คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย  วรรณสถิตย์) รายงาน
ผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ โดยมีผลการดำเนินงานในด้าน
ต่าง ๆ ดังนี้  การแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ  มีผู้จดทะเบียน  1.76  ล้านราย  มูลหนี้  136  ล้านบาทเศษ
ได้ดำเนินการผ่านการเจรจาหนี้ 1.63 ล้านราย  มูลหนี้  125  ล้านบาทเศษ  การแก้ไขปัญหาหนี้ในระบบ มี
ประชาชนเข้าสู่การเจรจาหนี้  1,948,360  ราย   เจรจาสำเร็จ  185,172  ราย   ลูกหนี้และเจ้าหนี้ตกลงกัน
ได้ตามเงื่อนไขเดิม  1.75  ล้านราย เจรจาไม่สำเร็จ  4,919  ราย   ส่วนการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน  เอกสาร
สิทธิ์และที่อยู่อาศัย  แยกเป็น  การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ประกอบด้วยโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการสร้าง
ระวางแผนที่ในระบบดิจิทัล  ครอบคลุมทั่วประเทศทั้งที่ดินของเอกชนและของรัฐ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการ
ออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินประเภทต่าง ๆ และระวังแนวเขตที่ดิน  และโครงการเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินให้ครอบ
คลุมทั่วประเทศ  การจัดที่ดินทำกินเพื่อขจัดความยากจน มีผลการดำเนินงาน อาทิ การตรวจสอบกลั่นกรอง
ข้อมูลคนยากจนที่มาจดทะเบียนความต้องการด้านที่ดิน  (Demand)  สำรวจทรัพยากรที่ดินที่เป็นของรัฐทั่ว
ประเทศ  (Supply)  เพื่อให้ทราบจำนวนที่ดินของรัฐที่ถือครองอยู่เพื่อประโยชน์ในการจัดที่ทำกิน   และการ
บูรณาการ (Matching) Demand ที่เป็นความต้องการที่ดินทำกินของประชาชนและ Supply ที่เป็นทรัพยากร
ของรัฐ ให้สามารถตอบสนองต่อปัญหา เป็นต้น  และการจัดที่อยู่อาศัยคนยากจน ได้ให้สิทธิคนจนของโครง
การบ้านเอื้ออาทรไปแล้ว 30,327 ราย  และดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของคนจนใน
ชนบท  670  ครัวเรือน  สำหรับการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน ได้จัดหางานให้นักเรียน  นักศึกษา 266,241
คน ฝึกอาชีพด้านการบริการสาธารณสุข 2,950 คน  และจัดหางานให้ผู้ว่างงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ 12,048 คน

              สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ความแห้งแล้ง ของกระทรวงมหาดไทย โดย
ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2548 มีจังหวัดประสบภัย 37 จังหวัด 209 อำเภอ 27 กิ่งอำเภอ 1,062 ตำบล
4,567 หมู่บ้าน ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวน  599  หมู่บ้าน  (สัปดาห์ที่ผ่านมายอด 5,166 หมู่บ้าน)
แยกเป็น ภาคเหนือ 11 จังหวัด 46 อำเภอ  5  กิ่งอำเภอ  250  ตำบล  1,075  หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย
190,146 ครัวเรือน 778,812 คน  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด  99  อำเภอ  17  กิ่งอำเภอ  553
ตำบล 2,417 หมู่บ้านราษฎรประสบภัย  590,595 ครัวเรือน  2,225,571 คน  ภาคกลาง  5  จังหวัด  27
อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ 99 ตำบล  452 หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย  85,200  ครัวเรือน  331,523  คน  ภาค
ตะวันออก 1 จังหวัด 4 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ  20 ตำบล 105 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย  15,600  ครัวเรือน
56,210 คน และภาคใต้  5 จังหวัด  33  อำเภอ  3  กิ่งอำเภอ  140  ตำบล  518  หมู่บ้าน  ราษฎรประสบ
ภัย 140,946 ครัวเรือน  484,211 คน  ส่วนพื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง  (ภาพรวมทั้งประเทศ)
แยกเป็น นาข้าว 88,066 ไร่ พืชไร่ 158,549 ไร่ พืชสวน 130,177 ไร่  มูลค่าความเสียหาย 368,475,569
บาท สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย การแจกจ่ายน้ำของจังหวัด/อำเภอเพื่อการเกษตรในพื้นที่
นอกเขตชลประทานและน้ำอุปโภค/บริโภค โดยใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,856,073,685.23 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  แก้ไขเพิ่มเติมผู้มีอำนาจหน้าที่สั่งเพิกถอน
หรือแก้ไขโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์  จาก  "อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมาย"
เป็น  "อธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย"  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่ง
ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกรรมสิทธิ์ที่
ธรณีสงฆ์ วัดบุญญวาสวิหาร ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ โอนกรรมสิทธิที่ธรณี
สงฆ์ วัดบุญญวาสวิหาร ตำบลท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ให้แก่กรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อ
สร้างและขยายถนนตามโครงการผังเมืองรวมเมืองท่าใหม่  จังหวัดจันทบุรี  และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ  ถวาย
เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งนายวราวุธ วราภรณ์
