ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 87 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1721 - 1740 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1721 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 16/01/2550 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอถอนร่างพระราช
กฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณา ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คืนไปได้ และให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1722 | การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 10 (The 10th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment - 10th AMME) และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม +3 ครั้งที่ 5 (The 5th ASEAN Plus Three Environment Ministers Meeting -5th EMM+3) | ทส | 26/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุม
รัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 10 (The 10th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment-10th AMME) และผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 5 (The 5th ASEAN Plus Three Environment Ministers Meeting-5th EMM+3) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเซบู สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ระหว่าง วันที่ 8-11 พฤศจิกายน 2549 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะผู้ แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว สรุปสาระสำคัญการประชุมได้ดังนี้ ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้าน สิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 10 ที่ประชุมได้พิจารณาในประเด็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลาก หลายทางชีวภาพโดยรับทราบสถานการณ์ดำเนินงานศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพอาเซียน และรับทราบ สถานะของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ที่พร้อมจะลงนามในร่างข้อตกลง อาเซียนว่าด้วยการเข้าถึง และการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรพันธุกรรมและทรัพยากรชีวภาพอย่างทั่ว ถึงและเท่าเทียมกัน (ASEAN Framework Agreement on Access to, and Fair and Equitable Sharing of Benefits Arising From the Utilisation of Biological and Genetic Resources-ABS) และประเด็นมลพิษหมอก ควันข้ามแดน โดยเห็นชอบให้มีการพิจารณาเพื่อสรุปกฎระเบียบสำหรับกองทุนมลพิษหมอกควันข้ามแดนของ อาเซียน (ASEAN Transboundary Haze Pollution Control Fund) รวมถึงการสนับสนุนการเงินในการประชุม รัฐภาคี ครั้งที่ 2 ของอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน (The 2nd Conference of the Partles to the ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution-COP-2) ที่จะจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 และเห็นชอบในหลักการให้มีการจ่ายเงินสมทบกองทุนเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ สำหรับการ ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 5 ที่ประชุมได้มีการหารือถึงความร่วมมือ+3 ว่า จีนสนใจจะ ร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา รวมไปถึงกรณีที่ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในเรื่องเทค โนโลยีที่เหมาะสมและการผลิตที่สะอาดจึงประสงค์จะมีความร่วมมือกับประเทศอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||
1723 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยมาตรฐานระวางแผนที่และแผนที่รูปแปลงที่ดินในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... | ทส | 26/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย
มาตรฐานระวางแผนที่และแผนที่รูปแปลงที่ดินในที่ดินของรัฐ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการออกเอกสารสิทธิในที่ดินของรัฐให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยเพิ่มอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเข้าร่วมเป็นกรรมการในคณะ กรรมการกำหนดมาตรฐานระวางแผนที่และรูปแปลงที่ดินในที่ดินของรัฐ (กมร.) ตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1724 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | ทส | 26/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอก่อหนี้ผูกพันข้าม
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยชม หมู่ที่ 1 ตำบลปากชม อำเภอปากชม จังหวัดเลย ในวงเงิน 34,000,000 บาท โครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยโมง ตำบลจำปาโมง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดร ธานี ในวงเงิน 11,768,500 บาท และโครงการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยงาว ตำบลตาลเลี่ยน อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ในวงเงิน 14,392,500 บาท
|
|||||||||||||||||||||
