ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 88 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1741 - 1760 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1741 | การจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ | ทส | 21/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอมาตรการทางเทคนิคเพื่อลดภาวะมลพิษทาง
เสียงจากอากาศยาน โดยการกำหนดวิธีการบินขึ้น-ลง การปรับเปลี่ยนเส้นทางบินให้มีผลกระทบต่อชุมชนน้อย ที่สุด รวมทั้งการกำหนดประเภทของอากาศยานที่จะใช้สนามบิน ให้มีระดับเสียงไม่เกินกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้ สำหรับมาตรการชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้กระทรวงคมนา คมเร่งรัดให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทยเจรจาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงใน ระดับเสียงตั้งแต่ NEF 40 ขึ้นไป ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว กรณีที่ไม่ประสงค์จะขาย ก็ให้เจรจาจ่ายค่าชดเชยเพื่อปรับ ปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง โดยใช้เงินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ บมจ. ท่าอากาศยานไทย สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มเติมกรณีที่มีการขึ้น-ลงของเครื่องบินเต็มขีดความสามารถสูงสุดของทางวิ่งที่ 1 และที่ 2 เพื่อให้ทราบจำนวน ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเมื่อได้จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบตามผลสำรวจแล้ว ให้เร่งรัด บมจ. ท่าอากาศยานไทยเจรจาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกับผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับเสียงตั้งแต่ NEF 40 ขึ้นไป หรือในกรณีที่ไม่ประสงค์จะขาย ให้เจรจาจ่ายค่าชดเชยเพื่อปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมทั้งเจรจาจ่าย ค่าชดเชยเพื่อปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง หรือซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับเสียง ต่ำกว่า NEF 40 ถึง NEF 30 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยใช้เงินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย รวมทั้งเร่งรัดให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทยประสานกับการเคหะแห่งชาติ เพื่อจัดหาพื้นที่ที่จะรองรับการโยกย้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบใน กรณีที่ไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ได้และรับผิดชอบดูแลพื้นที่ที่มีการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว เพื่อไม่ให้มีผู้ย้อน กลับเข้ามาอยู่ใหม่ หรือบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแนวทางการออกกฎ ระเบียบ เพื่อควบคุมประเภทการใช้ประโยชน์ ที่ดิน เพื่อไม่ให้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่มีความอ่อนไหวต่อมลพิษทางเสียงในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับ ผลกระทบจากมลพิษทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย เร่งรัดติดตั้งสถานี ตรวจวัดระดับเสียง และดำเนินการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมกำหนด พร้อมทั้งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในกรณีที่จะมีการเพิ่มทางวิ่งที่ 3 และ ที่ 4 โดยเร่งด่วน โดยเฉพาะการประเมินพื้นที่ที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ ให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจวัดระดับมลพิษทางอากาศและมลพิษอื่น ๆ นอกเหนือจากมล พิษทางเสียง และให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานตามมาตรการทางเทคนิคและ การชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเพื่อให้การดำเนินงานตามมาตรการสัมฤทธิ์ผลอย่าง เป็นรูปธรรม |
||||||||||||||||||
1742 | การดำเนินงานและมาตรการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ | ทส | 14/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ สรุปได้ดังนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ติดตามตรวจสอบสถาน การณ์การบินและระดับเสียง และร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการทดสอบมาตร การที่คาดว่าจะสามารถช่วยบรรเทาปัญหามลพิษทางเสียงจากการใช้สนามบินสุวรรณภูมิ และประชุมกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และสมาคมนักบินไทย เพื่อกำหนดบริเวณที่อาจได้รับผลกระทบจากเสียง และกำหนดวิธีการบินที่จะ หลีกเลี่ยงชุมชน ส่วนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมประชุมคณะทำงาน พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการจ่ายค่าจัดซื้อที่ดินและค่าชดเชยให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงเนื่อง จากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้นำเรื่องการจ่ายค่าจัดซื้อที่ดินบริเวณแนว เขตเส้น NEF มากกว่า 40 ซึ่งในเบื้องต้นมีสิ่งปลูกสร้างก่อนปี พ.