ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 8 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 141 - 160 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
141 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายนพดล พลเสน) | ทส. | 18/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายนพดล พลเสน เป็นข้าราชการการเมือง ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กันยายน ๒๕๖๖) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
142 | องค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ที่ขยายออกมา | ทส. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.
เห็นชอบการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๔๕ ที่ขยายออกมา ดังนี้ ๑.๑ หากคณะผู้แทนไทยเห็นว่า (ร่าง) ข้อมติ
วาระการประชุมที่ 7B รายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (7B.19) และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน
(7B.88) ไม่เป็นผลดีต่อไทย หรือสุ่มเสี่ยงต่อการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย
เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และการดำเนินการของราชอาณาจักรไทยในการให้ความสำคัญต่อการดำเนินการเพื่อดูแลและอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าฯ
ให้คงคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลอย่างยั่งยืน
รวมทั้งจัดให้มีการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชนต่าง ๆ และองค์กรต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องในการอนุรักษ์ ปกป้อง คุ้มครอง และบริหารจัดการพื้นที่กลุ่มป่าฯ
ร่วมกัน และขอปรับแก้ (ร่าง) ข้อมติที่จะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของไทยในอนาคต ๑.๒ กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
หรือได้รับการร้องขอจากรัฐภาคีสมาชิก ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ ทั้งนี้
ให้คณะผู้แทนไทยพิจารณาร่วมกันระหว่างการประชุมฯ โดยคำนึงถึงหลักการขออนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรที่ปรึกษา ๒.
รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๕
ที่ขยายออกมา ได้แก่ (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นที่ปรึกษา (๒) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว
ทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และ (๓)
ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนที่เกี่ยวข้อง
ในคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ.
๒๕๖๒-๒๕๖๖ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
143 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ 14 (Ramsar COP 14) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
สมัยที่ ๑๔ (Ramsar COP 14) และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยการประชุมดังกล่าวได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ แบบผสมผสาน ณ
นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยที่ประชุมได้มีการร่วมรับรองปฏิญญาอู่ฮั่น
(Wuhan Declaration) ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่เน้นย้ำว่าการอนุรักษ์
การฟื้นฟู และการใช้พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาด ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของอนุสัญญาฯ ที่ต้องเร่งดำเนินการร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
และความตกลงพหุภาคีระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ และได้รับรองข้อมติ จำนวน
๒๒ เรื่อง และได้เลื่อนข้อมติ จำนวน ๒ เรื่อง
ไปพิจารณาในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๕ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในปี
๒๕๖๘ (สาธารณรัฐซิมบับเวเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม) โดยข้อมติที่ได้มีการรับรองดังกล่าวจะใช้เป็นกรอบความร่วมมือในการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและยับยั้งการสูญหายของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำในโลก
ตลอดจนเพื่อให้ประเทศภาคีอนุสัญญาดังกล่าวนำไปใช้เป็นแนวทางดำเนินงาน
และเพื่อให้มีการบูรณาการให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานของไทยทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรจัดทำรายการพื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติอย่างเป็นระบบ
พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดเล็กที่มีความซับซ้อนตามเกณฑ์พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ
และมีการดำเนินงานที่บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งให้พิจารณาปรับแก้ข้อความข้อมติเกี่ยวกับการศึกษาพื้นที่ชุ่มน้ำในภาคการศึกษาในระบบ
เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานร่วมดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
144 | การรับรองร่างเอกสาร ASEAN-Japan New Environment Initiative "Strategic Program for ASEAN Climate and Environment (SPACE)" และร่างเอกสาร ASEAN-U.S. Environment and Climate Work Plan | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสาร ASEAN-Japan New Environment Initiative
"Strategic Program for ASEAN Climate and Environment (SPACE)" และร่างเอกสาร ASEAN-U.S. Environment and Climate Work Plan และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๗
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ
นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยร่างเอกสารทั้ง ๒
ฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานบริหารจัดการวิกฤติสิ่งแวดล้อมโลก
การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการสร้างขีดความสามารถของประเทศสมาชิกอาเซียน
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมทั้งสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีบนพื้นฐานของความตกลงร่วมกันด้านการเงินและการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสมาชิกอาเซียน
บนหลักการที่สอดคล้องและบูรณาการกับวิสัยทัศน์อาเซียนและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals : SDGs) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กรอบการดำเนินงานของร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดของโครงการ
ภาระผูกพัน และผลกระทบต่าง ๆ
บนหลักการต่างตอบแทนและประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นสำคัญ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
145 | กรอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 7 | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
ครั้งที่ ๗ ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ นครแวนคูเวอร์
ประเทศแคนาดา และเห็นชอบในหลักการเอกสารการปรับแก้ไขเอกสารการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
และเอกสารการจัดตั้งและกรอบการสนับสนุนของ Global
Biodiversity Framework Fund โดยกรอบท่าทีฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อการดำเนินงานตามพันธกรณีของอนุสัญญาระหว่างประเทศที่กองทุนสิ่งแวดล้อมโลกทำหน้าที่เป็นกลไกทางการเงิน
การสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาแล้วและแหล่งเงินทุนต่าง ๆ ให้การสนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ
การเห็นชอบในหลักการต่อการปรับแก้ไข Instrument for the Establishment of a
Restructured Global Environment Facility ตามข้อเสนอของที่ประชุมคณะมนตรีกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔
เพื่อปรับปรุงแนวปฏิบัติในการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และการเห็นชอบในหลักการต่อการจัดตั้งกองทุน Global Biodiversity Framework
Fund เพื่อสนับสนุนเป้าหมายกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ตามข้อมติที่ประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๕
ที่ประเทศไทยได้ร่วมให้การรับรองข้อมติดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวกับการปรับแก้ไขเอกสารการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
และเอกสารการจัดตั้งและกรอบการสนับสนุนของ Global Biodiversity Framework
Fund ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารการปรับแก้ไขเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
146 | ร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (ASEAN Action Plan for Invasive Alien Species Management) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (ASEAN Action Plan for Invasive Alien Species Management)
และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรอง (Adoption) ร่างแผนปฏิบัติการฯ
โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบแนวทางการประสานความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในการลดผลกระทบทางลบจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศสมาชิกอาเซียน
ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายใต้ร่างแผนปฏิบัติการฯ
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
147 | (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (ASEAN Joint Statement on Climate Change to UNFCCC COP 28) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๘ (ASEAN Joint Statement on Climate Change to UNFCCC COP 28) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบ
(Endorsement) (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรอง (Adoption)
(ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนต่อไป โดย (ร่าง)
แถลงการณ์ร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ที่มุ่งดำเนินการบรรลุเป้าหมายของกรอบอนุสัญญาฯ
และความตกลงปารีสอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การปรับตัวต่อผลกระทบด้วยกลไกทางการเงินและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
148 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ และป่ายางน้ำกลัดใต้ บางส่วน ในท้องที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ
และป่ายางน้ำกลัดใต้ บางส่วน ในท้องที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... คืนไปได้
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
149 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำในแนวปะการัง
เพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ที่เห็นว่าต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวได้ทราบมาตรการตามประกาศอย่างทั่วถึง
ต้องคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ของกรมเจ้าท่าตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฯ
และให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
150 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว
ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว
ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
เพื่อก่อสร้างโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา
จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ประมาณ ๒๒๙ ไร่ ๑ งาน ๖๓.๖ ตารางวา
ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ามีพื้นที่ทับซ้อนกับป่าไม้ถาวร
ชื่อ “ป่าแม่แตง” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๐๙
ซึ่งพื้นที่ที่ขอเพิกถอนจากอุทยานแห่งชาติทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ และป่าไม้ถาวร
หากเพิกถอนเฉพาะอุทยานแห่งชาติแต่ไม่เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นป่าไม้ถาวรอยู่
และให้กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงาน
ตลอดจนชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินโครงการตามผลการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน รวมทั้งให้กรมชลประทานร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า
และพันธุ์พืช จัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ
โดยให้ชุมชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญและให้กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงาน
ตลอดจนชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินโครงการตามผลการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน รวมทั้งให้กรมชลประทานร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า
และพันธุ์พืช จัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ
โดยให้ชุมชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
