ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 18 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 341 - 360 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
341 | การเป็นเจ้าภาพร่วมและการรับรองเอกสาร Global Call to Action on the World Drug Problem | ยธ | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเป็นเจ้าภาพร่วมกิจกรรม Global Call to Action on the World Drug Problem และเห็นชอบร่างเอกสาร Global Call to Action on the World Drug Problem รวมทั้งมอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย (รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) ที่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๓ หรือผู้แทนเป็นผู้รับรองเอกสาร Global Call to Action on the World Drug Problem ในนามผู้แทนรัฐบาลไทย โดยมีกำหนดการประชุมระหว่างวันที่ ๑๘-๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งกิจกรรมและเอกสารดังกล่าวเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นทางการเมืองระหว่างประเทศในกลุ่มประเทศที่มีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกัน ตลอดจนต้องการให้เป็นที่ยอมรับและได้รับการสนับสนุนจากรัฐสมาชิกสหประชาชาติอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ส่งผลกระทบต่อทุกภูมิภาคทั่วโลก และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกสหประชาชาติให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวด้วย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสาร Global Call to Action on the World Drug Problem ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
342 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเงินสินบนและรางวัลนำจับ | ยธ | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี งบรายจ่ายอื่น รายการเพิ่มทุนสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จำนวน ๒,๐๐๐.๑๐ ล้านบาท จนถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนตุลาคม ๒๕๖๑ เพื่อให้กระทรวงการคลังมีแหล่งเงินเพียงพอรองรับการเพิ่มทุนให้กับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) และเพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการเพิ่มทุนให้กับ ธอท. ได้ตามแผนที่กำหนดไว้ (ภายในปี ๒๕๖๑) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาของ ธอท. จะต้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างรอบคอบ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
343 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานตาม "แผนกาฬสินธุ์โมเดล พ้นภัยยาเสพติด 2019" ห้วงระยะเวลา 5 เดือน (เดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2561) | ยธ | 25/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
344 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่น นอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกรกฎาคม 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 04/09/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ต่อคณะรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมดจำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำจำนวน ๓ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้วจำนวน ๑๓ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมดจำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำจำนวน ๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้วจำนวน ๑ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีทั้งหมดจำนวน ๓๗ ฉบับ ได้รับการรายงานผลแล้วจำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมดจำนวน ๘๐ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้วจำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำจำนวน ๔๖ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวนทั้งสิ้น ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้วทั้งจำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมดจำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้วทั้งจำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
345 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณแล้วถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ จำนวน ๒๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ให้เพียงพอจนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
346 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559-2560 | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๑ แล้ว จำนวน ๑,๗๓๐,๗๑๑,๘๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้กรมราชทัณฑ์จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา ๒๓ ที่กำหนดให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้แต่เฉพาะตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อลดภาระงบประมาณที่ต้องจัดสรรเป็นค่าวัสดุอาหารของเรือนจำ ทัณฑสถาน สถานกักขังต่าง ๆ เช่น การให้ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษฝึกอาชีพโดยการทำการเพาะปลูกพืชผักและการเลี้ยงสัตว์ชนิดต่าง ๆ เพื่อนำผลผลิตที่ได้มาใช้เป็นวัสดุอาหารเพื่อลดปริมาณหรือทดแทนการจัดซื้อวัสดุอาหารจากเอกชนหรือหน่วยงานภายนอก การลดปริมาณผู้ต้องขังให้น้อยลง โดยพิจารณาคัดแยกผู้ต้องขังเป็นประเภทต่าง ๆ เพื่อลดความแออัดของผู้ต้องขัง และให้ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษสามารถอยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ควบคุมโดยมิต้องกักขังเพื่อฝึกอาชีพให้สามารถเลี้ยงดูตนเองได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ดำเนินการตรวจติดตามอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ต้องขังมีความพร้อมกลับเข้าสู่สังคมและดำเนินชีวิตต่อไปได้โดยไม่กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
