ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 89 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1761 - 1780 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1761 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2548 | ทส | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ประธานกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติเสนอร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2548 ที่คณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติได้มีมติในคราวการประชุม ครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549 เห็นชอบร่างรายงานดัง กล่าว ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาสาระ 4 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่เป็นประเด็นสำคัญ ในรอบปี พ.ศ. 2548 (ภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ ภัยแล้งในประเทศไทย สารอันตรายและของเสียอันตราย การจัดการสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำท่าจีน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และการเผาในที่โล่งในประเทศไทย) ส่วนที่ 2 รายงานสถานภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรดินและการใช้ดิน ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรธรณี ทรัพยากรพลังงาน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ความหลากหลายทางชีวภาพ ในประเทศไทย ภาวะมลพิษ สิ่งแวดล้อมเมืองและชุมชน สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม) ส่วนที่ 3 การ บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มาตรการการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม กฎหมายสิ่ง แวดล้อม การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กองทุนสิ่งแวดล้อม) และส่วนที่ 4 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย อาทิ การส่งเสริมหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน และการเข้าถึงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม การเร่งรัดการใช้หลัก การผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่ายและหลักการความรับผิดชอบทางด้านสิ่งแวดล้อมมาบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ และ การสนับสนุนการใช้มาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ในการนี้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2548 เพื่อเป็นเอกสาร เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และ CD-ROM เสร็จแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
1762 | ร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่ และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (ฝ่าย
โครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ที่มีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรม ชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนิน การต่อไปได้ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... โดยสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ และร่างกฎกระทรวง ฯ เป็นการรวม กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าด้วยกัน และใช้ชื่อว่า "กรมป่าไม้" เนื่องจากหน่วย งานทั้งสองมีลักษณะงานและอำนาจหน้าที่ที่ซ้ำซ้อนกัน และให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกี่ยว กับการปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการไปประกอบการดำเนินการตามขั้นตอนของหนังสือสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ นร 1200/ว 3 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2549 ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1763 | การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี | ทส | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมป่า
ไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกรมที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการในการดำเนิน งานตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าบนภูเขาที่สูงชัน รวมทั้งการออกเอกสารสิทธิที่ดินในพื้นที่ป่าไม้ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และเร่งฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรมให้กลับคืนสภาพสมบูรณ์ โดยเร็ว และสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานของหน่วยงานดังกล่าว จากงบประมาณกองทุนหมุนเวียนที่ สามารถสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องในบางประเด็นดังนี้ การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เกาะสมุย ควรเร่งดำเนินการฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น การเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะ น้ำเสีย แหล่งที่อยู่อาศัย สถานที่พักของนักท่องเที่ยว ร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงการควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยว สำหรับแหล่งเงินงบประมาณที่เสนอขอใช้จากกองทุนที่สามารถสนับสนุนได้ นั้น วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน ควรสอดคล้องหลักการในการขอสนับสนุนงบประมาณ จึงเห็นควรเร่งจัดทำแผนบูรณาการและมาตรการแก้ไข ปัญหาที่เป็นรูปธรรม สามารถเห็นผลสำเร็จที่ชัดเจน ตลอดจนรายละเอียดการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายเพื่อขอ รับการสนับสนุนงบประมาณ ภายใต้กรอบที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม แห่งชาติ พ.ศ. 2535 ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