1725 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวา แม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่าห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน) | ทส | 19/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำว้าและป่าห้วยสาลี่ ป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ และป่าห้วยงวงและป่า ห้วยสาลี่ ในท้องที่ตำบลขึ่ง ตำบลส้าน ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา ตำบลศรีษะเกษ ตำบลเชียงของ ตำบลสถาน อำเภอนาน้อย และตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และ ให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1726 | รายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน และขอขยายเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) | ทส | 12/12/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบรายงานความ
ก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาความขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) ตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ดำเนินการก่อสร้าง/ปรับปรุง ประปาแล้วเสร็จ จำนวน 1,914 โครงการ แบ่งเป็น โครงการที่แล้วเสร็จสมบูรณ์สามารถให้บริการน้ำสะอาดแก่ ประชาชนได้แล้ว จำนวน 981 โครงการ และโครงการที่แล้วเสร็จเฉพาะส่วนแรก จำนวน 933 โครงการ และ อนุมัติให้ขยายเวลาการดำเนินงานโครงการ ฯ ระยะที่ 1 ที่ได้รับงบประมาณแล้ว จำนวน 3,254 โครงการ ออก ไปอีก 8 เดือน จากเดิมที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2549 (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 6 มิถุนายน 2549) เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 รวมทั้งให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้ปรับเปลี่ยนงบประมาณจากแผนงานโครงการต่าง ๆ ออกไป อีก 8 เดือน จากเดิมที่ให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันที่ 30 กันยายน 2549 (ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 และวันที่ 20 กันยายน 2548) เป็นขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณออกไปอีกจน ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 จำนวน 3 รายการ ได้แก่ งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2546 ของสำนักงาน นโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม งบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป รายการค่าใช้ จ่ายโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เพื่ออุดหนุนให้ อปท. จำนวน 1,790,104,495 บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล งบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่ว ไป 2 รายการ เพื่ออุดหนุนให้ อปท. จำนวน 104,765,475 บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2548 ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง งบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป รายการแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำอุปโภคบริโภค จำนวน 7,821,092 บาท |
|||||||||||||||||||||
1727 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 จำนวน 6 ราย (1. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ฯ) | ทส | 28/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง
ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 6 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย การเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 ดังนี้ (1) นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม (2) นายวิรัตน์ ขาวอุปถัมภ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) นายสมัย เจียมจินดารัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (4) นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมควบคุมมลพิษ (5) นางสาวสมคิด บัวเพ็ง ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล (6) นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ดำรงตำหน่งเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||
1728 | โครงการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมจากการเกิดอุทกภัย | ทส | 28/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการดำเนิน
งานฟื้นฟูความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมจากการเกิดอุทกภัยในส่วนของการฟื้นฟูระบบรวบรวมน้ำเสีย ระบบบำบัด น้ำเสียรวม และระบบจัดการขยะมูลฝอย และให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา โดยปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามหลักเกณฑ์และเงื่อน ไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ไปพลางก่อน หากไม่เพียงพอให้ขอรับการสนับ สนุนจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยเสนอผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้อง ถิ่น ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป อนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 216/2549 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2549 ในการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมหลังจากการเกิดอุทกภัย เกิดการ บูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว สมควรจักได้มีการกลั่นกรองโครงการโดยคณะอนุกรรมการ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแผนงานและโครงการ แล้วขอทำความ ตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1729 | การจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ | ทส | 21/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอมาตรการทางเทคนิคเพื่อลดภาวะมลพิษทาง
