ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 2179 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 21 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่เกาะไข่ ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | ทส. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ในพื้นที่เกาะไข่ ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่บริเวณเกาะไข่
ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เพื่อสงวน
คุ้มครอง อนุรักษ์แนวปะการัง และจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืน
รวมทั้งการสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ความสำคัญในการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและการรับรู้ในการดำเนินมาตรการฯ
ให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ อาทิ การกำหนดหลักเกณฑ์ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และการจัดทำเครื่องหมายตามพิกัดที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
เพื่อป้องกันมิให้เกิดการรุกล้ำเข้าทำการประมงหรือกระทำความเสียหายที่เป็นความผิดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ฯ ทั้งนี้ ขอให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่ากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่
รวมถึงนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการบังคับใช้มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เกิดประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 22 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่บริเวณเกาะสะเก็ด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. .... | ทส. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่บริเวณเกาะสะเก็ด ตำบลมาบตาพุด
อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่บริเวณเกาะสะเก็ด
ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อสงวนคุ้มครอง อนุรักษ์แนวปะการัง
และจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ยั่งยืน
รวมทั้งการสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งที่มีความอุดมสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
ที่เห็นควรพิจารณายกเว้นโครงการของหน่วยงานรัฐ
เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการและเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หรือการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ และเป็นการสงวนคุ้มครอง อนุรักษ์
ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้กลับมามีความสมบูรณ์
อันเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน
และช่วยให้ภาคประชาชนและสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการประสานความร่วมมือในการสงวน
คุ้มครอง และอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไปประกอบการพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าการกำหนดมาตรการในเรื่องนี้อาจส่งผลต่อกรมเจ้าท่าทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามภารกิจด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางน้ำและการขุดลอกร่องน้ำในพื้นที่บริเวณที่
๔ จึงควรพิจารณายกเว้นโครงการของหน่วยงานรัฐ
เพื่อประโยชน์ต่อทางราชการและเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 23 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบคู่มือคนงาน ผู้รับจ้าง หรือใบคู่มือผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาต ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส. | 19/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอรับใบคู่มือคนงาน
ผู้รับจ้าง หรือใบคู่มือผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาต
ตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับ
การตรวจสอบ การออกใบคู่มือคนงาน ผู้รับจ้าง หรือใบคู่มือผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
หรือทำการบำรุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าหรือไม้ยืนต้นในเขตป่าเสื่อมโทรม
เพื่อให้การเข้าไปดำเนินการต่าง ๆ
ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเป็นไปตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เพิ่มเติมคำนิยาม “คนงาน” “ผู้รับจ้าง”
และ “ผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาต” ไว้ในร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ด้วย ให้รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าร่างกฎกระทรวงฉบับนี้กำหนดรองรับการขอรับใบคู่มือเฉพาะกรณีการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์และอยู่อาศัยในป่าสงวนแห่งชาติตามมาตรา
๑๖ และการอนุญาตให้ทำการบำรุงป่าหรือปลูกสร้างสวนป่าในเขตป่าเสื่อมโทรมตามมาตรา ๒๐
เท่านั้น ซึ่งอาจยังไม่ครอบคลุมการอนุญาตตามที่พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ กำหนดไว้ในกรณีอื่น
เช่น การทำไม้หรือเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามมาตรา ๑๕ การอนุญาตให้บุคคลทำประโยชน์และอยู่อาศัยในเขตป่าเสื่อมโทรมตามมาตรา
๑๖ ทวิ การอนุญาตให้กระทำการเพื่อการศึกษา หรือวิจัยทางวิชาการตามมาตรา ๑๗ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่าร่างกฎกระทรวงข้อ ๕
ควรกำหนดการดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมกรณีการแจ้งยกเลิกใบคู่มือคนงาน
