ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (1. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ฯลฯ รวม 7 คน) | ทส. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ
รวม ๗ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤษภาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ประธานกรรมการ ๒. รองศาสตราจารย์ ดร.สิรี ชัยเสรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหารเศรษฐกิจการเกษตร ๓. นางรวีวรรณ ภูริเดช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ๔. ศาสตราจารย์ ดร.ศันสนีย์ ไชยโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นางรัตนา เล็งศิริวัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงิน ๖. นายสุเมธ เหล่าโมราพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านบริหารธุรกิจและการตลาด ๗. นายทศพล ทังสุบุตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านนิติศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 19 (The nineteenth session of the United Nations Forum on Forests - UNFF19) | ทส. | 07/05/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมผู้บริหารระดับสูงในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๑๙ (The nineteenth session of
the United Nations Forum on Forests - UNFF 19) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำและตระหนักถึงสถานการณ์ด้านป่าไม้ในปัจจุบัน เช่น ตระหนักว่าป่าไม้มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้มีแนวโน้มลดลงและเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง
และประเทศภาคีจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า
และเพื่อฟื้นฟูป่าไม้และความเสื่อมโทรมของดิน โดยจะดำเนินการ เช่น
ดำเนินงานร่วมกันเพื่อป้องกัน อนุรักษ์ และฟื้นฟูป่าไม้และระบบนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน
โดยการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเชิงนโยบาย ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
และลดความขัดแย้งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ในทุกระดับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | การเข้าร่วมประชุม Sustainable Finance for Tiger Landscapes Conference ณ ประเทศภูฏาน | ทส. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม
Paro Pledge for Tigers : A Billion-dollar
Commitment to Biodiversity Conservation และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
[ที่ปรึกษากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
(นางรุ่งนภา พัฒนวิบูลย์)] หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
ให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองในวันที่
๒๓ เมษายน ๒๕๖๗ ระหว่างการประชุม Sustainable Finance for Tiger Landscapes
Conference ณ เมืองพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันในการกระตุ้นการระดมทุนเพิ่มเติม
จำนวน ๑ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๔ เพื่อการอนุรักษ์เสือโคร่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (1. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ฯลฯรวม 6 ราย) | ทส. | 23/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
รวม ๖ คน
แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ เมษายน ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ ๒. นายพิสิทธิ์ ปทุมบาล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๓. นายบัณฑิต ลิ้มมีโชคชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ๔. นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายนิคม แหลมสัก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้ ๖. นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนจัดการซากดึกดำบรรพ์ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 | ทส. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนจัดการซากดึกดำบรรพ์
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรองให้นำเข้า หรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตหรือใบรับรอง
และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรองให้นำเข้า หรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า
หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตให้นำเข้าหรือส่งออกซึ่งสัตว์ป่า
ซากสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าที่เป็นสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง
สัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ และสัตว์ป่าควบคุม รวมทั้งการขอรับใบรับรองและการออกใบรับรองเพื่อการดำเนินการดังกล่าว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรดำเนินการให้สอดคล้องตามมาตรา ๙ และมาตรา
๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕
และควรเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนด
รวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th) ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | การนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม "สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา" เข้าสู่บัญชีรายชื่่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส. | 09/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารนำเสนอแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
“สงขลา และชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา” ภายใต้ชื่อ Songkhla and is Associated Lagoon Settlements เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๑.๒
เห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกลงนามในเอกสารนำเสนอฯ
ต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาตินำเสนอเอกสารนำเสนอฯ
เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้นของศูนย์มรดกโลกต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่จะได้รับการบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | ร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ พ.ศ. .... | ทส. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตจัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์
รวมทั้งอายุใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการบางประการควรมีความสอดคล้องกับพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๕
และควรกำหนดคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตเกี่ยวกับประสบการณ์
และความเชี่ยวชาญในการประกอบกิจการสวนสัตว์หรือการดูแลสัตว์ป่าให้เหมาะสมกับสัตว์แต่ละชนิด
แต่ละสายพันธุ์ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (Thailand's National Adaptation Plan : NAP) | ทส. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ
(Thailand’s National Adaptation Plan : NAP) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จัดส่งแผนการปรับตัวฯ
ต่อสำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยแผ่นแม่บทรองรับการปรับตัวฯ มีสาระสำคัญเป็นกรอบแนวทางระยะยาวของประเทศที่ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกด้าน
ได้แก่ ๑) การลดก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการเติบโตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำลง ๒)
การปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ ๓)
การสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย
และความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
เช่น ควรพิจารณาจัดการทบทวนแผน NAP เป็นระยะเพื่อประเมินผลการดำเนินงาน
ความเสี่ยงและความเปราะบางต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในรายสาขาและคนกลุ่มต่าง
ๆ เพื่อปรับปรุงแนวทางการดำเนินงาน ประเภทหรือรูปแบบความร่วมมือ
รวมถึงความร่วมมือระหว่างประเทศที่ประสงค์จะขอรับการสนับสนุน เพื่อให้แผน NAP
สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ หากมีประเด็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในแผน
NAP ให้คำนึงถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตลอดจนผลประโยชน์และบริบทของประเทศเป็นสำคัญ
ควรพิจารณาการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการตามแผน NAP ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายต่อไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | ทส. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม
ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย
อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง
ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้
ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
ที่เห็นควรกำหนดข้อยกเว้นไม่นำหลักเกณฑ์ในร่างประกาศดังกล่าวมาบังคับแก่การใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ในราชการของกองทัพเรือเช่นเดียวกับที่ได้มีกำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณเกาะโลซิน
ตำบลบ้านน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี
เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๖๕ ในข้อ ๕ วรรคท้าย ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (1. นายเธียรชัย ณ นคร ฯลฯ จำนวน 8 คน) | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
จำนวน ๘ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเธียรชัย ณ นคร ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม ๒. นายสุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล ด้านสาธารณสุขและสุขภาพ ๓. นายขวัญชัย ดวงสถาพร ด้านทรัพยากรป่าไม้และนิเวศวิทยา ๔. นายสุทิน เวียนวิวัฒน์ ด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม (ภาคเอกชน) ๕. นายยงธนิศร์ พิมลเสถียร ด้านอนุรักษ์ศิลปกรรม/ภูมิสถาปัตย์และสิ่งแวดล้อมเมือง (ภาคเอกชน) ๖. นายปานเทพ รัตนากร ด้านบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ภาคเอกชน) ๗. นายชวลิต รัตนธรรมสกุล ด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม (ภาคเอกชน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบ
หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ
ให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | ขอความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแลกเปลี่ยนในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม 10th Meeting of the Advisory Committee | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
10th Meeting of the Advisory Committee โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full powers) ให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความรับผิดชอบของประเทศเจ้าภาพและสำนักงานเลขาธิการ
CMS เช่น (๑) สำนักงานเลขาธิการ CMS จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดประชุม
(๒) ไทยในฐานะเจ้าภาพ จะอำนวยความสะดวกในการดำเนินการขอรับการตรวจลงตรา (visa)
สำหรับผู้เข้าร่วมประชุม และให้ความคุ้มครองและรับผิดชอบด้านเอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมประชุมตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนในการร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
10th Meeting of the Advisory Committee ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นว่าหากมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น
ให้พิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๗ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรก
หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี | ทส. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีการแก้ไขปัญหากลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน
จังหวัดเพชรบุรี ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป สรุปได้ดังนี้ ๑. การเร่งรัดพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์
