ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 2179 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 161 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 17 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 24/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม
ครั้งที่ ๑๗ (17th ASEAN Ministerial Meeting on the
Environment : 17th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง
ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
(สปป.ลาว) โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ
โดยการประชุมประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๗
และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมกับคู่เจรจา ซึ่งที่ประชุมได้มีการรับรองและรับทราบประเด็นต่าง
ๆ ที่สำคัญ เช่น การรับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียนของประเทศไทย
(เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และอุทยานแห่งชาติภูกระดึง)
การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๘ และผลสรุปความสำเร็จความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมถึงความก้าวหน้าในการดำเนินความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของอาเซียนร่วมกับจีน
ญี่ปุ่น และเกาหลี โดยเฉพาะประเด็นปัญหาขยะพลาสติกในทะเล นอกจากนี้ ไทยได้หารือร่วมกับ
สปป.ลาว เพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการก่อสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว
ที่สร้างขึ้น ณ โรงเรียนมัธยมสมบูนนาซอน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 162 | ขอความเห็นชอบต่อข้อริเริ่มปักกิ่งเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสายแถบและเส้นทาง | ทส. | 16/10/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อริเริ่มปักกิ่งเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสายแถบและเส้นทาง
(Beijing Initiative on Belt and Road Green
Development) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในหนังสือแจ้งร่วมให้การสนับสนุน
(co-sponsor) ต่อข้อริเริ่มฯ โดยข้อริเริ่มฯ มีสาระสำคัญเพื่อระลึกถึงคำมั่นระดับโลกทั้งในเรื่องวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ การดำเนินงานตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)
และความตกลงปารีส
ตลอดจนอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและกรอบงานความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
(GBF) รวมถึงให้ความสำคัญกับประเทศกำลังพัฒนาที่ควรได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอทั้งกองทุน
และการเพิ่มขีดความสามารถเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายระดับโลก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อริเริ่มฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 163 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ครั้งที่ 1) (นายจตุพร บุรุษพัฒน์) | ทส. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ
๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 164 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ (ครั้งที่ 1) (นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์) | ทส. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายภาดล ถาวรกฤชรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ
๔ ปี ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม
๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 165 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายอรรถพล เจริญชันษา ฯลฯ จำนวน 7 ราย) | ทส. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๗ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน
และทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑. นายอรรถพล เจริญชันษา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ๒. นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๓. นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๔. นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๕. นายพิชิต สมบัติมาก ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ๖. นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 166 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 26/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นายวราวุธ ศิลปอาชา) เป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 167 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายนพดล พลเสน) | ทส. | 18/09/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายนพดล พลเสน เป็นข้าราชการการเมือง ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กันยายน ๒๕๖๖) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 168 | องค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ที่ขยายออกมา | ทส. | 29/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.
เห็นชอบการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๔๕ ที่ขยายออกมา ดังนี้ ๑.๑ หากคณะผู้แทนไทยเห็นว่า (ร่าง) ข้อมติ
วาระการประชุมที่ 7B รายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (7B.19) และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน
(7B.88) ไม่เป็นผลดีต่อไทย หรือสุ่มเสี่ยงต่อการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย
เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และการดำเนินการของราชอาณาจักรไทยในการให้ความสำคัญต่อการดำเนินการเพื่อดูแลและอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าฯ
ให้คงคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลอย่างยั่งยืน
รวมทั้งจัดให้มีการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมกับชุมชนต่าง ๆ และองค์กรต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องในการอนุรักษ์ ปกป้อง คุ้มครอง และบริหารจัดการพื้นที่กลุ่มป่าฯ
ร่วมกัน และขอปรับแก้ (ร่าง) ข้อมติที่จะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของไทยในอนาคต ๑.๒ กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
หรือได้รับการร้องขอจากรัฐภาคีสมาชิก ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ ทั้งนี้
ให้คณะผู้แทนไทยพิจารณาร่วมกันระหว่างการประชุมฯ โดยคำนึงถึงหลักการขออนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรที่ปรึกษา ๒.
รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๕
ที่ขยายออกมา ได้แก่ (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นที่ปรึกษา (๒) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว
ทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และ (๓)
ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนที่เกี่ยวข้อง
ในคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ.
๒๕๖๒-๒๕๖๖ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 169 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ 14 (Ramsar COP 14) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
สมัยที่ ๑๔ (Ramsar COP 14) และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยการประชุมดังกล่าวได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ แบบผสมผสาน ณ
นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส และเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยที่ประชุมได้มีการร่วมรับรองปฏิญญาอู่ฮั่น
(Wuhan Declaration) ซึ่งเป็นการให้คำมั่นที่เน้นย้ำว่าการอนุรักษ์
การฟื้นฟู และการใช้พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาด ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของอนุสัญญาฯ ที่ต้องเร่งดำเนินการร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
และความตกลงพหุภาคีระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ และได้รับรองข้อมติ จำนวน
๒๒ เรื่อง และได้เลื่อนข้อมติ จำนวน ๒ เรื่อง
ไปพิจารณาในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ สมัยที่ ๑๕ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในปี
๒๕๖๘ (สาธารณรัฐซิมบับเวเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม) โดยข้อมติที่ได้มีการรับรองดังกล่าวจะใช้เป็นกรอบความร่วมมือในการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและยับยั้งการสูญหายของระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำในโลก
ตลอดจนเพื่อให้ประเทศภาคีอนุสัญญาดังกล่าวนำไปใช้เป็นแนวทางดำเนินงาน
และเพื่อให้มีการบูรณาการให้บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานของไทยทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรจัดทำรายการพื้นที่ชุ่มน้ำระดับชาติอย่างเป็นระบบ
พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดเล็กที่มีความซับซ้อนตามเกณฑ์พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ
และมีการดำเนินงานที่บูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งให้พิจารณาปรับแก้ข้อความข้อมติเกี่ยวกับการศึกษาพื้นที่ชุ่มน้ำในภาคการศึกษาในระบบ
เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานร่วมดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 170 | การรับรองร่างเอกสาร ASEAN-Japan New Environment Initiative "Strategic Program for ASEAN Climate and Environment (SPACE)" และร่างเอกสาร ASEAN-U.S. Environment and Climate Work Plan | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างเอกสาร ASEAN-Japan New Environment Initiative
"Strategic Program for ASEAN Climate and Environment (SPACE)" และร่างเอกสาร ASEAN-U.S. Environment and Climate Work Plan และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๗
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ
นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยร่างเอกสารทั้ง ๒
ฉบับดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานบริหารจัดการวิกฤติสิ่งแวดล้อมโลก
การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์
และเพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการสร้างขีดความสามารถของประเทศสมาชิกอาเซียน
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รวมทั้งสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีบนพื้นฐานของความตกลงร่วมกันด้านการเงินและการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสมาชิกอาเซียน
บนหลักการที่สอดคล้องและบูรณาการกับวิสัยทัศน์อาเซียนและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(Sustainable Development Goals : SDGs) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้กรอบการดำเนินงานของร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดของโครงการ
ภาระผูกพัน และผลกระทบต่าง ๆ
บนหลักการต่างตอบแทนและประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นสำคัญ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 171 | กรอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ครั้งที่ 7 | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบกรอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสมัชชากองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
ครั้งที่ ๗ ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๖ ณ นครแวนคูเวอร์
ประเทศแคนาดา และเห็นชอบในหลักการเอกสารการปรับแก้ไขเอกสารการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
และเอกสารการจัดตั้งและกรอบการสนับสนุนของ Global
Biodiversity Framework Fund โดยกรอบท่าทีฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกเพื่อการดำเนินงานตามพันธกรณีของอนุสัญญาระหว่างประเทศที่กองทุนสิ่งแวดล้อมโลกทำหน้าที่เป็นกลไกทางการเงิน
การสนับสนุนให้ประเทศพัฒนาแล้วและแหล่งเงินทุนต่าง ๆ ให้การสนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ
การเห็นชอบในหลักการต่อการปรับแก้ไข Instrument for the Establishment of a
Restructured Global Environment Facility ตามข้อเสนอของที่ประชุมคณะมนตรีกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔
เพื่อปรับปรุงแนวปฏิบัติในการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
และการเห็นชอบในหลักการต่อการจัดตั้งกองทุน Global Biodiversity Framework
