ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 19 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 361 - 380 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
361 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนเมษายน 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๖ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๐ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมด จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
362 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (จำนวน 6 คน 1. ศาสตราจารย์ สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล ฯลฯ) | ยธ | 05/06/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย รวม ๖ คน (แทนผู้ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ศาสตราจารย์สุรศักดิ์ ลิขสิทธิ์วัฒนกุล ประธานกรรมการ ๑.๒ นายรอยล จิตรดอน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ นายภัคพล งามลักษณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๖ นายสุรงค์ บูลกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตามนัยของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย ทั้งนี้ การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิครั้งต่อไปให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาทบทวนระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การสรรหาประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกรณีการเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ไม่ได้ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการบริหารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมยังไม่ได้มีการแก้ไขระเบียบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ผลการดำเนินการตามมาตรา ๕/๘ แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงาน ก.พ.ร. ในขณะที่องค์การมหาชนอื่น ๆ เช่น ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) ได้มีการแก้ไขระเบียบและนำเสนอคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวแล้ว ดังนั้น สำนักงาน ก.พ.ร. จึงควรกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจนเพื่อให้การสรรหาและแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการองค์การมหาชนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
363 | รายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. 2559 | ยธ | 28/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงาน ป.ป.ส. ประกอบด้วย ผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ ปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะในด้านกำลังพล การสับเปลี่ยนหมุนเวียน การใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. รวมทั้งด้านเครื่องมืออุปกรณ์ในการทำงาน โดยเป็นการรายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. เห็นชอบให้นำความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ควรประสานกับหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเป็นเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และวางระบบการจัดการบุคลากรในการปฏิบัติหน้าที่ให้เพียงพอและมีความต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการใช้อำนาจตามกฎหมายและเทคนิคการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับยาเสพติด ควรบูรณาการการปฏิบัติงานและร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิผล ตลอดจนควรมีแผนปฏิบัติการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวที่ชัดเจนและมีตัวชี้วัดผลงานที่เป็นรูปธรรมด้วย เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และให้นำรายงานผลการปฏิบัติงานฯ พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้สำนักงาน ป.ป.ส. รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
364 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงยุติธรรม) (นายนิยม เติมศรีสุข) | ยธ | 28/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิยม เติมศรีสุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
365 | รายงานการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ครั้งที่ 23 (23rd International Congress of the UIHJ) | ยธ | 28/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประชุมคองเกรสนานาชาติของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๒๓ (23rd International Congress of the UIHJ) ที่กระทรวงยุติธรรมและกรมบังคับคดีได้ร่วมจัดการประชุมขึ้นในหัวข้อเรื่อง “หลักประกันความยุติธรรมที่มั่นคงและยั่งยืน : เจ้าพนักงานบังคับคดี องค์ประกอบสำคัญของหลักธรรมาภิบาล (Guaranteeing a Secure and Sustainable Justice : the Judicial Officer, an Essential Element of Good Governance)” เมื่อวันที่ ๑-๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เป็นประธานการประชุม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้กรมบังคับคดีเป็นสมาชิกถาวร (Full Member) ของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ ซึ่งการเป็นสมาชิกแบบสมาชิกถาวรดังกล่าวจะมีส่วนให้กรมบังคับคดีมีสิทธิเต็มรูปแบบในการแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็นและประสบการณ์ และลงคะแนนเสียงในประเด็นต่าง ๆ ในการบริหารจัดการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาวิชาชีพของเจ้าพนักงานบังคับคดีและมาตรฐานการบังคับคดีแพ่งให้มีประสิทธิภาพและรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี และสามารถนำเสนอพัฒนาการการบังคับคดีของไทยที่มีความทันสมัยและมีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก อันจะเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๒. ที่ประชุมพิจารณาเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ซึ่งจะมีวาระ ๓ ปี (๒๐๑๘-๒๐๒๑) โดยสมาชิกแบบถาวรของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศได้ลงคะแนนเลือกนายมาร์ค สมิช เจ้าพนักงานบังคับคดีประเทศเบลเยียม เป็นประธานกรรมการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ และเลือกนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศเป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในการเสนอความคิดเห็นและเข้าร่วมบริหารงานของสภาเจ้าพนักงานบังคับคดีระหว่างประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
366 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมีนาคม 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๙ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
367 | โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี 2561 (สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) | ยธ | 22/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๑ เพื่อสนับสนุนงบประมาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา วงเงิน ๕,๒๘๐,๐๐๐ บาท สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว วงเงิน ๗,๑๐๕,๒๘๐ บาท ราชอาณาจักรกัมพูชา วงเงิน ๓,๕๑๖,๘๐๐ บาท และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม วงเงิน ๔,๐๙๗,๙๒๐ บาท ๑.๒ ให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีอำนาจอนุมัติโครงการ แผนงาน และกิจกรรมภายใต้กรอบงบประมาณ งบเงินอุดหนุน รายการโครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ปี ๒๕๖๑ และสามารถจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศเพื่อนบ้านแต่ละประเทศ เพื่อให้มีการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ตามที่ได้รับจัดสรร ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ เพื่อประกอบการพิจารณาในอนาคต สำหรับขั้นตอนการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณ รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้าง ให้ดำเนินการตามขั้นตอน กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ความมั่นคง และความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อประโยชน์สูงสุดของราชการเป็นสำคัญ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
368 | ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดและร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | ยธ | 15/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ของกระทรวงยุติธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว เป็นการปรับปรุงบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และควบคุมยาเสพติด รวมทั้งการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ซึ่งกระจายอยู่ในกฎหมายหลายฉบับ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่มีความสอดคล้องกัน โดยได้รวบรวมและปรับปรุงบทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าวมาจัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... และร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ บางประการ เพื่อให้สอดคล้องกับร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดในประเด็นเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของกรรมการ ป.ป.ส. เลขาธิการ ป.ป.ส. รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติดที่ถูกยึดไว้ตามกฎหมาย และการอุทธรณ์และฎีกาของจำเลยในคดียาเสพติด และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรอง ซึ่งต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
369 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 61 ตอนที่ 2 เรื่อง การดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในมิติต่างๆ ในบริบทของสหประชาชาติ | ยธ | 15/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (The Commission on Narcotics Drugs : CND) สมัยที่ ๖๑ ตอนที่ ๒ เรื่อง การดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในมิติต่าง ๆ ในบริบทของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นการรายงานต่อเนื่องจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๔ เมษายน ๒๕๖๑) รับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ ๖๑ โดยการประชุมจัดขึ้นโดยสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย เป็นการสรุปการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในมิติต่าง ๆ ในบริบทของสหประชาชาติ ๓ มิติ ได้แก่ มิติด้านการปราบปรามยาเสพติด มิติด้านการลดอุปสงค์ยาเสพติด และมิติด้านการพัฒนา ซี่งสะท้อนจากการกล่าวถ้อยแถลงของประเทศต่าง ๆ ในเวทีการประชุม CND การผลักดันร่างข้อมติ การหารือทวิภาคี และการจัดกิจกรรมคู่ขนานหรือนิทรรศการเพื่อถ่ายทอดข้อมูล ประสบการณ์ให้เห็นในเชิงประจักษ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