ผู้รับจ้าง หรือใบคู่มือผู้แทนและการยื่นคำขอใบแทน และร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๗ และข้อ
๘ ที่กำหนดให้ส่งคืนใบคู่มือคนงานฯ แก่จังหวัดท้องที่ กรณียกเลิกใบคู่มือคนงานฯ หรือขอใบแทนกรณีชำรุดเสียหาย
เห็นควรกำหนดให้รองรับกรณีการออกใบอนุญาตโดยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ด้วย และในแบบคำขอรับใบแทนใบคู่มือคนงาน
ผู้รับจ้าง
หรือใบคู่มือผู้แทนของผู้รับหนังสืออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ
กำหนดให้แนบสำเนาหลักฐานการจดทะเบียนนิติบุคคลและหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล
ซึ่งเป็นข้อมูลที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดให้บริการเชื่อมโยงข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐ
เห็นควรให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อยกเลิกการขอเอกสารดังกล่าวซึ่งเป็นการลดภาระเอกสารและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอรับใบอนุญาต ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนด
รวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th)
ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 24 | ข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ข้อ 6 ของความตกลงปารีสระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (Implementation Agreement Pursuant to Article 6 of the Paris Agreement between the Government of the Republic of Singapore and the Government of the Kingdom of Thailand) | ทส. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า
การจัดทำข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ข้อ ๖ ของความตกลงปารีสระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution : NDC) ของประเทศไทย โดยปัจจุบันประเทศไทยสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าที่แผนกำหนดไว้ ๒. เห็นชอบต่อข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ข้อ ๖
ของความตกลงปารีสระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (Implementation Agreement Pursuant to
Article 6 of the Paris Agreement between the Government of
the Republic of Singapore and the Government of the
Kingdom of Thailand) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจลงนามในข้อตกลงฯ
รวมทั้งมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน
ลงนามในข้อตกลงฯ และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามข้อตกลงฯ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณในโอกาสแรกก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความเหมาะสมและจำเป็น แล้วแต่กรณี
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ที่จะได้รับเป็นสำคัญด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาถึงความเป็นธรรมของการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการที่จะเกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงฯ
เนื่องจากต้นทุนดำเนินงานและราคาคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยและสาธารณรัฐสิงคโปร์มีราคาที่แตกต่างกัน
และควรระวังการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ (Internationally Transferred Mitigation Outcomes
: ITMOs) ไม่ให้มีปริมาณมากเกินไป
เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมาย NDC ของประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 25 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง | ทส. | 05/08/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน
๓ ราย เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสุรินทร์ วรกิจธำรง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 26 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบัญชีต้นไม้ตามกฎหมายว่าด้วยสวนป่า พ.ศ. .... | ทส. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบัญชีต้นไม้ตามกฎหมายว่าด้วยสวนป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขบัญชีต้นไม้ท้ายพระราชบัญญัติสวนป่า
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ จากเดิมจำนวน ๕๘ รายการ เป็นจำนวน ๒๑๑ รายการ
เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทและสถานการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 27 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางชญานันท์ ภักดีจิตต์) | ทส. | 29/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 28 | การร้องขอข้อยกเว้นเพิ่มเติม (Extension of Exemption Period) ตามข้อบทที่ 4 ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท ภายใต้อนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทของประเทศไทย ให้ยังคงมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท | ทส. | 22/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการร้องขอข้อยกเว้นเพิ่มเติม (Extension of Exemption Period) ของประเทศไทยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท
จำนวน ๖ รายการ ที่ถูกกำหนดให้ยกเลิกการผลิต นำเข้า และส่งออกผลิตภัณฑ์ภายในปี
พ.ศ. ๒๕๖๘ ได้แก่ (๑) สวิตช์ไฟฟ้าและรีเลย์ (๒) หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดคอมแพกต์ (๓)
หลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดตรง (๔) หลอดฟลูออเรสเซนต์แบบแคโทดเย็น
และหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบอิเล็กโทรดภายนอก (EEFL) ในจอภาพอิเล็กทรอนิกส์
(๕) หลอดไอปรอทความดันสูง และ (๖) เครื่องมือวัดที่ไม่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์
ให้ยังคงมีการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท ออกไปอีก ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๙ - ๒๕๗๓)
ภายใต้อนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนและดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถยกเลิกการผลิต
นำเข้า และส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท จำนวน ๖ รายการ ที่เสนอในครั้งนี้ได้โดยเร็ว
ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 29 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) | ทส. | 22/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาผลการดำเนินการ และความเห็นในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(Environmental Impact
Assessment : EIA) ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติได้พิจารณาข้อเสนอแนะฯ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการพิจารณาดังกล่าว ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินการในปัจจุบันซึ่งสอดคล้องตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติอยู่แล้ว
เช่น (๑) การกำหนดให้การจัดทำแผนงานโครงการของหน่วยงานของรัฐ
ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยหากเป็นโครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงาน EIA ให้เสนอเรื่องต่อผู้มีอำนาจอนุมัติ อนุญาต และในขั้นตอนการจัดทำคำของบประมาณ
ซึ่งตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑
ได้กำหนดขั้นตอนการจัดทำและเสนอรายงาน EIA เพื่อให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสามารถวางแผนโครงการได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว
(๒) การให้รัฐบาลและ สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ให้ความสำคัญต่อปัญหาการมีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างหน่วยงานของรัฐและบริษัทที่ปรึกษาต่าง
ๆ โดยควรกำหนดให้ในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมของโครงการหรือจัดทำรายงาน EIA
หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบโครงการต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ
และต้องเปิดเผยข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นให้สาธารณชนทราบ ซึ่งการว่าจ้างให้จัดทำรายงาน
EIA หน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการควบคุม กำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการรับฟังความเห็นด้วยแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีการดำเนินการในบางประเด็นที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรับไปพิจารณาศึกษา
ทบทวน ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 30 | แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ "การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง" ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 - 2570 และระยะ 5 ปีต่อไป | ทส. | 22/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑.
ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”
ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ และระยะ ๕ ปีต่อไป โดยมาตรการและแนวทางการดำเนินงานภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง
ฉบับที่ ๒ จะแยกตามแหล่งกำเนิดที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง ประกอบด้วย ๕ มาตรการ ดังนี้
๑. มาตรการในพื้นที่เมือง ๒. มาตรการในพื้นที่ป่า ๓. มาตรการในพื้นที่เกษตรกรรม ๔.
มาตรการภาคมลพิษข้ามแดน และ ๕. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ๒.
มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการ/กิจกรรม เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๐ และระยะ ๕ ปีต่อไป ๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี)
เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ (เรื่อง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ)
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓
ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน ... เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี)
และเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ (เรื่อง คู่มือแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓
และการเสนอแผนระดับที่ ๓ ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน ... ต่อคณะรัฐมนตรี) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรพิจารณาเพิ่มรายละเอียดผู้รับผิดชอบหน่วยงานหลัก
หน่วยงานร่วม หน้าที่และงบประมาณในแต่ละมาตรการ
รวมถึงการทบทวนความสำเร็จและไม่สำเร็จของการดำเนินตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองฯ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 31 | การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ 15 | ทส. | 22/07/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้
๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