1764 | ข้อผูกพันตามอนุสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต | ทส | 01/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงาน
ว่า ตามหลักการของอนุสัญญา UNFCCC ซึ่งได้มีการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกภายใต้อนุสัญญาออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่ม Annex I ประกอบด้วยประเทศที่พัฒนาแล้ว 41 ประเทศ และกลุ่ม Non-Annex I ประกอบด้วยประเทศ กำลังพัฒนา 148 ประเทศ (รวมประเทศไทย) และกำหนดให้กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (Annex I) ลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกในประเทศของตนลงร้อยละ 5 ของปริมาณการปลดปล่อยเมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2555 ประกอบกับได้มีการจัดทำพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) เมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยให้ประเทศที่พัฒนาแล้ว (Annex I) ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 5 ของปริมาณการปลดปล่อยในปี พ.ศ. 2523 รวมทั้งกำหนดให้มีข้อผูกพันทางกฎหมายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของอนุสัญญาและกำหนดกลไกการ ดำเนินการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก คือ การซื้อขายก๊าซเรือนกระจก (Emission Trading) การดำเนินการร่วม (Joint Implementation) และกลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism) กลุ่มประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิกที่จัดอยู่ในกลุ่ม Non-Annex I มีหน้าที่ต้องรายงานปริมาณการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศในแต่ละปี และพยายามหาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซดังกล่าว แต่ยังไม่ มีคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ประเภทที่ได้รับการจัดสรรเป็นพันธกรณีไว้เหมือนประเทศใน Annex I แต่ ยังมีคาร์บอนเครดิตอีกประเภทหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ประเทศที่พัฒนาแล้วเข้าไปมีส่วนร่วมกับประเทศกำลังพัฒนา ได้ คือ คาร์บอนเครดิตประเภทที่ลดการปล่อยได้ภายใต้โครงการกลไกการพัฒนาที่สะอาด (กลไกการพัฒนาที่ สะอาด (Clean Development Mechanism)) ซึ่งเป็นโครงการที่ประเทศพัฒนาแล้วสามารถปฏิบัติตามพันธกรณี ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ โดยลงทุนโครงการที่ก่อให้เกิดการลดปริมาณการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกในประเทศกำลังพัฒนา และนำปริมาณก๊าซที่ลดได้ไปใช้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซตาม พันธกรณีของประเทศตน ซึ่งปัจจุบันมีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกันมาก และอาจดำเนินการเรื่องนี้ในรูปของ การช่วยเหลือ และพัฒนาในด้านสิ่งแวดล้อมในโครงการต่าง ๆ รวมทั้งมีความร่วมมือในภาคเอกชนมากขึ้นตาม ลำดับ และมอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นเจ้าภาพรับไปพิจารณาแนวทางการดำเนิน การในเรื่องนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ เป็นต้น โดยให้กระทรวงทรัพยา กรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นฝ่ายเลขานุการ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติติดตามการดำเนินการดังกล่าวต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1765 | ร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 25/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ขอถอนร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อนำไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
1766 | สรุปสถานภาพทรัพยากรแร่และเชื้อเพลิงธรรมชาติของประเทศไทย | ทส | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากร
ธรณี รายงานสรุปสถานภาพทรัพยากรแร่และเชื้อเพลิงธรรมชาติของประเทศไทย สรุปได้ดังนี้ มูลค่าการผลิต ทรัพยากรแร่ในปี พ.ศ. 2548 ผลิตได้มูลค่ารวมมากกว่า 33,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการผลิตของถ่านหิน สูงสุดอันดับ 1 มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท อันดับ 2 เป็นหินประดับ และหินอุตสาหกรรมก่อสร้าง ประเภทหินปูน ผลิตมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาท อันดับ 3 เป็นหินอุตสาหกรรมซีเมนต์ ประเภทหินปูน ผลิตมูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านบาท อันดับ 4 เป็น ยิปซัม ผลิตมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท และอันดับ 5 เป็นทองคำ ผลิตมูลค่ามากกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการผลิตทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ปิโตร เลียม) ในปี พ.ศ. 2548 ผลิตน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว ได้มูลค่ารวมมากกว่า 230,000 ล้านบาท โดยมีมูลค่าการผลิตของก๊าซธรรมชาติสูงสุด มากกว่า 90,000 ล้านบาท สำหรับปริมาณทรัพยากร แร่สำรองและปริมาณทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมชาติสำรอง (ปิโตรเลียม) ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการผลิต ในปี พ.ศ. 2548 มีมูลค่าที่ได้รับอนุญาตให้ผลิต รวมมากกว่า 1,950,000 ล้านบาท และ 2,460,000 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งปริมาณทรัพยากรแร่สำรองมีศักยภาพเป็นไปได้ และปริมาณทรัพยากรเชื้อเพลิงธรรมชาติ สำรองมีศักยภาพเป็นไปได้ จากผลการประเมินมูลค่ามีมูลค่ารวมมากกว่า 10,945,000,000 ล้านบาท และ 4,330,000 ล้านบาท ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