370 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักเลขาธิการแผนโคลัมโบว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงานสาขาของแผนโคลัมโบ ณ ประเทศไทย | ยธ | 15/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักเลขาธิการแผนโคลัมโบว่าด้วยการจัดตั้งสำนักงานสาขาของแผนโคลัมโบ ณ ประเทศไทย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการจัดสรรพื้นที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ให้ที่ตั้งของสำนักงานสาขาของแผนโคลัมโบ ณ ประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพ เสริมสร้างขีดความสามารถ และช่วยเหลือทางวิชาการสำหรับประเทศสมาชิกของสำนักเลขาธิการแผนโคลัมโบ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานที่จัดสรรพื้นที่ในการจัดตั้งสำนักงานสาขาของแผนโคลัมโบ ณ ประเทศไทย เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทรายภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
371 | สรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และสาธารณรัฐออสเตรีย | ยธ | 01/05/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและสาธารณรัฐออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเดินทางไปราชการ ณ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้ศึกษาดูงานที่ศูนย์ฝึกทักษะด้านวิชาชีพ Meister Education Development ณ เมืองอาเคน โดยศูนย์ฝึกทักษะฯ มีการเรียนและการฝึกทักษะ ๒ รูปแบบ คือ การฝึกวิชาชีพช่างตามที่ตลาดแจ้งความต้องการมา และการฝึกครูช่างแบบเยอรมัน (German Meister) ซึ่งในปัจจุบันศูนย์ฝึกทักษะฯ มีความร่วมมือทางการศึกษากับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ภายใต้โครงการอบรมครู Thai-German Meister และการเยี่ยมชมการทำงานของศูนย์ฝึกอบรมอาชีพให้กับผู้กระทำผิดในรัฐอาเคน พร้อมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการฝึกอบรมอาชีพให้กับผู้ต้องขังด้วย ๒. การเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐออสเตรีย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ วิทยาศาสตร์ และการวิจัย เกี่ยวกับการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กับมหาวิทยาลัยในสหภาพยุโรป (ASEAN-UNNET) โดยฝ่ายออสเตรียประสงค์ที่จะจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษากับไทย เพื่อเป็นกรอบในการส่งเสริมความร่วมมือและการประสานงานระหว่างกัน และได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการดิจิทัลและเศรษฐกิจ เกี่ยวกับการขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าให้ครอบคลุมเพิ่มมากขึ้นผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านการค้า การจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการค้าและดิจิทัล และการจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านการศึกษาในลักษณะ Dual Education Program เป็นต้น ซึ่งฝ่ายไทยจะนำเรื่องการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการค้าและดิจิทัล รวมทั้งแนวทางการจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านการศึกษาดังกล่าวมาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ได้ศึกษาดูงาน Smart City ณ เขต Aspern กรุงเวียนนา พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลในหลายประเด็นเพื่อนำมาเป็นแนวทางการพัฒนาเมือง Smart City ต้นแบบของไทย เช่น การพัฒนาเมืองให้เป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจแห่งใหม่และเป็นต้นแบบในการวางผังเมืองเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต การส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัว การขยายเส้นทางรถไฟใต้ดินและการวางระบบรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
372 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 61 | ยธ | 24/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotics Drugs : CND) สมัยที่ ๖๑ ซึ่งเป็นการประชุมที่สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ มีนาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย โดยมีสาระสำคัญ เช่น (๑) รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทย เพื่อรายงานความก้าวหน้าและแสดงบทบาทของประเทศไทยในการปฏิบัติตามแผนและเอกสารสำคัญต่าง ๆ ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) (๒) การพิจารณาควบคุมสาร โดยที่ประชุม CND ร่วมกับองค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) และคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (International Narcotics Control Board : INCB) ได้พิจารณาการควบคุมสารระหว่างประเทศ จำนวน ๑๒ ชนิด (๓) การร่วมพิจารณาร่างข้อมติ ซึ่งเป็นเอกสารที่ประเทศสมาชิกประสงค์จะผลักดันความร่วมมือเป็นพิเศษ โดยในการประชุม CND สมัยที่ ๖๑ มีการเสนอร่างข้อมติ จำนวน ๑๐ ฉบับ (๔) การจัดกิจกรรมคู่ขนาน รัฐบาลไทยได้จัดกิจกรรมคู่ขนาน จำนวน ๑ เรื่อง หัวข้อ “Development Oriented Drug Policies : The Future of Alternative Development” และ (๕) การประชุมหารือทวิภาคีกับผู้แทนประเทศต่าง ๆ เป็นต้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
373 | แผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วน ปี 2561 | ยธ | 24/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอแผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเร่งด่วน ปี ๒๕๖๑ ตามคำสั่งศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๑ เพื่อเร่งรัดการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคม-กันยายน ๒๕๖๑ เน้นแก้ไขปัญหาในจุดสำคัญเร่งด่วน ๓ ส่วน คือ ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ประกอบด้วยแผนย่อย ๔ แผนหลัก ดังนี้