ศ. 2544 จำนวน 108 หลัง และสำรวจเสร็จแล้ว 71 หลัง โดยจะใช้งบประมาณจัดซื้อ (71 หลัง) จำนวน 389.8 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติการจัดซื้อที่ดินและสิ่งก่อ สร้างดังกล่าว จากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยเร่งด่วน ต่อไป นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษ ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการจัดการ ปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ มาตรการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ได้แก่ การจำกัดประเภทของเครื่องบิน การ กำหนดวิธีการบิน การโยกย้ายและการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ และมาตรการจัดการอื่น ๆ
|
||||||||||||||||||
1743 | การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและแนวทางการจัดทำแผนการบรรเทาอุทกภัยระยะกลางและระยะยาว | ทส | 07/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปสถาน
การณ์อุทกภัย สำหรับข้อเสนอการแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม ส่งเรื่องให้คณะกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (สำนักงานปลัดสำนัก นายกรัฐมนตรี) พิจารณาต่อไป และเห็นชอบกรอบแนวทางการจัดทำแผนแม่บทการบรรเทาอุทกภัยระยะกลาง และระยะยาว โดยให้กรมทรัพยากรน้ำในฐานะเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อเสนอแนะ รวมทั้งข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเทคโนโลยีสาร สนเทศและการสื่อสารที่มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดทำแผนการบรรเทาอุทกภัย ฯ เพื่อให้สามารถนำไปสู่การ ปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับลักษณะของภัยพิบัติ ต่าง ๆ และประโยชน์ของการเตือนภัย สร้างเครือข่ายเตือนภัย มีการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายที่สามารถบูรณา การข้อมูลและประสานงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ตลอดจนมี การฝึกซ้อมการเตือนภัยและอพยพประชาชนอย่างสม่ำเสมอ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรปรับปรุงคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่มีอยู่ เพื่อให้มีขีดความ สามารถและคล่องตัวเพิ่มขึ้นเพื่อการจัดทำแผนและผลักดันให้เกิดผลทางปฏิบัติได้โดยเร็ว โดยในการจัดแผนควร ให้ความสำคัญในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน การจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดิน ทั้งชุมชนเมือง พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่อุตสาหกรรม สิ่งก่อสร้างและบริการพื้นฐานต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพ อุทกภูมิศาสตร์ และการป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย และให้เพิ่มผู้แทน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นกรรมการในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติด้วย |
||||||||||||||||||
1744 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 จำนวน 6 ราย (1. นายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ฯ) | ทส | 07/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง
ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 6 ราย ดังนี้ นายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม นางมณทิพย์ ศรีรัตนา ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม นายอภิชัย ชว เจริญพันธ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรธรณี นางนิศากร โฆษิตรัตน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่ง นายวิชัย แหลมวิไล ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมป่าไม้ และนายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ ดำรง ตำแหน่งอธิบดี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป สำหรับนายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ ให้แต่งตั้งไม่ก่อนวันที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้นาย ดำรงค์ พิเดช ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหาร 10) สำนักนายก รัฐมนตรี ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||
1745 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 10 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม + 3 ครั้งที่ 6 | ทส | 07/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการเป็นเจ้าภาพ
ในการจัดประชุมอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 10 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้าน สิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 6 ในปี พ.ศ. 2550
|
||||||||||||||||||