เสียงจากอากาศยาน โดยการกำหนดวิธีการบินขึ้น-ลง การปรับเปลี่ยนเส้นทางบินให้มีผลกระทบต่อชุมชนน้อย ที่สุด รวมทั้งการกำหนดประเภทของอากาศยานที่จะใช้สนามบิน ให้มีระดับเสียงไม่เกินกว่าที่มาตรฐานกำหนดไว้ สำหรับมาตรการชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้กระทรวงคมนา คมเร่งรัดให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทยเจรจาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงใน ระดับเสียงตั้งแต่ NEF 40 ขึ้นไป ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว กรณีที่ไม่ประสงค์จะขาย ก็ให้เจรจาจ่ายค่าชดเชยเพื่อปรับ ปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง โดยใช้เงินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ บมจ. ท่าอากาศยานไทย สำรวจและจัดทำฐานข้อมูลผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มเติมกรณีที่มีการขึ้น-ลงของเครื่องบินเต็มขีดความสามารถสูงสุดของทางวิ่งที่ 1 และที่ 2 เพื่อให้ทราบจำนวน ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเมื่อได้จำนวนผู้ที่ได้รับผลกระทบตามผลสำรวจแล้ว ให้เร่งรัด บมจ. ท่าอากาศยานไทยเจรจาซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างกับผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับเสียงตั้งแต่ NEF 40 ขึ้นไป หรือในกรณีที่ไม่ประสงค์จะขาย ให้เจรจาจ่ายค่าชดเชยเพื่อปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมทั้งเจรจาจ่าย ค่าชดเชยเพื่อปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้าง หรือซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากผู้ที่ได้รับผลกระทบในระดับเสียง ต่ำกว่า NEF 40 ถึง NEF 30 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยใช้เงินของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย รวมทั้งเร่งรัดให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทยประสานกับการเคหะแห่งชาติ เพื่อจัดหาพื้นที่ที่จะรองรับการโยกย้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบใน กรณีที่ไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ได้และรับผิดชอบดูแลพื้นที่ที่มีการซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว เพื่อไม่ให้มีผู้ย้อน กลับเข้ามาอยู่ใหม่ หรือบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแนวทางการออกกฎ ระเบียบ เพื่อควบคุมประเภทการใช้ประโยชน์ ที่ดิน เพื่อไม่ให้มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ที่มีความอ่อนไหวต่อมลพิษทางเสียงในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับ ผลกระทบจากมลพิษทางเสียงจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย เร่งรัดติดตั้งสถานี ตรวจวัดระดับเสียง และดำเนินการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมกำหนด พร้อมทั้งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในกรณีที่จะมีการเพิ่มทางวิ่งที่ 3 และ ที่ 4 โดยเร่งด่วน โดยเฉพาะการประเมินพื้นที่ที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ ให้ บมจ. ท่าอากาศยานไทย ร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจวัดระดับมลพิษทางอากาศและมลพิษอื่น ๆ นอกเหนือจากมล พิษทางเสียง และให้กระทรวงคมนาคมแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานตามมาตรการทางเทคนิคและ การชดเชยผู้ได้รับผลกระทบ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเพื่อให้การดำเนินงานตามมาตรการสัมฤทธิ์ผลอย่าง เป็นรูปธรรม |
|||||||||||||||||||||
1730 | การดำเนินงานและมาตรการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ | ทส | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้า
การจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ สรุปได้ดังนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ติดตามตรวจสอบสถาน การณ์การบินและระดับเสียง และร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินการทดสอบมาตร การที่คาดว่าจะสามารถช่วยบรรเทาปัญหามลพิษทางเสียงจากการใช้สนามบินสุวรรณภูมิ และประชุมกับบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และสมาคมนักบินไทย เพื่อกำหนดบริเวณที่อาจได้รับผลกระทบจากเสียง และกำหนดวิธีการบินที่จะ หลีกเลี่ยงชุมชน ส่วนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมประชุมคณะทำงาน พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการจ่ายค่าจัดซื้อที่ดินและค่าชดเชยให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านเสียงเนื่อง จากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้นำเรื่องการจ่ายค่าจัดซื้อที่ดินบริเวณแนว เขตเส้น NEF มากกว่า 40 ซึ่งในเบื้องต้นมีสิ่งปลูกสร้างก่อนปี พ.ศ. 2544 จำนวน 108 หลัง และสำรวจเสร็จแล้ว 71 หลัง โดยจะใช้งบประมาณจัดซื้อ (71 หลัง) จำนวน 389.8 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติการจัดซื้อที่ดินและสิ่งก่อ สร้างดังกล่าว จากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยเร่งด่วน ต่อไป นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษ ได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการจัดการ ปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2549 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ มาตรการจัดการปัญหามลพิษทางเสียงจากสนามบินสุวรรณภูมิ ได้แก่ การจำกัดประเภทของเครื่องบิน การ กำหนดวิธีการบิน การโยกย้ายและการจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ และมาตรการจัดการอื่น ๆ
