ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 87 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1721 - 1740 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1721 | ร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... | ทส | 06/03/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
บัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยป่าชุมชน เพื่อส่งเสริมให้ราษฎรได้มีส่วนร่วมกับรัฐ ในการอนุรักษ์ และฟื้นฟู และพัฒนาสภาวะแวดล้อม โดยให้ราษฎรรวมตัวกันเพื่อจัดการดูแลรักษาและใช้ทรัพยา กรป่าด้วยตนเองอย่างยั่งยืน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้เพิ่ม ผู้แทนกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ นโยบายป่าชุมชนตามร่างมาตรา 7 ด้วย แล้วส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งพิจารณา ก่อน เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1722 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2550 | ทส | 27/02/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2550 เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2550 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การ รับรองแล้ว จำนวน 8 เรื่อง ดังนี้ (1) (ร่าง) แผนปฏิบัติการในการจัดระเบียบป้าย (2) มาตรฐานน้ำทิ้งจากบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำกร่อย (3) (ร่าง) แผนจัดการระดับชาติเพื่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้าง ยาวนาน (4) การกำหนดมาตรฐานก๊าซโอโซนในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา 8 ชั่วโมง (5) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประสานการดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (6) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลต่อทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (7) รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 (8) การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศในพื้นที่มาบตาพุด อำเภอ เมือง จังหวัดระยอง
|
|||||||||||||||||||||
1723 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... | ทส | 27/02/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างกฎ
กระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... มี สาระสำคัญคือ กำหนดแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 และ กำหนดให้อำนาจออกบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเป็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป ได้
|
|||||||||||||||||||||
1724 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณจังหวัดพังงา และในบริเวณจังหวัดกระบี่ รวม 2 ฉบับ | ทส | 20/02/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างประกาศกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัด พังงา และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยร่างประกาศ ฯ ทั้ง 2 ฉบับมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้เขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมครอบคลุมพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งทะเลของจังหวัดพังงาและจังหวัดกระบี่ และ กำหนดมาตรการเพื่อรักษาและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีกำหนดระยะเวลาการบังคับใช้ 5 ปี และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1725 | ร่างพระราชบัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล พ.ศ. .... | ทส | 13/02/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
บัญญัติน้ำบาดาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้ทำความเสียหายต่อการแพร่กระจายของมล พิษมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือค่าเสียหายอันเกิดจากการนั้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ ทางราชการต้องรับภาระจ่ายจริงในการขจัดมลพิษ หรือฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาล และร่างกฎกระทรวงกำหนด ประเภทการใช้น้ำบาดาล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล เป็น 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทอุปโภคบริโภค ประเภทธุรกิจ และประเภทเกษตรกรรม เพื่อให้การใช้น้ำบาดาลแต่ละประเภทปฏิบัติได้ อย่างถูกต้อง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่ เกี่ยวข้อง และข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการรั่วไหลและแพร่กระจายของมลพิษในน้ำบาดาลอาจเกิดได้ หลายรูปแบบและมีขนาดของความเสียหาย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำบัดฟื้นฟูที่แตกต่างกัน บางกรณีก่อให้เกิด ความเสียหายเป็นจำนวนมาก เช่น การขุดดินขายที่ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ แล้วนำขยะหรือสิ่งที่อาจก่อให้เกิด อันตรายหรือมีพิษมาถม ซึ่งจะทำให้มลพิษแทรกซึมลงในน้ำใต้ดิน จึงสมควรพิจารณาเกี่ยวกับผู้มีอำนาจกำหนด ค่าสินไหมทดแทน และแนวทางในการกำหนดค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวที่เหมาะสม สอดคล้องกับหลักวิชาการ และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยอาจให้กำหนดในกฎกระทรวง และควรพิจารณากำหนดให้ชัดเจนว่าผู้เสียหาย จากกรณีดังกล่าว หมายถึงผู้ใด จะหมายถึงเฉพาะรัฐ หรือรวมถึงประชาชนด้วย นอกจากนี้ ควรพิจารณาว่าเงิน ที่รัฐได้รับเป็นค่าสินไหมทดแทนหรือค่าใช้จ่ายในการขจัดมลพิษหรือฟื้นฟูทรัพยากรน้ำบาดาลตามร่างพระราช บัญญัตินี้จะบริหารจัดการอย่างไร เช่น นำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน หรือตั้งเป็นกองทุน เป็นต้น และเมื่อสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ เสร็จแล้ว ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติ บัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป สำหรับร่างกฎกระทรวงฯ ให้ดำเนิน การต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1726 | รายงานผลการดำเนินงานเรื่องร้องเรียน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี พ.