ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 5 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 81 - 100 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
81 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ฯลฯ จำนวน 8 ราย) | ยธ. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่เกษียณอายุราชการ
และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ๑. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ๓. นายเสกสรร สุขแสง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบังคับคดี ๔. นางสาวรวิวรรณ จตุรพิธพร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางจิรภา สินธุนาวา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ๗. นายเรืองศักดิ์ สุวารี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมประพฤติ ๘. นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
82 | ขออนุมัติรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 03/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงยุติธรรมนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐.
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓ โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๕,๐๐๔,๑๗๘,๒๐๐ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๑,๐๐๐,๘๓๕,๙๐๐ บาท ส่วนที่เหลือผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๔,๐๐๓,๓๔๓,๓๐๐ บาท ตามนัยมาตรา
๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ขอให้กระทรวงยุติธรรมจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการก่อสร้างเรือนจำ
จำนวน ๓ โครงการ ดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมตามความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการ สถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
ซึ่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสมและจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
83 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในรายการค่าอยู่เวรรักษาการณ์ผู้คุมผู้ต้องขัง | ยธ. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๑๔๙,๕๗๑,๘๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายการค่าอยู่เวรรักษาการณ์ผู้คุมผู้ต้องขัง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
84 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระค่าวัสดุอาหาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ยธ. | 26/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อชำระค่าวัสดุอาหาร ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๖๗๔,๔๓๙,๔๐๐ บาท
ของกรมราชทัณฑ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
85 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ และนายกูเฮง ยาวอหะซัน) | ยธ. | 18/09/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กันยายน ๒๕๖๖)
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายสมบูรณ์
ม่วงกล่ำ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ๒. นายกูเฮง
ยาวอหะซัน ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||
86 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่น และกำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชเห็ดขี้ควาย เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย พ.ศ. .... | ยธ. | 08/08/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่น
และกำหนดพื้นที่ทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจากพืชเห็ดขี้ควาย
เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่ทดลองเพราะปลูกและสกัดสารสำคัญจากฝิ่นและเห็ดขี้ควายเพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย
รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและตรวจสอบการเพาะปลูกและสาระสำคัญจากพืชดังกล่าว
โดยอาศัยอำนาจในมาตรา ๑๗๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา ๕๕ วรรคสอง
แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งบัญญัติให้ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. เห็นสมควรเพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย
การลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด และการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด จะกำหนดพื้นที่เพื่อดำเนินการศึกษาทดลองเพาะปลูกพืชที่เป็นยาเสพติด
ผลิตและทดสอบเกี่ยวกับยาเสพติดได้ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าควรเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในส่วนพื้นที่เพาะปลูกและสกัดสารสำคัญ
จากพืชเห็ดขี้ควายในมาตรา ๖ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เป็นผู้รับผิดชอบและควบคุมการดำเนินการทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญ
ต้องตรวจสอบการทดลองเพาะปลูกและสกัดสาระสำคัญ
ให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมพืชดังกล่าว ควรให้มีการรวบรวมข้อมูล สถิติ
ปริมาณการเพาะปลูก การผลิต โดยให้สอดคล้องกับแผนงานหรือโครงการวิจัยงบประมาณที่ใช้
สรุปผลการวิจัย ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่ได้รับ ความคืบหน้า ทางการวิจัย
