ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 89 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1761 - 1780 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1761 | รายงานผลการปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และลำปาง ครั้งที่ 3 | ทส | 05/09/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานสรุปผลการปฏิบัติ
งานเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และลำปาง เพิ่มเติม ดังนี้ ที่อ่างเก็บแม่มาน อำเภอสูงเม่น และอ่างเก็บน้ำแม่จั๊วะ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และ บริษัท ไม้อัดไทย จำกัด ดำเนินการเก็บไม้ เศษไม้ และปลายไม้ ออกจากอ่างน้ำเก็บทั้งสองเสร็จแล้ว รวมปริมาตร ทั้งสิ้น 64,849.51 ลบ.ม. ประกอบด้วย ไม้ท่อน 4,200 ลบ.ม. และเศษไม้/ปลายไม้ 60,649.51 ลบ.ม. และได้ นำไม้ปริมาตร 28,368 ลบ.ม. ไปผลิตเป็นไม้อัด (MDF) ส่วนที่เหลือแจกจ่ายแก่ราษฎรไปใช้ประโยชน์ สำหรับ การให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดน่าน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สนับสนุนระบบประปาสนามเพื่อผลิตน้ำประปาแจกจ่าย ปรับปรุงและพัฒนาบ่อน้ำตื้น สำรวจความเสียหาย ระบบประปา เป่าล้างบ่อบาดาล ซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำแบบบ่อลึก และซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน ส่วนการ ดำเนินการเก็บไม้ เศษไม้ และปลายไม้ ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดสุโขทัย มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง สองรับไปดำเนินการและจัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ วิธีการนำไม้ที่เก็บได้ให้ประชา ชนในพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ต่อไป ทั้งนี้ มอบหมายให้จังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดสุโขทัยรับไปดำเนินการเกี่ยวกับ การเก็บไม้ เศษไม้ และปลายไม้ รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์ วิธีการนำไม้ที่ เก็บได้ให้ประชาชนในพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ โดยให้คำนึงถึงความเป็นธรรมและความยากจนของราษฎรเป็นสำคัญ และห้ามมิให้ดำเนินการในเชิงธุรกิจ
|
||||||||||||||||||
1762 | ขออนุมัติจัดประชุมรัฐมนตรีด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก | ทส | 29/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ เห็นชอบให้ประเทศ
ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 7-8 ธันวาคม 2549 โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม และกระทรวงสาธารณสุขร่วมเป็นหน่วยงานหลักในการจัดประชุม ฯ และเห็นชอบในหลักการให้กรม ควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบดำเนินงาน จำนวน 4,900,000 บาท จากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย งบประมาณตามมาตรการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2549 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมการและจัดประชุมการ จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ และการประชาสัมพันธ์การจัดประชุม สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็น เหมาะสม และโดยประหยัดต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||
1763 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาสมิง (ป่าคลองใหญ่ และป่าเขาไฟไหม้) ในท้องที่ตำบลหนองบอน ตำบลช้างทูน ตำบลบ่อพลอย ตำบลนนทรีย์ ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว) | ทส | 29/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาสมิง (ป่าคลองใหญ่ และป่าเขาไฟไหม้) ในท้องที่ตำบลหนองบอน ตำบลช้างทูน ตำบลบ่อพลอย ตำบลนนทรีย์ ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ให้เป็นอุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาสมิง (ป่าคลองใหญ่ และป่าเขาไฟไหม้) ใน ท้องที่ตำบลหนองบอน ตำบลช้างทูน ตำบลบ่อพลอย ตำบลนนทรีย์ ตำบลด่านชุมพล อำเภอบ่อไร่ จังหวัด ตราด ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อ ไปได้
|
||||||||||||||||||
1764 | รายงานผลการปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดน่าน | ทส | 29/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการปฏิบัติ
งานในพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดน่าน ของคณะอนุกรรมการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากอุทก ภัยภาคเหนือ ซึ่งจากการตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นพบว่า มีแหล่งน้ำผิวดินเสียหาย 33 แห่ง ระบบประปา ผิวดินเสียหาย 40 แห่ง บ่อน้ำตื้นเสียหาย 1,500 แห่ง รวมทั้งมีรายงานการเกิดดินถล่ม และเกิดรอยแยกของ แผ่นดินประมาณ 208 แห่ง สำหรับการแก้ไขปัญหาพื้นที่ดินถล่ม ในระยะแรก จะประกาศให้อำเภอเชียงกลาง อำเภอทุ่งช้าง และอำเภอเฉลิมพระเกียรติเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม พร้อมอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย ก่อน โดยจะจัดหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินในพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ประชาชนเป็นการด่วนที่สุด และมอบหมาย ให้จังหวัดน่านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||
