ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 82 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1621 - 1640 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1621 | เสนอคณะรัฐมนตรีให้วันที่ 4 ธันวาคม เป็นวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ | ทส | 27/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้วันที่ 4 ธันวาคม
ของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ ตามมติคณะกรรมการสิ่ง แวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 12/2550 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2550 |
||||||||||||||||||
1622 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 3 | ทส | 27/11/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับผลการ
ประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรน้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2550 โดยประเด็นสำคัญของการประชุม ฯ คือ การเร่งสร้างหุ้นส่วนเครือข่ายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือขององค์กรบริหาร จัดการน้ำภาครัฐและภาคส่วนอื่น การเสริมสร้างขีดความสามารถในการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในเมืองและ พื้นที่ชุมชน และการขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมประเทศภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (รวม 49 ประเทศ) โดยจัดตั้ง Council of Ministers on Water Resources for Asia-Pacific รวมทั้งได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับกรอบการดำเนินงาน ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการนำผลการประชุมไปสู่การปฏิบัติ เช่น การนำผลการประชุมนำเสนอในการประชุม ผู้นำอาเซียน เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ควรรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เพื่อเข้าร่วมการประชุม Asia-Pacific Water Summit ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม 2550 ณ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทั้ง ได้ให้การรับรองแถลงการณ์ปุตราจารยาโดยมีสาระสำคัญคือ ที่ประชุมยอมรับพันธกิจที่มีตามที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ใน แถลงการณ์เชียงใหม่ โดยจะรับรองแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบผสมผสาน และจากแถลงการณ์บา หลี โดยยืนยันจะดำเนินการให้มีนโยบายและโครงการที่เป็นรูปธรรมในการดำเนินงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แบบผสมผสานตามแผนปฏิบัติการรวม 5 ด้าน ได้แก่ การบริหารทรัพยากรน้ำเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การดำเนิน การตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำแบบผสมผสาน ทั้งในระดับนานาชาติและระดับท้องถิ่น/ภูมิภาค การจัดการ น้ำและสุขาภิบาลสำหรับทุกคน การบริหารจัดการน้ำเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และความมั่นคงด้านน้ำ เป็น ต้น
|
||||||||||||||||||
1623 | แนวทางพิจารณาการก่อสร้างถนนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า | ทส | 13/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแนวทาง
ปฏิบัติให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถือปฏิบัติในการพิจารณาก่อสร้างถนนในเขตพื้นที่อุทยานยาน แห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อคุ้มครองดูแลรักษาพื้นที่ สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติของชาติอื่น ๆ ให้ คงอยู่มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไปเพื่อประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่สาธารณชน โดยห้ามมิให้ตัดถนน เพื่อเป็นทางสัญจรสาธารณะขึ้นใหม่ โดยเส้นทางสาธารณะเดิมที่มีอยู่แล้วไม่ให้ขยายช่องจราจร แต่ให้ปรับปรุงผิว จราจรหรือการชะลอความเร็วแทน ส่วนการปรับปรุงผิวจราจรให้ทำเพื่อความปลอดภัยในการจราจรเป็นหลัก และ ให้พิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป รวมทั้งการพัฒนาถนนเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองดูแลรักษาพื้นที่หรือการศึกษาหรือ การวิจัย หรือการท่องเที่ยว ให้ทำเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยคำนึงถึงผลกระทบและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั้งนี้ ให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรให้มีการกำหนดแนวเขตขอบถนนให้ชัดเจนเพื่อป้องกันการบุกรุก โดยต้องมีการตรวจ สอบอย่างสม่ำเสมอ และกำชับให้หน่วยงานของกระทรวงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ และแจ้งหน่วยงานต่าง ๆ ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด และความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ฯ ดำเนินการให้ การบังคับใช้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และพระ ราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งบัญญัติห้ามมิให้มีการก่อสร้างใด ๆ ในเขตพื้นที่อุทยานแห่ง ชาติ เขตป่าสงวนแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ า เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขั้น ลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ และสร้างความเข้มแข็งของกลไกการบังคับใช้กฎหมาย เป็นต้น ไปพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