347 | รายงานสรุปผลและการนำเสนอวีดิทัศน์สรุปผลการเดินทางเยือนเครือรัฐออสเตรเลีย | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานสรุปผลการเดินทางเยือนเครือรัฐออสเตรเลียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะผู้แทนไทย ในการเข้าร่วมประชุมและหารือข้อราชการในระดับนโยบายว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ไทย-ออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ณ นครเมลเบิร์น นครบริสเบน และนครซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การหารือกับกระทรวงสาธารณสุขของเครือรัฐออสเตรเลีย ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้องค์ความรู้ทางวิชาการจากการศึกษาวิจัยในการกำหนดนโยบาย รวมถึงการศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยฝ่ายออสเตรเลียยินดีส่งเสริมความร่วมมือด้านงานวิจัยและองค์ความรู้ทางวิชาการ ด้านการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด การควบคุมการใช้ยารักษาโรคในทางที่ผิด การจัดการการใช้ประโยชน์จากพืชเสพติด การป้องกัน ตลอดจนแนวทางการรณรงค์และให้การศึกษาเพื่อป้องกันการใช้ยาเสพติด ๑.๒ การหารือกับกระทรวงมหาดไทยของเครือรัฐออสเตรเลีย ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านยาเสพติดให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะภายใต้หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลีย ด้านการปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) แผนปฏิบัติการสามเหลี่ยมทองคำ แผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย ความร่วมมือในกรอบอาเซียน และกิจกรรมของศูนย์ประสานงานยาเสพติดอาเซียนหรืออาเซียนนาร์โค (ASEAN-NARCO) โดยฝ่ายออสเตรเลียยืนยันให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากรและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การฝึกอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามยาเสพติด รวมถึงการตรวจพิสูจน์สารเสพติด ๑.๓. การศึกษาดูงานและรับฟังการบรรยายเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ และวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดของเครือรัฐออสเตรเลียในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษาดูงานการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ณ บริษัท Medifarm เมือง Surshine Coast รัฐควีนส์แลนด์ การศึกษาดูงานระบบข้อมูลและความร่วมมือการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ณ สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (National Measurement Institute-NMI) และการศึกษาดูงานการดำเนินคดียาเสพติด ณ ศาลยาเสพติดแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ นครซิดนีย์ เป็นต้น ๒. มอบหมายกระทรวงยุติธรรมพิจารณายกระดับความร่วมมือระหว่างไทย-ออสเตรเลีย โดยจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๓. มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศพิจารณานำข้อมูลตามรายงานดังกล่าวมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดประเด็นการหารือกับนายกรัฐมนตรีของเครือรัฐออสเตรเลียในโอกาสที่จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน ๒๕๖๑
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
348 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ และนายสมณ์ พรหมรส) | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. พันตำรวจโท พงษ์ธร ธัญญสิริ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสมณ์ พรหมรส ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
349 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (นายนิยม เติมศรีสุข) | ยธ | 28/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนิยม เติมศรีสุข ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
350 | รายงานสรุปผลการหารือเชิงนโยบายในการส่งเสริมความร่วมมือและการผลักดันแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย - เมียนมา | ยธ | 14/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานสรุปผลการหารือเชิงนโยบายในการส่งเสริมความร่วมมือและการผลักดันแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งมีผลการหารือที่สำคัญ ได้แก่ การดำเนินการต่อพื้นที่แหล่งผลิตยาเสพติดและสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์มิให้เข้าสู่แหล่งผลิตบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ การสนับสนุนแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา การยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงในทุกด้าน โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา และการริเริ่มให้มีการจัดประชุมในระดับรัฐมนตรีระหว่างกันด้านความมั่นคงอย่างเป็นประจำ และการประชุมว่าด้วยเรื่องการควบคุมเคมีภัณฑ์ระหว่าง ๔ ประเทศ (ไทย เมียนมา ลาว และจีน) ๑.๒ เห็นชอบแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดเป้าหมายและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะในพื้นที่เป้าหมายตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อเสนอแนะของสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่เห็นควรระบุให้ชัดเจนถึงความจำเป็นที่ไทยและเมียนมาต้องร่วมมือกันตรวจสอบต้นตอหรือสาเหตุที่แท้จริงซึ่งทำให้การแพร่ระบาดของยาเสพติดยังคงเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้การวางแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วมฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนของระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น เพื่อลดภาระงบประมาณในการแก้ไขปัญหานี้ในภาพรวม รวมทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและไว้เนื้อเชื่อใจแก่ประชาชนในความมุ่งมั่นของภาครัฐที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างถูกต้องและจริงจัง เช่น การเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และตรวจจับผู้ลักลอบขน/ค้ายาเสพติด ควรมีเครื่องมือและสุนัขดมกลิ่นที่เพียงพอ โดยอาจพิจารณานำสุนัขพันธุ์ไทยที่มีศักยภาพมาฝึกในการตรวจและดมกลิ่นยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น การจับกุม คุมขังผู้กระทำความผิด ควรจำแนกผู้กระทำความผิดออกจากผู้กระทำผิดในฐานความผิดประเภทอื่น ๆ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการถ่ายทอดหรือเชื่อมโยงกระบวนการค้ายาเสพติดระหว่างผู้กระทำความผิดด้วยกัน การบำบัดรักษาและการเตรียมความพร้อมให้กับผู้กระทำความผิดเมื่อผู้กระทำความผิดใกล้พ้นโทษ ควรมีการฝึกอาชีพที่เหมาะสมเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับให้ผู้กระทำผิดสามารถกลับคืนสู่สังคมได้โดยไม่หวนกลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีก โดยควรมีการติดตามและประเมินในเรื่องนี้ด้วย เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
