ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 2163 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | ทส. | 04/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไข การส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ที่พบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักร
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการส่งหรือนำซากดึกดำบรรพ์ (เช่น
ซากดึกดำบรรพ์ที่ยังติดอยู่ในหินเพื่อการศึกษาวิจัย) หรือซากดึกดำบรรพ์ที่ได้ถูกแปรสภาพหรือเปลี่ยนแปลงเป็นรูปลักษณะอื่น
(เช่น ซากดึกดำบรรพ์ที่ถูกกรอหินที่ติดอยู่กับชิ้นตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ออกเพื่อนำไปศึกษาวิจัย)
ซึ่งพบในราชอาณาจักรออกนอกราชอาณาจักรให้มีความทันสมัย
เหมาะสมกับสภาพสังคมและเทคโนโลยีในปัจจุบัน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | ท่าทีไทยในการประชุมสหประชาชาติด้านมหาสมุทร ครั้งที่ 3 (3rd United Nations Ocean Conference : UNOC-3) | ทส. | 04/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาทางการเมือง Our ocean, our future : united for urgent action และเห็นชอบต่อการประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ
จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ การลดมลพิษทางทะเล
และการป้องกันและบริหารจัดการระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนร่วมรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ โดยไม่มีการลงนาม โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๙ - ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ ณ เมืองนีซ สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองและการยกระดับการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่
๑๔ แบ่งออกเป็น ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑) การอนุรักษ์มหาสมุทรและระบบนิเวศทางทะเล ๒)
การส่งเสริมเศรษฐกิจที่พึ่งพามหาสมุทรอย่างยั่งยืน และ ๓)
การเร่งรัดการดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น การรับรองความตกลงเกี่ยวกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล
ส่วนการประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ มีสาระสำคัญเป็นการประกาศจุดยืนของไทยว่าจะให้ความสำคัญกับการดำเนินการใน
๒ เรื่อง ได้แก่ ๑) การลดมลพิษทางทะเล และ ๒)
การป้องกันและบริหารจัดการระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 - 2566 | ทส. | 27/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ - ๒๕๖๖ ประกอบด้วย
งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินแล้ว
เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้เสนอรัฐสภาทราบ
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | ทส. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมควบคุมมลพิษก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๑,๕๖๐,๒๔๖.๙๖ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐควรให้ความสำคัญต่อการประหยัดพลังงาน
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรเป็นค่าสาธารณูปโภคได้อย่างคุ้มค่าและเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านมหาสมุทรของเอเปค ค.ศ. 2025 | ทส. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านมหาสมุทรของเอเปค
ค.ศ. ๒๐๒๕ (Joint Statement on the 2025 APEC Oceans-Related Ministerial Meeting) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค
และเป็นกรอบการดำเนินการในด้านความยั่งยืนของมหาสมุทรและการประมงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ผ่านการดำเนินงาน ประกอบด้วย การส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค
การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ การพัฒนาศักยภาพ
และการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และยังเป็นการสะท้อนความพยายามของสมาชิกเขตเศรษฐกิจในการยกระดับและพัฒนาความร่วมมือด้านมหาสมุทรและการประมง
รวมทั้งเพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปค
ที่จะมุ่งส่งเสริมและกระชับความร่วมมือด้านมหาสมุทรและการประมง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (1. ศาสตราจารย์กมลชัย รัตนสกาววงศ์ ฯลฯ จำนวน 6 คน) | ทส. | 29/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
จำนวน ๖ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. ศาสตราจารย์กมลชัย รัตนสกาววงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ๒. รองศาสตราจารย์ประทีป ด้วงแค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสัตว์ป่า ๓. นายบริพัตร ศิริอรุณรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสัตว์ป่า
(ผู้แทนภาคประชาสังคม) ๔. นายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(ผู้แทนภาคประชาสังคม) ๕. นายประสิทธิ์ หมีดเส็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี
วัฒนธรรม และวิถีชุมชน (ผู้แทนภาคประชาสังคม)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 17 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 12 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 12 | ทส. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (1. นายวิจารย์ สิมาฉายา ฯลฯ รวม 3 คน) | ทส. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
รวม ๓ คน
แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ประธานกรรมการ ๒. นายกวิน ทังสุพานิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านพลังงาน ๓. นายสมชาย รังษีธนานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่า พ.ศ. .... | ทส. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม
ค่าภาคหลวง และค่าบำรุงป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๒๒๑ (พ.ศ. ๒๕๓๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
เพื่อปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียม ค่าภาคหลวงและค่าบำรุงป่า
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ และเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาในประเด็นข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เห็นว่าการคิดคำนวณค่าธรรมเนียมควรเพิ่มความชัดเจนการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับภาคประชาชนโดยเฉพาะ
และควรประชาสัมพันธ์หรือรวบรวมความคิดเห็นจากภาคประชาชนโดยแท้จริงให้ได้มากที่สุด กระทรวงพาณิชย์
เห็นว่าชุมชนท้องถิ่นควรมีส่วนร่วมในการกำหนดค่าธรรมเนียมเพื่อให้ศักยภาพทางเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นไม่ได้รับผลกระทบ
และให้ความสำคัญต่อการสื่อสารเกี่ยวกับการใช้ค่าธรรมเนียมเหล่านี้
เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้กรมป่าไม้ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนได้รับทราบถึงข้อมูลข่าวสาร
รายละเอียด ข้อกำหนดในการจัดเก็บ ค่าธรรมเนียม ตลอดจนการลดและการยกเว้นค่าธรรมเนียมแก่กลุ่มบุคคลประเภทต่าง
ๆ เพื่อการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2533 (เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2534 (เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร) | ทส. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๙
ตุลาคม ๒๕๓๓ เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร
และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๔ เรื่อง ห้ามส่งงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงพาณิชย์ เห็นว่าการส่งออกงูดังกล่าวต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่กำลังจะสูญพันธุ์
(Convention on International Trade
in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่าง
ๆ และการเพาะพันธุ์และการส่งออกงูมีชีวิตต้องไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการควบคุมให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้
พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตลอดจนกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อป้องกันการลักลอบค้าสัตว์อย่างผิดกฎหมาย
และส่งผลกระทบต่อการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและความสมดุลของระบบนิเวศของประเทศไทย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดกลไกและหน่วยงานรับผิดชอบในการกำกับ
ดูแล และควบคุมการส่งออกงูมีชีวิต และหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักรในส่วนที่กฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังมิได้กำหนดไว้ให้ครบถ้วนและเหมาะสม
โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการส่งออกเพื่อการค้าและการอนุรักษ์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและประชาชนทราบเกี่ยวกับข้อกฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องดังกล่าวให้ถูกต้องและทั่วถึงต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน | ทส. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน
โดยกระทรวงการต่างประเทศไม่ต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าว
โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการป้องกันและลดผลกระทบจากมลพิษข้ามแดน
โดยไม่จำกัดเพียงหมอกควันข้ามแดนแต่รวมถึงมลพิษทางอากาศ มลพิษทางน้ำ ขยะมูลฝอย
ขยะอันตราย และรูปแบบอื่น ๆ ของมลพิษ รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อการดำเนินกิจกรรมภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับนี้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อดำเนินการโครงการจัดทำระบบเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก | ทส. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นเงินทั้งสิ้น
๓๗๐,๓๙๐,๒๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการจัดทำระบบเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรธรณี)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ากรมทรัพยากรธรณีจำเป็นต้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งจัดทำแผนการใช้งบประมาณให้สามารถติดตาม
ตรวจสอบการดำเนินโครงการให้เกิดประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า
และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) | ทส. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ [เรื่อง
ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(Environmental Impact Assessment :
EIA)] ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ [เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(Environmental Impact Assessment :
EIA)] โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสรุปผลการพิจารณา/ผลการดำเนินการ/ความเห็นในภาพรวมแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน
๒ สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | การนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส. | 08/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้
๑.๑ เห็นชอบเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม “พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม
อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of Wat Arun Ratchawararam :
The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น
(Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก
๑.๒
เห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
“พระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of
Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น
(Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส
สาธารณรัฐฝรั่งเศส
๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาตินำเสนอเอกสารการนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
“พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม อัตลักษณ์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ภายใต้ชื่อ “Phra Prang of
Wat Arun Ratchawararam : The Masterpiece of Krung Rattanakosin” เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลก
ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘
เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๘ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ
แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า
ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะได้รับ
การบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุนและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใส (2567-2573) | ทส. | 01/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใส
(๒๕๖๗ - ๒๕๗๓) และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และกระทรวงการต่างประเทศดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยแผนปฏิบัติการร่วมฯ
มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑) การควบคุมและดับไฟจากการเผาในที่โล่ง เช่น
การพัฒนาแผนที่เสี่ยงการเกิดไฟ การสร้างเครือข่ายดับไฟไตรภาคี
รวมถึงการจัดฝึกอบรมเพิ่มศักยภาพในการทำแผนที่เสี่ยงไฟและการติดตามตรวจสอบการเกิดไฟ
๒) การคาดการณ์และติดตามตรวจสอบสถานการณ์หมอกควัน เช่น พัฒนาระบบพยากรณ์และติดตามการจัดการไฟที่เกิดขึ้น
พัฒนาขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐาน (Standard
Operating Procedure : SOP) สำหรับการควบคุมและจัดการหมอกควัน ๓)
การจัดการเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน เช่น
สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการจัดการเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน
และการดำเนินการวิเคราะห์ที่ดิน เพื่อกำหนดพืชผลที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่เฉพาะ ๔)
การบังคับใช้กฎหมายและการประสานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น
แนะนำกฎหมายและข้อบังคับ และแนวปฏิบัติต่าง ๆ ของแต่ละประเทศ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วมฯ
สร้างการสื่อสารสายด่วนระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย
สปป.ลาว และเมียนมา และ ๕) การนำไปปฏิบัติ เช่น การแบ่งปันประสบการณ์ ขยายผลแนวปฏิบัติที่ดี
การระดมทรัพยากรเพื่อใช้ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการร่วมฯ
และการเปิดรับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ เข้าร่วมเป็นสมาชิกเพิ่มเติม
รวมถึงการสร้างกลไกเพื่อติดตามผลการดำเนินงาน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หนังสือสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๗/๑๑๒๔๐ ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๗)
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าในอนาคตหากมีการปรับร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ
ขอให้พิจารณากำหนดเป้าหมายที่จะนำมาซึ่งการบรรลุเป้าหมายการแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันข้ามแดนที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน
รวมทั้งควรพิจารณากำหนดเป้าหมายการลดพื้นที่เผาไหม้ด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาระบุผู้รับผิดชอบแผนงานหรือโครงการ
โดยกำหนดเป้าหมาย ค่าเป้าหมายและตัวชี้วัดอย่างชัดเจน
และควรพิจารณากิจกรรมการดำเนินงานอย่างรอบด้านครอบคลุมประเด็นความยากจน สิทธิ และความเท่าเทียมทางเพศ
สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีร่วมด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาจัดทำบันทึกความเข้าใจ
(MOU) ระหว่างประเทศไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา
เพื่อร่วมดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๕
คณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) ๒.
คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ๓. คณะกรรมการร่วม (Joint
Committee) ฝ่ายไทย ๔. คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ๕. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (1.นายถาวร ทันใจ ฯลฯ จำนวน 4 คน) | ทส. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
จำนวน ๔ คน เนื่องจากกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายถาวร ทันใจ (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๒. นายทศพร ละดาพรพิพัฒน์ ๓. พลตำรวจโท วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ๔. นายอิสรพงษ์ มากอำไพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | ขอถอนร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | ทส. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง
ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. ....
ตามที่เสนอได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | หนังสือสัญญาการรับเงินอุดหนุน (Grant Agreement) ภายใต้โครงการความร่วมมือไทย-เยอรมัน ด้านพลังงาน คมนาคม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Thai-German Cooperation on Energy, Mobility, and Climate: TGC-EMC) ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit: GIZ) | ทส. | 03/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหนังสือสัญญาการรับเงินอุดหนุน (Grant Agreement) ภายใต้โครงการความร่วมมือไทย - เยอรมัน
ด้านพลังงาน คมนาคม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Thai - German Cooperation on Energy, Mobility, and Climate : TGC - EMC)
ระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (Deutsche Gesellschaft
fur Internationale Zusammenarbeit : GIZ) และให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือสัญญาการรับเงินอุดหนุนฯ โดยหนังสือสัญญาการรับเงินอุดหนุนฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดวงเงินสนับสนุนทั้งหมดไม่เกิน ๔.๔ ล้านยูโร (ประมาณ ๑๕๖.๕๗
ล้านบาท) โดยมีระยะเวลาการให้เงินสนับสนุนระหว่างวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๗๐
รวมถึงกำหนดเงื่อนไขการรับเงินสนับสนุน เช่น การยื่นขอเบิกจ่ายเงินและรายงานต่าง ๆ
ต่อ GIZ การมอบสิทธิให้ GIZ ใช้ผลลัพธ์ของโครงการ
เงื่อนไขการระงับการให้เงินสนับสนุน เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหนังสือสัญญาการรับเงินอุดหนุน (Grant
Agreement) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงบประมาณ รวมถึงข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด
(หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนที่สุด ที่ อส ๐๐๐๖/๑๖๐๓ ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์
๒๕๖๗) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาด้วยความรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดการชำระคืนเงินอุดหนุนดังกล่าว
กรณีผู้รับสัญญาไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าการจัดสรรเงินกองทุนควรพิจารณาตามหลักเกณฑ์
ความรับผิดชอบที่เท่าเทียมในระดับที่แตกต่างกันด้วย เพื่อบรรเทาปัญหาในระยะยาวในทุกมิติและหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขหนังสือสัญญาดังกล่าวให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | ร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอ การกำหนดค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติการนอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ พ.ศ. .... | ทส. | 25/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการยื่นคำขอ
การกำหนดค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติการนอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการยื่นคำขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ นอกเวลาราชการหรือนอกสถานที่ทำการโดยปกติ และการกำหนดค่าเบี้ยเลี้ยง
ค่าพาหนะเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่น
เพื่อจ่ายให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรกำหนดอัตราค่าพาหนะเดินทางกรณีต้องเดินทางไปปฏิบัติการในต่างประเทศ
โดยให้เป็นไปตามสิทธิของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชกฤษฎีกาค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ
พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการ พ.ศ. ๒๕๕๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการรับชำระเงินจากผู้ที่ยื่นคำขอจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
รวมทั้งการให้บริการของเจ้าหน้าที่ต้องเป็นไปอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
|