1624 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าจอมทอง ป่าแม่ขาน และป่าแม่วาง ในท้องที่ตำบลสันติสุข ตำบลยางคราม ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ ตำบลบ้านหลวง ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง และตำบลทุ่งปี้ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่วาง) | ทส | 13/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าจอมทอง ป่าแม่ขาน และป่าแม่วาง ในท้องที่ตำบลสันติสุข ตำบลยางคราม ตำบล ดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ ตำบลบ้านหลวง ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง และตำบลทุ่งปี้ อำเภอแม่วาง จังหวัด เชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าจอมทอง ป่าแม่ขาน และป่า แม่วาง ในท้องที่ตำบลสันติสุข ตำบลยางคราม ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ ตำบลบ้านหลวง ตำบลข่วงเปา อำเภอจอมทอง และตำบลทุ่งปี้ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติแม่วาง) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1625 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง ในท้องที่ตำบลแม่ทะลบ ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ ตำบลแม่คะ ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และบริเวณป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย ตำบลป่าแดด ตำบลศรีถ้อย ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา) | ทส | 13/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราช
กฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลุ่มน้ำแม่ฝาง ในท้องที่ตำบลแม่ทะลบ ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ ตำบล แม่คะ ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และบริเวณป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย ตำบลป่าแดด ตำบลศรีถ้อย ตำบล ท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่า ลุ่มน้ำแม่ฝาง ในท้องที่ตำบลแม่ทะลบ ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ ตำบลแม่คะ ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และบริเวณป่าแม่ลาวฝั่งซ้าย ตำบลป่าแดด ตำบลศรีถ้อย ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัด เชียงราย ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา) และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
1626 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า (จำนวน 6 คน 1. รองศาสตราจารย์ประสงค์ เอี่ยมอนันต์ฯ) | ทส | 13/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์) ประธานกรรมการ
อนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และ พัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า จำนวน 6 คน ได้แก่ รองศาสตราจารย์ประสงค์ เอี่ยมอนันต์ นายวทัญญู ณ ถลาง นายสุวิชญ์ รัศมิภูติ นางวณี สัมพันธารักษ์ นายมานิตย์ ศิริวรรณ และนายบุญญวัฒน์ ทิพทัส โดยให้มี ผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (13 พฤศจิกายน 2550) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
1627 | รายงานผลการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มเดือนกันยายน - ตุลาคม 2550 | ทส | 13/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรธรณี
รายงานผลการเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่มเดือนกันยายน-ตุลาคม 2550 โดยในส่วนของการจัดตั้งเครือข่ายเฝ้า ระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม ได้จัดตั้งเครือข่าย ฯ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร จำนวนเครือข่าย ฯ จาก 133 หมู่บ้าน 37 ตำบล 15 อำเภอ มีอาสาสมัครเครือข่าย ฯ รวม 816 ราย และปัจจุบันมีการจัดตั้งเครือข่าย ฯ แล้ว รวมทั้งสิ้น 21 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มสูง ที่เหลืออีก 30 จังหวัด จะดำเนินการให้แล้ว เสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 สำหรับการซักซ้อมเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม ได้ประกาศเฝ้าระวังเตือน ภัยผ่านสื่อต่าง ๆ รวม 14 ครั้ง หน่วยเคลื่อนที่เร็วออกสำรวจตรวจสอบพื้นที่ที่ประสบธรณีพิบัติภัย 3 ครั้ง ไม่พบ การเกิดเหตุดินถล่มที่รุนแรง มีแต่เหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบางพื้นที่
|
||||||||||||||||||