351 | การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์วีดิทัศน์ "กองทุนแม่ของแผ่นดิน พัฒนาคน.. สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา 12 สิงหาคม 2561 | ยธ | 14/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์วีดิทัศน์ “กองทุนแม่ของแผ่นดิน พัฒนาคน..สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๖ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ ในงานมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๖๑ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ได้จัดทำวีดิทัศน์ดังกล่าวขึ้น และได้รับพระราชทานพระราชานุญาตแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. เร่งประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์วีดิทัศน์ “กองทุนแม่ของแผ่นดิน พัฒนาคน..สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
352 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 07/08/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๑ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
353 | รายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2560 | ยธ | 31/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ประธาน กพยช. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์กระบวนการยุติธรรมตลอด ๓ ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙) กลุ่มคดีอาญาในภาพรวมมีปริมาณคดีอาญาที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดียาเสพติดที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนกลุ่มคดีแพ่งมีคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นเพิ่มมากขึ้น ๒. ผลงานของ กพยช. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกอบด้วย การดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ การพิจารณาให้ความเห็นเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและการบริหารงานยุติธรรมแก่คณะรัฐมนตรี การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการภายใต้ กพยช. และการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนภารกิจของ กพยช.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
354 | ผลการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลีย (Taskforce Storm) | ยธ | 17/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลีย (Taskforce Storm) ซึ่งเป็นกรอบการปฏิบัติงานจากการตกลงร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police : AFP) และ ๔ หน่วยงานของประเทศไทย ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตามข้อตกลงการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมด้านปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติที่ได้มีการลงนามจัดตั้งเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงาน Taskforce Storm ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙-๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดสามารถยึดไอซ์ (ICE) ปริมาณ ๕ กิโลกรัม และสารเคมีอีฟีดรีน ไฮโดรคลอไรด์ (Ephedrine Hydrochloride) น้ำหนัก ๓.๙ ตัน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเมทแอมเฟตามีนที่สามารถนำไปผลิตไอซ์ได้ถึงประมาณ ๒.๕ ตัน หรือผลิตยาบ้าได้ถึง ๑๒๕ ล้านเม็ด ส่วนฝ่ายออสเตรเลียสามารถสกัดจับสารเสพติดเป็นปริมาณถึง ๓.๐๔๕ ตัน และจับกุมผู้ลักลอบค้าสารเสพติด จำนวน ๔ ราย (ในออสเตรเลีย ๓ ราย และในประเทศไทย ๑ ราย) ซี่งนำไปสู่การสกัดจับสารเสพติดปริมาณ ๒.๖ ตัน มูลค่าประมาณ ๑๒ ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย นอกจากนี้ ความร่วมมือภายใต้ Taskforce Storm ยังทำให้ฝ่ายออสเตรเลียสามารถติดตามจับกุมอาชญากรรายสำคัญอื่น ๆ ได้อีกจำนวน ๓๑ กรณี ในประเทศอื่น ๆ ๒. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ได้ตอบรับคำเชิญของฝ่ายออสเตรเลียเพื่อเดินทางไปร่วมประชุมหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและการดูแลผู้สูงอายุของออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เพื่อขยายความร่วมมือและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็นนโยบายยาเสพติดแห่งชาติออสเตรเลีย การบังคับใช้กฎหมายยาเสพติดและการควบคุมชายแดน รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์โดยถูกกฎหมาย การบำบัดรักษาโดยวิธีการชุมชนบำบัด (Therapeutic Community : TC) และศึกษาดูงานที่ศาลยาเสพติด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
355 | ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบังคับคดี (กระทรวงยุติธรรม) (นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล) | ยธ | 17/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมบังคับคดี ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