1746 | การแก้ไขปัญหา และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 07/11/2549 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการดำเนินการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และพื้นที่ลุ่มน้ำพระยา ครอบคลุมพื้นที่ 36 จังหวัด ของกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ดังนี้ การให้ความช่วยเหลืออุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำยม และน่าน กรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ โดยสนับสนุนน้ำอุปโภค บริโภคในระยะเร่งด่วน สูบล้างบ่อน้ำตื้น ปรับปรุงซ่อม แซมระบบประปา ปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ และก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร ส่วนการให้ความช่วยเหลืออุทกภัยในพื้น ที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมทรัพยากรน้ำบาดาลและกรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเป็นการเฉพาะ หน้า โดยติดตั้งระบบประปาสนาม เพื่อผลิตน้ำอุปโภค บริโภค ให้บริการน้ำประปาบาดาลบรรจุขวด สำรวจความ เสียหายเบื้องต้นที่เกี่ยวกับระบบประปา แหล่งน้ำ บ่อน้ำตื้น บ่อบาดาล และติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำในลำน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติ และพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง สำหรับการฟื้นฟูภายหลังน้ำลดในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย จะดำเนินการ แก้ไขปัญหาน้ำอุปโภค บริโภค และแหล่งน้ำที่เสื่อมโทรม และแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย
|
||||||||||||||||||
1747 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 07/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งรองนายก
รัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามลำดับ เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกรณีที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการแทนได้โดยให้ครอบคลุม ถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 |
||||||||||||||||||
1748 | ขอให้ทบทวนแก้ไขภารกิจ การถ่ายโอนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (แหล่งน้ำ/ระบบประปาชนบท) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | ทส | 07/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) เสนอขอถอนเรื่อง
ขอให้ทบทวนแก้ไขภารกิจ การถ่ายโอนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (แหล่งน้ำ/ระบบประปา ชนบท) เพื่อนำไปพิจารณาในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) |
||||||||||||||||||
1749 | โครงการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัย | ทส | 07/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ อนุมัติในหลักการ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการปรับปรุงระบบน้ำประปา บ่อน้ำตื้น บ่อ น้ำบาดาล แหล่งน้ำธรรมชาติ การเจาะน้ำบาดาลหรือจัดหาน้ำสะอาดเพิ่มเติมได้ในภาวะฉุกเฉินกรณีเกิดภัย พิบัติอันเนื่องจากน้ำท่วม น้ำแล้ง และภัยพิบัติอื่น ๆ ในทุกพื้นที่ และอนุมัติเงินจากงบกลาง ปี พ.ศ. 2550 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 777,509,900 บาท โดยแยกเป็น 2 รายการ คือ งบจำนวน 486,541,000 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบน้ำสะอาดจากน้ำ บาดาล และงบจำนวน 290,968,900 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบประปาผิวดินและ แหล่งน้ำธรรมชาติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเรื่องนี้ เสนอคณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
1750 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ยกเลิกโดยมติครม. วันที่ 9 ตุลาคม 2550) | ทส | 06/11/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งรองนายก
รัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามลำดับ เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกรณีที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการแทนได้โดยให้ครอบคลุม ถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||
1751 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเฉพาะอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ไปเป็นของสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 31/10/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนิน
งานรับมอบเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2549 และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจ หน้าที่ของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในส่วนที่ เกี่ยวข้องเฉพาะอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ไปเป็นของสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกิจการบริหารและอำนาจ หน้าที่ พร้อมทั้งบรรดากิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิ ภาระผูกพัน ข้าราชการ ลูก จ้าง ตำแหน่ง และอัตรากำลัง ของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเฉพาะอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ไปเป็นของสำนักงาน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และข้อสังเกตของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรณีการรวมหรือการโอนส่วนราชการให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ให้ระบุอำนาจหน้า ที่ รวมทั้งทรัพย์สินและหนี้สินไว้ด้วย และหากพระราชกฤษฎีการวมหรือการโอนส่วนราชการดังกล่าวเป็นการแก้ไข เพิ่มเติมหรือยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายจัดตั้งส่วนราชการ ก็ต้องระบุให้ชัดเจนในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยหากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่ามีปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับบทอาศัย อำนาจ และไม่สามารถดำเนินการร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวได้ ให้เสนอความเห็นและแนวทางดำเนินการต่อ คณะรัฐมนตรี และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับ การส่งมอบพื้นที่โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 13 ไร่ ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ต่อไป |
||||||||||||||||||
1752 | แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายพนัส ทัศนียานนท์ และนางสาวจีรวรรณ พิพิธโภคา) | ทส | 17/10/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง นาย
พนัส ทัศนียานนท์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแต่งตั้ง นางสาวจีรวรรณ พิพิธโภคา เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||
1753 | ขอส่งเรื่องคืน | ทส | 26/09/2549 | |||||||||||||||
คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ได้มี
มติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2549 ให้ส่งเรื่อง แต่งตั้งข้าราชการ นายศิระชัย โชติรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิ การสภาความมั่นคงแห่งชาติ (นักบริหาร 11) คืนมาเพื่อพิจารณาทบทวน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ต่อไป ทั้งนี้ ในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่าแทนตำแหน่งที่ว่าง มิให้ผู้รักษาราชการ แทนปลัดกระทรวง หรือเทียบเท่าใช้อำนาจ เพื่อดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการในสังกัดให้ดำรงตำแหน่งประเภท ผู้บริหารระดับสูงหรือประเภทผู้บริหารระดับกลาง เว้นแต่กรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนที่มิอาจหลีกเลี่ยง ได้ ให้ขออนุมัติ คปค. เป็นกรณี ๆ ไป
|
||||||||||||||||||
1754 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูลังกา ในท้องที่ตำบลดงบัง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดหนองคาย และตำบลไผ่ล้อม ตำบลนางัว ตำบลโพนทอง อำเภอบ้านแพง ตำบลหนองซน อำเภอนาทม จังหวัดนครพนม ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติภูลังกา) | ทส | 19/09/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูลังกา ในท้องที่ตำบลดงบัง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัด หนองคาย และตำบลไผ่ล้อม ตำบลนางัว ตำบลโพนทอง อำเภอบ้านแพง ตำบลหนองซน อำเภอนาทม จังหวัด นครพนม ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าภูลังกา ในท้องที่ตำบล ดงบัง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดหนองคาย และตำบลไผ่ล้อม ตำบลนางัว ตำบลโพนทอง อำเภอบ้านแพง ตำบลหนองซน อำเภอนาทม จังหวัดนครพนม ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติภู ลังกา) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1755 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยเบี้ยและป่าห้วยบ่อทอง ป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย และป่าแม่แย้และป่าแม่สาง ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลวังธง ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ ตำบลต้าผามอก ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง และตำบลเวียงทอง ตำบลสบสาย ตำบลบ้านปง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง) และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่าห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน) | ทส | 19/09/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
กำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยเบี้ยและป่าห้วยบ่อทอง ป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย และป่าแม่แย้และป่าแม่สาง ในท้องที่ตำบลท่า ข้าม ตำบลวังธง ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ ตำบลต้าผามอก ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง และตำบลเวียงทอง ตำบลสบสาย ตำบลบ้านปง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด บริเวณที่ดินป่าห้วยเบี้ยและป่าห้วยบ่อทอง ป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย และป่าแม่แย้ และป่าแม่สาง ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลวังธง ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ ตำบลต้าผามอก ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง และตำบลเวียงทอง ตำบล สบสาย ตำบลบ้านปง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง) และร่าง พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่า ห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีสะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่า ห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีสะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยาน แห่งชาติศรีน่าน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1756 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย และตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติขุนสถาน) | ทส | 19/09/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลสัน ทะ อำเภอนาน้อย และตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัด น่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย และตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนา ทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติขุนสถาน) และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1757 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยเบี้ยและป่าห้วยบ่อทอง ป่าแม่ต้า ฝั่งซ้าย และป่าแม่แย้และป่าแม่สาง ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลวังธง ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ ตำบลต้าผามอก ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง และตำบลเวียงทอง ตำบลสบสาย ตำบลบ้านปง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง) และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่าห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน) | ทส | 19/09/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
กำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยเบี้ยและป่าห้วยบ่อทอง ป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย และป่าแม่แย้และป่าแม่สาง ในท้องที่ตำบลท่า ข้าม ตำบลวังธง ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ ตำบลต้าผามอก ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง และตำบลเวียงทอง ตำบลสบสาย ตำบลบ้านปง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด บริเวณที่ดินป่าห้วยเบี้ยและป่าห้วยบ่อทอง ป่าแม่ต้าฝั่งซ้าย และป่าแม่แย้ และป่าแม่สาง ในท้องที่ตำบลท่าข้าม ตำบลวังธง ตำบลป่าแมต อำเภอเมืองแพร่ ตำบลต้าผามอก ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง และตำบลเวียงทอง ตำบล สบสาย ตำบลบ้านปง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง) และร่าง พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่า ห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีสะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่า ห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีสะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยาน แห่งชาติศรีน่าน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1758 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าดอยปุย ป่าห้วยต้นยางและ ป่าห้วยแม่แก้ว ป่าแม่ปืมและป่าแม่พุง ป่าแม่ฮ่องป๋อ ป่าห้วยแก้วและป่าแม่อิงฝั่งซ้าย และป่าน้ำแม่ปืม และป่าดงประดู่ ในท้องที่ตำบลท่าสาย ตำบลห้วยสัก ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง ตำบลธารทอง ตำบลแม่อ้อ ตำบลทรายขาว ตำบลเจริญเมือง ตำบลสันมะเค็ค ตำบลเวียงห้าว ตำบลทานตะวัน อำเภอพาน และตำบลป่าแงะ ตำบลโรงช้าง ตำบลศรีโพธิ์เงิน อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย ตำบลบ้านเหล่า ตำบลแม่ใจ อำเภอแม่ใจ ตำบลแม่ปืม อำเภอเมือง และตำบลห้วยแก้ว ตำบลดงเจน กิ่งอำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่ปืม) | ทส | 12/09/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าดอยปุย ป่าห้วยต้นยางและป่าห้วยแม่แก้ว ป่าแม่ปืมและป่าแม่พุง ป่าแม่ฮ่องป๋อ ป่าห้วยแก้วและป่าแม่อิงฝั่งซ้าย และป่าน้ำแม่ปืม และป่าดงประดู่ ในท้องที่ตำบลท่าสาย ตำบลห้วยสัก ตำบลป่า อ้อดอนชัย อำเภอเมือง ตำบลธารทอง ตำบลแม่อ้อ ตำบลทรายขาว ตำบลเจริญเมือง ตำบลสันมะเค็ค ตำบล เวียงห้าว ตำบลทานตะวัน อำเภอพาน และตำบลป่าแงะ ตำบลโรงช้าง ตำบลศรีโพธิ์เงิน อำเภอป่าแดด จังหวัด เชียงราย ตำบลบ้านเหล่า ตำบลแม่ใจ อำเภอแม่ใจ ตำบลแม่ปืม อำเภอเมือง และตำบลห้วยแก้ว ตำบลดงเจน กิ่งอำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่า ดอยปุย