ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 86 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1701 - 1720 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1701 | มาตรการเตรียมความพร้อมการเฝ้าระวังและช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ | ทส | 24/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมาตรการการเฝ้า
ระวังและเตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ได้แก่ การเฝ้าระวังภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในบริเวณน้ำตกสายรุ้ง และน้ำตกไพรสวรรค์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด จังหวัดตรัง โดยติดตั้งเครื่อง สัญญาณเตือนภัย แห่งละ 1 ชุด และการเฝ้าระวังภัยพิบัติทางธรรมชาติทั่วประเทศ ประกอบด้วย มาตรการระยะ สั้น อาทิ ทำการสำรวจ ตรวจสอบสภาพพื้นที่เสี่ยงภัยพื้นที่ที่มีการบุกรุกทำลายป่าพร้อมทั้งจัดทำข้อมูลพื้นฐาน และแผนที่พื้นที่เสี่ยงภัย จัดระบบการติดต่อสื่อสารหรือเครื่องสัญญาณเตือนภัยในเบื้องต้น เพื่อใช้แจ้งเตือน และ จัดเจ้าหน้าที่ที่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการกู้ภัยออกปฏิบัติงานเฝ้าระวังภัย เข้มงวดและกวดขันกับการกระทำ ผิดการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้โดยเฉพาะบุกรุกพื้นที่เพื่อเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เป็นต้น และมาตรการระยะยาว อาทิ จัดให้มีเครื่องสัญญาณเตือนภัยแบบถาวร จัดอบรมเจ้าหน้าที่ให้รู้จักการใช้เครื่องสัญญาณเตือนภัย และจัด เจ้าหน้าที่ประจำจุดสังเกตการณ์ควบคู่ไปกับการแจ้งเตือนภัย จัดทำข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่เสี่ยงภัยโดย การสำรวจจัดทำแผนที่ ลงพิกัดโดยระบบ GPS ของพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติทางธรรมชาติทั่วประเทศ และฟื้นฟูพื้นที่ ที่มีการบุกรุกทำลายป่าและถูกทำลายโดยภัยพิบัติทางธรรมชาติให้กลับคืนสภาพความสมบูรณ์ เพื่อป้องกันและ ลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ ในอนาคต เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1702 | ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... | ทส | 18/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชบัญญัติ
สวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 เพื่อให้การทำสวนป่าครอบคลุมถึงไม้ทุกประเภท และให้นำที่ดินที่มีใบอนุญาต แผ้วถางป่าตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้เฉพาะ เพื่อการทำสวนป่ามาขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าได้ รวมทั้งยกเว้นค่าภาค หลวง ค่าบำรุงรักษา และค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้และกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติสำหรับไม้ ที่ได้มาจากการทำสวนป่า และยกเว้นให้การเก็บหา ค้า มีไว้ในครอบครอง หรือนำเคลื่อนที่บรรดาของป่าตามกฎ หมายว่าด้วยป่าไม้ และกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติเฉพาะ ถ่านไม้ เปลือกไม้ ยางไม้ หน่อไม้ หวาย ครั่ง รวงผึ้ง น้ำผึ้ง ขี้ผึ้ง กล้วยไม้ และเห็ด ในสวนป่าสามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องเสีย ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่า และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอ สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1703 | รายงานสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือครั้งที่ 3 | ทส | 03/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสถานการณ์ไฟ
ป่าและผลการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ครั้งที่ 3 สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ ไฟป่าในจังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2550-1 เมษายน 2550 มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ 2,484.25 ไร่ โดย จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีพื้นที่ถูกไฟไหม้มากที่สุด 672 ไร่ รองลงมาได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย มีพื้น ที่ถูกไฟไหม้ 549.50 ไร่ และ 378.75 ไร่ ตามลำดับ ส่วนสถานการณ์มลพิษหมอกควันภาคเหนือ ช่วงระหว่าง วันที่ 26 มีนาคม 2550-1 เมษายน 2550 ในภาพรวมปริมาณฝุ่นขนาดเล็กมีแนวโน้มลดลง โดยจังหวัดเชียงใหม่ และลำปางมีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้ว สำหรับการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันไฟป่า ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง เช่น วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ และรับแจ้งเหตุไฟไหม้ป่า ผ่านสายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อแจ้งตำแหน่งและภาพ ถ่ายของพื้นที่ที่พบการบุกรุกแผ้วถางป่า พร้อมทั้งได้กำชับอำเภอ กิ่งอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานอื่น ๆ ภายในจังหวัดที่เกี่ยวข้องเพื่อเฝ้าระวังและควบคุมพื้นที่ไม่ให้มีการบุกรุกแผ้วถาง