356 | การบริจาคเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนให้แก่โครงการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (United Nations International Drug Control-UNDCP) สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime-UNODC) และสำนักเลขาธิการอาเซียน | ยธ | 10/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปรับลดงบประมาณสนับสนุนเงินอุดหนุนให้แก่กองทุนแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติดระหว่างอาเซียนและจีน (ASEAN and China Cooperative Operations in Response to Dangerous Drugs : ACCORD) สำนักเลขาธิการอาเซียน จากเดิมจำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจำนวน ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒ บริจาคเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนโครงการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (United Nations International Drug Control : UNDCP) โดยเป็นการสนับสนุนแผนงานย่อยการสนับสนุนงานเลขานุการและความร่วมมือในลักษณะความเป็นหุ้นส่วนภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จากเดิมจำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจำนวน ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๓ อนุมัติบริจาคเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนโครงการ Global SMART Programme ซึ่งเป็นโครงการภายใต้สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) จำนวนปีละ ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการก่อหนี้ผูกพันและการใช้จ่ายเงินสำหรับการดำเนินโครงการควรต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรให้ความสำคัญกับการติดตามสถานการณ์การใช้สารที่ออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับสารอันตรายและสารกระตุ้นประสาทชนิดใหม่ ๆ ด้วย รวมทั้งควรมีการติดตามตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินการของโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้การใช้งบประมาณแผ่นดินบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
357 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่น นอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๕ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๐ ฉบับ ทั้งนี้ พระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นผลให้จำนวนกฎหมายที่มีผลใช้บังคับของเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ เพิ่มขึ้น จำนวน ๑ ฉบับ เป็น จำนวน ๑๑ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ มีจำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานผลแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘๓ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔๙ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีจำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานผลครบถ้วนแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
358 | สรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ณ สาธารณรัฐออสเตรีย | ยธ | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานสรุปผลการเดินทางไปราชการต่างประเทศเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๒๗ (27th session of the Commission on Crime Prevention and Criminal Justice : CCPCJ) และหารือข้อราชการระดับทวิภาคี ไทย-ออสเตรีย ณ กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมการประชุม CCPCJ สมัยที่ ๒๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ซึ่งมีสาระสำคัญเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของ CCPCJ ในการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์และอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ พร้อมทั้งยกตัวอย่างกลไกภายในประเทศไทยเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว เช่น การจัดทำแผนระดับชาติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) และการจัดตั้งศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ เป็นต้น รวมทั้งการเป็นประธานในงานนิทรรศการของโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในหัวข้อ “INSPIRE ‘Project’ to ‘Products’ : Lessons learned from Thailand’s Corrections-based Rehabilitation Programmes” โดยนิทรรศการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอกระบวนการแก้ไขฟื้นฟูผู้ต้องขัง ผ่านการให้ความรู้ การสร้างอาชีพ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ฝีมือผู้ต้องขัง นอกจากนี้ ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนข้อเสนอแนวคิดในการสร้าง Global Prison Brand ของสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) เพื่อรับรองคุณภาพสินค้าและเป็นการยืนยันความสามารถของผู้พ้นโทษด้วย ๒. ผลการหารือระดับทวิภาคี ไทย-ออสเตรีย ได้แก่ (๑) การหารือกับรองประธานสภาหอการค้าออสเตรีย พร้อมด้วยผู้บริหารสถาบันการฝึกอบรม WIFI โดยทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์ร่วมกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการผลิตกำลังคนเพื่อรองรับภาคการค้าและการลงทุน (๒) การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมออสเตรียในประเด็นการปฏิรูประบบงานของรัฐบาล ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ นโยบายด้านกระบวนการยุติธรรม และการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน และ (๓) การหารือกับรองนายกเทศมนตรีและรองผู้ว่าการกรุงเวียนนาในประเด็นความคืบหน้าความร่วมมือระหว่างไทย-ออสเตรียในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
359 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง (นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส) | ยธ | 03/07/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายในคณะกรรมการคดีพิเศษ ทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง เนื่องจาก นายอธิคม อินทุภูติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
360 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานสิทธิมนุษยชนที่สำคัญของประเทศไทย ภายใต้รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างปี พ.ศ. 2557-2561 | ยธ | 19/06/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานสิทธิมนุษยชนที่สำคัญของประเทศไทย ภายใต้รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยสาระสำคัญของรายงานฯ แบ่งเป็น ๒ ส่วน จากผลงานที่สำคัญของรัฐบาลซึ่งมีผลต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวม ได้แก่
๑. ส่วนที่ ๑ ความก้าวหน้าด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ กล่าวถึงรัฐธรรมนูญ นโยบายของรัฐบาล พัฒนาการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน กลไกสิทธิมนุษยชน และพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ๒. ส่วนที่ ๒ การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง การสร้างการรับรู้และหน้าที่พลเมือง
|
.....