1628 | รายงานการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย ปี 2550 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 13/11/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลรายงานการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยปี 2550 ของกระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปไดัดังนี้ ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในเรื่องเกี่ยวกับน้ำอุปโภคบริโภค การฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ ซ่อมแซมระบบประปาหมู่บ้าน เป็นต้น โดยเบิก จ่ายเงินเจียดจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2551 งบดำเนินงานในการดำเนินการ พร้อมทั้ง จัดเตรียมแผนการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย 3 ด้าน ได้แก่ แผนการจัดการด้านทรัพยากรน้ำ ด้านสิ่งแวดล้อม และ การบริหารจัดการ สำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยได้แก่ สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมควบคุมมลพิษ โดยร่วมกันบูรณาการในพื้นที่วิกฤตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ให้แล้วเสร็จในเวลาประมาณ 3 เดือน โดยใช้งบประมาณปกติเป็นหลัก
|
||||||||||||||||||
1629 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด ในท้องที่จังหวัดพิจิตรและจังหวัดอุทัยธานี ครั้งที่ 5/2550 | ทส | 13/11/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับความ
ก้าวหน้าการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดในท้องที่จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี ครั้งที่ 5/ 2550 โดยได้แต่งตั้งคณะทำงานติดตามงานการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด ในท้องที่จังหวัดพิจิตร และจังหวัดอุทัยธานี และคณะทำงาน ฯ ดังกล่าวได้ร่วมกับจังหวัดพิจิตรและอุทัยธานีดำเนินการติดตามประเมินผล โครงการตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข พ.ศ. 2550 (รอบแรก) ซึ่งดำเนินการด้วยการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลจากผู้นำชุม ชนและประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตชุมชน ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก ตามกรอบคำถามที่มีอยู่ในแบบสอบถาม และนำ ข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ผลที่เกิดกับชุมชน ซึ่งจังหวัดพิจิตรมีโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข พ.ศ. 2550 ในรอบ แรก จำนวน 1,047 โครงการ ซึ่งกระรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 23- 28 ตุลาคม 2550 จำนวน 73 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 6.97 ของโครงการทั้งหมด สำหรับจังหวัดอุทัยธานีมีโครง การ ฯ ในรอบแรก จำนวน 777 โครงการ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ระหว่างวันที่ 16-19 ตุลาคม 2550 จำนวน 76 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 9.78 ของโครงการทั้งหมด
|
||||||||||||||||||
1630 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าฮาลาและป่าบาลา ในท้องที่ ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ ตำบลสุคิริน ตำบลมาโมง ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน ตำบลแว้ง ตำบลแม่ดง ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส และตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการออกพระราช
กฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่นิคมสร้างตนเองในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตามข้อสังเกตของสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกา กับเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดบริเวณที่ดินป่าฮาลาและป่าบาลา ในท้องที่ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ ตำบลสุคิริน ตำบลมาโมง ตำบลภูเขาทอง อำเภอสุคิริน ตำบลแว้ง ตำบลแม่ดง ตำบลโละจูด อำเภอ แว้ง จังหวัดนราธิวาส และตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าฮาลาและบาลา ในท้องที่ ตำบลกาหลง ตำบลศรีสาคร อำเภอศรีสาคร ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ ตำบลสุคิริน ตำบลมาโมง ตำบลภูเขา ทอง อำเภอสุคิริน ตำบลแว้ง ตำบลแม่ดง ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส และตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอ เบตง จังหวัดยะลา เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อ ไป
|
||||||||||||||||||
1631 | ร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าดอยผาเมือง ในท้องที่ ตำบลเวียงตาล ตำบลแม่สัน อำเภอห้างฉัตร และตำบลเสริมขวา อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
ขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าดอยผาเมือง ในท้องที่ตำบลเวียงตาล ตำบลแม่สัน อำเภอห้างฉัตร และตำบลเสริม ขวา อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าดอยผาเมือง ในท้องที่ตำบลเวียงตาล ตำบลแม่สัน อำเภอห้างฉัตร และตำบลเสริม ขวา อำเภอเสริมงาม จังหวัดลำปาง และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป
|
||||||||||||||||||
1632 | ร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าสาละวิน ในท้องที่ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา
ขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าสาละวิน ในท้องที่ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ขยายเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าสาละวิน ในท้องที่ ตำบลเสาหิน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และให้นำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมาย ต่อไป
|
||||||||||||||||||
1633 | การสัมมนาเรื่อง "ทิศทางประเทศไทยในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" | ทส | 06/11/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอนโยบาย แนวทาง และ
มาตรการที่ได้รับจากการบรรยายของผู้แทนกระทรวง และข้อคิดเห็นจากผู้เข้าร่วมสัมมนาเรื่อง "ทิศทางประเทศไทย ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ซึ่งเห็นพ้องต้องกันที่จะร่วมกันดำเนินนโยบายและแนวปฏิบัติตาม "ทิศทางไทย สู่ภัยโลกร้อน" สรุปได้ดังนี้ ด้านนโยบาย จะส่งเสริมและสนับสนุนด้วยทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อให้เกิดการ ดำเนินงานด้านต่าง ๆ ที่นำไปสู่การวิจัยและพัฒนาการใช้พลังงานสะอาด การสร้างความสามารถในการปรับตัว เพื่อ รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้น ด้านปฏิบัติ จะดำเนินการ โดยอาศัยหลักการพอเพียงในภาค ส่วนต่าง ๆ ดังนี้ (1) ภาคพลังงาน จะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดในการผลิตกระแสไฟฟ้า และภาคการคมนาคมขนส่ง จะส่งเสริมการประหยัดพลังงาน และลดสัดส่วนการพึ่งพาพลังงานที่ต้องนำเข้า (2) ภาค อุตสาหกรรม จะร่วมมือในการลดก๊าซเรือนกระจกด้วยวิธีการส่งเสริมการผลิตและการประกอบการอุตสาหกรรมด้วย การใช้เทคโนโลยีที่สะอาดและทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการส่งเสริมให้ลดการใช้สารที่ก่อให้เกิด ก๊าซเรือนกระจกในโรงงานอุตสาหกรรม (3) ภาคเกษตรกรรม จะดำเนินการตามแผนบรรเทาภาวะโลกร้อนด้านการ เกษตร พ.ศ. 2550 - พ.ศ. 2554 และ (4) ภาคป่าไม้และพื้นที่สีเขียว จะเพิ่มแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจกด้วยการ อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างจริงจัง
|
||||||||||||||||||
1634 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปี 2551 - 2554 | ทส | 30/10/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ (ร่าง)
แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปี พ.ศ. 2551-2554 เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางปฏิบัติในการป้อง กัน ควบคุม และแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าให้มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปใช้ให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติจริง ประกอบด้วย (ร่าง) แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปี พ.ศ. 2551-2554 จำนวน 44 โครงการ และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ปี พ.ศ. 2551- 2554 จำนวน 307 โครงการ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของส่วนราชการที่ เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรสร้างความ ชัดเจน หรือเพิ่มมาตรการในด้านการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งกำเนิดไฟป่าในการสร้างความ ร่วมมือกันในการป้องกันและควบคุมไฟป่าเข้าไว้ด้วย และให้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและส่วน ท้องถิ่นถึงความเป็นไปได้ของการจัดสรรงบปกติของแต่ละหน่วยงานเพื่อการนี้ รวมทั้งหารือกับสำนักงบประมาณ ในการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับปี พ.ศ. 2551 และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็น หน่วยงานหลักรวบรวมผลการดำเนินงาน ตลอดจนติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติ การ ฯ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น และทั้งในระดับมาตรการ จังหวัด และโครงการ และ นำเสนอให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในระยะ 6 เดือนตลอดช่วงการดำเนินการตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติการ ฯ เป็น ต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณเพื่อดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้ใช้จ่ายจากงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ที่กระทรวงและจังหวัดได้รับการจัดสรรไว้แล้ว ส่วนงบประมาณ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2554 ให้เสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