ป่าและจุดไฟเผาป่าเพิ่มขึ้น เป็นต้น และกรมควบคุมมลพิษ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนสถานการณ์มล พิษหมอกควัน โดยจัดส่งข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก และดัชนีคุณภาพอากาศไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน ระดับจังหวัดผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) พร้อมเผยแพร่ลงในเว็บไซด์ www.pcd.go.th รวมทั้งติด ตั้งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ในบริเวณโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และ บริเวณสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามและเฝ้าระวัง สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1704 | ขออนุมัติโครงการความร่วมมือระหว่างกรมป่าไม้กับองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ (ITTO) ในการฟื้นฟูด้านป่าไม้ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติสึนามิ | ทส | 03/04/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ อนุมัติให้ดำเนินโครงการ
ความร่วมมือระหว่างกรมป่าไม้กับองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ (International Tropical Timber Organiza tion : ITTO) ในการฟื้นฟูด้านป่าไม้ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติสึนามิได้ โดยให้อธิบดีกรมป่าไม้ลงนามในความตกลง โครงการ (Project Agreement) ในนามของประเทศไทย และในนามของกรมป่าไม้ และอนุมัติในหลักการให้กรม ป่าไม้สามารถทำความตกลงสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวในระยะที่ 2 และ 3 ได้ โดยให้อธิบดีกรมป่าไม้ลง นามในความตกลงโครงการ (Project Agreement) ในนามของประเทศไทย และในนามของกรมป่าไม้ เช่นเดียวกับ ในระยะแรก
|
||||||||||||||||||||||||
1705 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ และป่าภูแลนคาด้านทิศใต้ ในท้องที่ตำบลบ้านหัน ตำบลสระโพนทอง ตำบลโนนกอก ตำบลซับสีทอง ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ตำบลกุดชุมแสง ตำบลคูเมือง อำเภอหนองบัวแดง ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ และตำบลภูแลนคา อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติภูแลนคา) | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
กำหนดบริเวณที่ดินป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ และป่าภูแลนคาด้านทิศใต้ ในท้องที่ตำบลบ้านหัน ตำบลสระโพน ทอง ตำบลโนนกอก ตำบลซับสีทอง ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ตำบลกุดชุมแสง ตำบลคูเมือง อำเภอ หนองบัวแดง ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ และตำบลภูแลนคา อำเภอ บ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ และป่าภูแลนคาด้านทิศใต้ ในท้องที่ตำบลบ้านหัน ตำบลสระโพนทอง ตำบลโนนกอก ตำบลซับสีทอง ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ตำบลกุดชุมแสง ตำบล คูเมือง อำเภอหนองบัวแดง ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ และตำบลภู แลนคา อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติภูแลนคา) และให้ดำเนินการต่อ ไปได้ แต่โดยที่ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 จึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตรวจสอบเขตปกครอง ตลอดจนเขตป่าและชื่อท้องที่ในบริเวณ ที่จะกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติดังกล่าวอีกครั้ง หากถูกต้องสมบูรณ์แล้วให้ดำเนินการร่างพระราชกฤษฎีกาต่อ ไปได้ หากมีกรณีต้องแก้ไขเพิ่มเติมให้ถูกต้องสมบูรณ์ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีก ครั้ง แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1706 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบและวิธีการแจ้งการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองและซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง การออกใบอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราวและการออกใบรับรองการครอบครองซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างกฎกระทรวง
กำหนดแบบและวิธีการแจ้งการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองและซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง การออกใบอนุญาตให้ ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราว และการออกใบรับรองการครอบครองซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแบบและวิธีการแจ้งการครอบ ครองสัตว์ป่าคุ้มครอง และซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง การออกใบอนุญาตให้ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองชั่วคราว และการออกใบรับรองการครอบครองซากของสัตว์ป่าคุ้มครอง และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1707 | แผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้ง | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการทรัพยา
กรน้ำแห่งชาติ เสนอกรอบแผนการบรรเทาอุทกภัยระยะกลางและระยะยาว และแผนการบรรเทาผลกระทบจาก ปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งกรอบวงเงินงบประมาณให้สามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 สำหรับการ ดำเนินงานตามแผนการบรรเทาอุทกภัยระยะกลางและระยะยาว ในวงเงิน 10,577.21 ล้านบาท และแผนการ บรรเทาผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ในวงเงิน 4,286.47 ล้านบาท โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความตกลง กับสำนักงบประมาณในรายละเอียด และมอบหมายให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติแต่งตั้งคณะอนุกรรม การจัดทำแผนการบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัยและภัยแล้งเพื่อดำเนินการจัดทำรายละเอียด แผนงาน และงบ ประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2559 เสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยคณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมให้ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และสถาบันสารสน เทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร) เข้าร่วมจัดทำแผนดังกล่าวด้วย และให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำและ ดำเนินการตามแผนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1708 | รายงานสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือครั้งที่ 2 | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสถานการณ์ไฟ
ป่าและผลการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ครั้งที่ 2 สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ ไฟป่าในจังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 18-25 มีนาคม 2550 มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ 6,839.50 ไร่ โดยจังหวัดแม่ฮ่อง สอน มีพื้นที่ถูกไฟไหม้มากที่สุด 2,754 ไร่ รองลงมาได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอุทัยธานี มีพื้นที่ถูกไฟ ไหม้ 1,632 ไร่ และ 710 ไร่ ตามลำดับ ส่วนสถานการณ์มลพิษหมอกควันภาคเหนือ ช่วงระหว่างวันที่ 18-25 มีนาคม 2550 ในภาพรวมปริมาณฝุ่นขนาดเล็กมีแนวโน้มลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สำหรับการแก้ไขปัญหา มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดตั้ง War Room ทั้งในส่วนกลางและส่วน ภูมิภาค เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างใกล้ชิด และการเฝ้าระวังและแจ้งเตือน สถานการณ์มลพิษหมอกควันอย่างต่อเนื่อง โดยจัดส่งข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก และดัชนีคุณภาพอากาศ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับจังหวัดผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) และส่งข้อความแจ้งเตือนสถาน การณ์มลพิษหมอกควันผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังเครือข่ายความร่วมมือการแก้ไขปัญหามลพิษในภาคเหนือ เป็น ต้น นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานขอ ความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อแขนงต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องในการขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกชนิดเพื่อป้องกันมิให้เกิดกลุ่มหมอกควันขึ้นอีก
|
||||||||||||||||||||||||
1709 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2550 | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2550 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2550 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับ รองเรียบร้อยแล้ว ในการประชุมคณะกรรมการ ฯ ครั้งที่ 5/2550 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2550 ดังนี้ (1) ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2549 (2) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่าเทียบเรือบริเวณเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ โดย กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการบริเวณชายหาดและการจอดเรือและข้อเสนอแนะการจัดการด้านสิ่งแวด ล้อมในภาพรวม (3) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์ บูรณะ ช่วงบางใหญ่-สะพานพระนั่งเกล้า และการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ฯ ช่วงสะพานพระนั่งเกล้า- บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (4) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อ ขยายโดยรวม ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (สำโรง-สมุทรปราการ) ของกรุงเทพมหานคร (5) รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อ ขยายส่วนสีสม (ตากสิน-บางหว้า) ของกรุงเทพมหานคร (6) ร่างยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ (7) ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าความทึบแสง ของฝุ่นละอองฟุ้งกระจายจากท่าเรือ และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนด ให้ท่าเรือบางปะกงเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียสู่บรรยากาศ (8) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำนโยบายมาตรการการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดระเบียบ ชายหาดพื้นที่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่