ศ. 2549 | ทส | 13/02/2550 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานเรื่องร้องเรียน ของกระทรวงทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประจำปี พ.ศ. 2549 โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549-31 ธันวาคม 2549 ศูนย์ บริการประชาชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนรวมทั้งสิ้น 2,461 เรื่อง ผ่านทาง 22 ช่องทาง ซึ่งช่องทางที่ประชาชนนิยมร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ สายด่วน Green Call 1310 จำนวน 1,669 เรื่อง ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Government Contact Center : GCC) จำนวน 353 เรื่อง และเว็ปไซด์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 173 เรื่อง สำหรับ ประเภทปัญหาที่ได้รับร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับแหล่งกำเนิดมลพิษ (ฝุ่นละออง เถ้าถ่าน มลพิษอุตสาหกรรม ฯลฯ) จำนวน 1,483 เรื่อง รองลงมาเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพื่อทราบ จำนวน 637 เรื่อง และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ (รุกป่า ตัดไม้ รุกต้นน้ำ ฯลฯ) จำนวน 309 เรื่อง ส่วนพื้นที่ที่ประชา ชนแจ้งเรื่องร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ ภาคกลาง จำนวน 1,389 เรื่อง โดยจังหวัดกรุงเทพมหานครเป็นจังหวัด ที่ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยปัญหาที่ร้อง เรียนในเขตเมืองส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวเนื่องกับเรื่องมลภาวะด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนปัญหาในเขตชนบทส่วน ใหญ่เกี่ยวข้องกับปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และปัญหาการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ที่ มีหน้าที่รับผิดชอบการพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนที่ศูนย์ บริการประชาชนได้รับทั้งหมด พบว่า หน่วยงานพิจารณาดำเนินการเรื่องร้องเรียนของประชาชนได้แล้วเสร็จ จำนวน 2,045 เรื่อง ส่วนเรื่องร้องเรียนที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จำนวน 1,105 เรื่อง เป็นเรื่องที่หน่วย งานต้องเร่งรัดการแก้ไข จำนวน 784 เรื่อง และเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการแก้ไข จำนวน 321 เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||
1727 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 06/02/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ กำหนดมาตรการและวิธีการประสานงานระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยว ข้องโดยตรงกับการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจ พิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1728 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รอบ 4 เดือน ระหว่างเดือนตุลาคม 2549 - มกราคม 2550 | ทส | 06/02/2550 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการดำเนินงาน รอบ 4 เดือน (ตุลาคม 2549-มกราคม
2550) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีผลการดำเนินงานแบ่งออกเป็น 3 หัวเรื่องหลัก ดังนี้ ด้านการ พัฒนาเศรษฐกิจ ได้แก่ การจัดให้มีแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งนันทนาการทางธรรมชาติ และการเรียนรู้เกี่ยว กับสัตว์ป่า พืชพรรณ และทรัพยากรธรรมชาติประเภทต่าง ๆ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ สวนป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และพื้นที่ธรรมชาติอื่น ๆ และการดำเนิน งานโครงการตามกลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism : CDM) ภายใต้พิธีสารเกียวโต ด้านการเมืองและการบริหารราชการ อาทิ การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการด้านทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การนำนโยบายรัฐบาล 4 ป.ของรัฐบาล (โปร่งใส เป็นธรรม ประหยัด และประสิทธิ ภาพ) ไปเป็นแนวทางในการบริหารงานบุคคล และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นต้น และด้านสังคม-จิตวิทยา-การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อาทิ การแก้ไขปัญหาและบรรเทาความ เดือดร้อนเนื่องจากอุทกภัย 47 จังหวัด การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเนื่องจากอุทกภัยภาคเหนือ ตอนบน 5 จังหวัด การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับน้ำกินน้ำใช้ และการฟื้นฟูแหล่งน้ำและคุณภาพน้ำเพื่อ เตรียมการรับสถานการณ์ก่อนเข้าสู่ฤดูแล้ง การสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังเตือนภัยด้านทรัพยากรธรณี การแก้ไข ปัญหาที่ดินทำกิน โดยทำการสำรวจความต้องการและรณรงค์ให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการจัดการที่ดิน และส่ง เสริมอาชีพป่าไม้ ในท้องที่ 36 จังหวัด การจัดการมลพิษทางเสียงในสถามบินสุวรรณภูมิ การป้องกันปัญหามล พิษในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง รวมทั้งการจัดการขยะมูลฝอย และการจัดซื้อจัดจ้างสินค้า ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
1729 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 (เครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) | ทส | 30/01/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างกฎสำนัก
นายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศัก ราช 2478 มีสาระสำคัญคือ กำหนดเครื่องแบบพิเศษของข้าราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และให้ ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับข้อสังเกตของสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้นำกฎสำนัก นายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 88 (พ.ศ. 2542) และกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 76 (พ.ศ. 2531) ออกตามความ ในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 ซึ่งกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภท ของเครื่องแบบพิเศษกับการแต่งเครื่องแบบข้าราชการกรมป่าไม้และกรมประมงตามลำดับมาเป็นต้นแบบในการ พิจารณาปรับแก้ และเพิ่มเติมหมายเหตุเพื่อระบุเหตุผลในการประกาศใช้ไว้ท้ายกฎสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับดัง กล่าวไว้ด้วย อนึ่ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 สำนักนายกรัฐมนตรีมีแผนที่จะพัฒนาปรับปรุงกฎหมายว่าด้วย เครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 และกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบประเภท ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงประเภทของเครื่องแบบพิเศษด้วยไปพร้อมกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อ ไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1730 | การดำเนินงานกลไกการพัฒนาที่สะอาดในประเทศไทยภายใต้พิธีสารเกียวโต | ทส | 30/01/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2550 (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2550 ในการพิจารณาเรื่อง การดำเนินงาน กลไกการพัฒนาที่สะอาดในประเทศไทยภายใต้พิธีสารเกียวโต โดยเห็นชอบให้นำข้อเสนอโครงการของเอกชน 7 โครงการ ที่ดำเนินการมาก่อนวันที่ 18 พฤศจิกายน 2547 และเห็นว่าเป็นโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาออกหนังสือรับรองแก่ผู้พัฒนาโครงการภายใต้พิธีสารเกียวโต โดยมีเงื่อนไข ว่า ผู้มีอำนาจตามพิธีสารเกียวโต ของประเทศไทย ขอสงวนสิทธิ์ในการระงับการดำเนินโครงการที่ได้มีการออก หนังสือรับรองได้ กรณีที่ผู้พัฒนาโครงการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายภายในของประเทศไทย หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อน ไขหรือหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวและมอบหมาย ให้คณะอนุกรรมการด้านความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จะตั้ง ขึ้นภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการพิจารณาโครงการกลไกการ พัฒนาที่สะอาด (CDM) ในประเทศไทย รวมทั้งพิจารณาความเหมาะสมของหลักเกณฑ์ในการจัดสรรผลประโยชน์ จากการขายคาร์บอนเครดิต และระบบการบริหารจัดการ กับเห็นชอบร่างหนังสือรับรอง (Letter of Approval : LoA) โดยให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้มีอำนาจตามพิธีสารเกียวโต (Designated National Authority : DNA) ในการออกหนังสือให้คำรับรอง (Letter of Approval : LoA) ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำโครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาดที่ยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่ง แวดล้อมแห่งชาติ รวม 8 โครงการ เสนอคณะอนุกรรมการ ฯ พิจารณาโดยด่วนต่อไป โดยให้เชิญผู้แทนกระทรวง พลังงาน และกระทรวงการคลังเข้าร่วมการพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1731 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2549 (และปัญหาสิ่งแวดล้อมของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด) | ทส | 30/01/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบมติคณะกรรม
การสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2549 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองใน การประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2550 (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2550 รวม 4 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง (ร่าง) แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2550-2554 เรื่อง (ร่าง) กรอบทิศทางการสนับ สนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 23 (4) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติ พ.ศ. 2535 ในช่วงงบประมาณ พ.ศ. 2550-2551 เรื่อง การปรับปรุงมาตรฐานก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แก๊สโซลีน และเรื่อง การปรับปรุงค่ามาตรฐานก๊าซ คาร์บอนมอนอกไซด์ และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากไอเสียรถจักรยานยนต์ใช้งานที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับที่ 6 และเห็นชอบ (ร่าง) แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2550-2554 สำหรับกลไกด้านภาษี ให้กระทรวงการ คลังรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมกรณีมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาผล กระทบสิ่งแวดล้อมจากเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัด ประชาเสวนาเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงาน ประสานในหน่วยงาน กลุ่มองค์กร ผู้นำชุมชน ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องและที่สนใจอื่น ๆ เข้าร่วมการเสวนาเพื่อรับฟัง ข้อมูล ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่าง ๆ สำหรับใช้ในการกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องเหมาะ สมต่อไป และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตรวจสอบปัญหามลภาวะที่เกิดขึ้นตามที่ ประชาชนร้องเรียน เช่น น้ำ อากาศ และขยะอุตสาหกรรม เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยว ข้องให้ความร่วมมือในการดำเนินการด้วย และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงาน อื่นที่เกี่ยวข้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนและกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการ ดำเนินการของภาครัฐในเรื่องต่าง ๆ เช่น การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำซึ่งหน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการทั้ง เพื่อการเกษตรและการอุตสาหกรรม และปัญหาการทำประมงชายฝั่ง เป็นต้น รวมทั้งให้กระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบผลกระทบด้านการสาธารณสุขและสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ และดำเนินการแก้ไขเยียวยา โดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