Fund เพื่อสนับสนุนเป้าหมายกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ตามข้อมติที่ประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๕
ที่ประเทศไทยได้ร่วมให้การรับรองข้อมติดังกล่าวแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวกับการปรับแก้ไขเอกสารการดำเนินงานของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก
และเอกสารการจัดตั้งและกรอบการสนับสนุนของ Global Biodiversity Framework
Fund ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารการปรับแก้ไขเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 172 | ร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (ASEAN Action Plan for Invasive Alien Species Management) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน (ASEAN Action Plan for Invasive Alien Species Management)
และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้การรับรอง (Adoption) ร่างแผนปฏิบัติการฯ
โดยร่างแผนปฏิบัติการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบแนวทางการประสานความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ในการจัดการชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานในการลดผลกระทบทางลบจากชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานที่มีต่อสิ่งแวดล้อม
เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศสมาชิกอาเซียน
ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามกรอบงานคุนหมิง-มอนทรีออลว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของโลก
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนปฏิบัติการฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายใต้ร่างแผนปฏิบัติการฯ
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามภารกิจความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 173 | (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (ASEAN Joint Statement on Climate Change to UNFCCC COP 28) | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ (ร่าง)
แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สมัยที่ ๒๘ (ASEAN Joint Statement on Climate Change to UNFCCC COP 28) และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบ
(Endorsement) (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรอง (Adoption)
(ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมสุดยอดอาเซียนต่อไป โดย (ร่าง)
แถลงการณ์ร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ที่มุ่งดำเนินการบรรลุเป้าหมายของกรอบอนุสัญญาฯ
และความตกลงปารีสอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การปรับตัวต่อผลกระทบด้วยกลไกทางการเงินและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการปรับแก้ถ้อยคำ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยน (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 174 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ และป่ายางน้ำกลัดใต้ บางส่วน ในท้องที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถอนเรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ
และป่ายางน้ำกลัดใต้ บางส่วน ในท้องที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... คืนไปได้
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 175 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำในแนวปะการัง
เพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย ที่เห็นว่าต้องมีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวได้ทราบมาตรการตามประกาศอย่างทั่วถึง
ต้องคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ของกรมเจ้าท่าตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยฯ
และให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 176 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว
ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว
ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า และตำบลแม่หอพระ
อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
เพื่อก่อสร้างโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา
จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ประมาณ ๒๒๙ ไร่ ๑ งาน ๖๓.๖ ตารางวา
ซึ่งคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่ามีพื้นที่ทับซ้อนกับป่าไม้ถาวร
ชื่อ “ป่าแม่แตง” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๐๙
ซึ่งพื้นที่ที่ขอเพิกถอนจากอุทยานแห่งชาติทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ และป่าไม้ถาวร
หากเพิกถอนเฉพาะอุทยานแห่งชาติแต่ไม่เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นป่าไม้ถาวรอยู่
และให้กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงาน
ตลอดจนชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินโครงการตามผลการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน รวมทั้งให้กรมชลประทานร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า
และพันธุ์พืช จัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ
โดยให้ชุมชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญและให้กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเร่งรัดดำเนินการก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงาน
ตลอดจนชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินโครงการตามผลการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย
ชุมชนที่เกี่ยวข้อง และประชาชน รวมทั้งให้กรมชลประทานร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า
และพันธุ์พืช จัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่ภายหลังการก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จ
โดยให้ชุมชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 177 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... | ทส. | 23/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป
บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าน้ำตกพลิ้ว-เขาสระบาป
บางส่วน ในท้องที่ตำบลเกวียนหัก อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำคลองขลุง
จังหวัดจันทบุรี จำนวนเนื้อที่ประมาณ ๘๕ ไร่ ๒ งาน ๕๔ ตารางวา
ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และความเห็นชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ
และควรดำเนินการตามมาตรการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมหลังการก่อสร้าง และมาตรการป้องกัน
แก้ไข หรือเยียวยาความเดือดร้อน
หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 178 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ และป่าเขาพระวิหาร บางส่วน ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร) | ทส. | 08/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่
และป่าเขาพระวิหาร บางส่วน ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่
และป่าเขาพระวิหาร บางส่วน ในท้องที่ตำบลโขง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดอุบลราชธานี
เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำในการอุปโภคบริโภคให้กับราษฎรในพื้นที่
โดยมีจำนวนเนื้อที่รวม ๔๒ ไร่ ๕๑ ตารางวา ตามที่กระทรวงงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรเพิ่มเติมข้อความ
“แนวแบ่งเขตระหว่างประเทศบนแผนที่ไม่ถือกำหนดเป็นทางการ”
ในแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ อันเป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมา
รวมทั้งหากต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขยายพื้นที่หรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น
ควรกำกับดูแลการดำเนินการดังกล่าวมิให้กระทบต่อแนวเขตแดนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนของ
JBT ไทย-กัมพูชา ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าตำแหน่งและพิกัดของพื้นที่เสนอขอเพิกถอนเป็นบริเวณที่ไม่มีประเด็นข้ามเขตแดนและไม่กระทบต่อท่าทีของไทยในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน
แต่ควรเพิ่มเติมข้อความ “แนวแบ่งเขตระหว่างประเทศบนแผนที่ไม่ถือกำหนดเป็นทางการ”
ในแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาฯ อันเป็นไปตามแนวปฏิบัติที่ผ่านมา รวมทั้งหากต่อไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะขยายพื้นที่หรือเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่จะใช้ดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น
ควรกำกับดูแลการดำเนินการดังกล่าวมิให้กระทบต่อแนวเขตแดนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนของ
JBT ไทย-กัมพูชา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 179 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ในพื้นที่ป่าชายเลน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ทส. | 08/08/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวภายหลังวันที่ ๓๑ กรกฎาคม
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
โดยสำหรับการกำหนดวันสิ้นสุดการอนุญาตให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักร
ให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี ซึ่งในระหว่างที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เข้ารับหน้าที่ด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์แล้ว
แต่ยังมิได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเพื่อเข้าบริหารราชการแผ่นดิน
ให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรเป็นวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๖ ๒. เห็นชอบ
๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. ....
๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖ (ฉบับที่ ....) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวที่ได้ดำเนินการตามแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๖
สามารถอยู่และทำงานในราชอาณาจักรต่อไปได้ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขวันสิ้นสุดการอนุญาตให้คนต่างด้าวได้รับการผ่อนผันให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรเป็นวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๖ ตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรเร่งรัดเตรียมความพร้อมการดำเนินการตามแนวปฏิบัติการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานระหว่างรัฐ
(MOU) ในด้านต่าง ๆ อาทิ
การตรวจสุขภาพ การทำประกันสุขภาพหรือขึ้นทะเบียนประกันสังคม
การจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล และการจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางและประทับตราอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
ให้แก่คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย และควรพิจารณาวิเคราะห์คนต่างด้าวในภาคการผลิตและบริการรายสาขา
และจัดทำแผนบริหารจัดการคนต่างด้าว เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องการอยู่และการทำงานของคนต่างด้าวเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 180 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ พ.ศ. .... | ทส. | 25/07/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองพื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดปัตตานี
เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ เนื้อที่ประมาณ
๑๙,๙๓๗
ไร่ ซึ่งประกอบด้วย ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า เช่น พันธุ์ไม้ ของป่า และสัตว์ป่านานาชนิด
ตลอดจนทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่ง เพื่อประโยชน์ในการสงวน การอนุรักษ์
และการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนให้คงสภาพธรรมชาติและมีสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศที่มีความสมบูรณ์
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