ปริมาณที่นำไปใช้ในการศึกษา วิจัย รวมถึงส่วนที่คงเหลือหรือทำลาย
โดยให้รายงานข้อมูลไปยังเลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ปริมาณการผลิต
การนำไปใช้และประโยชน์ในภาพรวมของทุกพื้นที่ เพื่อกำหนดมาตรการ ควบคุม
การตรวจสอบรวมถึงแก้ไขเพิ่มเติมมาตรการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ
และประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และควรพิจารณาเพิ่มเติมการจัดทำบัญชีรับจ่ายพืชเสพติดและระยะเวลาในการรายงานผลการดำเนินงานต่อผู้อนุญาต
การตรวจสอบวิเคราะห์ ปริมาณสารสำคัญ โดยเฉพาะสารปนเปื้อน
การมีฉลากและเอกสารกำกับบรรจุภัณฑ์ผลผลิตที่เกิดขึ้น และการจัดให้มีระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของการควบคุมกำกับการทดลองเพาะปลูกและสกัดสารสำคัญจาดฝิ่นและเห็ดขี้ควาย
ก่อให้เกิดบรรทัดฐานเดียวกันกับการควบคุมกำกับ ดูแล การใช้ประโยชน์พืชเสพติดอื่น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
87 | แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) | ยธ. | 25/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการฯ
ระยะที่ ๒ ดังกล่าวต่อไป โดยแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
เป็นการนำพื้นฐานของหลักการ UN Guiding
Principles on Business and Human Rights (UNGPs) ของคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
ประกอบด้วยหลักการพื้นฐาน ๓ เสาหลัก ได้แก่ การคุ้มครอง การเคารพ และการเยียวยา
มีสาระสำคัญประกอบด้วย ๔ ด้าน ได้แก่ แผนปฏิบัติการด้านแรงงาน
แผนปฏิบัติการด้านชุมชน ที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
แผนปฏิบัติการด้านนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และแผนปฏิบัติการด้านการลงทุนระหว่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ
ที่เกิดจากกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนร่วมกันจัดทำขึ้น
เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชน
รวมถึงป้องกัน บรรเทา แก้ไข และเยียวยาปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยภาคธุรกิจ
ซึ่งเป็นการดำเนินการบนพื้นฐานของความสมัครใจ โดยไม่ได้มีพันธกรณีหรือกฎหมายระหว่างประเทศบังคับให้ต้องปฏิบัติ
โดยแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) มีหลักการพื้นฐาน ๓ เสาหลัก
และมีสาระสำคัญประกอบด้วย ๔ ด้าน เช่นเดียวกับแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ ๑ (พ.ศ.
๒๕๖๒-๒๕๖๕) แต่มีโครงการ/กิจกรรมที่เป็นตัวชี้วัดภายใต้แผนแตกต่างกัน
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อเสนอแนะ
และข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ได้แก่ (๑)
เป้าหมายและตัวชี้วัดโครงการ/กิจกรรม หากสามารถกำหนดค่าเป้าหมายทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
และแนวทางในการติดตามความกาวหน้าแบบทุกช่วงเวลา
จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนงานตามแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
ได้ (๒) การประเมินผลการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
หากสามารถประเมินผลเป็นรายปี จะช่วยให้สามารถกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
ส่งผลต่อการขับเคลื่อนโครงการอย่างเป็นรูปธรรม (๓)
การกำหนดตัวชี้วัดควรมีการพิจารณาเพิ่มตัวชี้วัดด้านชุมชน ที่ดิน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
และด้านการลงทุนระหว่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ และ (๔) แผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ ๒
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ไม่ถือว่าเป็นแผนระดับที่ ๓
ที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ/พิจารณาก่อนการประกาศใช้
เนื่องจากไม่มีกฎหมายกำหนด และมิใช่พันธกรณีหรืออนุสัญญาระหว่างประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
88 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ยธ. | 18/07/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ในอัตราไม่เกิน ๑๓,๑๑๖ อัตรา โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไม่เกินร้อยละ
๒.๕ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๖๘,๒๐๘ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๙๒๐๕ อัตรา ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ไม่เกินร้อยละ ๑.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๖๐,๗๑๙ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๙๑๑ อัตรา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนปรับลดการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประเภทเกื้อกูลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งให้พิจารณาคัดเลือกและจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการพิจารณาบำเหน็จความชอบดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรงก่อนเป็นลำดับแรก |
||||||||||||||||||||||||||||||