|
||||||||||||||||||||||||
1710 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2550 | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติการประชุมคณะ
กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2550 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2550 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรอง เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ (1) การจัดทำแผนปฏิบัติการลดและขจัดมลพิษในพื้นที่จังหวัดระยอง พ.ศ. 2550-2554 (2) การดำเนินงานกลไกการพัฒนาที่สะอาดในประเทศไทยภายใต้พิธีสารเกียวโต (3) ร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมความร่วมมือภาคเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2550-2554 (4) การปรับปรุงมาตรฐานเสียงรบกวน (5) การกำหนดบังคับใช้มาตรฐานการระบายสารมลพิษจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ดีเซลขนาด เล็กระดับที่ 7 และรถยนต์เบนซินระดับที่ 8 (6) การปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายด้านทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (7) แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2550-2554
|
||||||||||||||||||||||||
1711 | รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับเพื่อรองรับการจ่ายเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะมลพิษทางน้ำในพื้นที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | ทส | 27/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยประสานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ
กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อเร่งรัดให้คณะกรรมการตรวจสอบพิสูจน์หาสาเหตุการตายของปลาจังหวัดอ่างทอง ดำเนินการหาสาเหตุการตายของปลาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) ตรวจสอบข้อมูลความเสียหายของเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังที่ได้รับผลกระทบจากภาวะมลพิษทางน้ำในพื้น ที่จังหวัดอ่างทองและจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้ถูกต้อง เหมาะสม และครบถ้วน เพื่อประกอบการพิจารณา ดำเนินการเมื่อคณะกรรมการ ฯ ได้สรุปสาเหตุการตายของปลาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
1712 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | ทส | 20/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงาน
พัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา อีกครั้งหนึ่ง เพื่อกำหนดหลักการและเหตุผล ตลอดจนความของร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นใน ประเด็นความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์การแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง การมีส่วน ร่วมของประชาชนในการบำรุงรักษาฐานชีวภาพ และนำไปใช้อย่างยั่งยืน รวมทั้งการจดทะเบียนหรือการจัดทำให้ เป็นฐานข้อมูล ตามความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้เชิญผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผู้แทนหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิจารณา แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1713 | รายงานสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ | ทส | 20/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสถานการณ์
มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์มลพิษหมอกควัน ระหว่างวันที่ 13-17 มีนาคม 2550 มีปริมาณฝุ่นขนาดเล็กอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) โดยจังหวัดเชียงใหม่ตรวจพบปริมาณฝุ่นขนาดเล็กเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 197 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดลำปาง 131 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จังหวัดเชียงราย 207 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจังหวัดแม่ฮ่องสอน 259 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน ได้มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช จัดส่งกำลังพนักงานดับไฟป่าในท้องที่ภาคเหนือ และรณรงค์ป้องกันไฟป่าทุกรูปแบบ โดยผ่านสื่อมวล ชนทุกแขนงเพื่อสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนได้ตระหนักถึงภัยอันตรายจากการเกิดไฟป่าและผลกระทบที่เกิดขึ้น และมอบหมายกรมควบคุมมลพิษเพิ่มการเฝ้าระวัง และเพิ่มการแจ้งเตือนสถานการณ์มลพิษหมอกควันอย่างต่อ เนื่อง รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนงดการเผ่าในที่โล่งทุกชนิด เพื่อให้สถานการณ์มล พิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||
1714 | สถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศและการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีปลาตายในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยา | ทส | 20/03/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศและการดำเนินงาน
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีปลาตายในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณจังหวัดอ่างทองและพระ นครศรีอยุธยา สรุปได้ดังนี้ คุณภาพน้ำปี พ.ศ. 2549 จากการติดตามตรวจสอบแม่น้ำสายสำคัญ 48 สาย และ แหล่งน้ำนิ่ง 4 แหล่ง (กว๊านพะเยา บึงบอระเพ็ด หนองหาน และทะเลสาบสงขลา) มีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี พอใช้ เสื่อมโทรมและเสื่อมโทรมมาก โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมมาก คือ แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง และแม่ น้ำลำตะคองตอนล่าง ส่วนคุณภาพน้ำในฤดูแล้งปี พ.ศ. 2549 โดยรวมคุณภาพน้ำทั่วประเทศในฤดูแล้งมีคุณภาพ ดีกว่าค่าเฉลี่ยตลอดทั้งปี โดยมีแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเฉลี่ยตลอดปีดีขึ้น 5 แห่ง และแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเฉลี่ย ตลอดทั้งปีเสื่อมโทรมลง 9 แห่ง สำหรับผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่จังหวัด อ่างทองและพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2550 คุณภาพน้ำที่บริเวณตำบลโพสะ อำเภอเมือง จังหวัด อ่างทอง ลงมาถึงบริเวณอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีค่าออกซิเจนละลายในน้ำประมาณ 6.0 -7.2 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่วนคุณภาพน้ำบริเวณที่มวลน้ำเสียเคลื่อนมาถึงบริเวณศูนย์ศิลปาชีพบางไทร อำเภอ บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีค่าออกซิเจนละลายในน้ำประมาณ 3.1-3.7 มิลลิกรัมต่อลิตร และคุณภาพ น้ำช่วงท้ายน้ำ (ช่วงที่มวลน้ำเสียยังเคลื่อนไปไม่ถึง) ตั้งแต่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ลงไปถึงอำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร วัดค่าออกซิเจนละลายน้ำได้ในระดับปกติของลำน้ำบริเวณนี้ คือ 3.8-4.3 มิลลิกรัมต่อลิตร ในการนี้กรมควบคุมมลพิษได้ออกประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง แจ้งเตือนกรณี คุณภาพน้ำเสื่อมโทรมในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการและเผยแพร่ต่อประชาชนต่อไป รวมทั้งแจ้งผ่านสื่อมวลชนต่าง ๆ และเผยแพร่ทางเว๊บไซต์ www.pcd.go.th
|
||||||||||||||||||||||||
1715 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว ป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา และป่าน้ำยาว และป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน) | ทส | 13/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว ป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา และป่าน้ำยาว และป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลชน แดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ ดินป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว ป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบล ผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา และป่าน้ำยาว และป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสอง แคว จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1716 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำโจน ป่าเขาพระฤาษี และป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่หนึ่ง ในท้องที่ตำบลชะแล ตำบลท่าขนุน ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติลำคลองงู) | ทส | 13/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำโจน ป่าเขาพระฤาษี และป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่หนึ่ง ในท้องที่ตำบลชะแล ตำบล ท่าขนุน ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำโจน ป่าเขาพระฤาษี และป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่หนึ่ง ในท้องที่ตำบลชะแล ตำบลท่าขนุน ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติลำคลองงู) และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1717 | การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนกรณีสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ | ทส | 13/03/2550 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอการแก้ไข