๑. แผนความร่วมมือระหว่างประเทศเชิงรุก แก้ไขปัญหาต้นทาง คือ แหล่งผลิตและการผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน จนถึงการนำเข้ายาเสพติดที่สร้างปัญหาให้กับประเทศ โดยมีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นเจ้าภาพ ๒. แผนสกัดกั้น ปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติด แก้ไขปัญหากลางทาง คือ การลักลอบลำเลียงและการค้าทุกระดับในประเทศ รวมถึงการแพร่ระบาดยาเสพติดในพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเจ้าภาพ ๓. แผนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน แก้ไขปัญหาปลายทาง คือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ผู้เสพ กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนเพื่อลดการแพร่ระบาดยาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน โดยมีกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพ ๔. แผนการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นปัญหาเฉพาะ นอกจากแผนสำหรับแก้ไขปัญหา ๓ ส่วนข้างต้น โดยมีมาตรการพิเศษเพื่อยับยั้งมิให้ปัญหาขยายตัว ได้แก่ การแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้ การแก้ไขปัญหาเครือข่ายการค้าคนผิวสี และแผนการแก้ไขปัญหาเฉพาะที่มีแนวโน้มกระจายตัวมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
374 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับและเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ. .... | ยธ | 03/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับและเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินสินบนและเงินรางวัลคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๓๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการจ่ายค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับและเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ให้มีความสอดคล้องและเหมาะสมกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
375 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 03/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๘ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำทั้ง ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมาย จำนวน ๘๑ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๘ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
376 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ (จำนวน 5 คน 1. รองศาสตราจารย์กุลภัทรา สิโรดม ฯลฯ) | ยธ | 03/04/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันอนุญาโตตุลาการ จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ เมษายน ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์กุลภัทรา สิโรดม ๒. นายประสัณห์ เชื้อพานิช ๓. นางภัทรียา เบญจพลชัย ๔. นายวัลลภ นาคบัว ๕. นางวิลาวรรณ มังคละธนะกุล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
377 | รายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูง 6 ประเทศ ตามโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย | ยธ | 27/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูง ๖ ประเทศ (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประเทศไทย ราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) ตามโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพและจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ มกราคม ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เป็นประธานมอบนโยบายการประชุมฯ โดยเน้นย้ำให้ทั้ง ๖ ประเทศยกระดับความร่วมมือในการสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์เพื่อยุติการผลิตยาเสพติด โดยใช้นโยบายด้านการปราบปรามควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามศาสตร์พระราชา และแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องระยะยาว ภายใต้การจัดทำแผนแม่บทร่วมกันของ ๖ ประเทศ ซึ่งทุกประเทศเห็นพ้องกันตามข้อเสนอของประเทศไทย โดยแนวทางและนโยบายยกระดับความร่วมมือ ๖ ประเทศ ได้แก่ (๑) การสร้างเป้าหมายร่วมที่จะดำเนินการต่อพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ (๒) การยกระดับความร่วมมือในการดำเนินการในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ (๓) ให้ความสำคัญของการสกัดกั้นสารตั้งต้นเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด (๔) การผนึกกำลังร่วมกันของทั้ง ๖ ประเทศในการกำหนดเครือข่ายการผลิตและค้ายาเสพติดที่สำคัญในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ (๕) กำหนดยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และ (๖) ร่วมกันจัดทำแผนแม่บทความร่วมมือของ ๖ ประเทศ ที่เป็นแผนต่อเนื่องระยะยาว จนนำไปสู่การลงนามให้การรับรองอย่างเป็นทางการของทั้ง ๖ ประเทศต่อไป ๒. การประชุมหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูง ๖ ประเทศ ภายใต้แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ๖ ประเทศ ระยะเวลา ๓ ปี (๒๕๕๙-๒๕๖๑) ประเทศสมาชิก ๖ ประเทศ ได้ร่วมหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว โดยเห็นพ้องที่จะยังคงใช้ยุทธศาสตร์การผนึกกำลังร่วมกันในการ “ปิดล้อมสามเหลี่ยมทองคำ” ได้แก่ (๑) การกำหนดเป้าหมายปฏิบัติการร่วมกัน (๒) การจัดทำแผนปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ ปี ๒๕๖๑ และ (๓) การจัดทำแผนแม่บทระยะยาวร่วมกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