151 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป
บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป
บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง
จังหวัดจันทบุรี จำนวนเนื้อที่ประมาณ ๘๕ ไร่ ๒ งาน ๕๔ ตารางวา
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
และควรดำเนินการตามมาตรการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังการก่อสร้าง และมาตรการป้องกัน
แก้ไข หรือเยียวยาความเดือดร้อน
หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
152 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ และป่าเขาพระวิหาร บางส่วน ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร) | ทส. | 08/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่
และป่าเขาพระวิหาร บางส่วน ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่
และป่าเขาพระวิหาร บางส่วน ในท้องที่ตำบลโขง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดอุบลราชธานี
เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคให้กับราษฎรในพื้นที่
โดยมีจำนวนเนื้อที่รวม ๔๒ ไร่ ๕๑ ตารางวา ตามที่กระทรวงงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อความ
“แนวแบ่งเขตระหว่างประเทศบนแผนที่ไม่ถือกำหนดเป็นทางการ”
ในแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ อันเป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมา
รวมทั้งหากต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขยายพื้นที่หรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น
ควรกำกับดูแลการดำเนินการดังกล่าวมิให้กระทบต่อแนวเขตแดนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนของ
JBT ไทย-กัมพูชา ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าตำแหน่งและพิกัดของพื้นที่เสนอขอเพิกถอนเป็นบริเวณที่ไม่มีประเด็นข้ามเขตแดนและไม่กระทบต่อท่าทีของไทยในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน
แต่ควรเพิ่มเติมข้อความ “แนวแบ่งเขตระหว่างประเทศบนแผนที่ไม่ถือกำหนดเป็นทางการ”
ในแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ อันเป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมา รวมทั้งหากต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขยายพื้นที่หรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น
ควรกำกับดูแลการดำเนินการดังกล่าวมิให้กระทบต่อแนวเขตแดนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนของ
JBT ไทย-กัมพูชา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
153 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ในพื้นที่ป่าชายเลน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ทส. | 08/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวภายหลังวันที่ ๓๑ กรกฎาคม
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
โดยสำหรับการกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักร
ให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ซึ่งในระหว่างที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เข้ารับหน้าที่ด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์แล้ว
แต่ยังมิได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อเข้าบริหารราชการแผ่นดิน
ให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรเป็นวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๖ ๒. เห็นชอบ
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. ....
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวที่ได้ดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
สามารถอยู่และทำงานในราชอาณาจักรต่อไปได้ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขวันสิ้นสุดการอนุญาตให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรเป็นวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรเร่งรัดเตรียมความพร้อมการดำเนินการตามแนวปฏิบัติการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐ
(MOU) ในด้านต่าง ๆ อาทิ
การตรวจสุขภาพ การทำประกันสุขภาพหรือขึ้นทะเบียนประกันสังคม
การจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล และการจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
ให้แก่คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย และควรพิจารณาวิเคราะห์คนต่างด้าวในภาคการผลิตและบริการรายสาขา
และจัดทำแผนบริหารจัดการคนต่างด้าว เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องการอยู่และการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
154 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองพื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดปัตตานี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ เนื้อที่ประมาณ
๑๙,๙๓๗
ไร่ ซึ่งประกอบด้วย ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า เช่น พันธุ์ไม้ ของป่า และสัตว์ป่านานาชนิด
ตลอดจนทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่ง เพื่อประโยชน์ในการสงวน การอนุรักษ์
และการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนให้คงสภาพธรรมชาติและมีสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
155 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดเพชรบุรี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ รวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครอง
เพื่อประโยชน์ในการสงวน การอนุรักษ์ และการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน
ให้คงสภาพธรรมชาติและมีสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ ๙,๕๓๔ ไร่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
156 | เอกสารถ้อยแถลงเพื่อการดำเนินงาน (Statement of Undertaking : SoU) ของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ (Nitric Acid Climate Action Group : NACAG) (คาโปรแลคตัม) | ทส. | 25/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเอกสารถ้อยแถลงเพื่อการดำเนินงาน
(Statement of Undertaking : SoU) ของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ
(Nitric Acid Climate Action Group : NACAG) (คาโปรแลคตัม) โดยให้รัฐมนตีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้แทนลงนามในเอกสารดังกล่าว
และมอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้กลุ่ม NACAG ของไทยให้สอดคล้องกับเอกสาร SoU (คาโปรแลคตัม)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำผลการลดก๊าซไนตรัสออกไซด์จากสถานประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่ม
NACAG ไปใช้เพื่อบรรลุเป้าหมาย NDC ของไทย
และไม่นำไปซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศตามความตกลงปารีส โดยเอกสาร SoU (คาโปรแลคตัม) มีสาระสำคัญใกล้เคียง SoU (กรดไนตริก) โดยปรับเปลี่ยนจากการผลิตกรดไนตริกเป็นคาโปรแลคตัม
และยืนยันว่าภายใน ๓ ปี หลังจากการลงนามใน SoU (คาโปรแลคตัม) สถานประกอบการผลิตคาโปรแลคตัมทั้งหมดในไทยจะติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยก๊าซwไนตรัสออกไซด์จากวงจรการผลิต โดยกลุ่ม NACAG
จะให้การสนับสนุนเทคโนโลยีแก่ไทย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารถ้อยแถลงเพื่อการดำเนินงานของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ
(คาโปรแลคตัม) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ให้ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ
ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
ความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ได้รับการบูรณษการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน
และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
157 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่จะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้บังคับในวันที่
๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
โดยกรมเจ้าท่ามีประเด็นข้อสังเกต ตามข้อ ๑๓ ของร่างประกาศฯ ดังกล่าว
กำหนดว่า “ในขั้นขออนุมัติหรือขออนุญาตโครงการ ก่อนการดำเนินโครงการ
หรือประกอบกิจการ รวมทั้งขั้นตอนการขยายขนาดของโครงการ หรือกิจการ
ให้จัดทำและเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรณี (ง) ท่าเทียบเรือทุกประเภทที่สามารถรับเรือขนาดตั้งแต่ ๑๐๐ ตันกรอส แต่ไม่ถึง
๕๐๐ ตันกรอส หรือมีความยาวหน้าท่าตั้งแต่ ๒๐ เมตร แต่ไม่ถึง ๑๐๐ เมตร
หรือมีพื้นที่ท่าเทียบเรือรวม ตั้งแต่ ๒๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร ยกเว้นโครงการ กิจการ
หรือการดำเนินการเพื่อความมั่นคงแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยสภาความมั่นคงแห่งชาติที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
และ (จ) ท่าเทียบเรือสำราญและกีฬาที่รองรับได้ตั้งแต่ ๕ ลำ แต่ไม่ถึง ๕๐ ลำ
หรือมีพื้นที่ ตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐
ตารางเมตร” ซึ่งเป็นการกระทบต่อภารกิจของกรมเจ้าท่าในการปลูกสร้างท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริม
และพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี
จึงให้ยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
กรณีเป็นโครงการปลูกสร้างท่าเทียบเรือของส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
158 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง อำเภอชะอำ
จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง
อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เป็นพื้นที่ที่ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้มีมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าในปัจจุบันประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฉบับดังกล่าวได้ถูกยกเลิกโดยประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัด ในเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ.
๒๕๖๖
และมีการกำหนดเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของคณะกรรมการประมงประจำจังหวัดแยกเป็นรายจังหวัด
กรมเจ้าท่ามีประเด็นข้อสังเกต ตามข้อ ๑๕ ของร่างประกาศฯ ดังกล่าว กำหนดว่า
“ในขั้นขออนุมัติหรือขออนุญาตโครงการ ก่อนการดำเนินโครงการ หรือประกอบกิจการ
รวมทั้งขั้นตอนการขยายขนาดของโครงการ หรือกิจการ
ให้จัดทำและเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรณี (ง) ท่าเทียบเรือสาธารณะสำหรับเรือประมงหรือเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว
ที่มีพื้นที่รวมของท่าเทียบเรือตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร และ (จ) ท่าเทียบเรือสำราญกีฬาที่รองรับได้ตั้งแต่
๕ ลำ แต่ไม่ถึง ๕๐ ลำ หรือมีพื้นที่ ตั้งแต่ ๑๐๐ ตารางเมตร แต่ไม่ถึง ๑,๐๐๐ ตารางเมตร” ซึ่งเป็นการกระทบต่อภารกิจของกรมเจ้าท่าในการปลูกสร้างท่าเทียบเรือเพื่อส่งเสริม
และพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำและการพาณิชยนาวี
จึงให้ยกเว้นไม่ต้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว
กรณีเป็นโครงการปลูกสร้างท่าเทียบเรือของส่วนราชการ ไปประกอบการพิจารณาต่อไปด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
159 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เรื่อง
ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน
อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน
ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน
ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา
เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดพะเยา โดยมีจำนวนเนื้อที่ประมาณ ๑,๓๔๔ ไร่ ๓ งาน ๗๗ ตารางวา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องถือปฏิบัติตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและดำเนินการตามมาตรการป้องกันและการฟื้นฟูผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
เนื่องจากการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้
มีการดำเนินการบางส่วนในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและเปราะบางทางระบบนิเวศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
160 | อุทยานธรณีโคราชได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส. | 18/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบอุทยานธรณีโคราชได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
(UNESCO Global Geoparks) ซึ่งยูเนสโกได้มีการตรวจประเมินคุณค่าทางวิชาการด้านธรณีวิทยา
รวมทั้งตรวจประเมินภาคสนาม พบว่า อุทยานธรณีโคราชมีความสำคัญโดดเด่นระดับโลก
และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|