1765 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย (จำนวน 5 ราย) | ทส | 22/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการแต่งตั้งประธาน
กรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย จำนวน 5 คน โดยมีนายเรียบ นราดิศร เป็นประธานกรรมการ นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ นายชาญวิทย์ มุนิกานนท์ นายบรรเจิด อริยานุกิจจา และ นางพัชรินสุขสมิทธิ์ เป็นกรรมการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (22 สิงหาคม 2549) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
||||||||||||||||||
1766 | ขออนุมัติปรับแผนโครงการน้ำบาดาลบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัย ปี 2549 | ทส | 22/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอขอขยายเวลาการ
ปฏิบัติงานตามแผนการปฏิบัติงานและขยายเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการน้ำบาดาลบรรเทาความ เดือดร้อนจากอุทกภัยปี พ.ศ. 2549 จากที่ได้รับอนุมัติไว้เดิมไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549 รวมทั้งปรับ พื้นที่การดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยธรรมชาติเป็นกรณีเร่งด่วน ตามหลักการแผนและ ขั้นตอนการดำเนินงานโครงการน้ำบาดาลบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัยปี พ.ศ. 2549 ให้ครอบคลุมพื้น ที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย โดยใช้วงเงินงบประมาณเดิมที่ได้รับ อนุมัติไว้แล้ว
|
||||||||||||||||||
1767 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งองค์การบริหารจัดการภาวะเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... | ทส | 15/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกาการจัดตั้งองค์การบริหารจัดการภาวะเรือนกระจก (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... และส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทค โนโลยี ที่ให้เพิ่มผู้แทนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นกรรมการโดยตำแหน่งไว้ในองค์ประกอบของ คณะกรรมการองค์การ ฯ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และระบุการจัดสรรงบประมาณ เพื่อสนับสนุนการวิจัยด้วย เป็นต้น ไปพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอแนะของสำนักงาน ก.พ.ร เกี่ยวกับองค์ประกอบของคณะกรรมการองค์การฯ ควรประกอบ ด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มิใช่ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐในปริมาณที่สูงกว่าผู้แทนของส่วนราชการ ที่เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และในการจัดองค์การ ฯ ให้จัดตั้งให้มีหน่วยงานภายในกระทรวงรับผิดชอบในการ พิจารณาอนุมัติโครงการไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการจัดตั้งองค์การ ฯ เป็นองค์การมหาชน และข้อสังเกตของ สำนักงบประมาณบางประเด็น อาทิ กรณีการจัดตั้งองค์การ ฯ เป็นองค์การมหาชน หากมีผลเป็นการเพิ่มอัตรา กำลังหรืองบประมาณ ให้ดำเนินการตามหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานในกำกับและ การจัดตั้งองค์การมหาชน แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0504/ว 238 ลงวันที่ 26 กันยายน 2546 และกรณีกำหนดการแบ่งส่วนงานภายในขององค์การ ฯ ไว้เป็นการเฉพาะในวาระเริ่มแรก จะทำให้การปรับเปลี่ยนการแบ่งส่วนงานภายในขององค์การ ฯ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการบริหารงานใน อนาคตเกิดความไม่คล่องตัว เนื่องจากจะต้องมีการแก้ไขพระราชกฤษฎีกา ประกอบกับการจัดแบ่งส่วนงานของ องค์การ ฯ และขอบเขตหน้าที่ของส่วนราชการเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารองค์การ ฯ จึงไม่สม ควรกำหนดการแบ่งส่วนงานดังกล่าวไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
1768 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่านายางกลัก ในท้องที่ตำบลโป่งนก ตำบลนายางกลัก ตำบลบ้านไร่ ตำบลวะตะแบก อำเภอเทพสถิต และตำบลซับใหญ่ กิ่งอำเภอซับใหญ่ อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม) | ทส | 15/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่านายางกลัก ในท้องที่ตำบลโป่งนก ตำบลนายางกลัก ตำบลบ้านไร่ ตำบล วะตะแบก อำเภอเทพสถิต และตำบลซับใหญ่ กิ่งอำเภอซับใหญ่ อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ บริเวณที่ดินป่านายางกลัก ในท้องที่ตำบลโป่งนก ตำบลนายางกลัก ตำบลบ้านไร่ ตำบลวะตะแบก อำเภอ เทพสถิต และตำบลซับใหญ่ กิ่งอำเภอซับใหญ่ อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยาน แห่งชาติป่าหินงาม) และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายเพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||