378 | รายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2557-2561) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | ยธ | 27/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ด้านต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาอาชีพและการตลาด เช่น ดำเนินการเพิ่มทักษะอาชีพจากองค์ความรู้ของโครงการหลวงแก่เกษตรกร จำนวน ๑๒,๖๑๑ ราย และพัฒนาเป็นกลุ่ม SMART FARMER จำนวน ๒๒ ราย ดำเนินการส่งเสริมอาชีพทางเลือกแก่เกษตรกรและผู้ผ่านการบำบัดฝิ่นที่ไม่กลับไปเสพซ้ำ จำนวน ๒,๘๙๙ ครัวเรือน และดำเนินการส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร ๕๖ กลุ่ม และพัฒนาเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ๑๗ กลุ่ม เป็นต้น งบประมาณทั้งสิ้น ๗๓,๐๒๔,๓๔๕ บาท ๒. ยุทธศาสตร์ด้านการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและการพัฒนาสังคม ดำเนินการส่งเสริมการจัดทำแผนชุมชน ครอบคลุม ๘๘ หย่อมบ้าน โดยเน้นให้ชุมชนมีการขับเคลื่อนกิจกรรมตามแผนชุมชนอย่างต่อเนื่อง งบประมาณทั้งสิ้น ๙,๓๖๑,๕๐๘ บาท ๓. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนากระบวนการชุมชนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ดำเนินการบำบัดรักษาผู้ติดฝิ่นรายใหม่ จำนวน ๑๐๙ ราย และติดตามผลการบำบัดรักษาผู้ติดฝิ่นรายเดิม จำนวน ๑,๖๘๖ ราย งบประมาณทั้งสิ้น ๗,๕๙๓,๐๐๐ บาท ๔. ยุทธศาสตร์ด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินการจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าและแผนการใช้ที่ดินรายแปลงของเกษตรกร ครอบคลุม ๑๑๙ หย่อมบ้าน พร้อมทั้งส่งเสริมการอนุรักษ์พื้นที่แหล่งต้นน้ำรวมพื้นที่ ๑,๑๐๐ ไร่ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๒,๙๒๙,๗๑๐ บาท ๕. ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการและกำกับดูแลแผนแม่บท ดำเนินการขับเคลื่อนกลไกการปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยจัดทำคณะกรรมการโครงการขยายผลโครงการหลวงเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ปลูกฝิ่นอย่างยั่งยืน จำนวน ๓ คณะอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ คณะอนุกรรมการโครงการ คณะกรรมการอำนวยการโครงการระดับจังหวัด และคณะกรรมการอำนวยการโครงการระดับอำเภอ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๐,๙๔๒,๗๒๕ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
379 | ขอขยายเวลาและขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมรายการก่อหนี้ผูกพันค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ 2 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | ยธ | 27/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ ๒ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ๑ แห่ง จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) จำนวน ๔๒๙,๔๙๒,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๔๘๗,๘๓๕,๕๐๐ บาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างที่ได้ดำเนินการและเบิกจ่ายไปแล้ว จำนวน ๑๐๖,๐๗๒,๕๐๐ บาท (ปัดเศษ) และค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือจากการยกเลิกสัญญา จำนวน ๓๘๑,๗๖๓,๐๐๐ บาท และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขอตั้งงบประมาณค่าก่อสร้างในส่วนที่เหลือ จำนวน ๓๘๑,๗๖๓,๐๐๐ บาท โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑๕๖,๙๑๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒๔,๘๔๕,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมทั้งเห็นควรให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเสนอขออนุมัติต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๖๔ ด้วย ๒. เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้างส่วนที่เหลืออีกครั้งหนึ่งก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้ถือปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน และเนื่องจากการเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างสถาบันการสอบสวนคดีพิเศษ ระยะที่ ๒ เป็นกรณีมาจากการยกเลิกสัญญาเดิม ดังนั้น เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการและไม่ทำให้ราชการเสียประโยชน์ เห็นควรที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะพิจารณาและเร่งรัดดำเนินการฟ้องร้องเรียกเงินล่วงหน้าคงเหลือ รวมถึงค่าเสียหายอื่นจากผู้รับจ้างรายเดิมตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
380 | ขอผูกพันงบประมาณโครงการจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์พร้อมระบบที่เกี่ยวข้องสำหรับการติดตามตัวผู้กระทำผิดในงานคุมประพฤติ (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562-พ.ศ. 2563) | ยธ | 20/03/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมคุมประพฤติเช่าอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน ๔,๐๐๐ เครื่อง ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๓ วงเงินทั้งสิ้น ๑๕๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๒๘ เดือน ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีเฉพาะราย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณโครงการพัฒนาระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดในชุมชน ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๒๑,๖๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑๒๙,๖๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมคุมประพฤติ) รับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เห็นควรดำเนินการตามมติคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐในขั้นตอนการจัดหาให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามความจำเป็น เหมาะสม ประหยัด และเพื่อประโยชน์ของราชการ รวมถึงเปิดกว้างไม่ระบุเจาะจงเทคนิคหรือเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง เพื่อให้มีการแข่งขันกันได้อย่างเป็นระบบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....