ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 13 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 241 - 260 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
241 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ยธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในอัตราไม่เกิน ๑๑,๒๙๒ อัตรา โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง และผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๓๐,๒๔๑ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๘,๒๕๖ อัตรา ๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๐๒,๔๑๔ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๐๓๖ อัตรา ๑.๓ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้พิจารณาสรรหาอัตรากำลังพลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษฯ โดยเคร่งครัดและมีจำนวนที่เหมาะสม และควรมีการพิจารณาคัดเลือกและจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง รวมทั้งควรเร่งรัดให้มีการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๒ ที่เห็นชอบให้มีการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามผลงานและผลสัมฤทธิ์ รวมถึงการประเมินสมรรถนะของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษฯ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบและการพัฒนาหลักเกณฑ์ฯ ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
242 | การขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) เรือลาดตระเวนฉบับใหม่ ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดเมียนมา | ยธ | 03/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
243 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... | ยธ | 24/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับการขายทอดตลาดที่มีการแก้ไขในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเพื่อให้การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีมีความรวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
244 | รายงานสรุปการประชุมขับเคลื่อนการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในหมู่บ้าน/ชุมชนนำร่อง โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) | ยธ | 24/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปการประชุมขับเคลื่อนการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในหมู่บ้าน/ชุมชนนำร่อง โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ศอ.ปส.) ซึ่งที่ประชุมฯ มีข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. ควรสนับสนุนให้ผู้นำตามธรรมชาติเข้ามามีส่วนร่วมเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนงานในหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเสริมการทำงานร่วมกับกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ๒. ควรบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น กระทรวงแรงงานในการพัฒนาวิชาชีพและการตั้งเป้าหมายในชีวิตแก่ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งนโยบายการลดหย่อนภาษีให้แก่ผู้ประกอบการหรือนายจ้างที่รับผู้ผ่านการบำบัด/ผู้พ้นโทษ เข้าทำงาน ๓. ควรเน้นเรื่องการนำข้อมูลจากระดับหมู่บ้าน/ชุมชน มาบูรณาการเพื่อดำเนินการขยายผลจับกุมควบคู่กับมาตรการยึดทรัพย์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตและครอบครัวของผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งนี้ ควรพิจารณาประเด็นความปลอดภัยของผู้ให้ข้อมูลข่าวสารให้รอบคอบ ๔. ให้สำนักงาน ป.ป.ส. พิจารณาแนวทางการมอบธงสัญลักษณ์ระดับครัวเรือนให้แก่หมู่บ้าน/ชุมชน ที่เข้าร่วมโครงการ ๕. ให้ขยายการดำเนินโครงการให้ครอบคลุมทุกหมู่บ้าน/ชุมชน ของจังหวัดกำแพงเพชร ๖. ให้มีการรายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินโครงการให้นายกรัฐมนตรีรับทราบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินงานในพื้นที่อื่นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
245 | ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | ยธ | 18/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างประมวลกฎหมายและร่างพระราชบัญญัติ รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด และกำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับการบังคับใช้ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ๑.๒ ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด มีสาระสำคัญเป็นการรวบรวมบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ในปัจจุบันมีอยู่หลายฉบับและกระจายอยู่ในความรับผิดชอบของหลายหน่วยงานไว้เป็นหมวดหมู่ในรูปแบบประมวลกฎหมาย ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงบทบัญญัติของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้สอดคล้องกับร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติบางส่วนให้เหมาะสมและสอคดล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรมที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอไปพิจารณาเกี่ยวกับการนำมาตรการลงโทษอื่นมาใช้ทดแทนการลงโทษจำคุก และการกำหนดบทความผิด และบทกำหนดโทษให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป และให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างประมวลกฎหมายและร่างพระราชบัญญัติ รวม ๓ ฉบับนี้ เป็นร่างกฎหมายที่จะตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
246 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on Private International Law) | ยธ | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ไทยเข้าเป็นสมาชิกของที่ประชุมแห่งกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on Private International Law : HCCH) โดยการเข้าเป็นสมาชิกดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และหารือถึงแนวทางการพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศสมาชิกในด้านกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล และเพื่อศึกษา เรียนรู้เทคนิคในการพิจารณาและร่างอนุสัญญาในทางระหว่างประเทศ และความรู้ทางวิชาการกฎหมายระหว่างประเทศที่อยู่ในความสนใจของนานาประเทศ ซึ่งการเข้าเป็นสมาชิกฯ จะต้องใช้งบประมาณสำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๐ จำนวน ๒๒,๕๐๐ ยูโร (คิดเป็นเงินไทยประมาณ ๗๖๖,๐๐๐ บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เมื่อกระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการตามกระบวนการขอเข้าเป็นสมาชิก HCCH เรียบร้อยแล้ว จะต้องแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อจัดทำตราสารการยอมรับสำหรับนำไปยื่นต่อรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิกเสร็จสิ้นสมบูรณ์ สำหรับค่าธรรมเนียมการเข้าเป็นสมาชิกฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒๒,๕๐๐ ยูโร หรือประมาณ ๗๖๖,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณของกระทรวงยุติธรรม ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
