โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางในการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้กระทำความผิดให้ถูกต้อง
ชัดเจน ตั้งแต่กระบวนการจับกุมและตรวจสอบประวัติ
รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ไม่สามารถยืนยันตัวตนของผู้กระทำความผิดได้ด้วย ๔. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์)
เร่งจัดทำแนวทางการบริหารจัดการเพื่อรองรับสถานการณ์กรณีที่มีโรคติดต่ออุบัติใหม่เกิดขึ้นในเรือนจำ
เช่น โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ให้มีความรัดกุม รอบคอบ และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การป้องกันและรักษาโรคติดต่ออุบัติใหม่ ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการควบคุมกรณีเกิดโรคติดต่ออุบัติใหม่ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
185 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของปลัดกระทรวงยุติธรรม (ครั้งที่ 1) (นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ) | ยธ. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ
๔ ปี ในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่
๕ มิถุนายน ๒๕๖๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
186 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ (จำนวน 9 ราย) | ยธ. | 25/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ จำนวน ๙ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕
พฤษภาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายศรพล ตุลยะเสถียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒด้านเศรษฐศาสตร์ ๒. นายสราวุธ เบญจกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการธนาคาร ๓. พันตำรวจเอก ญาณพล ยั่งยืน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๔. นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๕. นายดำรงศักดิ์ เครือแก้ว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๖. พลเอก ณรงค์ฤทธิ์ อิศรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านความมั่นคงประเทศ ๗. พลตำรวจเอก ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา ๘. พลตำรวจเอก ชัยยะ
ศิริอำพันธ์กุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ๙. นายมานะ นิมิตมงคล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการคดีพิเศษจัดการประชุมอย่างต่อเนื่องตามห้วงระยะเวลาประเมินผลการปฏิบัติงาน และจัดทำสรุปผลการปฏิบัติงานเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
187 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ยธ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๒๐
ล้านบาท ได้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (๖.๐๒ ล้านบาท)
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (๘.๕๙ ล้านบาท) ราชอาณาจักรกัมพูชา (๒.๓๔ ล้านบาท)
และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (๓.๐๕ ล้านบาท)
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
งบเงินอุดหนุนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
เพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๓ แผนงาน ได้แก่ (๑)
ปฏิบัติการสกัดกั้น ปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น
และเคมีภัณฑ์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง : การจัดหา อุปกรณ์
เครื่องมือและยานพาหนะในการปฏิบัติการ และการจัดตั้งด่านตรวจถาวรในพื้นที่เป้าหมายสำคัญ
(๒) การพัฒนาระบบการประสานงานร่วมกันผ่านศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย : ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย
และ (๓) การเสริมสร้างประสิทธิผลของกลไกหมู่บ้าน/ชุมชนสีขาวปลอดภัยจากยาเสพติด : การสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชน ๑.๒
ให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน
และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ งบเงินอุดหนุน
รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
และสามารถจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ
เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับจัดสรร ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น (๑) การดำเนินโครงการฯ
จำเป็นต้องมีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องและจริงจังเพื่อให้สามารถทำลายแหล่งผลิตได้ทั้งระบบและไม่เกิดแหล่งผลิตใหม่ในระยะยาว
(๒)
การดำเนินการเสริมสร้างประสิทธิผลของกลไกหมู่บ้าน/ชุมชนสีขาวปลอดภัยจากยาเสพติดที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวชายแดน
โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชา เห็นควรขยายพื้นที่ดำเนินการในเมียนมาและเวียดนาม
เพื่อให้การดำเนินงานมีความครอบคลุมมากขึ้น เกิดประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) กำกับ ติดตาม
และประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งกำหนดแนวทางในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในเชิงรุก
เพื่อให้สามารถลดปริมาณการผลิตยาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาภายในประเทศได้มากยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
188 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านคนหาย คนนิรนามและศพนิรนาม ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) | ยธ. | 05/05/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการด้านคนหาย คนนิรนามและศพนิรนาม ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕)
และเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่ได้กำหนดไว้ใน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
แปลงแผนไปสู่การปฏิบัติงานของหน่วยงาน