ปัญหาเร่งด่วนกรณีสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ โดยสังเขปดังนี้ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและ พันธุ์พืช ระดมกำลังพนักงานดับไฟป่าจากพื้นที่อื่น ๆ ไปสนับสนุนการปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด และจัดทำประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้งดเว้นการใช้ไฟในการทำกิจกรรมในพื้นที่ป่าโดยเด็ดขาด รวม ทั้งลดปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟป่า ให้กองทัพภาคที่ 3 สนธิกำลังในการดำเนินการ ลาดตระเวน ป้องปราม และเข้าดำเนินการดับไฟในพื้นที่นอกเขตป่าอนุรักษ์ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนิน การควบคุมการเผาในที่พื้นที่เกษตรกรรม ให้กระทรวงคมนาคมตั้งทีมเฉพาะกิจในการระงับไฟในเขตทางหลวงที่รับ ผิดชอบ ให้สาธารณสุขจังหวัดจัดเตรียมคลินิกพิเศษ เพื่อให้บริการแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษหมอก ควัน และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในท้องที่ภาคเหนือทั้ง 17 จังหวัด เป็นผู้มีอำนาจสั่งการให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนิน การกำกับดูแล การบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ ดำเนินการตามประกาศเขตควบคุมไฟป่าอย่างเคร่งครัด เร่งรัดประชา สัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนในการงดการจุดไฟเผาป่า ระมัดระวังการใช้ไฟในพื้นที่ป่า ทำแนวกันไฟและควบ คุมการเผาเศษวัสดุ เพื่อป้องกันมิให้ไฟลุกลามเข้าป่า กับให้จังหวัดจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุร้องเรียนด้านการเผาในที่ โล่ง และพิจารณาใช้งบฉุกเฉินเพื่อป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษ จากหมอกควัน หากมีความจำเป็นให้จังหวัดพิจารณาขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากกองทุนสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ หาก การดำเนินมาตรการข้างต้นไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ อาจใช้อำนาจตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ประกาศเหตุฉุกเฉินหรือเหตุภยัน ตรายต่อสาธารณชนอันเนื่องจากภัยธรรมชาติ หรือภาวะมลพิษ เพื่อให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในการกำหนด มาตรการป้องกันและจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อแก้ไขสถานการณ์ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) ติดตามประเมินสถานการณ์ในช่วงเดือนเมษายน ถึง เดือนมิถุนายน 2550 เพื่อใช้ประกอบ การตัดสินใจในการประกาศเหตุฉุกเฉินตามมาตรา 9 ในราชกิจจานุเบกษา ต่อไป และเห็นชอบในหลักการตาม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม ให้มีการเตรียมการป้องกัน และแก้ไข ปัญหาการเกิดสถานการณ์ดังกล่าวให้ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ ความร่วมมือและประสานการดำเนินการกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1718 | รายงานผลการประชุมคณะรัฐมนตรีประศาสน์การของโครงการสิ่งแวดล้อม แห่งสหประชาชาติสมัยสามัญที่ 24 (The 24th Session of the Governing Council/Global Ministerial Environment Forum of the United Nations Environment Programme) | ทส | 06/03/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่ง
สหประชาชาติ สมัยสามัญที่ 24 (The 24th Session of the Governing Cuncil/Global Ministerial Environment Forum of the United Nations Environment Programme, UNEP GC/GMEF) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3-9 กุมภาพันธ์ 2550 ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ สำหรับสาระสำคัญของการประชุมได้มีการพิจารณาถึงโอกาส ในการดำเนินการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืนในยุคโลกาภิวัฒน์ โดยขอให้ประเทศต่าง ๆ บูรณา การนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมไว้ในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจและสังคมและการแก้ไขปัญหา ความยากจน ภายใต้การบริหารตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งปรับปรุงและเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนิน งานของ UNEP เพื่อให้การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทุกระดับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การประสาน งานระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ การจัดสรรงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการดำเนินงานของ UNEP และเสริมสร้าง ความเข้มแข็งการดำเนินงานในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม กับให้ความเห็นชอบต่อนโยบายและยุทธศาสตร์ ด้านทรัพยากรน้ำ ของ UNEP ที่จะดำเนินการในช่วงปี พ.ศ. 2550-2555 โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุน ประเทศกำลังพัฒนาในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ (Integrated Water Resources Manage ment, IWRM) และอนุมัติแผนการดำเนินงานของ UNEP ในปี พ.