247 | รายงานมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ขอยกเลิกการผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน 4,000 เครื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/8215 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2561 และขออนุมัติผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30,000 เครื่อง | ยธ | 11/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ กรณีกระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ขอยกเลิกการผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน ๔,๐๐๐ เครื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๕๐๕/๘๒๑๕ ลงวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ และพิจารณาอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ รายการค่าเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง วงเงินรวม ๗๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาในการดำเนินการ ๓๐ เดือน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑๖๖,๕๐๐,๐๐๐ บาท ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๕๐,๕๘๙,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย โครงการพัฒนาระบบการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดในชุมชน งบดำเนินงาน จำนวน ๕,๙๐๗,๐๐๐ บาท และจากการยกเลิกรายการก่อหนี้ผูกพันเดิม จำนวน ๔๔,๖๘๒,๐๐๐ บาท ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน และใช้จ่ายจากเงินกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมาสมทบอีก จำนวน ๑๑๕,๙๑๑,๐๐๐ บาท ส่วนวงเงินของโครงการที่เหลืออีก จำนวน ๕๕๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
248 | รายงานผลการดำเนินงานแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. 2558 - 2562 | ยธ | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ฯ รวม ๘ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (๑) การป้องกันกลุ่มผู้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (๒) การสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อป้องกันปัญหายาเสพติด (๓) การแก้ไขปัญหาผู้เสพผู้ติดยาเสพติด (๔) การสร้างและพัฒนาระบบรองรับการคืนคนดีสู่สังคม (๕) การควบคุมตัวยาและผู้ค้ายาเสพติด (๖) ความร่วมมือระหว่างประเทศ (๗) การมีส่วนร่วมภาคประชาชน และ (๘) การบริหารจัดการอย่างบูรณาการ ๒. ผลสัมฤทธิ์การดำเนินงาน จากการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนจากการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลตั้งแต่ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๒ พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจและมีความเชื่อมั่นโดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
249 | ขอยกเลิกการผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน 4,000 เครื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0505/8215 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2561 และขออนุมัติผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30,000 เครื่อง | ยธ | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ดำเนินโครงการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้เพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการลงโทษจำคุก จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง ภายในกรอบวงเงิน ๗๖๔,๗๖๔,๒๐๐ บาท โดยเริ่มปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย ค่าเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง จำนวน ๗๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายบริหารจัดการโครงการ จำนวน ๔๔,๗๖๔,๒๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติให้ยกเลิกการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายการค่าเช่าอุปกรณ์เครื่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบควบคุมการทำงาน จำนวน ๔,๐๐๐ เครื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๔๔,๖๘๒,๐๐๐ บาท เนื่องจากผู้รับจ้างนำส่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวที่มีคุณลักษณะไม่ตรงตามขอบเขตของการเช่าและติดตั้งอุปกรณ์ กรมคุมประพฤติจึงแจ้งบอกเลิกสัญญากับผู้รับจ้าง ๑.๓ สำหรับการขออนุมัติรายการค่าเช่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring : EM) พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง วงเงินรวม ๗๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมนำความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติพิจารณา ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ ก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น การเช่าใช้อุปกรณ์ EM พร้อมระบบที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๓๐,๐๐๐ เครื่อง ควรพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องของ “ระบบที่เกี่ยวข้อง” ในการสนับสนุนการใช้งานดังกล่าว เนื่องจากระบบที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนด (TOR) อาจมีความเกี่ยวโยงกับการส่งข้อมูลโดยอุปกรณ์ EM จึงควรพิจารณาหาทางป้องกันการผูกขาด “ระบบที่เกี่ยวข้องและเครื่องอุปกรณ์ EM” โดยควรกำหนดให้มีการเปิดเผยรูปแบบและวิธีการส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ EM ไปยังระบบที่เกี่ยวข้อง และควรพิจารณาในเรื่องการบริหารความต่อเนื่องของการใช้งานอุปกรณ์และลดปัญหาการผูกขาดของผู้ผลิตเพียงรายเดียว รวมถึงส่วนของโปรแกรมที่มีการเข้าหรือถอดรหัสข้อมูลที่ส่งมาจากอุปกรณ์ EM ควรมีมาตรฐานหรือข้อกำหนดที่ชัดเจนที่สามารถใช้ร่วมกันหรือปรับใช้ได้ และควรพิจารณาการคำนึงถึงการดูแลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล (Security) รวมทั้งการดูแลข้อมูลที่จัดเก็บในระบบคลาวน์ของผู้ให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
250 | รายงานการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน | ยธ | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้ารายงานการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ ๒๕/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการผู้พ้นโทษที่มีลักษณะพิเศษโดยประสานและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวังผู้พ้นโทษที่มีพฤติการณ์เป็นภัยอันตรายต่อสังคม ๗ กลุ่ม ได้แก่ (๑) ฆ่าเด็กหรือข่มขืนเด็ก (๒) ฆ่าข่มขื่น (๓) ฆาตรกรต่อเนื่อง (๔) ฆาตกรโรคจิต (๕) สังหารหมู่ (๖) ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์โดยการฆ่า และ (๗) นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ๒. กระทรวงยุติธรรมจัดทำแนวทางให้หน่วยงานที่เฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ได้แก่ (๑) ในเขตกรุงเทพมหานคร กรมคุมประพฤติเป็นผู้ประสานงานกับสถานีตำรวจนครบาลทุกสถานี บริหารจัดการกลุ่มผู้พ้นโทษที่มีลักษณะพิเศษในเขตพื้นที่และรายงานผลมายังศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน และ (๒) ในส่วนภูมิภาค มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมระดับจังหวัด เป็นหน่วยงานที่เฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ และได้มีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ ๒๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง การเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน มีหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ เช่น ส่วนราชการกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น บริหารจัดการกลุ่มผู้พ้นโทษที่มีลักษณะพิเศษในเขตพื้นที่และรายงานผลมายังศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
251 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำพื้นที่นอนเพิ่มสำหรับผู้ต้องขัง | ยธ | 04/02/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบเรื่องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำพื้นที่นอนเพิ่มสำหรับผู้ต้องขัง จำนวนเงิน ๑๗๘,๐๙๖,๕๕๕.๙๒ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมนำโครงการดังกล่าวเสนอคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติพิจารณาตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง สถานการณ์และแนวทางการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ) ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๒. ในส่วนของการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
252 | สถานการณ์และแนวทางการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ | ยธ | 28/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสถานการณ์และแนวทางการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำ มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น สถานการณ์จำนวนผู้ต้องขังในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีผู้อยู่ในเรือนจำทั่วประเทศ จำนวน ๓๗๔,๐๕๒ คน (ข้อมูล ณ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒) รวมถึงผู้ต้องราชทัณฑ์ จำนวน ๓๖๔,๔๘๘ คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องราชทัณฑ์ที่มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด/สารระเหย (๒๘๘,๖๔๘ คน) และสถานการณ์ความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศเกี่ยวกับพื้นที่เรือนจำนอนของผู้ต้องขังที่เกินความจุที่เรือนจำรองรับผู้ต้องขังได้ (เกินประมาณ ๑๑๕,๖๙๘ คน) ส่งผลให้เกิดปัญหาความแออัดในเรือนจำ เป็นต้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (สำนักงานกิจการยุติธรรม) นำสถานการณ์และแนวทางการแก้ปัญหาการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำไปพิจารณาทบทวนร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงบประมาณ เป็นต้น เพื่อกำหนดแนวทางการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อบูรณาการการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพ โดยให้นำความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น ควรให้มีการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยให้มีประสิทธิภาพ ควรให้มีการศึกษาและทบทวนการจำแนกและคัดกรองผู้ต้องขังชั้นดีที่จะให้ได้รับการลดโทษ พักโทษให้มีความรัดกุม ควรกำหนดแนวทางการลดความแออัดของผู้ต้องขังในเรือนจำในระยะยาว และควรให้จัดหาเครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring : EM) ด้วยความรอบคอบชัดเจน ทั้งคุณลักษณะ ประสิทธิภาพการใช้งาน ปริมาณที่เหมาะสมกับการใช้งาน เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้วนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติพิจารณาเพื่อให้การดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวสอดคล้องเป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
253 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. .... | ยธ | 14/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของบุคคลที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. ๒๕๕๑ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจทั่วไปของเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อให้การมอบหมายให้บุคคลอื่นปฏิบัติการแทนเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
254 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ยธ | 14/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบกรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ได้ติดตามและตรวจสอบข้อมูลกรณีบุคคลถูกบังคับให้หายสาบสูญตามบัญชีของคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการหายสาบสูญ โดยถูกบังคับหรือไม่สมัครใจ (UN Working Group on Enforced or Involuntary Disappearance : UNWGEID) จำนวน ๘๖ ราย ๒. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการเยียวยากรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ได้พิจารณากรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญที่ได้รับการส่งต่อมาจากคณะอนุกรรมการติดตามและตรวจสอบกรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ จำนวน ๒๔ ราย ซึ่งพบว่า ได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จำนวน ๒๓ ราย และยังไม่ได้รับการเยียวยา จำนวน ๑ ราย ๓. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำทรมานและบังคับให้หายสาบสูญ เช่น จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสาระสำคัญของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยี่ศักดิ์ศรี และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ รวมทั้งกลไกการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญแก่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและเกี่ยวข้องกับการจับกุมควบคุมตัว เป็นต้น ๔. การดำเนินงานของคณะอนุกรรมการคัดกรองกรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ ชุดที่ ๑-๔ ไม่มีเรื่องร้องเรียน ส่วนคณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ ๕ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีอ้างว่าถูกกระทำทรมานระหว่างตุลาคม ๒๕๖๑-กันยายน ๒๕๖๒ จำนวน ๔๔ เรื่อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน และคณะอนุกรรมการฯ ชุดที่ ๖ กรุงเทพมหานคร ได้พิจารณาเรื่องร้องทุกข์กรณีอ้างว่าถูกบังคับให้หายสาบสูญ จำนวน ๒ ราย คือ นายสยาม ธีรวุฒิ และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตามตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม ๕. กรณีนายพอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่) ปัจจุบันคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการหายสาบสูญโดยถูกบังคับหรือไม่สมัครใจได้มีมติประกาศให้เป็นกรณีที่ได้รับการคลี่คลายแล้ว และอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญามีมติอนุมัติค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย ๘๐,๐๐๐ บาท ค่าจัดการศพ ๒๐,๐๐๐ บาท และค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู ๔๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินจำนวน ๑๔๐,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวนายพอละจีฯ แล้ว เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ และปัจจุบันกรมสอบสวนคดีพิเศษแจ้งว่า มีการดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่เกี่ยวข้องในฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และส่งสำนวนสอบสวนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ โดยเรื่องอยู่ระหว่างการไต่สวน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
255 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงยุติธรรม | ยธ | 14/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๔ โครงการ วงเงินรวม ๕,๗๒๙.๕๐๑๐ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) โครงการก่อสร้างเรือนจำกลางลำปาง (๒) โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด (๓) โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดยโสธร และ (๔) โครงการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยให้กระทรวงยุติธรรมจัดลำดับความสำคัญของโครงการตามความเหมาะสมจำเป็น ตามวงเงินงบประมาณประจำปีเสนอสำนักงบประมาณพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการดำเนินการและยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้างให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และมีสถานที่/พื้นที่พร้อมจะดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปประกอบการดำเนินการด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
256 | การแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 14 | ยธ | 14/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๔ (National Preparatory Committee : NPC) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานกรรมการ และมีอำนาจหน้าที่ในการให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประเด็นและแนวโน้มที่สำคัญด้านการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรม รวมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์และท่าทีไทยในการเจรจาประเด็นต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์หลักของประเทศ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานสำหรับการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๔ (The 14th United Nations Congress on Crime Prevention and Criminal Justice : UN Crime Congress) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐-๒๗ เมษายน ๒๕๖๓ ณ นครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
257 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดค้าน การถอดถอน การสิ้นสภาพ และการเพิกถอนผู้ไกล่เกลี่ย พ.ศ. .... | ยธ | 07/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคัดค้าน การถอดถอน การสิ้นสภาพ และการเพิกถอนผู้ไกล่เกลี่ย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการคัดค้าน การถอดถอน การสิ้นสภาพ และการเพิกถอนผู้ไกล่เกลี่ย รวมทั้งวิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำขอ การพิจารณาการมีคำสั่ง และการให้ผู้ไกล่เกลี่ยคนอื่นปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ไกล่เกลี่ยผู้ซึ่งถูกคัดค้าน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
258 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ) | ยธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมรับโอน นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ซึ่ง ก.พ. ได้มีมติกำหนดให้เป็นตำแหน่งเพื่อการรับโอนนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ เป็นการเฉพาะราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
259 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2563 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 02/01/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ของกระทรวงยุติธรรม โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม รวม ๒๓ โครงการ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ได้แก่ การลดภาระค่าใช้จ่ายและช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงความยุติธรรม การให้บริการความรู้และความเข้าใจด้านกฎหมาย การบริการงานยุติธรรมช่วงเทศกาลปีใหม่ และการบริการงานยุติธรรมผ่านระบบเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
260 | ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ยธ | 17/12/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันเกินกว่างบประมาณที่ได้รับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้พิจารณาเร่งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๒๑๒,๗๒๙,๐๐๐ บาท ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....