1769 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาช้างเผือก และป่าห้วยเขยง ในท้องที่ตำบลหนองลู ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี และตำบลปิล๊อก ตำบลห้วยเขยง ตำบลท่าขนุน ตำบลหินดาด ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ) | ทส | 15/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาช้างเผือก และป่าห้วยเขยง ในท้องที่ตำบลหนองลู ตำบลปรัง เผล อำเภอสังขละบุรี และตำบลปิล๊อก ตำบลห้วยเขยง ตำบลท่าขนุน ตำบลหินดาด ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอ ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดิน ป่าเขาช้างเผือกและป่าห้วยเขยง ในท้องที่ตำบลหนองลู ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี และตำบลปิล๊อก ตำบลห้วยเขยง ตำบลท่าขนุน ตำบลหินดาด ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็น อุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1770 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ และป่าภูแลนคา ด้านทิศใต้ ในท้องที่ตำบลบ้านหัน ตำบลสระโพนทอง ตำบลโนนกอก ตำบลซับสีทอง ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ตำบลกุดชุมแสง ตำบลคูเมือง อำเภอหนองบัวแดง ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ และตำบลภูแลนคา อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติภูแลนคา) | ทส | 15/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ และป่าภูแลนคาด้านทิศใต้ ในท้องที่ตำบลบ้านหัน ตำบลสระโพนทอง ตำบลโนนกอก ตำบลซับสีทอง ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ตำบลกุดชุมแสง ตำบลคูเมือง อำเภอหนองบัวแดง ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ และตำบลภูแลนคา อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าภูแลนคาด้านทิศเหนือ และ ป่าภูแลนคาด้านทิศใต้ ในท้องที่ตำบลบ้านหัน ตำบลสระโพนทอง ตำบลโนนกอก ตำบลซับสีทอง ตำบล บ้านเดื่อ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ ตำบลกุดชุมแสง ตำบลคูเมือง อำเภอหนองบัวแดง ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ ตำบลห้วยต้อน อำเภอเมืองชัยภูมิ และตำบลภูแลนคา อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ให้ เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติภูแลนคา) และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายเพื่อประกาศใช้บังคับเป็น กฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||
1771 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยยอดมน และป่าบุณฑริก ในท้องที่ตำบลช่องเม็ก ตำบลโนนก่อ อำเภอสิรินธร และตำบลคอแลน ตำบลโพนงาม ตำบลห้วยข่า อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 15/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยยอดมน และป่าบุณฑริก ในท้องที่ตำบลช่องเม็ก ตำบลโนนก่อ อำเภอสิริน ธร และตำบลคอแลน ตำบลโพนงาม ตำบลห้วยข่า อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่า พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าห้วยยอดมน และป่าบุณฑริก ในท้องที่ตำบลช่อง เม็ก ตำบลโนนก่อ อำเภอสิรินธร และตำบลคอแลน ตำบลโพนงาม ตำบลห้วยข่า อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบล ราชธานี เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1772 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาปลายโต๊ะ ป่าเขาศก ป่าเทือกเขา กะทะคว่ำ ป่าเทือกเขาหราสูง และป่าเทือกเขาสูง ในท้องที่ตำบลรมณีย์ ตำบลเหล ตำบลท่านา ตำบลกะปง อำเภอกะปง ตำบลสองแพรก อำเภอเมืองพังงา และตำบลถ้ำทองหลาง ตำบลบางเหรียง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ให้เป็นเขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 08/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาปลายโต๊ะ ป่าเขาศก ป่าเทือกเขากะทะคว่ำ ป่าเทือกเขาหราสูง และ ป่าเทือกเขาสูง ในท้องที่ตำบลรมณีย์ ตำบลเหล ตำบลท่านา ตำบลกะปง อำเภอกะปง ตำบลสองแพรก อำเภอเมืองพังงา และตำบลถ้ำทองหลาง ตำบลบางเหรียง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ให้เป็นเขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1773 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2548 | ทส | 08/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ประธานกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติเสนอร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ที่คณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติได้มีมติในคราวการประชุม ครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 เห็นชอบร่างรายงานดัง กล่าว ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาสาระ 4 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่เป็นประเด็นสำคัญ ในรอบปี พ.ศ. 2548 (ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ ภัยแล้งในประเทศไทย สารอันตรายและของเสียอันตราย การจัดการสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำท่าจีน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และการเผาในที่โล่งในประเทศไทย) ส่วนที่ 2 รายงานสถานภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรดินและการใช้ดิน ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรธรณี ทรัพยากรพลังงาน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ความหลากหลายทางชีวภาพ ในประเทศไทย ภาวะมลพิษ สิ่งแวดล้อมเมืองและชุมชน สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม) ส่วนที่ 3 การ บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มาตรการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม กฎหมายสิ่ง แวดล้อม การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กองทุนสิ่งแวดล้อม) และส่วนที่ 4 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย อาทิ การส่งเสริมหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน และการเข้าถึงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม การเร่งรัดการใช้หลัก การผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายและหลักการความรับผิดชอบทางด้านสิ่งแวดล้อมมาบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และ การสนับสนุนการใช้มาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ในการนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นเอกสาร เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และ CD-ROM เสร็จแล้ว