สมัยที่ ๑๕ (Ramsar COP15) ภายใต้หัวข้อ “ปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่ออนาคตร่วมกันของเรา”
(Protecting Wetlands for Our Common) ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๓๑
กรกฎาคม ๒๕๖๘ ณ สาธารณรัฐซิมบับเว โดยมีรายละเอียดการดำเนินการของไทย ประกอบด้วย องค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุม
รวมทั้งสิ้น ๑๕ ราย โดยมีรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายประเสริฐ
ศิรินภาพร) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรน้ำ
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมพัฒนาที่ดิน
เป็นองค์ประกอบคณะผู้แทนไทย ๒. เห็นชอบต่อ (ร่าง)
ท่าทีของประเทศไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่
๑๕ โดยร่างท่าทีของไทยฯ มีสาระสำคัญ เช่น เห็นควรสงวนท่าทีการเพิ่มวงเงินอุดหนุนของไทยเพื่อไม่ให้เป็นภาระกับงบประมาณของประเทศสมาชิก
และสนับสนุนให้เยาวชนกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้พิการเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ ๓. เห็นชอบต่อ (ร่าง) ถ้อยแถลงในการประชุมระดับสูง
สำหรับการประชุมหารือระดับรัฐมนตรี ในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
สมัยที่ ๑๕ โดยร่างถ้อยแถลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำว่าไทยให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำในทุกระดับ
โดยดำเนินมาตรการ เช่น จัดตั้ง คณะกรรมการพื้นที่ชุ่มน้ำระดับจังหวัด และจัดตั้งเครือข่ายผู้ใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำทั่วประเทศ ๑.๔ เห็นชอบในหลักการต่อ (ร่าง) ปฏิญญาวิกตอเรีย
ฟอลส์ (Victoria Falls Declaration) สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๕ และมอบหมายหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยเป็นผู้ให้การรับรอง
โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับพื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศสมาชิก
เช่น ลงทุนในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้เข้าใจนิเวศวิทยาของพื้นที่ชุ่มน้ำ
และเรียกร้องให้องค์กรพันธมิตรระหว่างประเทศสนับสนุนด้านการเงินและเทคนิควิชาการสำหรับการอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 32 | ผลการประชุมและข้อเสนอการปฏิบัติตามมติการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 5 | ทส. | 24/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท
สมัยที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๓๐ ตุลาคม - ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส
และเห็นชอบข้อเสนอการปฏิบัติตามพันธกรณีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอทของประเทศไทย ตามมติการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท
สมัยที่ ๕ ประกอบด้วย ๑) สิ่งสำคัญที่ประเทศไทยควรพิจารณาดำเนินการและแผนการดำเนินงาน
และ ๒) แนวทางการดำเนินงานก่อนมอบตราสารรับรองการแก้ไขเพิ่มเติมภาคผนวก เอ และ บี ของประเทศไทย จำนวน ๓ รายการ คือ เครื่องสำอาง
อะมัลกัม ที่ใช้ทางทันตกรรม
และการผลิตโพลียูรีเทนที่ใช้ปรอทเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา โดยมอบหมายให้หน่วยงาน คือ
กระทรวงอุตสาหกรรม (กรมโรงงานอุตสาหกรรมและสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและกรมอนามัย) กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ)
กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และกระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและระยะเวลาที่ระบุในแผนการดำเนินงานต่อไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าหากกรมควบคุมมลพิษยืนยันได้ว่าการดำเนินการไม่จำเป็นต้องมีการออกพระราชบัญญัติเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญา
อีกทั้งไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาประเภทอื่นตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
กรณีก็จะไม่ต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภา แต่เป็นกรณีที่ต้องเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินการส่งมอบตราสาร กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นว่ากรณีการเตรียมการเพื่อรองรับการแก้ไขภาคผนวก
เอ ส่วนที่ ๑ ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท กรณีแบตเตอรี่กระดุม สะพานไฟ สวิตซ์และรีเลย์
รวมถึงหลอดฟลูออเรสเซนต์ชนิดต่าง ๆ กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นควรพิจารณาปรับปรุงระยะเวลาดำเนินการและจัดทำแผนการดำเนินการในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง
โดยกระทรวงอุตสาหกรรมยินดีให้ความร่วมมือตามกรอบอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. ๒๕๑๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 33 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (COP 29) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน | ทส. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๙ (COP 29)
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ณ กรุงบากู
สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเตรียมการดำเนินงานตามภารกิจ โดยการประชุมรัฐภาคีฯ มีสาระสำคัญ
เช่น การให้ความสำคัญกับการกำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