ป่าห้วยต้นยางและป่าห้วยแม่แก้ว ป่าแม่ปืมและป่าแม่พุง ป่าแม่ฮ่องป๋อ ป่าห้วยแก้วและป่าแม่อิงฝั่งซ้าย และป่าน้ำแม่ปืม และป่าดงประดู่ ในท้องที่ตำบลท่าสาย ตำบลห้วยสัก ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง ตำบล ธารทอง ตำบลแม่อ้อ ตำบลทรายขาว ตำบลเจริญเมือง ตำบลสันมะเค็ค ตำบลเวียงห้าว ตำบลทานตะวัน อำเภอ พาน และตำบลป่าแงะ ตำบลโรงช้าง ตำบลศรีโพธิ์เงิน อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย ตำบลบ้านเหล่า ตำบล แม่ใจ อำเภอแม่ใจ ตำบลแม่ปืม อำเภอเมือง และตำบลห้วยแก้ว ตำบลดงเจน กิ่งอำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1759 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 (เรื่อง การดำเนินงานจัดหาที่ดินทำกินให้แก่คนยากจนตามนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน) | ทส | 12/09/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
จัดที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2549 ที่มีมติให้กรมที่ดินยกเว้นการปฏิบัติตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 (เรื่อง การดำเนินงานจัดหาที่ดินทำกินให้แก่คนยากจนตามนโยบาย แก้ไขปัญหาความยากจน) โดยกำหนดแผนปฏิบัติการบริหารจัดการที่ดินของรัฐกรณีมีการบุกรุกที่ดินสาธารณ ประโยชน์ มีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ พ.ศ. 2547-2550 สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 พื้นที่เป้าหมาย ในการดำเนินงาน จำนวน 11 จังหวัด คือ จังหวัดสุพรรณบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ พิษณุโลก ตาก เชียงใหม่ นคร ราชสีมา ร้อยเอ็ด ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จำนวน 9,200 ครัวเรือน ด้วยการนำที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันที่มีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงและประชาชนเลิกใช้ประโยชน์ร่วมกันแล้ว มาจัดระเบียบและออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐตามมาตรา 9 (1) ซึ่งจะต้องมีการชำระ ค่าตอบแทนตามมาตรา 9 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยจัดที่ดินให้ตามสภาพเดิมที่ครอบครอง แต่ไม่เกิน ครอบครัวละ15 ไร่ ให้กับราษฎรที่ได้ลงทะเบียนแสดงความประสงค์ขอที่ดินทำกินไว้ต่อทางราชการในกรณีที่ไม่ สามารถดำเนินการได้ครบตามเป้าหมาย จะดำเนินการในพื้นที่จังหวัดนอกเหนือจากนี้ต่อไป และรายงานผล ดำเนินการต่อคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดจำนวนเนื้อที่ที่จะจัดให้ราษฎรภายใต้ เงื่อนไข 3 ประการ คือ (1) จำนวนสมาชิกในครอบครัว (2) อาชีพ และ (3) ความสามารถในการผลิต รวมทั้ง ให้กรมธนารักษ์ ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 ในการจัดสรรที่ราชพัสดุ เป็นที่ทำกินและที่อยู่อาศัย และการพัฒนาที่ราชพัสดุเชิงเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายในการดำเนินการใน 5 ราย การ คือ โครงการ "รัฐเอื้อราษฎร์" 371 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1,524,349-1-03.4 ไร่ โครงการ "รัฐเอื้อ ราษฎร์" บ้านมั่นคง 66 แปลง เนื้อที่ประมาณ 728-1-95 ไร่ โครงการ "รัฐเอื้อราษฎร์" บ้านไทยร่วมใจ 10 แปลง เนื้อที่ประมาณ 208-0-15.2 ไร่ โครงการ "รัฐเอื้อราษฎร์" บ้านธนารักษ์ 14 แปลง เนื้อที่ประมาณ 594-1-42.9 ไร่ และการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ 196 แปลง เนื้อที่ประมาณ 2,611-0-04.2 ไร่ และให้รายงาน ผลดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||
1760 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2549 ครั้งที่ 2/2549 และครั้งที่ 3/2549 และขอทบทวน มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2520 เรื่อง การใช้ที่ดินบริเวณบางกระเจ้า และขอปรับปรุง ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 | ทส | 12/09/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบมติคณะกรรม
การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2549 ครั้งที่ 2/2549 และครั้งที่ 3/2549 รวมทั้งเห็นชอบมติคณะกรรมการ สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2549 ที่มีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานดูแลการอนุรักษ์พื้นที่บางกะเจ้าให้เป็นพื้นที่สีเขียว แทนคณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติ และการปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และ มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2546 และกฎกระทรวง ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 เฉพาะบริเวณเกาะ พีพีดอน โดยปรับความสูงของอาคารในประกาศกระทรวง ฯ และให้สามารถก่อสร้างโรงแรมได้ในกฎกระทรวง ฯ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณ ภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนด เขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....