ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 84 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1661 - 1680 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1661 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาปลายโต๊ะ ป่าเขาศก ป่าเทือกเขา กะทะคว่ำ ป่าเทือกเขาหราสูง และป่าเทือกเขาสูง ในท้องที่ตำบลรมณีย์ ตำบลเหล ตำบลท่านา ตำบลกะปง อำเภอกะปง ตำบลสองแพรก อำเภอเมืองพังงา และตำบลถ้ำทองหลาง ตำบลบางเหรียง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 26/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
กำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาปลายโต๊ะ ป่าเขาศก ป่าเทือกเขากะทะคว่ำ ป่าเทือกเขาหราสูง และป่าเทือกเขาสูง ในท้อง ที่ตำบลรมณีย์ ตำบลเหล ตำบลท่านา ตำบลกะปง อำเภอกะปง ตำบลสองแพรก อำเภอเมืองพังงา และตำบลถ้ำทอง หลาง ตำบลบางเหรียง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาปลายโต๊ะ ป่าเขาศก ป่าเทือกเขากะทะคว่ำ ป่าเทือกเขาหราสูง และป่าเทือกเขาสูง ในท้องที่ตำบลรมณีย์ ตำบลเหล ตำบลท่านา ตำบลกะปง อำเภอกะปง ตำบล สองแพรก อำเภอเมืองพังงา และตำบลถ้ำทองหลาง ตำบลบางเหรียง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ให้เป็นเขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่า และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1662 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... | ทส | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของ องค์กรบริหารจัดการลุ่มน้ำในระดับชาติ และระดับลุ่มน้ำ และกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการและบำรุงรักษา แหล่งน้ำขนาดเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและให้มีการจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำขนาดเล็ก และยกเลิกระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาชนบท พ.ศ. 2535 และให้ดำเนินการ ต่อไปได้ และอนุมัติให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา หมู่บ้าน พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||
1663 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2550 | ทส | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2550 เมื่อวันที่ 9 เมษายน
2550 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยคณะกรรมการ ฯ ได้มีมติเห็นชอบโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 42 โครงการ ตามความเห็นของอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ในระดับจังหวัด และโครงการจัดการน้ำเสียของเทศบาลเมืองมาบตาพุด จำนวน 2 โครงการ และเห็นชอบร่าง ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานฝุ่นละอองฟุ้งกระจายจากโรงสี ข้าวทุกประเภทที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 20 ตันต่อวันขึ้นไป ซึ่งกำหนดให้มีค่าความแตกต่างระหว่างจุดตรวจวัด เหนือลมและใต้ลมโรงสีข้าวไม่เกิน 0.100 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร โดยยกเลิกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดให้โรงสีข้าวที่ใช้หม้อไอน้ำเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อย ทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ และใช้ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดให้ โรงสีข้าวทุกประเภทเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ รวมทั้ง เห็นชอบการพิจารณาสนับสนุนจากภาครัฐในการให้ผู้ประกอบการดำเนินการปรับลดมลพิษทั้งมาตรการสำหรับ ผู้ประกอบการเดิมและมาตรการสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ และเห็นชอบหลักเกณฑ์การพิจารณารายงานการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การกำหนดมาตรการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการ ด้านอุตสาหกรรมและด้านพลังงานและแนวทางดำเนินการในบริเวณพื้นที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1664 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จำนวน 11 ราย (1. นายวิชัย แหลมวิไลฯ) | ทส | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง นายวิชัย แหลม