มีการกำหนดเป้าหมายทางการเงินใหม่ เพื่อให้สามารถสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทุกภาคส่วน
ควรมีการวิเคราะห์และประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อเตรียมความพร้อมและลดผลกระทบด้านลบจากการดำเนินการ
รวมทั้งเพื่อเสาะหาแนวทางในการที่จะสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 34 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2544 (เรื่อง การกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ทางด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับการขอต่ออายุหนังสืออนุญาตการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ประเภทป่าเพื่อการอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี (ลุ่มน้ำชั้น 1) เพื่อการทำเหมืองแร่ | ทส. | 17/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกและปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ (เรื่อง
การกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาการขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์)
เฉพาะในส่วนของหลักเกณฑ์และมาตรการผ่อนผัน หรือยกเว้นการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์
(พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ) เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับความมั่นคงหรือเศรษฐกิจ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกกรณีที่
๒ พื้นที่ที่รัฐได้อนุญาตให้ประชาชนหรือเอกชนเข้าใช้ประโยชน์ในกิจการเพื่อการสำรวจแร่หรือการทำเหมืองแร่
ที่กำหนดว่า “(๑)
พื้นที่ที่รัฐได้อนุญาตให้ประชาชนหรือเอกชนเข้าใช้ประโยชน์เพื่อกิจการสำรวจแร่
ประกอบด้วยอาชญาบัตรสำรวจแร่ อาชญาบัตรผูกขาดสำรวจแร่ และอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ หรือเพื่อการทำเหมืองแร่
คือ ประทานบัตรเหมืองแร่ ไปแล้วก่อนวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘
และต่อมาพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ
เห็นควรอนุญาตให้ดำเนินการสำรวจแร่ หรือการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตต่อไปจนกระทั่งสิ้นสุดอายุการอนุญาตนั้น
ทั้งนี้ หากอายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติสิ้นสุดลง
แต่อายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่ยังคงเหลืออยู่
เห็นควรผ่อนผันให้ต่ออายุหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จนกระทั่งสิ้นสุดอายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่ โดยผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังจากการสำรวจแร่หรือการทำเหมืองแร่แล้ว
(Post Evaluation) เสนอต่อกระทรวงวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมพิจารณาให้ความเห็น
เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการพิจารณาว่าอนุมัติหรือไม่อนุมัติ ผ่อนผันการขอต่ออายุหนังสืออนุญาตการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจากคณะรัฐมนตรีต่อไป ในกรณีที่เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง
เนื่องจากการดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาต
ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายที่รับผิดชอบอย่างเด็ดขาดโดยทันที” ๑.๒ ให้ปรับปรุงกรณีที่
๓ พื้นที่ที่รัฐมีข้อผูกพันกับประชาชนหรือเอกชนไว้แล้วในกิจการเพื่อการสำรวจแร่
หรือการทำเหมืองแร่ จากเดิม “(๒)
ในกรณีที่พื้นที่ซึ่งรัฐมีข้อผูกพันกับประชาชนหรือเอกชนไว้แล้วภายหลังวันที่ ๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ หากอายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติสิ้นสุดลงแต่อายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรการทำเหมืองแร่ยังคงเหลืออยู่
ให้ใช้หลักการพิจารณาเดียวกันกับในกรณีที่ ๒ ข้อ (๑)
ส่วนกรณีอายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่สิ้นสุดลง และผู้ประกอบการประสงค์จะขอต่ออายุการอนุญาตหรือการขออนุญาตดำเนินการดังกล่าว
ให้ใช้หลักการเดียวกันกับการขอต่ออายุการอนุญาตอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่
ในกรณีที่ ๒ ข้อ (๒)” เป็น “(๒)
ในกรณีที่พื้นที่ซึ่งรัฐมีข้อผูกพันกับประชาชนหรือเอกชนไว้แล้วภายหลังวันที่ ๒๑
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ กรณีอายุอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่สิ้นสุดลง
และผู้ประกอบการประสงค์จะขอต่ออายุการอนุญาตหรือการขออนุญาตดำเนินการดังกล่าว
ให้ใช้หลักการเดียวกันกับการขอต่ออายุการอนุญาตอาชญาบัตรหรือประทานบัตรเหมืองแร่
ในกรณีที่ ๒ ข้อ (๒)” ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเกี่ยวกับการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดมาตรการเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ และการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในภาพรวมและให้นำมารวมกำหนดไว้ในฉบับเดียวเพื่อให้เกิดความชัดเจน
ลดความซ้ำซ้อน และสะดวกในการปฏิบัติ รวมทั้งความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการรองรับการยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
อาทิ การควบคุมไม่ให้มีการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และการกำหนดเขตพื้นที่ในการเข้าทำประโยชน์ให้ชัดเจน
