ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 17 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 321 - 340 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
321 | ร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. .... | ยธ | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยคู่ชีวิต เพื่อรองรับสิทธิและหน้าที่ในการเป็นคู่ชีวิต ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
322 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
323 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 | ยธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงมหาดไทยและกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวม ๑๖ ฉบับ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันและเป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น ร่างข้อ ๑๑๙ ที่กำหนดให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในท้องที่เป็นผู้ทำการติดตามดูแลความประพฤติ และให้คำแนะนำช่วยเหลือในการประกอบอาชีพและประพฤติปฏิบัติตนของผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัว น่าจะไม่สอดคล้องกับมาตรา ๕๓ แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งกำหนดให้การดำเนินการกรณีนักโทษไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานเรือนจำ หรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ ซึ่งเจ้าพนักงานเรือนจำร้องขอ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วไปดำเนินการเป็นลำดับแรก สำหรับในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งวัตถุประสงค์เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
324 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชน | ยธ | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตและหลักสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้จัดประชุมหารือร่วมกับผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานภายในกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๑ โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์และการดำเนินการเกี่ยวกับการลงโทษและการบังคับโทษประหารชีวิตในประเทศไทย และข้อเสนอแนะของกระทรวงยุติธรรมที่ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ รวมทั้งได้พิจารณาข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายโทษประหารชีวิต ของ กสม. เปรียบเทียบกับข้อเสนอจากรายงานสถานการณ์ ของกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้ กสม. ทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
325 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรม แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ยธ | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกิจการยุติธรรมและกฎหมายระหว่างกระทรวงยุติธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Memorandum of Understanding on Justice and Legal Affairs Cooperation between The Ministry of Justice of the Lao People’s Democratic Republic and The Ministry of Justice of the Kingdom of Thailand) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางกิจการยุติธรรมผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดทำกฎหมาย การแลกเปลี่ยนการเยือน ความร่วมมือทางวิชาการ และการเสริมสร้างองค์ความรู้ ทั้งนี้ หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงยุติธรรมหารือกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามฝ่ายไทยในบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-ลาว ครั้งที่ ๓ ที่จะจัดขึ้น ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรปรับข้อความในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยเปลี่ยนคำว่า “shall” เป็น “will” ในทุกที่ที่ปรากฏ และตัดคำว่า “IN WITNESS WHEREOF, the undersigned, being duly authorized by representative government…” ในวรรคที่ต่อจากข้อ ๘ ไปดำเนินการปรับแก้ไขให้ถูกต้องตรงกันก่อนการลงนามต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
326 | สรุปผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านกฎหมาย (ASEAN Senior Law Officials Meeting:ASLOM) ครั้งที่ 18 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมาย (ASEAN Law Ministers Meeting:ALAWMM) ครั้งที่ 10 ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | ยธ | 13/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
327 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนตุลาคม 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีหน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลผ่านเว็บไซต์ const.oja.go.th ทั้งหมด ๔๖ หน่วยงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๕ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๔ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
328 | การเชื่อมโยงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์ | ยธ | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้หน่วยงานที่อยู่ในเครือข่ายศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม (Data Exchange Center) ของกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๘ หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานอัยการสูงสุด สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติ สำนักงานกิจการยุติธรรม กรมบังคับคดี และสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครองในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลภาพใบหน้าบุคคลจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครอง รวมทั้งระบบการตรวจสอบหรือการป้องกันการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้นอกเหนือภารกิจหรือการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลให้ชัดเจนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