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ  (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน  10  ชช)  ศูนย์ส่งเสริม
ประเมินประสิทธิภาพกรมที่ดิน กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2548 ซึ่งเป็นวันที่
มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุม
คณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสถานการณ์ความแห้งแล้ง ของกระทรวงมหาดไทย โดยข้อมูล
ณ  วันที่  3  มิถุนายน  2548  มีจังหวัดประสบภัย 48 จังหวัด 253 อำเภอ 31 กิ่งอำเภอ  1,249 ตำบล 5,166
หมู่บ้าน ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 4,558 หมู่บ้าน  (สัปดาห์ที่ผ่านมายอด  9,724  หมู่บ้าน)  แยกเป็น  ภาค
เหนือ 14 จังหวัด 58 อำเภอ 6 กิ่งอำเภอ 292 ตำบล 1,190 หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย  215,282  ครัวเรือน
865,488  คน  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  16  จังหวัด  111  อำเภอ 17 กิ่งอำเภอ 622 ตำบล 2,581 หมู่บ้าน
ราษฎรประสบภัย 707,351 ครัวเรือน 2,825,895 คน  ภาคกลาง  6  จังหวัด  29  อำเภอ  1  กิ่งอำเภอ 105
ตำบล  499  หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย  95,224 ครัวเรือน 368,565 คน ภาคตะวันออก 1 จังหวัด 4 อำเภอ
1 กิ่งอำเภอ 20 ตำบล 105 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 15,600 ครัวเรือน 56,210 คน และภาคใต้ 11 จังหวัด
51  อำเภอ  6  กิ่งอำเภอ  210  ตำบล 791 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย 189,148 ครัวเรือน 656,798 คน ใน
ส่วนของพื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง  (ภาพรวมทั้งประเทศ)  แยกเป็น นาข้าว  106,637  ไร่  พืชไร่
166,727 ไร่  พืชสวน 480,111 ไร่  มูลค่าความเสียหาย  380,876,730  บาท  สำหรับการให้ความช่วยเหลือ
ประกอบด้วย  การแจกจ่ายน้ำของจังหวัด/อำเภอ  เพื่อการเกษตรในพื้นที่นอกเขตชลประทาน  และน้ำอุปโภค/
บริโภค โดยใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,850,461,320.97 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติ
ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตเทศบาลตำบลบางแห่งในจังหวัดกาฬสินธุ์  จังหวัดตรัง  จังหวัดนครศรี
ธรรมราช จังหวัดปัตตานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดลพบุรี จังหวัดสกลนคร และจังหวัด
อุดรธานี พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522  บังคับในเขตเทศบาล
ตำบลบางแห่งในจังหวัดกาฬสินธุ์  จังหวัดตรัง   จังหวัดนครศรีธรรมราช   จังหวัดปัตตานี   จังหวัดพระนครศรี
อยุธยา จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดลพบุรี จังหวัดสกลนคร และจังหวัดอุดรธานี และร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระ
ราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522  บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าไร่  อำเภอเมืองนครศรีธรรม
ราช  จังหวัดนครศรีธรรมราช  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร  พ.ศ. 2522
บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าไร่  อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช  จังหวัดนครศรีธรรมราช  ที่สำนัก
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว  และให้นำขึ้นทูลเกล้า  ฯ  ถวาย  เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎ
หมายต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือ
ประเภทของอาคาร หลักเกณฑ์ วิธีการ  และเงื่อนไขในการตรวจสอบงานออกแบบ  และคำนวณส่วนต่าง ๆ
ของโครงสร้างอาคาร  ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร  พ.ศ. ....  โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดชนิด
หรือประเภทของอาคารที่ต้องจัดให้มีการตรวจสอบงานออกแบบ   และคำนวณส่วนต่าง  ๆ  ของโครงสร้าง
อาคาร  ตลอดจนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจสอบงานออกแบบและคำนวณส่วนต่าง ๆ ของ
โครงสร้างอาคาร และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหน้าที่
และความรับผิดชอบของผู้ออกแบบ  ผู้ควบคุมงาน  ผู้ดำเนินการ  ผู้ครอบครองอาคารและเจ้าของอาคาร
ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบ
ของผู้ออกแบบ ผู้ควบคุมงาน  ผู้ดำเนินการ  ผู้ครอบครองอาคารและเจ้าของอาคาร  และให้ส่งสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยาย
ระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ  ขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎ
กระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ต่อไปอีกหนึ่งปี  และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วดำเนินการต่อไปได้   โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้มีการ
ประกาศใช้บังคับร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ต่อเนื่องกับกฎกระทรวงฉบับเดิม

           สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน (ศตจ.มท.) 
และศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด  กระทรวงมหาดไทย  (ศตส.มท.)  เกี่ยวกับผลการประชุมสัมมนา
เพื่อติดตาม เร่งรัด และเน้นย้ำการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน  ยาเสพติดผู้มีอิทธิพล  และความมั่น
คงในระดับพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2548  ณ จังหวัดภูเก็ต  โดยวัตถุประสงค์ของการ
สัมมนาในครั้งนี้ เพื่อรับฟังผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะจากจังหวัดต่าง ๆ  ได้แก่  ผลการ
ดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจน (ปัญหาหนี้สิน บ้านและที่อยู่อาศัย  ที่ดินทำกิน) การดำเนินงานต่อสู้
เพื่อเอาชนะยาเสพติด  การปราบปรามผู้มีอิทธิพลและการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงในระดับพื้น
ที่  ในการนี้ที่ประชุมได้มอบนโยบายและแนวทางการดำเนินการ โดย  (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์)  รอง
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อาทิ  เรื่องหนี้สิน  ควรมีการสร้างงาน  สร้างอาชีพเสริม
ให้แก่ลูกหนี้ควบคู่กันไปกับการสร้างวินัยทางการเงิน  การสร้างวัฒนธรรมการออมการรวมกลุ่ม   การจัดสวัสดิ
การ และลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น  ส่วนเรื่องการปราบปรามยาเสพติด ควรเน้นการปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติด
ตามแนวชายแดนโดยบูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย  และดำเนินการค้นหาผู้เสพผู้ติดรายใหม่ เพื่อเข้าไปค้นหาถึงต้น
ตอแหล่งแพร่ระบาดยาเสพติดและนำผู้เสพ ผู้ติด ออกมาบำบัดรักษาทั้งรายเก่าและรายใหม่ และเรื่องการปราบ
ปรามผู้มีอิทธิพล ให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่เลิกพฤติการณ์เป็นผู้มีอิทธิพล  เลิกสนับสนุน  ส่งเสริม
อำนวยความสะดวกหรือไม่เรียกรับผลประโยชน์จากผู้มีอิทธิพลโดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต้องควบคุม กำกับ
ดูแลอย่างใกล้ชิด เป็นต้น

             สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการจัดงาน OTOP Grand Sale ของกรมการพัฒนาชุมชน
กระทรวงมหาดไทย  โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2548  ณ  ศูนย์แสดงและจำหน่าย
สินค้าอิมแพ็ค  เมืองทองธานี   มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการสินค้า  OTOP  ในพื้นที่ประสบ
ภัยแล้ง  63  จังหวัด และช่วยเหลือผู้บริโภคให้สามารถซื้อสินค้าในราคาลดพิเศษ  โดยการจำหน่ายสินค้า OTOP
กลุ่มผู้ประกอบการประมาณ  2,000 กลุ่ม มียอดการจำหน่ายภายในงาน 450 ล้านบาท และมีการเจรจาธุรกิจ
ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การสั่งซื้อในภายหลังอีกประมาณ 50 ล้านบาท  สินค้าที่จำหน่ายได้ดี  ได้แก่  เครื่องใช้  และ
เครื่องประดับตกแต่ง ผ้า สิ่งทอและเครื่องแต่งกาย อาหาร และศิลปะประดิษฐ์ มีผู้เข้าชมงานประมาณ 650,000
คน และจากการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าชมงานและผู้จำหน่ายพบว่าผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่มีความพึงพอใจ
ส่วนผู้จำหน่ายเห็นว่าการจัดงานในครั้งนี้จะสามารถเพิ่มรายได้อันเป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากภัยแล้งที่
ผ่านมาได้มาก สำหรับงบประมาณในการจัดงานได้ดำเนินการโดยประหยัดภายในกรอบวงเงิน 40 ล้านบาท

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง
กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาล สายเลียบทางรถไฟสายใต้  เป็นกรณีที่มีความ
จำเป็นโดยเร่งด่วน   โดยมีสาระสำคัญคือ  กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสาย
เลียบทางรถไฟสายใต้  เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน  และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและ
ร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้งข้าราชการกรุงเทพ