เพื่อขับเคลื่อนและปฏิบัติตามภารกิจการปฏิบัติงานด้านคนหาย คนนิรนามและศพนิรนาม
ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ โดยให้รายงานผลการปฏิบัติตาม
(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ ปีละ ๑ ครั้ง
(ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ของทุกปี) และมอบหมายให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
กระทรวงยุติธรรม รับผิดชอบกำหนดแนวทาง วิธีการรายงานผล
และกำหนดแบบรายงานผลการดำเนินงาน
พร้อมแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและถือปฏิบัติ ซึ่ง (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ
จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านคนหาย
คนนิรนามและศพนิรนาม โดยมีการกำหนดแผนปฏิบัติราชการ และโครงการต่าง ๆ
เพื่อขับเคลื่อน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
และเกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ได้กำหนดไว้ ได้แก่ (๑) พัฒนามาตรฐานและระบบงานที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
: โครงการพัฒนามาตรการจัดเก็บข้อมูลการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลด้านคนหาย
คนนิรนามและศพนิรนาม (๒)
เสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคีเครือข่ายความร่วมมือในการปฏิบัติงาน : โครงการบูรณาการความร่วมมือในการตรวจพิสูจน์คนหาย
คนนิรนามและศพนิรนาม (๓) พัฒนาและเชื่อมโยงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ :
โครงการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีด้านการจัดการข้อมูลคนหาย คนนิรนามและศพนิรนาม และ
(๔) พัฒนากฎหมายให้รองรับกับการเปลี่ยนแปลง : โครงการพัฒนากฎหมายด้านคนหาย
คนนิรนามและศพนิรนาม โดยมีกรอบวงเงินในการดำเนินการรวมทั้งสิ้น ๒๖๗.๘๙ ล้านบาท
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรม สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และข้อเสนอแนะของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เช่น
ควรมีหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในกรณีการติดตามคนหาย
โดยเฉพาะในกรณีเด็กและเยาวชนสูญหายโดยตรง
และควรมีแผนการดำเนินงานบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
และควรเปิดช่องทางให้ความรู้ ขั้นตอนการแจ้งเหตุ การติดต่อสื่อสาร
และการติดตามความคืบหน้าให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโดยง่าย สะดวก รวดเร็ว เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อน
(ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้กระทรวงยุติธรรม
สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานตามความจำเป็นและเหมาะสม
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
189 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 27/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน)
และสถาบันอนุญาโตตุลาการ เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีในสังกัดกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ดำเนินการบังคับคดีทางปกครองแทนได้
อันจะทำให้การบังคับทางปกครองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รวมพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้กับร่างกฎกระทรวงฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกันซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
190 | ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ยธ. | 27/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่างบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามนัยมาตรา ๔๒ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๒,๒๕๖,๑๔๐,๙๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารที่ค้างเบิกข้ามปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓ โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำหรับการเบิกค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้กระทรวงยุติธรรมถือปฏิบัติตามหนังสือกระทรวงการคลัง
ด่วนที่สุด ที่ กค ๐๔๐๙.๓/ว ๑๔ ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๔๘ เรื่อง
การเบิกค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปีในระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์
(GFMIS) ตามความเห็นของกระทรวงการคลังต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม
(กรมราชทัณฑ์) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน สำนักงานศาลยุติธรรม
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑
(เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง
ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๐) ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง
รวมทั้งให้ติดตามและประเมินผลการดำเนินการเพื่อนำข้อมูลประกอบการพิจารณาก่อนขอรับการจัดสรรงบประมาณในปีต่อ
ๆ ไป ให้เหมาะสมด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
191 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กองทุนยุติธรรม | ยธ. | 20/04/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ กองทุนยุติธรรม ประกอบด้วย ข้อมูลสถิติด้านการเงิน
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามภารกิจของกองทุนยุติธรรม
และรายงานการเงินของกองทุนยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
192 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ยธ. | 23/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ
ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน ๔ คณะ ได้แก่
คณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบกรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
คณะอนุกรรมการเยียวยากรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ
คณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำทรมานและบังคับให้หายสาบสูญ
และคณะอนุกรรมการคัดกรองกรณีถูกกระทำทรมานและบังคับให้หายสาบสูญ
โดยแต่ละคณะอนุกรรมการต่าง ๆ มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น (๑) การติดตามและตรวจสอบ
รวมทั้งส่งข้อมูลบุคคลตามบัญชีของคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการหายสาบสูญโดยถูกบังคับหรือไม่สมัครใจให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อนำส่งคณะทำงานดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
จำนวน ๖๗ ราย (๒) การลงพื้นที่เพื่อเข้าพบญาติของผู้ถูกบังคับให้หายสาบสูญ
โดยจะดำเนินการให้ครบถ้วนทุกคน และ (๓)
การพิจารณาเยียวยาให้กับผู้ถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
193 | ร่างความตกลงระหว่างสำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลประเทศไทย (ตำรวจสากลกรุงเทพ) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าด้วยการเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารขององค์การตำรวจสากลโดยตรง | ยธ. | 23/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างสำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลประเทศไทย
(ตำรวจสากลกรุงเทพ) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ว่าด้วยการเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารขององค์การตำรวจสากลโดยตรง และให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ
โดยร่างความตกลงฯ
มีสาระสำคัญเป็นการอนุญาตและกำหนดเงื่อนไขการอนุญาตให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารขององค์การตำรวจสากล
จำนวน ๙ ฐานข้อมูลได้โดยตรง เช่น เอกสารการเดินทางที่ถูกขโมยหรือสูญหาย
เอกสารราชการที่ถูกขโมยภาพการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กระหว่างประเทศ เป็นต้น เพื่อความมุ่งประสงค์ในภารกิจงานตำรวจและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเป็นการเฉพาะ
รวมทั้งกำหนดหน้าที่ที่ทั้งสองฝ่ายต้องปฏิบัติเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม
(กรมสอบสวนคดีพิเศษ) รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรคำนึงถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยของระบบฐานข้อมูล
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
194 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2561 และ พ.ศ. 2562 | ยธ. | 23/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และ พ.ศ. ๒๕๖๒ ของสำนักงาน ป.ป.ส.
ประกอบด้วย เหตุผลความเป็นมาของการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงาน ที่มา อำนาจหน้าที่
และการใช้อำนาจของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปฏิบัติงาน การกำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๑ และ พ.ศ. ๒๕๖๒ การกระทำความผิดของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑
และ พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๒.
เห็นชอบให้นำข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
ได้แก่ (๑) สำนักงาน ป.ป.ส.
ควรมีการทบทวนโครงสร้างองค์กรและระบบงานภาครัฐให้มีความยืดหยุ่น คล่องตัว
และเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ (๒) สำนักงาน ป.ป.ส.
ควรอาศัยศักยภาพและโอกาสจากพัฒนาการด้านเทคโนโลยีเร่งให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารงานและการบริการภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
ผลักดันองค์กรให้เข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิทัล และ (๓) สำนักงาน
ป.ป.ส.
ควรมีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. ตลอดจนการทำงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ให้กับประชาชนได้รับทราบโดยทั่วไป
และนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป
๓.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวจะมีเนื้อหาครบถ้วน
สมบูรณ์ ยิ่งขึ้น หากในรายงานมีข้อมูลครอบคลุมถึงผลการดำเนินการกับเจ้าพนักงาน
ป.ป.ส. ที่กระทำความผิดด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
195 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหาย พิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนาม พ.ศ. .... | ยธ. | 23/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหาย พิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนาม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการสนับสนุนการปฏิบัติงานติดตามคนหายและพิสูจน์ศพนิรนาม พ.ศ. ๒๕๕๘
โดยปรับปรุงให้ครอบคลุมการปฏิบัติงานด้านคนนิรนาม
เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
อันจะเป็นการขยายโอกาสในการติดตามคนหายได้มากยิ่งขึ้น
รวมทั้งปรับปรุงชื่อและองค์ประกอบคณะกรรมการพัฒนาระบบการติดตามคนหายพิสูจน์คนนิรนามและศพนิรนามให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นด้วย
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่เห็นว่า
ยังมีคนนิรนามอีกประเภทหนึ่ง คือ ผู้ป่วยที่สิ้นสุดการรักษาจากโรงพยาบาล
แต่ไม่สามารถติดตามครอบครัวได้
และอยู่ในการดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ซึ่งบุคคลดังกล่าวนี้ ควรได้รับการดูแลและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
196 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2563 | ยธ. | 02/02/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ
รวม ๕ มาตรการ ประกอบด้วย (๑) มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ (๒)
มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย (๓) มาตรการป้องกันยาเสพติด (๔) มาตรการบำบัดรักษายาเสพติด
และ (๕) มาตรการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ ๒.