พ.ศ. .... ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๒. การพิจารณาจัดตั้งกลไกในการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยให้เป็นรูปธรรม
มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมกับหน่วยงานต่าง
ๆ จัดตั้งกลไกในการดำเนินงาน ได้แก่ ๑) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเพชรบุรี
ได้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในด้านต่าง
ๆ ๒) มีหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
กรมทรัพยากรน้ำ ได้เข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น ที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน
การเกษตร ระบบน้ำ - ไฟฟ้า ชีวิตความเป็นอยู่ ๓) มีหน่วยงานต่าง ๆ
ได้ให้ความช่วยเหลือโดยให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ ของรัฐได้ เช่น กระทรวงสาธารณสุขให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการรักษาพยาบาล
และกระทรวงศึกษาธิการ ให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ๔) กระทรวงมหาดไทยได้สำรวจการถือครองที่ดินจัดทำทะเบียนประวัติสถานะบุคคลและส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ๓. การบูรณาการการแก้ไขปัญหาโดยใช้กลไกตามข้อ ๒
นั้น
กระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันใน
๕ ขั้นตอน ดังนี้ ๑) ให้มีคณะทำงานที่มีองค์ประกอบทั้ง ๓ ฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง และคณะกรรมการอิสระ ๒) ให้มีการสำรวจที่อยู่อาศัย ที่ทำกินของประชาชนในพื้นที่บ้านบางกลอยให้แล้วเสร็จ
๓) จัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ ๔) ให้ชาวบ้านได้เข้าไปทดลองใช้ประโยชน์ในพื้นที่
โดยมีหน่วยงานเข้าไปกำกับดูแล และ ๕) ให้มีการประเมินผลการทดลอง รวมทั้งได้มีคณะทำงานและคณะกรรมการหลายชุด
เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบางกลอยมาโดยตลอดด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | ร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธ์ุ | ทส. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ เป็นการกำหนดกรอบการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเกี่ยวกับการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพและชนิดพันธุ์ในอนาคต
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลไกการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ
รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือและบูรณาการเชิงนโยบายระหว่างไทยและฝรั่งเศส
และสนับสนุนให้เกิดโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมโดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะดำเนินงานร่วมกันใน
๒ ประเด็น ได้แก่ (๑) ความหลากหลายทางชีวภาพกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ
(๒) การจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืนผ่านกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ
เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ การเยี่ยมเยือนของทั้งเจ้าหน้าที่ระดับต่าง
ๆ การจัดประชุมหรือสัมมนาร่วมกัน เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถดำเนินการสนับสนุนความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และเพื่อให้สามารถนำความรู้จากการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญในด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ไปต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อม
ความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ในส่วนของการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ต่าง ๆ
ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศส
ภายใต้หนังสือแสดงเจตจำนงการเจรจาทวิภาคีว่าด้วยสิ่งแวดล้อมความหลากหลายทางชีวภาพและการคุ้มครองชนิดพันธุ์
นั้น ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาดำเนินการตามความจำเป็น
เหมาะสม คุ้มค่าและละเอียดรอบคอบ ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบในด้านต่าง ๆ
ที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการที่ต่างประเทศหรือหน่วยงานระหว่างประเทศได้ทราบข้อมูล
ข่าวสาร หรือองค์ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ ของประเทศไทยและนำไปใช้ประโยชน์
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ (เรื่อง
การขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | ขอรับจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับดำเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | ทส. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เป็นเงินทั้งสิ้น ๒๗๒,๖๕๕,๓๕๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อลดฝุ่นละออง PM2.5 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ของกรมป่าไม้ เป็นเงิน
๑๐๙,๙๔๖,๖๕๐ บาท และของกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นเงิน ๑๖๒,๗๐๘,๗๐๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๗/๓๕๗๕ ลงวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗) โดยให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอน
สำหรับค่าใช้จ่ายโครงการจัดหาระบบสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง
ขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ในพื้นที่ ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ แบบครบวงจร เห็นควรให้กรมควบคุมมลพิษพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไปโดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
ความประหยัด ความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑ ให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับติดตามการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน
เพื่อลดฝุ่นละออง PM2.5 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง
การจ้างแรงงานในพื้นที่ การกำหนดจุดจัดตั้งและการปฏิบัติงานของจุดเฝ้าระวัง
และการดำเนินกิจกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า
เพื่อให้สามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการฯ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
รวมทั้งเพื่อป้องกันปัญหาข้อร้องเรียนการทุจริตอันอาจเกิดขึ้นในภายหลังด้วย ๒.๒
ให้นำเทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมของหน่วยงานของรัฐซึ่งมีการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน
(update) อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงข้อมูลการเกิดจุดความร้อน (hotspots) ในอดีต มาใช้ประกอบการวิเคราะห์
เพื่อกำหนดจุดเฝ้าระวังไฟป่าให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริง รวมทั้งจัดทีมระงับไฟป่าตามจุดที่มีความเสี่ยงสูง
เพื่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่เกิดไฟป่าได้โดยเร็วที่สุด ๒.๓
ให้เพิ่มเติมตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ (KPIs) ของโครงการฯ ให้เหมาะสม ชัดเจน และเป็นการดำเนินการในเชิงรุกมากขึ้น เช่น
กำหนดให้จำนวนจุดความร้อน/ไฟป่าในพื้นที่โครงการฯ ลดลงมากกว่าร้อยละ ๕๐ เมื่อเทียบกับก่อนดำเนินโครงการฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่อง ขอให้สั่งการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล | ทส. | 03/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเกี่ยวกับเรื่อง
ขอให้สั่งการส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ
จังหวัดสตูล โดยได้รวบรวมผลการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปผลในภาพรวมได้
ดังนี้ ๑) สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล
เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เพื่อรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ
ให้ได้รับการแก้ไขปัญหาด้วยความเป็นธรรมอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการและมีการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ๒) กรณีปัญหาการปิดกั้นทางสาธารณะ คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงาน
จำนวน ๓ คณะ ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการตรวจสอบสิทธิในที่ดิน
กระบวนการครอบครองหรือออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน (๒) คณะอนุกรรมการบังคับใช้กฎหมายกรณีข้อพิพาทในที่ดินเกาะหลีเป๊ะ
จังหวัดสตูล และ (๓) คณะอนุกรรมการส่งเสริมการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนชาวเล
เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ๓) กรณีการจัดการด้านผังเมืองเพื่อพัฒนาพื้นที่
คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อมูลฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนชาวเล
เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เพื่อแก้ไขปัญหา โดยได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการวางผังเมืองและกำหนดเขตวัฒนธรรมวิถีชีวิตชาวเล
และ ๔) การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่บริเวณเกาะหลีเป๊ะ
ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
เกี่ยวกับปัญหาของชาวเลต้องดำเนินการภายใต้กฎหมายประมงและกฎหมายอุทยานแห่งชาติ คณะอนุกรรมการบังคับใช้กฎหมายฯ
ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยรับเรื่องร้องทุกข์และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | เอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 6 และร่างแถลงการณ์ระดับสูง (High-Level Statement) | ทส. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๖ “การดำเนินการพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และยั่งยืน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลพิษ” และร่างแถลงการณ์ระดับสูง High-Level Statement on Plastic
Pollution, including in the Marine Environment และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทย หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีฯ
และร่างแถลงการณ์ระดับสูง High-Level Statement on Plastic
Pollution, including in the Marine Environment โดยร่างปฏิญญาฯ มีเป้าหมายเพื่อรับมือกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก
รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มลพิษ
และการตัดไม้ทำลายป่า เช่น (๑) มุ่งมั่นที่จะปกป้องชุมชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เช่น ภัยแล้ง ไฟป่า และน้ำท่วม (๒) พยายามจัดการกับมลพิษ เช่น การลดมลพิษทางอากาศ
เพื่อป้องกันหรือลดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด
และร่างแถลงการณ์ฯ มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและการมีส่วนร่วมที่แข็งแกร่งของภูมิภาคในการสนับสนุนและส่งเสริมความพยายามระดับโลกในเรื่องมลพิษจากพลาสติก
เช่น
ตระหนักถึงความจำเป็นในการปรับปรุงและการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของพลาสติก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีสำหรับการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ ๖ และร่างแถลงการณ์ระดับสูง High-Level
Statement on Plastic Pollution, including in the Marine Environment ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรีของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จำนวน ๕ คณะ ดังนี้ (๑) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ
(คปป.) (๒) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (๓) คณะกรรมการร่วม (Joint Committee) ฝ่ายไทย (๔) คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ และ (๕)
คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | การโอนข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายประเสริฐ ศิรินภาพร) | ทส. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายประเสริฐ ศิรินภาพร
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
สำนักนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|