ศ. 2551-2552 (Budget and Programme of work for the biennium 2008-2009) นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ขอให้รัฐบาลและภาคส่วนต่าง ๆ ให้ความสำคัญ กับการจัดการสารเคมีที่กำหนดไว้ใน Strategic Approach to International Chemicals Management (SAICM) เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่กำหนดให้มีการผลิตและที่สารเคมีอย่างปลอดภัยและส่งผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของมนุษย์น้อยที่สุดให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2563 และให้ความสำคัญกับการรวบ รวมข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ (Countries with economies in transition) พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลดความเสี่ยงอันเกิดจากการปนเปื้อนของปรอท พัฒนาและวิเคราะห์ทางเลือกในการ ซื้อ-ขายและเก็บรักษาปรอท โดยได้จัดตั้ง ad hoc open-ended working group of Government (AHOEWG) ทำ หน้าที่พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านปรอทต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะกรอบการดำเนินงานที่มี ผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding Approaches) และรายงานผลการดำเนินงานในการประชุม UNEP GC สมัยสามัญที่ 25 ในปี พ.ศ. 2552
|
||||||||||||||||||||||||
1719 | การประเมินพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2550 | ทส | 06/03/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการประเมินพื้นที่เสี่ยงและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2550
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยข้อมูลการประเมินพื้นที่เสี่ยง กรมทรัพยากรน้ำได้ทำการศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลโดยพิจารณาจังหวัดที่มีฝนน้อยกว่าฝนเฉลี่ย 30 ปี การพิจารณาฝนทิ้งช่วง จังหวัดที่มีน้ำท่าอยู่ในภาวะ วิกฤติ อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำวิกฤติ จังหวัดที่มีระบบประปาหมู่บ้านน้อย และศักยภาพของบ่อบาดาลในพื้นที่ขาด แคลนระบบประปา พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดภัยแล้งและประสบภัยแล้ง รวม 47 จังหวัด สำหรับมาตรการแก้ไข ปัญหา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมการและดำเนินการ ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งได้แก่ การปฏิบัติการเตรียมรับสถานการณ์ก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง อาทิ การซ่อมแซมและก่อสร้างระบบ ประปาหมู่บ้าน การบูรณะและฟื้นฟูแหล่งน้ำ การก่อสร้างฝายต้นน้ำ การปรับปรุงบ่อน้ำตื้น เป็นต้น การสร้างการ มีส่วนร่วมของชุมชน โดยจัดประชุมคณะอนุกรรมการลุ่มน้ำ 29 คณะทั่วประเทศเพื่อประสานงานด้านข้อมูลปัญหาภัย แล้งจากพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบช่องทางการขอรับความช่วยเหลือ แจ้งเตือนชุมชนให้ประหยัดการ ใช้น้ำ โดยฝึกอบรมการผลิตและดูแลบำรุงรักษาระบบประปา เป็นต้น และการบูรณาการหน่วยงานเพื่อบรรเทาภัย แล้ง อาทิ การกำหนดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำในอ่าง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การ เตรียมการจัดทำฝนหลวงในพื้นที่วิกฤติ โดยสำนักฝนหลวง การก่อสร้างฝายต้นน้ำ โดยกรมทรัพยากรน้ำ กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช การขุดเจาะบ่อบาดดาลในพื้นที่วิกฤติ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์การบริหารส่วนตำบล และการฟื้นฟูอนุรักษ์แหล่งน้ำธรรมชาติ ซ่อมแซม และก่อสร้างระบบประปาหมู่บ้าน โดยกรมทรัพยากรน้ำ และองค์การบริหารส่วนตำบล เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1720 | ความก้าวหน้าของการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและบูรณะฟื้นฟูความเสียหายของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 06/03/2550 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลความก้าวหน้าการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและ
บูรณะฟื้นฟูความเสียหายของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งดำเนินการตาม แผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณไว้ ดังนี้ กรมทรัพยากรน้ำ ได้ ดำเนินการก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร ปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน และปรับปรุงล้าง บ่อน้ำตื้น ส่วนกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้ดำเนินการสำรวจและเจาะบ่อน้ำบาดาล เป่าล้างบ่อน้ำบาดาล ซ่อม แซมเครื่องสูบน้ำแบบบ่อลึก และซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน ซึ่งผลการดำเนินงานส่วนใหญ่เสร็จสมบูรณ์ตาม แผนที่วางไว้ สำหรับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำเสียและขยะมูลฝอย กรมส่งเสริมการปกครอง ท้องถิ่นได้โอนการจัดสรรงบประมาณทั้งหมดไปยังจังหวัดต่าง ๆ เพื่อมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่จัดทำสัญญาว่าจ้างปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวมน้ำเสีย และระบบบำบัดน้ำเสีย และซ่อมแซมสถาน ที่กำจัดขยะมูลฝอย โดยกรมควบคุมมลพิษจะร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นให้คำปรึกษาและติดตาม ประเมินผลการปรับปรุงซ่อมแซมระบบดังกล่าวต่อไป
|
.....