329 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (ฉบับที่ 4 - 7) | ยธ | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (ฉบับที่ ๔-๗) ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการรายงานการดำเนินการของประเทศไทยตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติเกี่ยวกับมาตรการทางกฎหมายและนโยบายเพื่อปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ เช่น ความเสมอภาคด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (การเข้าถึงความเป็นพลเมือง) กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่า กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง และความเสี่ยงต่อการสูญหายของภาษากลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่ม เป็นต้น ทั้งนี้ จากการดำเนินการจัดทำรายงานฯ พบว่า ประเทศไทยมีมาตรการทางกฎหมาย กฎ ระเบียบ นโยบาย และแนวทางปฏิบัติที่สอดรับกับหลักการของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ ซึ่งการนำเสนอรายงานฯ ต่อคณะกรรมการสหประชาชาติฯ จะเป็นโอกาสดีที่จะได้ทบทวนการดำเนินงานและสถานการณ์ของประเทศไทยเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการเน้นย้ำเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในฐานะรัฐภาคีที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาฯ โดยเฉพาะการเคารพสิทธิมนุษยชนแก่บุคคลทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิทธิมนุษยชนให้กับประเทศไทยในฐานะรัฐสมาชิกขององค์การสหประชาชาติและผู้นำอาเซียนในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเสนอรายงานฯ ต่อคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น แก้ไขข้อความในรายงานฯ ฉบับภาษาไทย ในหัวข้อกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในป่า ข้อ ๒๘-๓๐ เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศให้ถูกต้อง เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของประเทศไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
330 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2562 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 04/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ของกระทรวงยุติธรรม โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดการดำเนินการ/กิจกรรม ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
331 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าควบคุมการก่อสร้างอาคารสำนักงานสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย | ยธ | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงานสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทยและสิ่งก่อสร้างประกอบ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ๑ แห่ง จากวงเงินเดิมจำนวน ๘,๗๔๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินจำนวน ๑๘,๑๔๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะราย ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรแล้ว จำนวน ๕,๖๘๖,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๑๒,๔๕๓,๗๐๐ บาท ให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และเนื่องจากค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารดังกล่าวมีระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีตามที่กรอบได้อนุมัติไว้ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) จะต้องเสนอขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๒) ๒. เมื่อสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ได้ผลการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว ให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาอีกครั้งหนึ่งก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขอให้สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
332 | รายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 6 | ยธ | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๖ (The 6th ASEAN Ministerial Meeting on Drug Matters : AMMD) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ และได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมฯ โดยได้เน้นย้ำเรื่องปัญหายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำซึ่งมีผลกระทบต่อประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ และได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มความร่วมมือในการดำเนินการตามแผนความร่วมมืออาเซียนเพื่อต่อสู้กับปัญหาการลักลอบผลิตและการค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นแผนระยะ ๓ ปี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำโดยเฉพาะการสกัดกั้นสารตั้งต้นมิให้ถูกลักลอบเข้าไปในพื้นที่ผลิตยาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำ ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้เห็นชอบกับเอกสารสำคัญ เช่น (๑) เอกสารสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ซึ่งอยู่ในรูปถ้อยแถลงของประธานที่ประชุม (Chairman’s Statement) (๒) เอกสารแนวทางข้อกำหนดในการเข้าร่วมประชุมในกรอบของรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติดและการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านยาเสพติดของประเทศภาคีนอกอาเซียน และ (๓) เอกสารถ้อยแถลงร่วมของอาเซียนที่ประกาศต่อต้านการทำให้ยาเสพติดเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย หากมิได้นำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่จะนำเสนอในการประชุมระหว่างสมัยประชุม ครั้งที่ ๕ ของการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ ๖ ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย โดยมอบหมายให้ผู้แทนสิงคโปร์เป็นผู้กล่าวในนามประเทศสมาชิกอาเซียน เป็นต้น และภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมฯ หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้หารือทวิภาคีกับ พลโทอาวุโส เล กวี๊ เวือง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนาม และคณะผู้แทนเวียดนามเกี่ยวกับความร่วมมือในการสกัดกั้นการขนส่งยาเสพติดในพื้นที่ของกลุ่มอาเซียน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านการสกัดกั้นในพื้นที่ที่เป็นเส้นทางที่มีสถานการณ์การลักลอบยาเสพติดอย่างรุนแรงของเวียดนาม ซึ่งฝ่ายไทยยินดีให้การสนับสนุนในหลักการ และได้ขอให้ฝ่ายเวียดนามพิจารณารับเป็นเจ้าภาพศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัย ซึ่งฝ่ายเวียดนามรับที่จะไปนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
333 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (สำหรับชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560) | ยธ | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๑๐๓,๙๗๙,๕๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างจ่ายตามที่ได้จ่ายจริง รวมทั้งให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระของส่วนราชการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ โดยถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเมินผลการดำเนินการตามแนวทางต่าง ๆ ในการลดจำนวนผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ และนำแนวทางที่พบว่ามีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพไปขยายผลในการปฏิบัติให้มากยิ่งขึ้นต่อไป รวมทั้งให้พิจารณากำหนดมาตรการการลงโทษในรูปแบบอื่นนอกจากโทษจำคุก หรือปรับปรุงมาตรการเดิมเพื่อให้สามารถลดจำนวนผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ได้มากยิ่งขึ้นและมีความยั่งยืน ทั้งนี้ ในการประเมินผลและการพิจารณากำหนดหรือปรับมาตรการการลงโทษดังกล่าวควรมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) ร่วมกับกระทรวงพลังงาน ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินการผลิตพลังงานทดแทนเพิ่มเติมจากแนวทางเดิมที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยอาจนำข้อมูลที่กระทรวงพลังงานได้มีการสำรวจไว้แล้วมาศึกษาขยายผล เช่น การติดตั้งแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) บนหลังคาเรือนจำหรือทัณฑสถาน การใช้พลังงานชีวมวล เป็นต้น เพื่อช่วยลดภาระงบประมาณสำหรับค่าสาธารณูปโภคของกรมราชทัณฑ์ในปีต่อ ๆ ไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
334 | งบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 | ยธ | 20/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเรียบร้อยแล้ว โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
335 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกันยายน 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 13/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยมีหน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลผ่านเว็บไซต์ฯ จำนวน ๔๖ หน่วยงาน สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๙ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
336 | ร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. .... | ยธ | 24/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. .... ของกระทรวงยุติธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายกลางว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท โดยการนำกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่งซึ่งมีทุนทรัพย์ไม่มากนัก และข้อพิพาททางอาญาบางประเภทมากำหนดเป็นกฎหมายกลาง เพื่อให้หน่วยงานของรัฐหรือศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนใช้ในการยุติหรือระงับข้อพิพาท และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๓. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับประเด็นการปรับปรุงทะเบียนประวัติอาชญากรไปพิจารณาดำเนินการ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญาและคู่กรณีได้ทำข้อตกลงระงับข้อพิพาททางอาญาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
337 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (จำนวน 3 ราย 1. นางกิ่งกาญจน์ บุญประสิทธิ์ ฯลฯ) | ยธ | 24/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางกิ่งกาญจน์ บุญประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. พันตำรวจเอก ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
338 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ | ยธ | 10/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ซึ่งการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวส่วนใหญ่สามารถดำเนินการจนบรรลุผล เช่น ทบทวนและปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อตั้งสถานบริการ (Zoning) ครบถ้วนแล้ว ๗๗ จังหวัด และจัดทำโครงการจัดทำระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อพัฒนาระบบการเฝ้าระวังการจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่โซนนิ่งบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา และการกระทำผิดกฎหมายตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เป็นต้น สำหรับปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ได้แก่ ปัญหาอุปสรรคในการส่งต่อข้อมูลจากตำรวจมายังกรมกิจการเด็กและเยาวชน (บ้านพักเด็กและครอบครัว) ในกรณีที่มีการจับกุมเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือมีพฤติการณ์ที่น่าจะนำไปสู่การแข่งรถในทาง และกรณีเด็กประพฤติตนไม่สมควรเข้าไปใช้บริการในสถานบริการหรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการ ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรค ได้แก่ (๑) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจหน้าที่หรือที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ เข้ามาช่วยในการติดตามเยี่ยมบ้านเด็กและเยาวชน และ (๒) ให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จัดทำฐานข้อมูลกลางของเด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติกรรมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือมีพฤติการณ์ที่น่าจะนำไปสู่การแข่งรถในทาง หรือประพฤติตนไม่สมควร หรือเป็นแกนนำในการก่อเหตุทะเลาะวิวาท ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการดำเนินการเข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละประเภทพื้นที่เชิงบวกควบคู่กับการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งควรกำหนดแนวทางและระยะเวลาในการส่งต่อข้อมูลให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลเด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่สุ่มเสี่ยง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่เพื่อส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์ของสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น การปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนมีจิตใจโอบอ้อมอารี ให้ความช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน การจัดตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในสายทาง/บริเวณที่เป็นจุดล่อแหลมหรือจุดเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรมขึ้น การตรวจค้นบุคคลหรือยานพาหนะที่มีความเสี่ยงในการกระทำผิดกฎหมายอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำผิดและสร้างความเชื่อมั่นในด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
339 | รายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิของเจ้าหนี้และลูกหนี้ และมาตรการเยียวยา "การพัฒนาอย่างยั่งยืน : กลไกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอกชน และสิทธิหลักประกัน" | ยธ | 10/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิของเจ้าหนี้และลูกหนี้ และมาตรการเยียวยา “การพัฒนาอย่างยั่งยืน : กลไกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอกชน และสิทธิหลักประกัน” (International Conference on Creditors’/Debtors’ Rights and Remedies, Sustainable Development : Introducing Private Trustees in Bankruptcy and Developing Security Interests Regime) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรภาคีของประเทศไทยและระหว่างประเทศ ผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ผู้แทนจากสถานทูตของประเทศที่เข้าร่วมประชุม ผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยวัตถุประสงค์ของการประชุมฯ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและแนวปฏิบัติที่ดีเลิศในการบังคับคดีล้มละลาย โดยเฉพาะในประเด็นกลไกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอกชน เพื่อนำมาศึกษา วิเคราะห์ถึงรูปแบบและความเหมาะสมในการดำเนินการถ่ายโอนภารกิจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สู่ภาคเอกชนของประเทศไทย อีกทั้งนำความรู้มาใช้ในการพัฒนาระบบการบังคับคดี และเกี่ยวกับสิทธิหลักประกัน เพื่อนำมาศึกษาวิเคราะห์ถึงรูปแบบและความเหมาะสมในการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายและระบบสิทธิหลักประกัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจที่ประเมินโดยธนาคารโลก (Ease of Doing Business) ตามตัวชี้วัดที่ ๕ ด้านการเข้าถึงสินเชื่อ และตัวชี้วัดที่ ๑๐ ด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลาย ของประเทศไทย รวมทั้งการพัฒนากฎหมายและระบบการดำเนินงานเกี่ยวกับการบังคับคดีล้มละลายและสิทธิหลักประกัน อันเป็นการส่งเสริมการประกอบธุรกิจอย่างครบวงจรธุรกิจ โดยเฉพาะการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
340 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานและการนำเสนอวีดิทัศน์สรุปผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในรอบ 4 ปี ของรัฐบาล (ปีงบประมาณ 2558- 2561) | ยธ | 02/10/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในรอบ ๔ ปี ของรัฐบาล (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) ประกอบด้วย (๑) ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศเชิงรุก ได้ดำเนินการผ่านกลไกความร่วมมือภายใต้โครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย (Safe Mekong) ใน ๖ ประเทศ (จีน ลาว เมียนมา ไทย กัมพูชา และเวียดนาม) มีการจับกุมผู้กระทำผิดรายสำคัญ ๓,๓๘๒ ราย ยึดยาบ้า ๔๖๓ ล้านเม็ด ไอซ์ ๑๘ ตัน เฮโรอีน ๗ ตัน และสารตั้งต้นเคมีภัณฑ์ที่ใช้ผลิตยาเสพติด ๑,๑๗๘ ตัน (๒) ด้านปราบปรามยาเสพติด มีการจับกุมผู้ต้องหาใน ๕ ข้อหาสำคัญสูงกว่าปี ๒๕๕๔-๒๕๕๗ ร้อยละ ๑๙ สามารถยึดของกลางยาบ้า ๖๔๕ ล้านเม็ด (๒,๘๗๙ คดี) ยึดของกลางยาไอซ์ ๑๗.๗ ตัน (๒๑๙ คดี) มีนายทุนผู้อยู่เบื้องหลังและผู้สนับสนุนช่วยเหลือถูกจับกุม ๖,๐๒๙ คดี ผู้ต้องหา ๑๒,๙๘๘ คน (๓) ด้านบำบัดรักษายาเสพติด ภายใต้แนวคิด “ผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” มีสัดส่วนผู้เข้ารับการบำบัดในระบบสมัครใจเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าในช่วงปี ๒๕๕๔-๒๕๕๗ ร้อยละ ๑๖.๔ และได้ช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดทั้งการศึกษา สุขภาพ การฝึกทักษะอาชีพ การจัดหางาน และทุนประกอบอาชีพ ๒๖,๑๐๔ ราย และ (๔) ด้านการป้องกันยาเสพติด เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มเด็กและเยาวชนทั้งในและนอกสถานศึกษา กลุ่มแรงงานในสถานประกอบการ และกลุ่มประชาชนทั่วไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น บูรณาการร่วมกันในการจัดทำข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับยาเสพติดให้ครอบคลุมทุกมิติ และนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายให้ตระหนักถึงพิษภัยและโทษของยาเสพติดอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง รวมทั้งให้ร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังโดยเคร่งครัด
|
.....