โดยต้องดำเนินมาตรการดังกล่าวให้รัดกุมเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 35 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ (1. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ฯลฯ จำนวน 7 คน) | ทส. | 10/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ
จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ ๒. นายจิตรพรต พัฒนสิน ด้านกฎหมาย ๓. นายธรรมศักดิ์ ยีมิน ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๔. นางสาวดรรชนี เอมพันธุ์ ด้านอุทยานแห่งชาติ (ผู้แทนภาคเอกชน) ๕. นายกมลชัย รัตนสกาววงศ์ ด้านกฎหมาย (ผู้แทนภาคเอกชน) ๖. นายพงศ์ศักดิ์ วัฒนสินธุ์ ด้านการท่องเที่ยวและนันทนาการ (ผู้แทนภาคเอกชน) ๗. นางสาวพิมพ์ภาวดี พหลโยธิน ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผู้แทนภาคเอกชน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 36 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ญัตติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอันเกิดจากลิง ของคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร | ทส. | 04/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ญัตติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนอันเกิดจากลิง ของคณะกรรมาธิการการที่ดิน
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของสภาผู้แทนราษฎร
ในเรื่องการเร่งดำเนินการจัดการประชากรลิง จัดหาสถานที่เพื่อดูแลลิง
เพื่อให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
โดยมีการบริหารจัดการอาหารเหลือจากตลาดเพื่อนำมาให้ลิง ลดปัญหาลิงรบกวนประชาชน และจัดสถานที่เพื่อสร้างสถานที่ดูแลลิงรบกวนประชาชนในพื้นที่
รวมถึงได้แจ้งเวียนประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
เรื่อง
การกำหนดกิจการอื่นใดที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นที่เป็นหน้าที่และอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
: ด้านการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าที่ก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน
ลงวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ (ฉบับที่
๒) พ.ศ. ๒๕๖๗ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการแก้ไขปัญหาสัตว์ป่าที่ก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเดือดร้อน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 37 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | ทส. | 04/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข การส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ (เช่น
ซากดึกดำบรรพ์ที่ยังติดอยู่ในหินเพื่อการศึกษาวิจัย) หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ได้ถูกแปรสภาพหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่น
(เช่น ซากดึกดำบรรพ์ที่ถูกกรอหินที่ติดอยู่กับชิ้นตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ออกเพื่อนำไปศึกษาวิจัย)
ซึ่งพบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักรให้มีความทันสมัย
เหมาะสมกับสภาพสังคมและเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 38 | ท่าทีไทยในการประชุมสหประชาชาติด้านมหาสมุทร ครั้งที่ 3 (3rd United Nations Ocean Conference : UNOC-3) | ทส. | 04/06/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาทางการเมือง Our ocean, our future : united for urgent action และเห็นชอบต่อการประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ
จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ การลดมลพิษทางทะเล
และการป้องกันและบริหารจัดการระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนร่วมรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ โดยไม่มีการลงนาม โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๙ - ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ ณ เมืองนีซ สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองและการยกระดับการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่
๑๔ แบ่งออกเป็น ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑) การอนุรักษ์มหาสมุทรและระบบนิเวศทางทะเล ๒)
การส่งเสริมเศรษฐกิจที่พึ่งพามหาสมุทรอย่างยั่งยืน และ ๓)
การเร่งรัดการดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น การรับรองความตกลงเกี่ยวกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล
ส่วนการประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ มีสาระสำคัญเป็นการประกาศจุดยืนของไทยว่าจะให้ความสำคัญกับการดำเนินการใน
๒ เรื่อง ได้แก่ ๑) การลดมลพิษทางทะเล และ ๒)
การป้องกันและบริหารจัดการระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 39 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 - 2566 | ทส. | 27/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบ
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 40 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ทส. | 20/05/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมควบคุมมลพิษก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๑,๕๖๐,๒๔๖.๙๖ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรเป็นค่าสาธารณูปโภคได้อย่างคุ้มค่าและเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