1767 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | ทส | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ คือ จัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหา ชน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศมีข้อสังเกตว่า การกำหนดให้สำนักงาน ฯ มีอำนาจทำความตกลง และร่วมมือกับองค์กรหรือหน่วยงานในประเทศหรือต่างประเทศ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกิจการที่ เกี่ยวกับการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของสำนักงาน ฯ นั้น โดยที่สำนักงาน ฯ มิได้มีสถานะเป็นกระทรวง ทบวง กรม จึงไม่เข้าข่ายตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 วันที่ 1 ตุลาคม 2545 วันที่ 7 มกราคม 2546 ที่ระบุให้กระทรวง ทบวง กรม ที่จะจัดทำความตกลงกับหน่วยงานต่างประเทศส่งเรื่องให้ กระทรวงการต่างประเทศพิจารณา ก่อนนำเรื่องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนาม ไป พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
1768 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ปี 2549 | ทส | 04/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่ม
เติมเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ปี พ.ศ. 2549 ว่า ขณะนี้ได้มีการรวบ รวมซากเศษไม้จากอำเภอต่าง ๆ ในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมดินถล่มแล้ว รวมเป็นปริมาตรประมาณ 50,470 ลูกบาศก์เมตร และได้ทยอยขนส่งมายังโรงงานของบริษัท ไม้อัดไทย จำกัด เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เช่น การทำไม้อัด เป็นต้น แต่โดยที่ยังมีซากเศษไม้ที่ถูกน้ำพัดมาทับถมค้างอยู่อีกเป็นจำนวนมากในเขตอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ จึงขอขยายพื้นที่การดำเนินการเก็บรวบรวมซากเศษไม้ให้ครอบคลุมไปถึงพื้นที่ดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1769 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (พลตำรวจตรี ประเสริฐ จันทราพิพัฒน์) | ทส | 04/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้ง พลตำรวจตรี
ประเสริฐ จันทราพิพัฒน์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โดย ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (4 กรกฎาคม 2549) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
1770 | ร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นกรมป่าไม้และปรับปรุงอำนาจหน้าที่และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 04/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่งร่างพระราชกฤษฎีการวมกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและ
พันธุ์พืช เป็นกรมป่าไม้ และปรับปรุงอำนาจหน้าที่และกิจการของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้คณะกรรมการกลั่น กรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) เป็นประธานกรรมการพิจารณา โดยให้เชิญ ผู้แทนสำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. เข้าร่วมพิจารณาชี้แจงแสดงความเห็น แล้วให้นำคณะรัฐมนตรี ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1771 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาหมู่บ้าน พ.ศ. .... | ทส | 27/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดองค์ ประกอบและอำนาจหน้าที่ขององค์กรบริหารจัดการลุ่มน้ำในระดับชาติและระดับลุ่มน้ำ รวมทั้งแนวทางในการ บริหารจัดการและบำรุงรักษาแหล่งน้ำขนาดเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้มีการจัดทำทะเบียน แหล่งน้ำขนาดเล็ก และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา หมู่บ้าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ วางหลักเกณฑ์การดำเนินการด้านการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบ ประปาหมู่บ้านให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดย ให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากร น้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... กรณีที่กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำขนาดเล็กและจัดทำ รายงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่ใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรายงานจังหวัดและคณะ กรรมการลุ่มน้ำอีก เป็นการกำหนดให้องค์กรปกครองท้องถิ่นปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อนและเพิ่มภาระ สำหรับร่าง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาหมู่บ้าน พ.ศ. .... เป็นการ เสนอกฎหมายที่ซ้ำซ้อนกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา หมู่บ้าน พ.ศ. 2548 และจะเป็นเหตุให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดความสับสนในการปฏิบัติ ไปพิจารณา ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
1772 | รายงานประจำปี 2548 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงาน
ประจำปี พ.ศ. 2548 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||
1773 | แนวทางการออกเอกสารสิทธิให้ประชาชน | ทส | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแนว
ทางการออกเอกสารสิทธิให้ประชาชน โดยจะพิจารณาพื้นที่ที่ไม่มีความขัดแย้งเรื่องแนวเขตหรือแก้ไขข้อขัดแย้ง จบสิ้นแล้วให้พิจารณาออกเอกสารสิทธิได้ โดยพิจารณาการออกเอกสารสิทธิให้กับราษฎรที่จดทะเบียนปัญหา สังคมและความยากจนในประเภทปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน เป็นลำดับแรก โดยเฉพาะผู้ไม่มีที่ดินทำกิน ทั้งนี้ ใน การจัดพื้นที่ให้ราษฎร จะต้องคำนึงถึงอาชีพของราษฎรผู้นั้นที่ทำกินในปัจจุบัน และประสบการณ์การประกอบ อาชีพ จำนวนสมาชิกในครัวเรือนที่เป็นกำลังการผลิต และสถานที่ตั้งของที่ดินตามลักษณะภูมิประเทศ สำหรับ เจ้าของที่ดินที่ครอบครองที่ดินไว้จำนวนมากแต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มพื้นที่ ให้มีการเจรจาเพื่อให้ราษฎร อื่นเช่าใช้ประโยชน์ ส่วนกรณีที่ดินเป็นเขตป่าต้นน้ำ พื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง และพื้นที่เสี่ยง ภัยธรรมชาติ ให้จัดประชุมเพื่อลดผลกระทบและแก้ปัญหาให้มีข้อยุติแล้วจึงพิจารณาออกเอกสารสิทธิ และหาก การครอบครองที่ดินประกอบด้วยส่วนที่ถูกกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ ให้เจรจา ในส่วนที่ไม่ถูกต้องคืนกับรัฐ และออกเอกสารสิทธิในส่วนที่ถูกต้องภายหลังการพิสูจน์สิทธิแล้ว อย่างไรก็ตาม รูปแบบเอกสารสิทธิ ในอนาคตข้างหน้าอาจใช้ชื่อเดียวกันแต่มีรายละเอียดของการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
1774 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ระดับ 10 (นายไพศาล กุวลัยรัตน์) | ทส | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
แต่งตั้งนายไพศาล กุวลัยรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงาน ปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
1775 | รายงานผลการปฎิบัติงานเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน และลำปาง ครั้งที่ 3 | ทส | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ
รายงานสรุปผลการดำเนินงานในการช่วยเหลือประชาชนและร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากอุทกภัย ในส่วนที่เพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม-15 มิถุนายน 2549 โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม ได้ให้การช่วยเหลือในส่วนของการแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค เป่าล้างบ่อบาดาล ซ่อมระบบประปา และ เครื่องสูบน้ำ ทำความสะอาดบ่อน้ำตื้น และชักลากไม้ รวมทั้งได้จัดทำแผนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคเหนือในระยะเร่งด่วน ได้แก่ โครงการน้ำบาดาลเฉพาะพื้นที่ประสบภัย 5 จังหวัด การก่อสร้างฝายต้นน้ำลำธารเพื่อชะลอความเร็วการไหลของน้ำ และปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำและระบบ ประปาที่ได้รับความเสียหาย และแผนฟื้นฟูด้านทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||
1776 | การมอบหมายผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินเป็นรายจังหวัด | ทส | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการมอบหมายผู้
รับผิดชอบในการกำกับดูแลการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินเป็นรายจังหวัด โดยมีรายชื่อผู้รับผิดชอบในการ กำกับดูแลการแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกินเป็นรายจังหวัด ดังนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแล) การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน กลุ่มที่ 1 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแล) การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน กลุ่มที่ 2 พล.ต.อ. ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี(กำกับดูแล) การแจกเอก สารสิทธิ์ที่ดิน กลุ่มที่ 3 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแล) การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน กลุ่มที่ 4 นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแล) การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน กลุ่มที่ 5 นายแพทย์สุชัย เจริญรัตนกุล รองนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแล) การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน กลุ่มที่ 6 และนาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี (กำกับดูแล) การแจกเอกสารสิทธิ์ที่ดิน กลุ่มที่ 7
|
|||||||||||||||||||||
1777 | แผนงบประมาณในเชิงบูรณาการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา พ.ศ. 2550 | ทส | 06/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอมติคณะกรรมการ
พัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ครั้งที่ 1/2549 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549 เรื่องแผนงบประมาณในเชิงบูรณา การพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา พ.ศ. 2550 โดยเห็นชอบในหลักการของแผนงบประมาณ ฯ จำนวน 83 โครงการ 83 โครงการ วงเงิน 1,287.464 ล้านบาท และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการตามแผนเสนอ คำขอตั้งงบประมาณต่อสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาต่อไป และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการส่งเสริมการ มีส่วนร่วมของประชาชนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่ได้ รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2550 เพื่อให้เกิดการบูรณาการในการปฏิบัติอย่างแท้จริง สำหรับ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนงบประมาณในเชิงบูรณาการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ในปีต่อไป ให้ผู้แทนภาคประชาชนร่วมเป็นฝ่ายเลขานุการด้วย และให้รีบดำเนินการตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549 ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ตามขั้นตอนโดยเร็วต่อไปเมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว
|
|||||||||||||||||||||
1778 | การขอขยายเวลาการดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) | ทส | 06/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอการขยายเวลาการ
ดำเนินงานโครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ระยะที่ 1 (16 จังหวัดนำร่อง) โดยขยายเวลา การดำเนินงานโครงการที่ได้รับงบประมาณแล้ว จำนวน 3,254 โครงการ จากเดิมที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2549 เป็นวันที่ 30 กันยายน 2549 และขยายเวลาการดำเนินงานโครงการส่วน ที่เหลือ จำนวน 2,182 โครงการ ออกไปอีก 8 เดือน นับจากวันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบ ประมาณครบตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 รวมทั้งสนับสนุน งบประมาณเพิ่มเติม จำนวน 6,273,320,036 บาท เพื่อให้ครบตามเป้าหมายของโครงการ รวมทั้งสิ้น 5,436 โครงการ (แยกเป็นงบประมาณ จำนวน 1,960,305,279 บาท ที่จะใช้ในการดำเนินงานให้เต็มโครงการที่แจ้ง ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แล้ว จำนวน 3,254 โครงการ และงบประมาณ จำนวน 4,313,014,757 บาท ที่จะใช้ดำเนินงานโครงการที่เหลือ จำนวน 2,182 โครงการ ให้ครบถ้วนตามเป้าหมาย 16 จังหวัด) โดย ในส่วนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ให้ประสานขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบ ประมาณ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง ตามกำลังเงินงบ ประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับงบประมาณในส่วนที่ขาดให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2550 ต่อไป และให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรสนับสนุนขีดความสามารถ ของบุคลากรในการจัดซื้อจัดจ้างตามกฎระเบียบราชการ เพื่อให้สามารถดำเนินงานโครงการ ฯ ให้แล้วเสร็จตาม ระยะเวลาที่ขอขยายออกไปหลังจากที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณแล้ว และเห็นควรทำการศึกษาข้อมูลใน เรื่องปริมาณน้ำฝน และความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการที่สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ไปประกอบ การดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1779 | รายงานผลการปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ น่านและลำปาง ครั้งที่ 2 | ทส | 06/06/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลผลการปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยใน
พื้นที่จังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ (ข้อมูล ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2549) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย การแจกจ่ายน้ำอุปโภคบริโภค รวม 2,263,700 ลิตร เป่าล้างบ่อน้ำบาดาล รวม 212 บ่อ ซ่อมระบบประปา รวม 45 แห่ง ซ่อมเครื่องสูบน้ำ รวม 80 เครื่อง ทำความสะอาดบ่อน้ำตื้น รวม 199 บ่อ สำรวจความเสียหายบ้านเรือน รวม 458 หลัง สำรวจความเสียหายของแหล่งน้ำ รวม 421 แห่ง อพยพคน รวม 51 เที่ยว จัดที่พักชั่วคราว รวม 350 คน แจกจ่าย/ขนย้ายสิ่งของ รวม 222 เที่ยว สูบและระบายน้ำ รวม 3 หมู่บ้าน ค้นหาศพ รวม 9 ศพ และทำสะพานชั่วคราว รวม 7 แห่ง รวมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการฟื้นฟูทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในจังหวัดที่ประสบอุทกภัยและมิให้เกิดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานเป็นการด่วน
|
|||||||||||||||||||||
1780 | โครงการน้ำบาดาลบรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัยปี 2549 | ทส | 30/05/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการ
โครงการน้ำบาดาลเฉพาะในพื้นที่ที่ประสบภัย 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ น่าน และลำปาง โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 186,030,000 บาท จำแนกตามเป้าหมาย 4 กิจกรรม ดังนี้ สำรวจและเจาะ น้ำบาดาล 600 บ่อ เป่าล้างบ่อน้ำบาดาล 4,052 บ่อ ซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำแบบบ่อลึก 1,892 เครื่อง และ ซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน 756 ระบบ สำหรับอีก 3 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ จังหวัดตาก พะเยา และพิจิตร ซึ่ง ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากน้ำไหลหลากแต่ไม่รุนแรง ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับผิดชอบในการดำเนิน การต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....