|
|||||||||||||||||||||
1731 | การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและแนวทางการจัดทำแผนการบรรเทาอุทกภัยระยะกลางและระยะยาว | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปสถาน
การณ์อุทกภัย สำหรับข้อเสนอการแก้ไขปัญหาอุทกภัยระยะเร่งด่วน ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม ส่งเรื่องให้คณะกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (สำนักงานปลัดสำนัก นายกรัฐมนตรี) พิจารณาต่อไป และเห็นชอบกรอบแนวทางการจัดทำแผนแม่บทการบรรเทาอุทกภัยระยะกลาง และระยะยาว โดยให้กรมทรัพยากรน้ำในฐานะเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมรับความเห็น ข้อเสนอแนะ รวมทั้งข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเทคโนโลยีสาร สนเทศและการสื่อสารที่มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดทำแผนการบรรเทาอุทกภัย ฯ เพื่อให้สามารถนำไปสู่การ ปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับลักษณะของภัยพิบัติ ต่าง ๆ และประโยชน์ของการเตือนภัย สร้างเครือข่ายเตือนภัย มีการเชื่อมโยงระบบเครือข่ายที่สามารถบูรณา การข้อมูลและประสานงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและการลงทุนที่ซ้ำซ้อน ตลอดจนมี การฝึกซ้อมการเตือนภัยและอพยพประชาชนอย่างสม่ำเสมอ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรปรับปรุงคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่มีอยู่ เพื่อให้มีขีดความ สามารถและคล่องตัวเพิ่มขึ้นเพื่อการจัดทำแผนและผลักดันให้เกิดผลทางปฏิบัติได้โดยเร็ว โดยในการจัดแผนควร ให้ความสำคัญในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน การจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดิน ทั้งชุมชนเมือง พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่อุตสาหกรรม สิ่งก่อสร้างและบริการพื้นฐานต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับสภาพ อุทกภูมิศาสตร์ และการป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย และให้เพิ่มผู้แทน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นกรรมการในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติด้วย |
|||||||||||||||||||||
1732 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 จำนวน 6 ราย (1. นายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ฯ) | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง
ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 6 ราย ดังนี้ นายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม นางมณทิพย์ ศรีรัตนา ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม นายอภิชัย ชว เจริญพันธ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรธรณี นางนิศากร โฆษิตรัตน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่ง นายวิชัย แหลมวิไล ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมป่าไม้ และนายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ ดำรง ตำแหน่งอธิบดี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป สำหรับนายเฉลิมศักดิ์ วานิชสมบัติ ให้แต่งตั้งไม่ก่อนวันที่ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งให้นาย ดำรงค์ พิเดช ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหาร 10) สำนักนายก รัฐมนตรี ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
1733 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 10 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม + 3 ครั้งที่ 6 | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการเป็นเจ้าภาพ
ในการจัดประชุมอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 10 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้าน สิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 6 ในปี พ.ศ. 2550
|
|||||||||||||||||||||
1734 | การแก้ไขปัญหา และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการดำเนินการแก้ไขปัญหาและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และพื้นที่ลุ่มน้ำพระยา ครอบคลุมพื้นที่ 36 จังหวัด ของกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ดังนี้ การให้ความช่วยเหลืออุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำยม และน่าน กรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ โดยสนับสนุนน้ำอุปโภค บริโภคในระยะเร่งด่วน สูบล้างบ่อน้ำตื้น ปรับปรุงซ่อม แซมระบบประปา ปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ และก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธาร ส่วนการให้ความช่วยเหลืออุทกภัยในพื้น ที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมทรัพยากรน้ำบาดาลและกรมทรัพยากรน้ำ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเป็นการเฉพาะ หน้า โดยติดตั้งระบบประปาสนาม เพื่อผลิตน้ำอุปโภค บริโภค ให้บริการน้ำประปาบาดาลบรรจุขวด สำรวจความ เสียหายเบื้องต้นที่เกี่ยวกับระบบประปา แหล่งน้ำ บ่อน้ำตื้น บ่อบาดาล และติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำในลำน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติ และพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง สำหรับการฟื้นฟูภายหลังน้ำลดในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย จะดำเนินการ แก้ไขปัญหาน้ำอุปโภค บริโภค และแหล่งน้ำที่เสื่อมโทรม และแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย
|
|||||||||||||||||||||
1735 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งรองนายก
รัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามลำดับ เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกรณีที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการแทนได้โดยให้ครอบคลุม ถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 |
|||||||||||||||||||||
1736 | ขอให้ทบทวนแก้ไขภารกิจ การถ่ายโอนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (แหล่งน้ำ/ระบบประปาชนบท) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) เสนอขอถอนเรื่อง
ขอให้ทบทวนแก้ไขภารกิจ การถ่ายโอนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (แหล่งน้ำ/ระบบประปา ชนบท) เพื่อนำไปพิจารณาในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) |
|||||||||||||||||||||
1737 | โครงการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัย | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ อนุมัติในหลักการ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการปรับปรุงระบบน้ำประปา บ่อน้ำตื้น บ่อ น้ำบาดาล แหล่งน้ำธรรมชาติ การเจาะน้ำบาดาลหรือจัดหาน้ำสะอาดเพิ่มเติมได้ในภาวะฉุกเฉินกรณีเกิดภัย พิบัติอันเนื่องจากน้ำท่วม น้ำแล้ง และภัยพิบัติอื่น ๆ ในทุกพื้นที่ และอนุมัติเงินจากงบกลาง ปี พ.ศ. 2550 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 777,509,900 บาท โดยแยกเป็น 2 รายการ คือ งบจำนวน 486,541,000 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบน้ำสะอาดจากน้ำ บาดาล และงบจำนวน 290,968,900 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบประปาผิวดินและ แหล่งน้ำธรรมชาติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเรื่องนี้ เสนอคณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1738 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ยกเลิกโดยมติครม. วันที่ 9 ตุลาคม 2550) | ทส | 06/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งรองนายก
รัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามลำดับ เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในกรณีที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการแทนได้โดยให้ครอบคลุม ถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย ทั้งนี้ ตาม มาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
1739 | ร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจหน้าที่ของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเฉพาะอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ไปเป็นของสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 31/10/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนิน
งานรับมอบเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2549 และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาโอนกิจการบริหารและอำนาจ หน้าที่ของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในส่วนที่ เกี่ยวข้องเฉพาะอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ไปเป็นของสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ โอนกิจการบริหารและอำนาจ หน้าที่ พร้อมทั้งบรรดากิจการ อำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิ ภาระผูกพัน ข้าราชการ ลูก จ้าง ตำแหน่ง และอัตรากำลัง ของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องเฉพาะอากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) ไปเป็นของสำนักงาน ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และข้อสังเกตของสำนัก เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กรณีการรวมหรือการโอนส่วนราชการให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ให้ระบุอำนาจหน้า ที่ รวมทั้งทรัพย์สินและหนี้สินไว้ด้วย และหากพระราชกฤษฎีการวมหรือการโอนส่วนราชการดังกล่าวเป็นการแก้ไข เพิ่มเติมหรือยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายจัดตั้งส่วนราชการ ก็ต้องระบุให้ชัดเจนในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยหากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่ามีปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับบทอาศัย อำนาจ และไม่สามารถดำเนินการร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวได้ ให้เสนอความเห็นและแนวทางดำเนินการต่อ คณะรัฐมนตรี และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับ การส่งมอบพื้นที่โรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 13 ไร่ ที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1740 | แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายพนัส ทัศนียานนท์ และนางสาวจีรวรรณ พิพิธโภคา) | ทส | 17/10/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง นาย
พนัส ทัศนียานนท์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแต่งตั้ง นางสาวจีรวรรณ พิพิธโภคา เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
.....