ผลสัมฤทธิ์การดำเนินงาน พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล
คิดเป็นร้อยละ ๙๓
และมีความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล
คิดเป็นร้อยละ ๙๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
197 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 12/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น ๕ โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๗,๕๒๐.๓๕๑๖ ล้านบาท
เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑,๕๐๔.๐๗๐๓
ล้านบาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๖,๐๑๖.๒๘๑๓ ล้านบาท
ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ
โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม จำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
198 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงยุติธรรม
โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม
ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม
ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
199 | การลงนามหนังสือความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สาธารณรัฐเกาหลี | ยธ. | 22/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามหนังสือความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด
ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓) เห็นชอบร่างหนังสือความร่วมมือด้านการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด
ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒.
สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ฝ่ายไทยและสาธารณรัฐเกาหลีไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศเพื่อร่วมลงนามหนังสือความร่วมมือฯ
ได้ สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้หารือกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สาธารณรัฐเกาหลี
ในประเด็นการลงนาม โดยการส่งเอกสารระหว่างคู่ภาคีแทนการลงนามต่อหน้ากัน
ซึ่งสาธารณรัฐเกาหลีไม่ขัดข้อง
และทั้งสองฝ่ายเห็นว่าควรให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้อง
ซี่งการลงนามเอกสารความตกลงระหว่างประเทศด้วยวิธีการดังกล่าวถือเป็นความปกติใหม่ (New
Normal) ที่ยังไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ๓. กระทรวงยุติธรรม
โดยสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ขอความเห็นจากกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับขั้นตอนการลงนามหนังสือความร่วมมือฯ
ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่าทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินการได้ตามแนวทางที่เห็นชอบร่วมกัน
และให้แก้ไขถ้อยคำบางส่วน
ซึ่งไม่ถือเป็นการปรับแก้สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
และเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง ๔. เมื่อวันที่ ๒๕
กันยายน ๒๕๖๓ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ลงนามหนังสือความร่วมมือฯ (ฝ่ายไทยลงนามก่อน)
พร้อมส่งมอบให้ผู้แทนจากสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สาธารณรัฐเกาหลี
ประจำสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย
โดยสาธารณรัฐเกาหลีได้ลงนามหนังสือความร่วมมือฯ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๓
และเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓ สาธารณรัฐเกาหลีได้ส่งมอบหนังสือความร่วมมือฯ
ที่ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามครบถ้วนสมบูรณ์แล้วให้ฝ่ายไทย จำนวน ๑ ฉบับ
เพื่อเป็นกรอบในการดำเนินงานด้านการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติดระหว่างทั้งสองหน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
200 | ขออนุมัติลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และขออนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ไทย – เมียนมา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2569 | ยธ. | 01/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
ว่าด้วยความร่วมมือโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยังยืน โดยมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(เลขาธิการ ป.ป.ส.) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
รวมทั้งอนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน
ไทย-เมียนมา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ ในกรอบวงเงิน ๓๒๐ ล้านบาท
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสานต่อและยืนยันความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการบรรลุเป้าหมายอาเซียนปลอดยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๘ และการแก้ไขปัญหาการปลูกพืชเสพติด การลักลอบผลิตและค้ายาเสพติดที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย
โดย (๑) สร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกับส่วนราชการในท้องถิ่นและชุมชน (๒)
ดำเนินกิจกรรมการพัฒนาระบบน้ำ และ (๓)
สนับสนุนองค์ความรู้ในการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินโครงการฯ
ใน ๒ พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่หนองตะยา อำเภอพินเลา จังหวัดตองยี รัฐฉานใต้
และพื้นที่ตอนเหนือของท่าขี้เหล็ก อำเภอท่าขี้เหล็ก รัฐฉานตะวันออก ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙) งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๓๒๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน
ป.ป.ส.)
รับข้อเสนอแนะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาผลกระทบของโครงการฯ โดยละเอียดและมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากการพัฒนาตามโครงการฯ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค
ไม่อาจแก้ปัญหายาเสพติดในระยะสั้นได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๓.
สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน
ไทย-เมียนมา จำนวน ๓๒๐ ล้านบาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของ สำนักงาน ป.ป.ส. แผนงานบูรณาการป้องกัน
ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามความจำเป็นและเหมาะสม
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงาน ป.ป.ส.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |