ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 97 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 1930 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | การขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) เรือลาดตระเวนจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ | ยธ | 07/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) เรือลาดตระเวนจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ ระหว่างหน่วยงานตำรวจตระเวนชายฝั่งสิงคโปร์ (The Singapore Police Coast Guard of the Singapore Police Force : SPF) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (๒) ร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานคณะกรรมการกลางเพื่อการควบคุมยาเสพติด (Central Committee for Drug Abuse Control : CCDAC) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และ (๓) ร่างหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด (Lao Notional Commission for Drug Control and Supervision : LCDC) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเงื่อนไขในการโอนและการส่งมอบกรรมสิทธิ์ในเรือลาดตระเวนระหว่างผู้โอนและผู้รับโอน โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในฐานะผู้รับโอนเรือลาดตระเวน จำนวน ๓ ลำ จาก SPR จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมจาก SPF และจะรบผิดชอบภาษีและค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์และการจดทะเบียนทั้งหมดตามกฎเกณฑ์ของประเทศไทย ในขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในฐานะผู้โอน จะส่งมอบกรรมสิทธิ์ในเรือลาดตระเวน จำนวน ๒ ลำ ที่ได้รับจาก SPF ให้แก่ CCDAC และ LCDC ผู้รับโอน ตามลำดับ โดย CCDAC และ LCDC จะไม่เรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และจะรับผิดชอบภาษีและค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์และการจดทะเบียนทั้งหมดตามกฎหมายของประเทศดังกล่าว ๑.๒ มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยลงนามในหนังสือตราสารฯ ทั้งสามฉบับ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สามารถดำเนินการแก้ไขร่างหนังสือตราสารฯ ทั้งสามฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของราชอาณาจักรไทยได้ก่อนการลงนาม (หากมีความจำเป็น ให้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง) โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาด้วยว่า ในกรณีเช่นนี้ โดยที่เป็นความร่วมมือในกรอบอาเซียน ไทยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้รับช่วงต่อจากสิงคโปร์ โดยสิงคโปร์สามารถเป็นผู้มอบเรือลาดตระเวนให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาโดยตรงได้ เนื่องจากต่างก็เป็นมิตรที่ใกล้ชิดกันในประชาคมอาเซียน ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงาน เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็นอย่างประหยัด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี แล้วแต่กรณี ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
282 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การล้มละลายเกี่ยวกับต่างประเทศ) | ยธ | 01/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การล้มละลายเกี่ยวกับต่างประเทศ) ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
283 | งบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2561 | ยธ | 01/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเรียบร้อยแล้วโดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ การจัดทำงบการเงินของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรมเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
284 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิชัย ไชยมงคล) | ยธ | 01/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิชัย ไชยมงคล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
285 | ขออนุมัติเงินจัดสรรก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับอนุมัติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ยธ | 24/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินจัดสรรก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ได้รับอนุมัติ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ภายใต้แผนงานพื้นฐานด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ผลผลิตประชาชนได้รับการส่งเสริม คุ้มครอง มีหลักประกันด้านสิทธิเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และหลักการสิทธิมนุษยชน จำนวนทั้งสิ้น ๕,๔๖๐,๙๕๕.๐๐ บาท ประกอบด้วย (๑) ค่าใช้จ่ายในการตอบแทนพยานและคุ้มครองพยาน จำนวน ๒,๔๑๑,๗๐๕.๐๐ บาท และ (๒) ค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงานในทางราชการ รายการค่าตอบแทนการส่งเสริมสิทธิผู้ต้องหาในการสอบสวนคดีอาญา (ป.วิ.อาญา ม.๑๓๔/๑) จำนวน ๒,๒๘๖,๒๕๐.๐๐ บาท และรายการค่าป่วยการแก่ที่ปรึกษาทางกกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่ที่ปรึกษากฎหมายในชั้นสอบสวนคดีเยาวชนและครอบครัว จำนวน ๗๖๓,๐๐๐.๐๐ บาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
286 | ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา | ยธ | 17/09/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๒ แล้ว จำนวน ๑๗๖,๗๘๘,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
287 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประสาร มหาลี้ตระกูล และคณะ) | ยธ | 27/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งผู้ที่จะเกษียณอายุราชการและตำแหน่งที่จะว่างลง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายประสาร มหาลี้ตระกูล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุมประพฤติ ๓. นายเรืองศักดิ์ สุวารี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
288 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา) | ยธ | 13/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
289 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์) | ยธ | 06/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองของกระทรวงยุติธรรม จำนวน ๑ ราย คือ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
290 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | ยธ | 06/08/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ สิงหาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอุตตม สาวนายน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
291 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ยธ | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมราชทัณฑ์จ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายก่อนได้รับเงินจัดสรร และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ชำระหนี้ค่าวัสดุ อาหารผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักขัง และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๖๕๓.๗๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อลดภาระงบประมาณที่ต้องจัดสรรเป็นค่าวัสดุอาหารของเรือนจำ/ทัณฑสถาน/สถานกักขังต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้กรมราชทัณฑ์ติดตามประเมินผลการดำเนินการดังกล่าวเพื่อประกอบการพิจารณาจัดสรรงงประมาณในปีต่อ ๆ ไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
292 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี 2561 | ยธ | 25/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๑.๑ อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๖๑ ในอัตราไม่เกิน ๙,๖๕๓ คน โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรงและผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ดังนี้ ๑.๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบ ประจำปี ๒๕๖๑ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๒๖๖,๓๘๔ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๖,๖๖๐ คน ๑.๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบ ประจำปี ๒๕๖๑ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๑๙๙,๕๖๐ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๒,๙๙๓ คน ๑.๒ อนุมัติยกเว้นกรณีทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ติดต่อกันเกิน ๒ ปี ต่อเนื่องได้ ๑.๓ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรก หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ๒. ในการดำเนินการเพื่อพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณากำหนดสัดส่วนของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษในส่วนกลาง ในส่วนภูมิภาค และในพื้นที่ชายแดน ให้ชัดเจน เหมาะสม และเป็นธรรม ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (เรื่อง การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๖๐) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
293 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม 2562 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยไม่มีกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำ จำนวน ๗๗ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๓๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔๓ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
294 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายนิมิต ทัพวนานต์ และนางอรัญญา ทองน้ำตะโก) | ยธ | 18/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายนิมิต ทัพวนานต์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางอรัญญา ทองน้ำตะโก ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบังคับคดี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
295 | รายงานประจำปี 2561 คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ | ยธ | 04/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๑ คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ (๑) การประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) (๒) การจัดทำ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) (๓) การขับเคลื่อนกรอบแนวทางการป้องกันอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพ และ (๔) การขับเคลื่อนศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม (Data Exchange Center : DXC) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธาน กพยช. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
296 | การจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ | ยธ | 04/06/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพ (host country agreement) กับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) และหนังสือแลกเปลี่ยน รวมทั้งอนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยน และอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ผู้ลงนาม โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมการประชุมและบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการประชุม และการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์โดยปลอดภาษีอากรสำหรับการประชุมตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
297 | รายงานสรุปผลการประชุมเครือข่ายข้อมูลเฝ้าระวังยาเสพติดอาเซียน ครั้งที่ 7 | ยธ | 28/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมเครือข่ายข้อมูลเฝ้าระวังยาเสพติดอาเซียน (ASEAN Drug Monitoring Network : ADMN) ครั้งที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๕-๗ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันหารือ แลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพื่อนำมาจัดทำรายงานเฝ้าระวังสถานการณ์ยาเสพติดอาเซียน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ และร่วมกันพิจารณาทบทวนปรับปรุงร่างคู่มือระบบ ASEAN Drug Monitoring Report System ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ตลอดจนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนด้านวิชาการที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงนวัตกรรมในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งผลจากการประชุมฯ ทำให้เห็นถึงพัฒนาการของความร่วมมือที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในเชิงลึกมากขึ้นของประเทศสมาชิก จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารในเชิงลึกทำให้ทราบได้ว่า ทุกประเทศกำลังเผชิญกับขบวนการค้ายาเสพติดที่เป็นเครือข่ายเชื่อมโยงและซื้อขายยาเสพติดผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยใช้เงินสกุล Digital หรือ Bitcoin ในการซื้อขายยาเสพติดและใช้บริการขนส่งพัสดุเป็นช่องทางลำเลียง โดยผลจากความร่วมมือดังกล่าว คือ ทุกประเทศในประชาคมอาเซียนจะรู้เท่าทันสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยนำข้อมูลที่ได้รับจากการประชุมฯ ไปปรับใช้ในการวางแผน กำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดของประเทศตนเอง เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
298 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนเมษายน 2562 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 28/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๖ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๓๗ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔๑ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมด จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
299 | ขอความเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (จำนวน 5 คน 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์จรูญศักดิ์ นวลแจ่ม ฯลฯ) | ยธ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา จำนวน ๕ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์จรูญศักดิ์ นวลแจ่ม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ ๒. นายวิทัศน์ เตชะบุญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมสงเคราะห์ ๓. นางสาวศุภมาศ พยัฆวิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ๔. นายพิทยา จินาวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายชนะพล มหาวงษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
300 | รายงานผลการประชุมไตรภาคีระดับรัฐมนตรี เรื่องความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และประเทศไทย | ยธ | 07/05/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมไตรภาคีระดับรัฐมนตรี เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันแลปราบปรามยาเสพติดระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และไทย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้าวสารระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และไทย ให้มีความแนบแน่นและชัดเจนยิ่งขึ้น โดยให้หน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของแต่ละประเทศเป็นหน่วยงานหลักในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ข่าวกรองยาเสพติด รูปแบบการกระทำความผิดหรือแผนประทุษกรรมข่าวสารจากผลการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ๒. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดกำลังปฏิบัติการเพื่อเสริมมาตรการสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ในพื้นที่เส้นทางบก ในแม่น้ำโขง ตลอดจนพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดนของแต่ละประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงให้มีการใช้กำลังปฏิบัติการเข้าเสริมภายในขอบเขตประเทศของตนเอง เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ที่เรียกได้ว่า “เข้าขั้นวิกฤติ” ๓. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีความร่วมมือในด้านการประสานงานเพื่อลดปัญหาในพิ้นที่วิกฤติของทั้งสามประเทศ ได้แก่ (๑) จังหวัดท่าขี้เหล็ก เมียนมา (๒) แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และ (๓) จังหวัดเชียงราย โดยใช้กลไกการติดต่อสื่อสารในระดับพื้นที่ของสำนักงานประสานงานแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดน (Border Liaison Office : BLO) ของทั้งสามประเทศ ๔. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการกำหนดบุคคลและหน่วยงานภายในของแต่ละประเทศเพื่อเป็นกลไกรับผิดชอบในการประสานงานและร่วมกันพิจารณาดำเนินการต่อกลุ่มเครือข่ายการค้ายาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์รายสำคัญของแต่ละประเทศ โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเกี่ยวกับการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดระหว่าง สปป.ลาว เมียนมา และไทย รวมทั้งการฝึกซ้อมแผนปฏิบัติการและสถานการณ์จำลองโดยใช้พื้นที่วิกฤติของทั้งสามประเทศเป็นพื้นที่สมมุติในห้วงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๒ ณ ประเทศไทย ๕. ที่ประชุมเห็นชอบในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของทั้งสามประเทศในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำผ่านกรอบความร่วมมือต่าง ๆ เช่น กรอบความร่วมมือทวิภาคี กรอบแผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัย กรอบบันทึกความเข้าใจ ๗ ฝ่าย ว่าด้วยการควบคุมยาเสพติด กรอบการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด และกรอบการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด เป็นต้น ๖. ที่ประชุมเห็นชอบที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับการสืบสวน การปราบปราม และการสกัดกั้นยาเสพติด เคมีภัณฑ์ และสารตั้งต้น ในห้วงเดือนเมษายน ๒๕๖๒ ๗. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการพัฒนาความร่วมมือด้านการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด เคมีภัณฑ์ และสารตั้งต้นของทั้งสามประเทศผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน
|
.....