1635 | รายงานผลการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจากพายุ "เลกีมา" | ทส | 30/10/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปผลการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจากพายุ
"เลกีมา" ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ดังนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรธรรมชาติ ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัด เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร ขอนแก่น ชัยภูมิ หนองคาย มุกดาหาร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ หนองบัวลำภู มหาสารคาม ลำปาง เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ เลย เชียงราย และอุบลราชธานี ที่ประสบอุทกภัยจากพายุ "เลกีมา" โดยจัดหน่วยเฉพาะ กิจให้บริการแจกจ่ายน้ำดื่มสะอาด และส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจพื้นที่ประสบภัย และจัดส่งหน่วยปฏิบัติงานเป่าล้างทำ ความสะอาดบ่อน้ำบาดาลที่ถูกน้ำท่วม รวมทั้งซ่อมแซมเครื่องสูบน้ำและระบบประปาบาดาล และจากเหตุการณ์ภัย พิบัติอุทกภัยที่ผ่านมา เมื่อเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายน 2549 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เฉียงเหนือ จำนวน 47 จังหวัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรธรรมชาติ ได้ให้ความ ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและบูรณะฟื้นฟูความเสียหายในพื้นที่ 47 จังหวัด เฉพาะในส่วนของการสำรวจและประเมิน ความเสียหายของแหล่งน้ำ ระบบประปา บ่อน้ำบาดาล และทำการฟื้นฟูเป่าล้างทำความสะอาดบ่อน้ำบาดาล ซ่อม แซมบำรุงรักษาระบบประปาบาดาลและเจาะบ่อน้ำบาดาลทดแทนบ่อน้ำบาดาลที่ชำรุดเสียหาย
|
||||||||||||||||||
1636 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 10 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม+3 ครั้งที่ 6 (The 10th Informal ASEAN Ministerial Meeting on the Environment - IAMME & The 6th ASEAN+3 Environment Ministers Meeting - EMM +3) และการประชุม The 3rd Conference of Parties to the ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution (COP3 - Haze) | ทส | 22/10/2550 | |||||||||||||||
|
||||||||||||||||||
1637 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 10/2550 | ทส | 22/10/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอมติคณะกรรมการสิ่ง
แวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 10/2550 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2550 ดังนี้ (1) เรื่อง ขอกันเขตพื้นที่ป่าอนุ รักษ์เพื่อกำหนดเป็นแหล่งหินอุตสาหกรรมบริเวณเขาหนองหอย (เพิ่มเติม) ตำบลลานหอย อำเภอบ้านด่านลาน หอย จังหวัดสุโขทัย คณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ไม่สมควรอนุมัติให้กันเขตพื้นที่ดังกล่าว เพื่อกำหนดเป็นแหล่งหินอุตสาหกรรม ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยหากกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดแหล่งหินเพิ่มเติมต่อเนื่องจากแหล่งหินเดิมหรือ ในบริเวณใกล้เคียงเขาหนองหอย ซึ่งอยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ ก็ให้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ กำหนดแนวกันชน (Buffer Zone) ที่ชัดเจนเพื่อป้องกันผลกระทบต่อพื้นที่ป่าอนุรักษ์จากการทำเหมืองแร่ในระยะ ต่อไป (2) เรื่อง การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การกำจัดซากผลิตภัณฑ์เครื่อง ใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ คณะกรรมการ ฯ มีมติเห็นชอบกับการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ โดยเพิ่ม เติมผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ และสำนักงบประมาณ เป็นอนุกรรมการด้วย (3) เรื่อง ร่าง มาตรฐานน้ำทิ้งจากบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด คณะกรรมการ ฯ มีมติว่า ไม่ควรระบุชนิดสัตว์น้ำจืดลงในนิยามคำว่า "บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดประเภท ค" ใน (ร่าง) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนด ให้บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องถูกควบคุมการปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ หรือ ออกสู่สิ่งแวดล้อม และ (ร่าง) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบ คุมการระบายน้ำทิ้งจากบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด (4) เรื่อง รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการ เหมืองแร่สังกะสี ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) คำขอประทานบัตรที่ 1/2546 ร่วมแผนผังโครงการ ทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรที่ 30769/15525 ที่ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก คณะ กรรมการ ฯ มีมติให้ใช้มาตรฐานน้ำทิ้งอุตสาหกรรมในการควบคุมการระบายน้ำทิ้งที่ผ่านกระบวนการทำเหมืองแร่ สังกะสีของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี ฯ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการจ้าง หน่วยงานกลางเพื่อศึกษา สำรวจ สาเหตุ ที่มา และขอบเขตของการปนเปื้อนแคดเมียมในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ตาว และให้ ควบคุมดูแลการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ (5) เรื่อง ค่าภาคหลวงแร่ทองคำ คณะกรรมการ ฯ มี มติมอบหมายกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พิจารณาทบทวนการกำหนดค่า ภาคหลวงแร่ทองคำให้มีความเหมาะสม