วิไล นายวรวุฒิ ตันติวนิช นางจริยา เจียมวิจิตร นายเกษมสันต์ จิณณวาโส หม่อมหลวงอนุพร เกษมสันต์ นายอาชว์ เตาลานนท์ นายนิวัติ เรืองพานิช พลเอก ประดิษฐ์ บุญเกิด นายปรีชา จันทร์ศิริตานนท์ นายสุรพล ดวงแข และ นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติแทนกรรมการชุดเดิม โดยให้มีผล ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (19 มิถุนายน 2550) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1665 | การเจรจาแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน | ทส | 19/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบบันทึกข้อตกลง
ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับตัวแทนสมัชชาคนจน เมื่อวันที่ 28 พฤษภา คม 2550 จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ บันทึกข้อตกลง กรณีปัญหาที่ดินป่าไม้ในเขตอนุรักษ์ที่ได้รับความเดือดร้อนจาก การปฏิบัติงานของทางราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ซึ่งมีรายละเอียดข้อตกลง ฯ โดย สังเขปดังนี้ ให้สมัชชาคนจนเสนอพื้นที่โครงการนำร่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ร่วมกับภาครัฐภาค ละ 1 พื้นที่ โดยยึดแนวทางการใช้ภาพถ่ายทางอากาศ กระบวนการตรวจพิสูจน์การครอบครองที่ดินเพื่อขอเอก สารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน รวมทั้งพยานบุคคลและเอกสาร และให้แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการนำร่อง โดยมีสัดส่วนของสมัชชาคนจนและทางราชการเท่ากัน และในระหว่างการดำเนินโครงการนำร่องดังกล่าวให้สมาชิก สมัชชาคนจนที่อยู่ก่อนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ทำมาหากินได้ตามปกติจนกว่าโครงการนำ ร่องจะได้ข้อยุติในแนวทางการแก้ไขปัญหา และในช่วงการศึกษาโครงการนำร่อง ถ้าหากมีความจำเป็นในการจัดหา สาธารณูปโภคที่จำเป็นก็ให้ดำเนินการได้ตามความจำเป็น และในการทำมาหากินให้ทำในพื้นที่เดิม เช่น การทำไร่ หมุนเวียนสำหรับที่ถือครองอยู่เดิมสำหรับการตัดต้นยางพารา และการปลูกทดแทน จะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณา สำหรับกรณีมีการบุกรุกพื้นที่เพิ่ม ให้ตัวแทนสมัชชาคนจนร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทำการตรวจสอบพื้นที่ บุกรุก เป็นต้น และบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับกลุ่มปัญหาป่าไม้ที่ดิน รวม 11 กรณี ได้แก่ กรณีการจับกุมราษฎรในคดี บุกรุกสวนป่าสลุย-ท่าแซะ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร กรณีสวนป่าไชยา ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัด สุราษฎร์ธานี กรณี อ.อ.ป. บุกเบิกพื้นที่ป่าสมบูรณ์เพื่อปลูกยางพารา หมู่ที่ 1 บ้านห้วยน้ำขาว อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ กรณีสวนป่าสังขะ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ กรณีสวนป่าดงมะไฟ อำเภอเมือง และอำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร กรณี ต.ช.ด. ขอคืนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าตาพระยา จังหวัดสระแก้ว กรณีอุทยานแห่งชาติแก่ง กรุง จังหวัดสุราษฎร์ธานี กรณีอุทยานแห่งชาติภูพาน จังหวัดกาฬสินธุ์ กรณีอุทยานแห่งชาติตาพระยา จังหวัดสระ แก้ว กรณีร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชน และกรณีที่มีความจำเป็นต้องไปตรวจสอบพื้นที่ร่วมกัน ให้กรมที่เกี่ยวข้อง ประสานกับตัวแทนสมัชชาคนจนเพื่อนัดหมายดำเนินการตรวจสอบร่วมกันต่อไป และรับทราบความก้าวหน้าการ ดำเนินการตามผลการเจรจาระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ กับตัวแทนสมัชชาคนจน เมื่อ วันที่ 28 พฤษภาคม 2550 รวมทั้งรับทราบประเด็นการปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงบางกรณีไม่สามารถดำเนิน การได้เนื่องจากขัดต่อกฎหมาย เช่น กรณีสมัชชาคนจนขอตัดไม้ยางพาราในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทั้งนี้ การปฏิบัติตาม บันทึกข้อตกลงกรณีใดที่ขัดต่อกฎหมาย เช่น การตัดไม้ยางพาราในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เป็นต้น ให้ถือปฏิบัติให้ถูก ต้องและเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1666 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 เรื่อง การดำเนินงานจัดหาที่ดินทำกินให้แก่คนยากจนตามนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน | ทส | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมป่าไม้ กรมธนารักษ์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 ที่ให้หน่วยงานราชการทุกหน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความครอบครองชะลอการออกหลักฐานและ การอนุญาตให้เช่าในที่ดินที่เป็นของรัฐไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าการจัดหาที่ดินจากส่วนราชการต่าง ๆ ที่มีที่ดิน อยู่ในความครอบครอง และการเจรจาการใช้ที่ดินส่วนเกินจะแล้วเสร็จ หากส่วนราชการใดมีความจำเป็นจะต้อง ออกหลักฐานให้เช่าใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐให้นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเป็นรายหน่วยงาน และ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 เรื่อง การดำเนินงานจัดหาที่ดินทำกินให้แก่คนยากจน ตามนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจน และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 เรื่อง ขอยกเว้นการ ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 |
|||||||||||||||||||||||||||
1667 | การปรับปรุงองค์ประกอบกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน 5 ราย (1. นายสมศักดิ์ บุญทองฯ) | ทส | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบ
กรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ โดยให้กรรมการอื่นออกจากตำแหน่ง จำนวน 4 คน ได้แก่ นายอรัญ เพิ่มพิบูลย์ พันเอก (พิเศษ) วิระฉัตร ดำรงหัด นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน และนางถนอมศรี สุวรรณรัตน์ และให้แต่งตั้ง บุคคลเป็นกรรมการอื่นแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน 5 คน ได้แก่ นายสมศักดิ์ บุญทอง พันเอก ยศนันท์ หร่ายเจริญ นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย นายสุรชัย ศศิสุวรรณ และพลตรี ชำนาญ สุวรรณฉวี ทั้งนี้ ให้มีผลนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (12 มิถุนายน 2550) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1668 | กรอบแผนงบประมาณในเชิงบูรณาการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 | ทส | 12/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) ประธานกรรมการพัฒนาลุ่ม
น้ำทะเลสาบสงขลาเสนอ ดังนี้ เห็นชอบกรอบแผนงบประมาณในเชิงบูรณาการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ปี งบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 36 โครงการ วงเงินงบประมาณ 925.193 ล้านบาท กับเห็นชอบแนวทางใน การติดตามประเมินผลของคณะอนุกรรมการกำกับ ติดตามและประเมินผล ได้แก่ การใช้ภาพถ่ายดาวเทียมติด ตามประเมินผลการดำเนินงานโครงการร่วมกับการติดตามโดยชุมชนในพื้นที่และการกำกับติดตามการใช้จ่ายงบ ประมาณในการดำเนินโครงการภายใต้กรอบแผนงบประมาณในเชิงบูรณาการ ฯ และเห็นชอบให้หน่วยงานที่มี โครงการเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนจัดทำคำขอตั้งงบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณตาม ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขของจังหวัด ทั้งนี้ ภายใต้กรอบแผนงบประมาณ ฯ จำนวน 34 โครงการ วงเงินงบประมาณ 329.303 ล้านบาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||||||||
1669 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
บัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ เกี่ยวกับการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งโดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน และ กำหนดกรอบมาตรการควบคุมไม่ให้กระทำการอันเป็นการบุกรุกทำลายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้ง การกำหนดโทษทางอาญาและความรับผิดทางแพ่ง และมาตรการบังคับทางปกครอง และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนขึ้นในร่างพระ ราชบัญญัติฉบับนี้ จะมีผลกระทบต่อระบบการคลัง และวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ และการจัดโครง สร้างองค์กรและอำนาจหน้าที่ควรพิจารณาไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับส่วนราชการอื่น เช่น กฎหมายการเดินเรือ ในน่านน้ำไทย การประมงชายฝั่ง เป็นต้น และควรพิจารณาให้เกิดประสิทธิภาพในการจัดงบประมาณเพื่อให้ เกิดเอกภาพและบูรณาการในการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลได้อย่างแท้จริง รวมทั้งรับความเห็นของ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วย ทั้งนี้ ให้เชิญผู้แทนกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วม พิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติ แห่งชาติพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1670 | ขอขยายเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณ และการดำเนินงานโครงการส่วนที่เหลือของโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) | ทส | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการขยายเวลาการ
ดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 ที่ได้รับงบประมาณแล้วและยังคงดำเนิน การก่อสร้าง/ปรับปรุงไม่แล้วเสร็จ จำนวน 324 โครงการ ออกไปอีก 4 เดือน จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 และ ขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณออกไปอีก 4 เดือน จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2550 รวมทั้งมอบหมายให้กรมส่ง เสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินงานโครงการในพื้นที่ 16 จังหวัดนำร่อง ประกอบด้วย โครงการที่ได้รับการจัดสรร งบประมาณดำเนินการไม่สมบูรณ์ทั้งระบบจำนวน 1,066 โครงการ และโครงการที่ตอบสนองความต้องการน้ำเพื่อ การอุปโภคบริโภคของประชาชน แต่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 2,739 โครงการ ทั้งนี้ ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดโครงการจำนวน 324 โครง การที่ล่าช้า ให้แล้วเสร็จทันกับฤดูแล้ง เพื่อให้การดำเนินการสามารถตอบสนองต่อความจำเป็นในการดำรงชีพของ ประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิผล สำหรับโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดำเนินการไม่สมบูรณ์ทั้ง ระบบ จำนวน 1,066 โครงการ และโครงการที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 2,739 โครงการ ในพื้นที่ นำร่อง 16 จังหวัด นั้น ควรสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับโครงการจัดหา น้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงแหล่งน้ำอย่างทั่วถึงและเสริมสร้างคุณภาพ ชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน และดำเนินการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการเพื่อทราบสถานการณ์การเปลี่ยน แปลงของสภาพการขาดแคลนน้ำโดยรวมของประเทศ รวมถึงความสำเร็จของโครงการในการแก้ไขปัญหาการขาด แคลนน้ำ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการบำรุงรักษาแหล่งน้ำและระบบจ่ายน้ำให้อยู่ใน สภาพที่ดีพร้อมใช้งานบริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1671 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีในคณะกรรมาธิการว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 15 | ทส | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการ
ประชุมระดับรัฐมนตรีในคณะกรรมาธิการว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 15 (The High Level Segment of the Fifteenth Session of the United Nations Commission on Sustainable Development, UNCSD 15) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 - 11 พฤษภาคม 2550 ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐ อเมริกา โดยสาระสำคัญของการประชุมได้มีการพิจารณาร่างข้อมติ (Draft Decision) ที่ยกร่างโดยประธานการ ประชุม ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมประเด็นการเจรจาจากการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อ ตกลงร่วมกันได้เนื่องจากประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปทั้งหมด 27 ประเทศ ไม่ให้การยอมรับร่างข้อมติดังกล่าวด้วย เหตุผลว่า ร่างข้อมติเหล่านั้นไม่สามารถก่อให้เกิดการดำเนินงานที่จะนำไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ที่ ประชุมครั้งนี้จึงไม่บรรลุมติใด ๆ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบกับระเบียบวาระการประชุม CSD16 ซึ่งเป็นการ ทบทวนการดำเนินงานตามแผนการดำเนินงานโจฮันเนสเบอร์ก (Johannesburg Plan of Implementation, JPOI) ในเรื่องเกษตรกรรม การพัฒนาชนบท ที่ดิน ความแห้งแล้ง และการแปรสภาพเป็นทะเลทราย รวมทั้งการติดตาม ความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อมติของ CSD13 ในเรื่องทรัพยากรน้ำและสุขาภิบาล โดยกำหนดการประชุม ระหว่างวันที่ 5-16 พฤษภาคม 2551 ณ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1672 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูค้อและป่าภูกระแต ในท้องที่ตำบลหนองคัน ตำบลห้วยสีเสียด ตำบลแก่งศรีภูมิ อำเภอภูหลวง ตำบลปวนพุ ตำบลหนองหิน ตำบลตาดข่า กิ่งอำเภอหนองหิน อำเภอภูกระดึง และตำบลภูกระดึง ตำบลศรีฐาน ตำบลห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนด
บริเวณที่ดินป่าภูค้อและป่าภูกระแต ในท้องที่ตำบลหนองคัน ตำบลห้วยสีเสียด ตำบลแก่งศรีภูมิ อำเภอภูหลวง ตำบลปวนพุ ตำบลหนองหิน ตำบลตาดข่า กิ่งอำเภอหนองหิน อำเภอภูกระดึง และตำบลภูกระดึง ตำบลศรี ฐาน ตำบลห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระ สำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าภูค้อและป่าภูกระแต ในท้องที่ตำบลหนองคัน ตำบลห้วยสีเสียด ตำบลแก่งศรี ภูมิ อำเภอภูหลวง ตำบลปวนพุ ตำบลหนองหิน ตำบลตาดข่า กิ่งอำเภอหนองหิน อำเภอภูกระดึง และตำบลภู กระดึง ตำบลศรีฐาน ตำบลห้วยส้ม อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อรักษาไว้ซึ่งพันธุ์ สัตว์ป่าและพื้นที่ป่าให้เป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย รวมทั้งเป็นการรักษาแหล่งต้นน้ำลำธารและป่า ไม้ที่มีอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ให้คงอยู่อย่างถาวรตลอดไป และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎ หมายต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1673 | การบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ | ทส | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้ประเทศ
ไทยบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นจำนวน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550-พ.ศ. 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||
1674 | การประชุม The Third ASEM Environment Ministers' Meeting | ทส | 05/06/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุม
The Third ASEM Environment Ministers'' Meeting โดยที่ประชุมได้หารือในประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ อากาศและความยั่งยืนทางพลังงาน การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และการตัดไม้ทำลายป่าในบริบท ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้จากพลังงานอย่างยั่งยืน และ การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ โดยจะนำผลการประชุมในครั้งนี้เสนอในการประชุมคณะกรรมา ธิการว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 15 และการประชุมภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่า ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งจะนำเสนอในการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 6 ที่จะ จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนตุลาคม 2551
|
|||||||||||||||||||||||||||
1675 | ขออนุมัติจัดประชุมรัฐมนตรีด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก | ทส | 29/05/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลง
วันจัดประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสและการประชุมรัฐมนตรีด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จาก ที่กำหนดไว้เดิมวันที่ 7-8 ธันวาคม 2549 เป็นวันที่ 8-9 สิงหาคม 2550 กับเห็นชอบร่างกฎบัตรความร่วมมือด้าน อนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก (Draft Charter of the Regional Forum on Environment and Health) ที่ได้รับการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของกระทรวงการต่างประเทศ และเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณ สุข มีอำนาจเต็มในการลงนามรับรองกฎบัตรความร่วมมือด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อม ฯ ในการประชุมรัฐมนตรีด้าน อนามัยและสิ่งแวดล้อม ฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สามารถให้ ความเห็นชอบในการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎบัตรความร่วมมือด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อม ฯ ในประเด็นปลีกย่อยได้ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||||||||
1676 | รายงานผลการติดตามงานการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด ในท้องที่จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี ครั้งที่ 1 | ทส | 22/05/2550 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการติดตามงานการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด
ในท้องที่จังหวัดพิจิตรและจังหวัดอุทัยธานี ครั้งที่ 1 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2550 สรุปได้ดังนี้ ผลการติดตามงานของจังหวัดพิจิตร ได้รับการจัดสรรงบประมาณตาม ยุทธศาสตร์ ฯ จำนวน 73 ล้านบาท โดยจัดสรรให้หมู่บ้าน/ชุมชนในเขตเทศบาลเมือง จำนวน 929 หมู่บ้าน ร้อยละ 90 และจัดสรรไว้เพื่อสนับสนุนการยกระดับหมู่บ้าน/ชุมชน ร้อยละ 10 ส่วนการนำเสนอโครงการ หมู่บ้าน/ชุมชน ได้เสนอโครงการ จำนวน 434 โครงการ จำแนกตามแผนงาน 5 ด้าน ประกอบด้วย แผนงานด้านเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 115 โครงการ แผนงานพัฒนาและสร้างโอกาสให้ชุมชน จำนวน 14 โครงการ แผนงานการฟื้นฟูความอุดม สมบูรณ์ของชุมชน จำนวน 43 โครงการ แผนงานการสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ จำนวน 62 โครงการ และแผนงานการบริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน จำนวน 200 โครงการ สำหรับผลการติดตามงานของจังหวัดอุทัย ธานี ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์ ฯ จำนวน 59 ล้านบาท โดยจัดสรรให้อำเภอเป็นหน่วยดำเนิน การตามหลักเกณฑ์ คือ ร้อยละ 50 จัดสรรเท่ากันทุกอำเภอ ร้อยละ 10 จัดสรรตามสัดส่วนหมู่บ้าน/ชุมชน ร้อยละ 15 จัดสรรตามจำนวนประชากร ร้อยละ 15 จัดสรรตามจำนวนครัวเรือน และร้อยละ 10 จัดสรรตามแบบผกผัน (คิดจากรายได้ประชากรต่อหัว) และการอนุมัติโครงการ พิจารณากระจายใน 5 แผนงาน คือ แผนงานด้านเศรษฐ กิจพอเพียง ร้อยละ 50 แผนงานพัฒนาและสร้างโอกาสให้ชุมชน ร้อยละ 20 แผนงานการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ ของชุมชน ร้อยละ 10 แผนงานการสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ ร้อยละ 10 และแผนงานการบริการขั้นพื้น ฐานแก่ประชาชน ร้อยละ 10
|
|||||||||||||||||||||||||||
1677 | การจัดตั้งเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายในภูมิภาคอาเซียน | ทส | 22/05/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ รับทราบผลการประชุม
เครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพืชป่าในภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ 1 (1st Meeting of the ASEAN Wildlife Enforcement Network : ASEAN-WEN) เมื่อวันที่ 22-25 พฤษภาคม 2549 ณ กรุงเทพมหานคร และเห็นชอบให้ ประเทศไทยเป็นผู้จัดตั้งสำนักงานศูนย์ประสานงานเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการค้าสัตว์และพืชป่าที่ผิด กฎหมายในภูมิภาคอาเซียน (Programme Coordination Unit of ASEAN Wildlife Enforcement Network : ASEAN- WEN) ซึ่งดำเนินการโดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับสาระสำคัญของการประชุม ฯ สรุปได้ดังนี้ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างข้อกำหนด การดำเนินงาน (Term of Reference : TOR) ของเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ ผิดกฎหมายในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Wildlife Enforcement Network : ASEAN-WEN) ซึ่งกำหนดให้การดำเนิน การต่าง ๆ ของเครือข่าย ฯ ต้องอยู่ภายใต้กรอบแห่งกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ (ตาม TOR ข้อ 9) ดังนั้น จึงไม่นำไปสู่การแก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอีก รวมทั้งเห็นชอบจากการจัดตั้งศูนย์ประสานงานกลาง (Programme Coordination Unit : PCU) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของเครือข่าย ฯ และกรอบหน้าที่ตามที่ได้ กำหนดในร่างข้อกำหนดการดำเนินงาน (Term of Reference : TOR) ของ PCU และเห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นผู้ ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานกลาง (Program Coordination Unit : PCU) ในระยะเริ่มต้น 2 ปีแรก และหลัง จากนั้นจะหมุนเวียนไปยังประเทศอื่น ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายตามแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับมาตรการและแผนงานของเครือ ข่าย ฯ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตาม ความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