89 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ และแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม | ยธ. | 06/06/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ร่วมให้การเห็นชอบร่างแถลงการณ์ฯ และรับรองแผนงานดังกล่าว โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์การเสริมสร้างความร่วมมือด้านงานยุติธรรมและกฎหมายระดับนโยบายของรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียนและญี่ปุ่น
โดยระบุเกี่ยวกับการรักษาและส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาค
รวมทั้งการระงับข้อพิพาทอย่างสันติ และแผนงานฯ มีสาระสำคัญเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ระดับนโยบายที่จะส่งเสริมการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยกำหนดเป้าหมายและกิจกรรมที่เสนอให้มีการดำเนินการ เช่น
ระบุประเด็นด้านกฎหมายและงานยุติธรรมที่จะนำมาหารือร่วมกันระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นในระยะสั้นและระยะกลาง
โดยจัดการหารือร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านกฎหมายและญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด
ที่เห็นว่าควรเพิ่มประเด็นการส่งผู้ร้ายข้ามแดนในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ และแผนงานฯ เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ และแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมาย
และงานยุติธรรม ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
90 | ขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 เรื่อง แนวทางการเตรียมบุคลากรก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม (การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา) | ยธ. | 30/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๐
เรื่อง
แนวทางการเตรียมบุคลากรก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม
(การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา) มีสาระสำคัญเพื่อเป็นแนวทางการเตรียมบุคลากรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและการพัฒนาบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม
ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่
๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติและกระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นว่าการกำหนดให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมดำเนินการสนับสนุน
และส่งเสริมกิจกรรมหรือโครงการเสริมสร้างจิตสำนึก รักความยุติธรรมนั้น
กระทรวงยุติธรรมสามารถพิจารณากำหนด Joint KPIs ร่วมกัน เพื่อให้เกิดการบูรณาการการทำงานให้มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
91 | การเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ตามมาตรา 14 (4) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 (1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์รณกรณ์ บุญมี ฯลฯ จำนวน 6 คน) | ยธ. | 23/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
ตามมาตรา ๑๔ (๔) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕)
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.รณกรณ์ บุญมี
ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ผู้มีความรู้
ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านสิทธิมนุษยชน ๒. นายสมชาย หอมลออ
ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านสิทธิมนุษยชน ๓. ศาสตราจารย์ณรงค์ ใจหาญ
ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านกฎหมาย ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์วรวีร์ ไวยวุฒิ
ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
ผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เป็นที่ประจักษ์ในด้านนิติวิทยาศาสตร์ ๕. พลตำรวจโท นายแพทย์พรชัย สุธีรคุณ
ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
แพทย์ทางนิติเวชศาสตร์ ๖. แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย
แพทย์ทางจิตเวชศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||
92 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กองทุนยุติธรรม | ยธ. | 25/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ กองทุนยุติธรรม โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
ความสำเร็จของการดำเนินงานตามมาตรฐานระยะเวลางานบริการของกองทุนฯ
มีประชาชนเข้ารับบริการของกองทุนฯ จำนวน ๔,๔๖๓ ราย ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๔,๒๐๗
ราย (๒) ความสำเร็จของการอนุมัติวงเงินช่วยเหลือประชาชน กองทุนฯ
ให้ความช่วยเหลือประชาชน จำนวน ๒,๕๔๘ ราย เป็นเงินจำนวน ๒๙๓.๔๑ ล้านบาท (๓)
ผลการดำเนินงานที่สำคัญตามภารกิจของกองทุนฯ เช่น
การช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดี จำนวน ๓ กรณี การขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลย
จำนวน ๒ กรณี และการช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน จำนวน ๑ กรณี (๔)
การประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๖๕ มีคะแนนเฉลี่ยรวม ๔.๘๓
คะแนน (คะแนนเต็ม ๕ คะแนน) และ (๕) รายการเงินของกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
93 | รายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ยธ. | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.)