มหานครสามัญ รวม 6 ราย  ได้แก่  นายสมภพ  ระงับทุกข์  ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ 10 สำนักปลัด
กรุงเทพมหานคร  นายนิคม  ไวยรัชพานิช  ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 10  ผู้อำนวยการสำนักสำนักการคลัง 
นางนินนาท ชลิตานนท์ ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 10 ผู้อำนวยการสำนัก สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล 
นายธีระชัย เธียรสรรชัย ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 10  ผู้อำนวยการสำนัก  สำนักสิ่งแวดล้อม  นายพูลพันธ์ 
ไกรเสริม  ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 10  ผู้อำนวยการสำนัก  สำนักพัฒนาสังคม  และนายทวีศักดิ์ เ ดชเดโช 
ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 10 ผู้อำนวยการสำนัก สำนักวัฒนธรรมกีฬาและการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการ
ประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้รับ
เงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคม ปี พ.ศ. 2547 เป็นเงินจำนวน 482,568,207 บาท โดยให้
ตั้งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2549   และให้สำนักงบประมาณรับไปดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้ กปภ. เร่งจัดทำแผนแม่บทในการบริหารจัดการ และการลงทุนในอนาคต  (ระยะประมาณ 3 ปี)  ให้
แล้วเสร็จโดยเร็ว  เพื่อที่จะรายงานต่อรองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์)  และคณะที่จะไปตรวจ
เยี่ยม กปภ.  ในเดือนมิถุนายน 2548  โดยให้มีข้อมูลรายละเอียดที่ชัดเจนว่า  กปภ.  จะมีแนวการดำเนินการ
อย่างไรบ้างในประเด็นต่าง ๆ ให้ครบถ้วน  เช่น  โครงสร้างราคาค่าน้ำ  การลดต้นทุนค่าน้ำ  การลดรายจ่าย
อื่น รายได้และแนวทางการเพิ่มรายได้  เพื่อให้ กปภ. มีรายได้เลี้ยงตนเองอย่างเพียงพอ และลดการสนับสนุน
จากภาครัฐ ตลอดจนแผนที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอให้กรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปา
นครหลวง จำนวน 5 คน  พ้นจากตำแหน่ง  และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการ
ประปานครหลวง จำนวน 6 คน ได้แก่ นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ เป็นประธานกรรมการ แทนนายอนุชา  โมกขะเวส
นายธีรศักดิ์ กาญจนศักดิ์ชัย เป็นกรรมการ แทนพลตำรวจเอก อำนวย เพชรศิริ นายเปรมประชา ศุภสมุทร เป็น
กรรมการ แทนนายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ เป็นกรรมการ แทนนายปราโมทย์ โชค
ศิริกุลชัย พลตำรวจโท  ปานศิริประภาวัต  เป็นกรรมการ แทนนางสาวสุพัตรา  สังข์มงคล  และนายปราการ ทวิ
สุวรรณ เป็นกรรมการ แทนนายบรมกช ลีนุตพงษ์ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (31 พฤษภาคม 2548) เป็นต้น
ไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548

               สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความรู้ด้าน
ความมั่นคง เศรษฐกิจชายแดน และการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่ 26-27 พฤษภาคม
 2548 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพ ฯ  โดยผลการประชุมสรุปดังนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงมหาดไทย (พล.ต.อ. ชิดชัย วรรณสถิตย์) ได้มอบนโยบายการเสริมสร้างความมั่นคงชายแดน เศรษฐกิจ
และการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน  โดยเร่งดำเนินการจัดระเบียบด่านชายแดนและจุดผ่อนปรน
และปรับปรุงคุณภาพของหมู่บ้าน  สร้างจิตสำนึกร่วมกันของคนในชุมชนหรือหมู่บ้าน   โดยคำนึงถึงผลประโยชน์
ของชาติเป็นหลัก  มีการเชื่อมยุทธศาสตร์จังหวัดให้เข้ากับยุทธศาสตร์ระดับชาติ   และสามารถนำยุทธศาสตร์ไป
ปฏิบัติในระดับจังหวัดและระดับอำเภอได้เป็นอย่างดี   มีการควบคุมคุณภาพในทุกภาคส่วนในการพัฒนาทั้งภาค