1732 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2549 | ทส | 23/01/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการ
สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2549 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2549 ซึ่งคณะกรรมการ ฯ ได้ให้การรับรองแล้ว ในการประชุมคณะกรรมกา รฯ ครั้งที่ 5/2549 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 ดังนี้ ให้แต่งตั้งคณะอนุกรรม การเฉพาะกิจเพื่อการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศบริเวณพื้นที่มาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อ เสนอแนะนโยบาย แนวทาง และมาตรการในการจัดการศักยภาพการรองรับมลพิษทางอากาศบริเวณพื้นที่ดัง กล่าว โดยให้เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติภายใน 60 วัน และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำแผนและเสนอพื้นที่อื่นที่เหมาะสมเพื่อรองรับการขยายพื้นที่อุตสาหกรรมของ ประเทศ และให้กระทรวงคมนาคม (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องเพื่อทำการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) บริเวณพื้นที่โดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ และนำเสนอคณะอนุกรรมการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ พิจารณา เพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รวมทั้งเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวด ล้อมโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา ของกรมทางหลวง โดยให้กรม ทางหลวงประสานกับคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อกำหนดชนิดของพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมเพื่อใช้ ปลูกในบริเวณที่เข้าใกล้แนวเขตแหล่งมรดกโลกตามมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 625 ไร่ และประสานเพื่อชี้แจงข้อมูลที่นายปริญญา นุตาลัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่ง ชาติได้ให้ข้อสังเกตไว้
|
|||||||||||||||||||||
1733 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 16/01/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอถอนร่างพระราช
กฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณา ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คืนไปได้ และให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1734 | การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 10 (The 10th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment - 10th AMME) และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม +3 ครั้งที่ 5 (The 5th ASEAN Plus Three Environment Ministers Meeting -5th EMM+3) | ทส | 26/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุม
รัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 10 (The 10th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment-10th AMME) และผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 5 (The 5th ASEAN Plus Three Environment Ministers Meeting-5th EMM+3) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเซบู สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่าง วันที่ 8-11 พฤศจิกายน 2549 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้ แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว สรุปสาระสำคัญการประชุมได้ดังนี้ ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้าน สิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 10 ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลาก หลายทางชีวภาพโดยรับทราบสถานการณ์ดำเนินงานศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพอาเซียน และรับทราบ สถานะของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ที่พร้อมจะลงนามในร่างข้อตกลง อาเซียนว่าด้วยการเข้าถึง และการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรพันธุกรรมและทรัพยากรชีวภาพอย่างทั่ว ถึงและเท่าเทียมกัน (ASEAN Framework Agreement on Access to, and Fair and Equitable Sharing of Benefits Arising From the Utilisation of Biological and Genetic Resources-ABS) และประเด็นมลพิษหมอก ควันข้ามแดน โดยเห็นชอบให้มีการพิจารณาเพื่อสรุปกฎระเบียบสำหรับกองทุนมลพิษหมอกควันข้ามแดนของ อาเซียน (ASEAN Transboundary Haze Pollution Control Fund) รวมถึงการสนับสนุนการเงินในการประชุม รัฐภาคี ครั้งที่ 2 ของอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (The 2nd Conference of the Partles to the ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution-COP-2) ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 และเห็นชอบในหลักการให้มีการจ่ายเงินสมทบกองทุนเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ สำหรับการ ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 5 ที่ประชุมได้มีการหารือถึงความร่วมมือ+3 ว่า จีนสนใจจะ ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา รวมไปถึงกรณีที่ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในเรื่องเทค โนโลยีที่เหมาะสมและการผลิตที่สะอาดจึงประสงค์จะมีความร่วมมือกับประเทศอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||
1735 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยมาตรฐานระวางแผนที่และแผนที่รูปแปลงที่ดินในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... | ทส | 26/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย
มาตรฐานระวางแผนที่และแผนที่รูปแปลงที่ดินในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการออกเอกสารสิทธิในที่ดินของรัฐให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยเพิ่มอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะ กรรมการกำหนดมาตรฐานระวางแผนที่และรูปแปลงที่ดินในที่ดินของรัฐ (กมร.) ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1736 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | ทส | 26/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอก่อหนี้ผูกพันข้าม
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยชม หมู่ที่ 1 ตำบลปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลย ในวงเงิน 34,000,000 บาท โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยโมง ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดร ธานี ในวงเงิน 11,768,500 บาท และโครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยงาว ตำบลตาลเลี่ยน อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ในวงเงิน 14,392,500 บาท
|
|||||||||||||||||||||
1737 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวา แม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่าห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน) | ทส | 19/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่า ห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และ ให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1738 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน และขอขยายเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) | ทส | 12/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบรายงานความ
ก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาความขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) ตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ดำเนินการก่อสร้าง/ปรับปรุง ประปาแล้วเสร็จ จำนวน 1,914 โครงการ แบ่งเป็น โครงการที่แล้วเสร็จสมบูรณ์สามารถให้บริการน้ำสะอาดแก่ ประชาชนได้แล้ว จำนวน 981 โครงการ และโครงการที่แล้วเสร็จเฉพาะส่วนแรก จำนวน 933 โครงการ และ อนุมัติให้ขยายเวลาการดำเนินงานโครงการ ฯ ระยะที่ 1 ที่ได้รับงบประมาณแล้ว จำนวน 3,254 โครงการ ออก ไปอีก 8 เดือน จากเดิมที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2549 (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 6 มิถุนายน 2549) เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 รวมทั้งให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้ปรับเปลี่ยนงบประมาณจากแผนงานโครงการต่าง ๆ ออกไป อีก 8 เดือน จากเดิมที่ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 (ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 และวันที่ 20 กันยายน 2548) เป็นขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณออกไปอีกจน ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 จำนวน 3 รายการ ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2546 ของสำนักงาน นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม งบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป รายการค่าใช้ จ่ายโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เพื่ออุดหนุนให้ อปท. จำนวน 1,790,104,495 บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล งบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่ว ไป 2 รายการ เพื่ออุดหนุนให้ อปท. จำนวน 104,765,475 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง งบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป รายการแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน 7,821,092 บาท |
|||||||||||||||||||||
1739 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 จำนวน 6 ราย (1. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ฯ) | ทส | 28/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง
ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 6 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย การเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 ดังนี้ (1) นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม (2) นายวิรัตน์ ขาวอุปถัมภ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) นายสมัย เจียมจินดารัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (4) นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมควบคุมมลพิษ (5) นางสาวสมคิด บัวเพ็ง ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล (6) นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ดำรงตำหน่งเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||
1740 | โครงการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมจากการเกิดอุทกภัย | ทส | 28/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการดำเนิน
งานฟื้นฟูความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมจากการเกิดอุทกภัยในส่วนของการฟื้นฟูระบบรวบรวมน้ำเสีย ระบบบำบัด น้ำเสียรวม และระบบจัดการขยะมูลฝอย และให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา โดยปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามหลักเกณฑ์และเงื่อน ไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ไปพลางก่อน หากไม่เพียงพอให้ขอรับการสนับ สนุนจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยเสนอผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้อง ถิ่น ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป อนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 216/2549 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2549 ในการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมหลังจากการเกิดอุทกภัย เกิดการ บูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว สมควรจักได้มีการกลั่นกรองโครงการโดยคณะอนุกรรมการ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนงานและโครงการ แล้วขอทำความ ตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป |
.....