1678 | แผนจัดการระดับชาติเพื่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน | ทส | 15/05/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติ
เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างแผนจัดการระดับชาติเพื่อการปฏิบัติตาม อนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน (Enabling Activities for the Development of a National Plan for Implementation of the Stockholm Convention on Persistent Organic Pollutants : NIP/ POPs) เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติเพื่อการจัดการสารมลพิษที่ตกค้างยาวนานในเบื้องต้น 12 ชนิด ตามที่กำหนดไว้ในภาคผนวก เอ บี และซี ของอนุสัญญาสตอกโฮล์ม ฯ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ประสานงานและติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนจัดการระดับชาติ ฯ และจัดทำ รายงานประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุ วัตถุประสงค์ตามแผนจัดการระดับชาติ ฯ และรายงานผลการดำเนินงานประจำปีต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับไปดำเนินการตามประเด็นอภิปราย ของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่ให้ศึกษาว่ายังมีสารมลพิษที่ตกค้างยาวนานอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้กำหนดมาตรการ ควบคุมอีก หรือไม่ และพิจารณาจำนวนห้องปฏิบัติการตรวจสอบสารไดออกซินที่สมควรเร่งสร้างให้เหมาะสม และเพียงพอ โดยเฉพาะให้สามารถรองรับการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารไปประเทศสหรัฐอเมริกาและสหภาพ ยุโรป ที่มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท และศึกษาความเป็นไปได้ของแนวคิดในการจัดตั้งสถานที่เผาศพรวมสี่มุม เมือง และให้กรมควบคุมมลพิษจัดทำเอกสารกรณีศึกษาการทำเตาเผาศพรวมในจังหวัดเชียงใหม่ให้กระทรวง มหาดไทยใช้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์แนวคิดนี้ นอกจากนี้ ให้ร่วมกันพิจารณาแนวทางและสถานที่จัดตั้งเตาเผา ขยะในภูมิภาคให้เพียงพอกับความต้องการ โดยพิจารณาใช้ประโยชน์จากเตาเผาขยะของภาคเอกชนที่มีอยู่แล้ว พร้อมทั้งส่งเสริมให้เอกชนลงทุนสร้างเตาเผาขยะ รวมทั้งรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบ การพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1679 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | ทส | 15/05/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ จัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ ขึ้นเป็นองค์การมหาชน ตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชน เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ และการคุ้มครองการใช้ประโยชน์เชิงรุก การให้บริการ การเข้าถึง และการใช้ประโยชน์ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งการรวบรวมองค์ความรู้ การวิจัยต่าง ๆ อย่างมีทิศ ทาง ตลอดจนการเป็นศูนย์กลางติดตาม ส่งเสริมและประสานงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1680 | ร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา พ.ศ. .... | ทส | 08/05/2550 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
ขยายเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ขยายเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ให้ ครอบคลุมถึงบริเวณกองหินริเชลิว ในท้องที่ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เนื้อที่ประมาณ 3,907 ไร่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตว่า พื้นที่ที่เป็นอุทยานแห่งชาติในปัจจุบันยังทับ ซ้อนกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าหมู่เกาะสุรินทร์ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 441 (พ.ศ. 2514) ออกตามความในพระ ราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2504 สมควรที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎ กระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาตินี้ต่อไปเพื่อมิให้เกิดปัญหาในการบังคับ ใช้กฎหมายสองฉบับ
|
.....