รัฐ  เอกชน  และประชาชน  นอกจากนี้  ได้มีการอภิปรายเรื่อง  "ทิศทางการบริหารจัดการความมั่นคงชายแดน" 
"ยุทธศาสตร์ความร่วมมือชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน" และ "โอกาส ลู่ทางการค้า การลงทุนของภาคเอกชน :
การเสริมสร้างเศรษฐกิจชายแดน" รวมทั้งการประชุมกลุ่มย่อยเรื่อง บทบาทของสถานเอกอัครราชทูตและจังหวัด
กับความสำเร็จของ  Local  Link  Global  Reach  ในประเด็นหารือ  "รูปแบบความร่วมมือของจังหวัดชายแดนกับ
สถานเอกอัครราชทูต"  โดยแบ่งออกเป็น  3  กลุ่ม  ได้แก่  กลุ่มจังหวัดชายแดนกัมพูชา  กลุ่มจังหวัดชายแดนด้าน
ลาว และกลุ่มจังหวัดชายแดนด้านพม่า  ส่วนการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาศักยภาพการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับ
ต่างประเทศของจังหวัดชายแดนที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน นั้น กระทรวงมหาดไทยจะได้ประสานเพื่อกำหนด
แนวทางในการดำเนินงานร่วมกันต่อไป

            สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ความแห้งแล้ง
(ข้อมูล ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2548) มีจังหวัดประสบภัย  48 จังหวัด  325  อำเภอ  39  กิ่งอำเภอ 1,825
ตำบล 9,724 หมู่บ้าน ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 4,116 หมู่บ้าน (สัปดาห์ที่ผ่านมายอด 13,840 หมู่บ้าน)
แยกเป็น ภาคเหนือ 14 จังหวัด  76  อำเภอ  7  กิ่งอำเภอ  391  ตำบล  1,853  หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย
224,903 ครัวเรือน 899,543 ตน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  16  จังหวัด  151  อำเภอ  22  กิ่งอำเภอ 952
ตำบล 5,555 หมู่บ้าน ราษฎรประสบภัย  757,331  ครัวเรือน  2,828,446  คน  ภาคกลาง  6  จังหวัด 33
อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 154 ตำบล  778 หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย  98,296  ครัวเรือน  379,230  คน  ภาค
ตะวันออก 1 จังหวัด 7 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 25 ตำบล  185  หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย  15,600  ครัวเรือน
56,210 คน และภาคใต้ 11 จังหวัด 58 อำเภอ 6 กิ่งอำเภอ 303 ตำบล  1,353  หมู่บ้าน  ราษฎรประสบภัย
189,221 ครัวเรือน 719, 026 คน ในส่วนของพื้นที่การเกษตรที่ประสบความแห้งแล้ง (ภาพรวมทั้งประเทศ)
แยกเป็น นาข้าว 106,887 ไร่ พืชไร่ 213,087 ไร่ พืชสวน 480,828 ไร่  มูลค่าความเสียหาย 397,674,303
บาท   สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย การแจกจ่ายน้ำของจังหวัด/อำเภอเพื่อการเกษตรในพื้นที่
นอกเขตชลประทาน และน้ำอุปโภค/บริโภค โดยใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,663,775,759 บาท

           คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดหรือประเภทของอาคารที่เจ้าของอาคารหรือผู้
ครอบครองอาคารหรือผู้ดำเนินการต้องทำการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์
สินของบุคคลภายนอก พ.ศ. ....  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว  โดยมีข้อสังเกต
ว่า   กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารฉบับปัจจุบันมิได้กำหนดบทบัญญัติที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้หลัก
การในเรื่องนี้ได้ดำเนินการไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เป็นที่ยอมรับและได้รับการปฏิบัติจากผู้ที่เกี่ยว
ข้อง  ทั้งผู้ปฏิบัติและผู้ที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎกระทรวงฉบับนี้   อันอาจมีผลทำให้ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่
มุ่งหมายไว้  จึงควรพิจารณาปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารให้รองรับและสอดคล้องกับหลักการดัง
กล่าวด้วย และให้ดำเนินการต่อไปได้