|
||||||||||||||||||
1774 | ร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 08/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (ฝ่าย
โครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนิน การต่อไปได้ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ และร่างกฎกระทรวง ฯ เป็นการรวม กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าด้วยกัน และใช้ชื่อว่า "กรมป่าไม้" เนื่องจากหน่วย งานทั้งสองมีลักษณะงานและอำนาจหน้าที่ที่ซ้ำซ้อนกัน และให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับการปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการไปประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนของหนังสือสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ นร 1200/ว 3 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อไป |
||||||||||||||||||
1775 | การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี | ทส | 08/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมป่า
ไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกรมที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการในการดำเนิน งานตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าบนภูเขาที่สูงชัน รวมทั้งการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเร่งฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมให้กลับคืนสภาพสมบูรณ์ โดยเร็ว และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของหน่วยงานดังกล่าว จากงบประมาณกองทุนหมุนเวียนที่ สามารถสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องในบางประเด็นดังนี้ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เกาะสมุย ควรเร่งดำเนินการฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น การเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะ น้ำเสีย แหล่งที่อยู่อาศัย สถานที่พักของนักท่องเที่ยว ร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงการควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยว สำหรับแหล่งเงินงบประมาณที่เสนอขอใช้จากกองทุนที่สามารถสนับสนุนได้ นั้น วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน ควรสอดคล้องหลักการในการขอสนับสนุนงบประมาณ จึงเห็นควรเร่งจัดทำแผนบูรณาการและมาตรการแก้ไข ปัญหาที่เป็นรูปธรรม สามารถเห็นผลสำเร็จที่ชัดเจน ตลอดจนรายละเอียดการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายเพื่อขอ รับการสนับสนุนงบประมาณ ภายใต้กรอบที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ พ.ศ. 2535 ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||
1776 | ข้อผูกพันตามอนุสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต | ทส | 01/08/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงาน
ว่า ตามหลักการของอนุสัญญา UNFCCC ซึ่งได้มีการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกภายใต้อนุสัญญาออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Annex I ประกอบด้วยประเทศที่พัฒนาแล้ว 41 ประเทศ และกลุ่ม Non-Annex I ประกอบด้วยประเทศ กำลังพัฒนา 148 ประเทศ (รวมประเทศไทย) และกำหนดให้กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (Annex I) ลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกในประเทศของตนลงร้อยละ 5 ของปริมาณการปลดปล่อยเมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555 ประกอบกับได้มีการจัดทำพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) เมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยให้ประเทศที่พัฒนาแล้ว (Annex I) ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 5 ของปริมาณการปลดปล่อยในปี พ.ศ. 2523 รวมทั้งกำหนดให้มีข้อผูกพันทางกฎหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของอนุสัญญาและกำหนดกลไกการ ดำเนินการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก คือ การซื้อขายก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading) การดำเนินการร่วม (Joint Implementation) และกลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism) กลุ่มประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกที่จัดอยู่ในกลุ่ม Non-Annex I มีหน้าที่ต้องรายงานปริมาณการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศในแต่ละปี และพยายามหาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซดังกล่าว แต่ยังไม่ มีคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ประเภทที่ได้รับการจัดสรรเป็นพันธกรณีไว้เหมือนประเทศใน Annex I แต่ ยังมีคาร์บอนเครดิตอีกประเภทหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ประเทศที่พัฒนาแล้วเข้าไปมีส่วนร่วมกับประเทศกำลังพัฒนา ได้ คือ คาร์บอนเครดิตประเภทที่ลดการปล่อยได้ภายใต้โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด (กลไกการพัฒนาที่ สะอาด (Clean Development Mechanism)) ซึ่งเป็นโครงการที่ประเทศพัฒนาแล้วสามารถปฏิบัติตามพันธกรณี ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ โดยลงทุนโครงการที่ก่อให้เกิดการลดปริมาณการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกในประเทศกำลังพัฒนา และนำปริมาณก๊าซที่ลดได้ไปใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซตาม พันธกรณีของประเทศตน ซึ่งปัจจุบันมีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกันมาก และอาจดำเนินการเรื่องนี้ในรูปของ การช่วยเหลือ และพัฒนาในด้านสิ่งแวดล้อมในโครงการต่าง ๆ รวมทั้งมีความร่วมมือในภาคเอกชนมากขึ้นตาม ลำดับ และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นเจ้าภาพรับไปพิจารณาแนวทางการดำเนิน การในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น โดยให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นฝ่ายเลขานุการ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติติดตามการดำเนินการดังกล่าวต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||
1777 | ร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 25/07/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ขอถอนร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อนำไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||
1778 | สรุปสถานภาพทรัพยากรแร่และเชื้อเพลิงธรรมชาติของประเทศไทย | ทส | 18/07/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากร
ธรณี รายงานสรุปสถานภาพทรัพยากรแร่และเชื้อเพลิงธรรมชาติของประเทศไทย สรุปได้ดังนี้ มูลค่าการผลิต ทรัพยากรแร่ในปี พ.ศ. 2548 ผลิตได้มูลค่ารวมมากกว่า 33,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการผลิตของถ่านหิน สูงสุดอันดับ 1 มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท อันดับ 2 เป็นหินประดับ และหินอุตสาหกรรมก่อสร้าง ประเภทหินปูน ผลิตมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาท อันดับ 3 เป็นหินอุตสาหกรรมซีเมนต์ ประเภทหินปูน ผลิตมูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านบาท อันดับ 4 เป็น ยิปซัม ผลิตมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท และอันดับ 5 เป็นทองคำ ผลิตมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการผลิตทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ปิโตร เลียม) ในปี พ.ศ. 2548 ผลิตน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว ได้มูลค่ารวมมากกว่า 230,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการผลิตของก๊าซธรรมชาติสูงสุด มากกว่า 90,000 ล้านบาท สำหรับปริมาณทรัพยากร แร่สำรองและปริมาณทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมชาติสำรอง (ปิโตรเลียม) ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการผลิต ในปี พ.ศ. 2548 มีมูลค่าที่ได้รับอนุญาตให้ผลิต รวมมากกว่า 1,950,000 ล้านบาท และ 2,460,000 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งปริมาณทรัพยากรแร่สำรองมีศักยภาพเป็นไปได้ และปริมาณทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมชาติ สำรองมีศักยภาพเป็นไปได้ จากผลการประเมินมูลค่ามีมูลค่ารวมมากกว่า 10,945,000,000 ล้านบาท และ 4,330,000 ล้านบาท ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||
1779 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | ทส | 18/07/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ คือ จัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหา ชน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศมีข้อสังเกตว่า การกำหนดให้สำนักงาน ฯ มีอำนาจทำความตกลง และร่วมมือกับองค์กรหรือหน่วยงานในประเทศหรือต่างประเทศ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกิจการที่ เกี่ยวกับการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของสำนักงาน ฯ นั้น โดยที่สำนักงาน ฯ มิได้มีสถานะเป็นกระทรวง ทบวง กรม จึงไม่เข้าข่ายตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 วันที่ 1 ตุลาคม 2545 วันที่ 7 มกราคม 2546 ที่ระบุให้กระทรวง ทบวง กรม ที่จะจัดทำความตกลงกับหน่วยงานต่างประเทศส่งเรื่องให้ กระทรวงการต่างประเทศพิจารณา ก่อนนำเรื่องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนาม ไป พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||
1780 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ปี 2549 | ทส | 04/07/2549 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่ม
เติมเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ปี พ.ศ. 2549 ว่า ขณะนี้ได้มีการรวบ รวมซากเศษไม้จากอำเภอต่าง ๆ ในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมดินถล่มแล้ว รวมเป็นปริมาตรประมาณ 50,470 ลูกบาศก์เมตร และได้ทยอยขนส่งมายังโรงงานของบริษัท ไม้อัดไทย จำกัด เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เช่น การทำไม้อัด เป็นต้น แต่โดยที่ยังมีซากเศษไม้ที่ถูกน้ำพัดมาทับถมค้างอยู่อีกเป็นจำนวนมากในเขตอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ จึงขอขยายพื้นที่การดำเนินการเก็บรวบรวมซากเศษไม้ให้ครอบคลุมไปถึงพื้นที่ดังกล่าวด้วย
|
.....