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
ภาพรวมสถานการณ์กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ เช่น
ข้อมูลสถิติจำนวนคดีที่รับแจ้งความและการจับกุมผู้ต้องหา (๒) ผลการดำเนินงานของ
กพยช. และคณะอนุกรรมการภายใต้ กพยช. จำนวน ๖ คณะ เช่น การจัดทำร่างพระราชบัญญัติประวัติอาชญากรรม
พ.ศ. .... (๓) ผลการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของ กพยช. ตามพระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๙ (มาตรา ๑๐) เช่น จัดทำร่างแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่
๔ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙) และจัดทำร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศกระบวนการยุติธรรม
ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙) (๔)
การขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕)
เช่น รายงานผลการดำเนินการโครงการสำคัญภายใต้แผนแม่บทฯ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
มีการดำเนินโครงการทั้งสิ้น ๑๖๔ โคงการ และใช้งบประมาณทั้งสิ้น ๔,๘๑๘.๔๖ ล้านบาท และ (๕)
ผลการดำเนินงานของฝ่ายเลขานุการเพื่อสนับสนุนภารกิจของ กพยช. เช่น
พัฒนาข้อมูลและสถิติที่สำคัญต่อการพัฒนากระบวนการยุติธรรม
และประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการบริหารงานยุติธรรม
โดยนำเสนอผ่านรูปภาพและภาษาที่เข้าใจได้ง่ายในรูปแบบอินโฟกราฟิก โมชั่นกราฟิก วิดีโอ
และบทความ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
94 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ยธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๑๖
ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบเงินอุดหนุน
ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.)
และให้เลขาธิการ ป.ป.ส. มีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ
งบเงินอุดหนุน
รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
และสามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ
เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับจัดสรร
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณ
รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้าง เห็นควรดำเนินการขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการประเมินผลประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินโครงการที่ผ่านมา
เพื่อนำมาปรับปรุงการกำหนดกิจกรรมของโครงการในปีต่อ ๆ ไป
เพื่อให้การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
95 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ยธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค จำนวน ๑๔๘,๖๓๕,๗๐๐ บาท
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๔๘,๖๓๕,๖๐๐
บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
96 | (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2566 - 2569) | ยธ. | 07/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง)
แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙) จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในการบริหารงานเพื่อการอำนวยความยุติธรรมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
โดยยึดหลักนิติธรรม
โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
ซึ่งมีกรอบการบริหารงานใน ๓ มิติหลัก ได้แก่ (๑) การสร้างความเป็นธรรมตามกฎหมาย (๒)
การพัฒนากระบวนการยุติธรรมตามมาตรฐานสากล และ (๓)
การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการบริหารงานยุติธรรม ๑.๒
ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบทิศทางและแนวทางดำเนินงาน
รวมทั้งใช้เป็นกรอบแนวทางจัดทำและเสนอคำของบประมาณของหน่วยงานตามห้วงระยะเวลาการบังคับใช้ของแผน ๑.๓
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณสนับสนุนโครงการ/กิจกรรมที่สอดคล้องและสนับสนุนมิติการบริหารงานและเป้าหมายของร่างแผนแม่บทฯ
และใช้เป็นแนวทางการจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามห้วงระยะเวลาการบังคับใช้ของแผน ๑.๔ ให้กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานกิจการยุติธรรม)
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการประสาน
สนับสนุน และติดตามประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ ไปสู่การปฏิบัติ
และรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด
รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เช่น การกำหนดตัวชี้วัดควรสะท้อนถึงการแก้ปัญหาที่ยังเป็นประเด็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรม
และการกำหนดค่าเป้าหมายที่มีความชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
97 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2564 | ยธ. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
98 | แนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ (พื้นที่เพิ่มเติม) | ยธ. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อสร้างงาน
สร้างอาชีพให้แก่ผู้พ้นโทษและผู้ต้องขังที่ได้รับการอนุมัติให้พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ
โดยมีสาระสำคัญ เช่น รูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ หลักเกณฑ์และองค์ประกอบของนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์
และมาตรการและสิทธิประโยชน์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการประสานความร่วมมือกันตามหน้าที่และอำนาจ
เพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามนัยความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เช่น เช่น
ควรมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนนโยบายและควรมีการรวบรวมและรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่นำร่อง
ตลอดจนปัญหาอุปสรรคที่ทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือเกิดความล่าช้า
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
99 | การถอนคำแถลงตีความของอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Convention against Torture and other Cruel, Inhuman or degrading Treatment or Punishment : CAT) | ยธ. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
100 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ และพันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล) | ยธ. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ๒. พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
|