|
||||||||||||||||||
1638 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (จำนวน 6 ราย 1. นายสันทัด สมชีวิตาฯ) | ทส | 16/10/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอแต่งตั้งประธานกรรม
การและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ประกอบด้วย นายสันทัด สมชีวิตา เป็นประธานกรรมการ นายศุภชัย วัฒนางกูร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ คุณหญิงทอง ทิพ รัตนะรัต เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน นายดำรงค์ ศรีพระราม เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่า ไม้ นายปริทรรศน์ พันธุบรรยงก์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายรัชดา สิงคาล วณิช เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (16 ตุลาคม 2550) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||
1639 | รายงานสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากบริเวณถ้ำน้ำทะลุ อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี | ทส | 16/10/2550 | |||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลสรุปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากบริเวณถ้ำน้ำทะลุ อุทยานแห่ง
ชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ดังนี้ จากเหตุการณ์น้ำป่า ไหลหลากบริเวณถ้ำน้ำทะลุ อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2550 เป็นเหตุให้มีผู้ เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาวต่างชาติ 4 ราย และชาวไทย 2 ราย นั้น สาเหตุเกิดจากฝนที่ตกหนัก และจากเหตุการณ์ดัง กล่าว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เตรียมความ พร้อมและเฝ้าระวังภัยพิบัติทางธรรมชาติในพื้นที่ท่องเที่ยวเสี่ยงภัยทั่วประเทศ โดยการสำรวจ ตรวจสอบสภาพพื้นที่ เสี่ยงภัย เพื่อจัดทำเป็นระบบฐานข้อมูล จัดระบบการติดต่อสื่อสาร สัญญาณเตือนภัยให้กับหน่วยงานในพื้นที่ จัดหา อุปกรณ์กู้ภัยเบื้องต้นไว้ประจำแหล่งท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ จัดทำป้ายสื่อความหมายและป้ายเตือนนัก ท่องเที่ยว และมีการซักซ้อมแผนการป้องกันและกู้ภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการพิจารณาปิดจุดท่องเที่ยว เสี่ยงภัย ได้แก่ การปิดจุดท่องเที่ยวเสี่ยงภัยเป็นช่วงระยะเวลาสั้น โดยให้หัวหน้าหน่วยงานในพื้นที่มีอำนาจพิจารณา ปิดจุดท่องเที่ยวเสี่ยงภัยเป็นการชั่วคราวในระยะเวลาสั้น ๆ ตามสถานการณ์ที่เห็นว่าอาจจะมีความเสี่ยงอันตรายต่อ การท่องเที่ยว และปิดจุดท่องเที่ยวเสี่ยงภัยสูง ประจำปี ตามช่วงฤดูกาล โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะศึกษาและนำข้อมูลด้านปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะข้อมูลด้านอุตุนิยมวิทยาและปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว มาพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการต่อไป
|
||||||||||||||||||
1640 | ขออนุมัติโครงการความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ | ทส | 02/10/2550 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ อนุมัติให้ดำเนินโครงการ
PD 376/05 Rev.2 (F,M) ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับองค์ การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ (International Tropical Timber Organization : ITTO) มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและ ส่งเสริมวิธีติดตั้งระบบการติดตามข้อมูลปริมาณไม้ ตำแหน่ง และการเปลี่ยนแปลงของไม้นอกเขตป่าในระดับตำบล ระยะเวลา 3 ปี โดยให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ และอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นผู้ลงนามในความตกลงโครงการ ฯ ใน นามของหน่วยงานปฏิบัติ และในนามของรัฐบาลไทยตามลำดับ รวมทั้งอนุมัติในหลักการให้อธิบดีกรมอุทยานแห่ง ชาติ ฯ และอธิบดีกรมป่าไม้สามารถลงนามทำความตกลงในโครงการ ฯ ในระยะที่ 2 และ 3 ได้เช่นเดียวกับในระยะ ที่ 1 ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณสมทบจากกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ พิจารณาปรับแผน การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับไปดำเนินการต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....