ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 233 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4641 - 4660 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4641 | การดำเนินการตามผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี | กค | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมของการดำเนินการ
ตามผลการเยือนลังกาวีของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2546 ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ กระทรวงการคลัง ดังนี้ (1) เรื่อง การจัดทำความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับจีน ทั้งสองฝ่าย ได้ดำเนินการประกาศลดภาษีศุลกากรระหว่างกันลงเหลือร้อยละ 0 โดยกระทรวงการคลังได้ออกประกาศลด ภาษีสำหรับสินค้าตอนที่ 07-08 ให้กับจีนซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2546 สำหรับกรอบความตกลงการ ค้าเสรีระหว่างอาเซียน-จีน ไทยจะลดภาษีผักและผลไม้และสินค้าเกษตรในตอนที่ 01-08 ซึ่งกระทรวงการ คลังได้ออกประกาศลดภาษีในเรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 (2) เรื่อง มาตรการทางภาษีต่อน้ำมันปาล์ม กระทรวงการคลังได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและ พืชน้ำมันอื่น เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2546 เพื่อขอให้พิจารณายกเลิกมาตรการจำกัดปริมาณนำเข้าของสินค้า กลุ่มดังกล่าว เฉพาะการนำเข้าจากประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งขณะนี้เรื่องกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมการ ฯ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม (3) ความร่วมมือในการ ขนส่งสินค้า และผู้โดยสารข้ามแดน ที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมถาวรไทย-มาเลเซีย ได้มีการหารือและเห็น ชอบในหลักการที่จะให้ยกร่างความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าเน่าเสียง่ายผ่านแดนไทยไปยังมาเลเซียขึ้นมา ใหม่ โดยใช้ชื่อว่า "ความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าผ่านแดนโดยทางถนน" โดยเนื้อหาให้ครอบคลุมการขน ส่งสินค้าทุกประเภทไม่เฉพาะแต่สินค้าเน่าเสียง่ายเท่านั้น และไม่จำกัดเพดานของปริมาณสินค้าที่ขนส่ง (โดย เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่จำกัดปริมาณไว้ที่ 6 หมื่นตัน) โดยฝ่ายไทยได้ยกร่างความตกลง ฯ ดังกล่าว และส่งให้ ทางฝ่ายมาเลเซียตรวจสอบในรายละเอียดแล้วซึ่งล่าสุดทราบว่ากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียด โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของมาเลเซีย และ (4) เรื่อง การลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายจากไทยไปมาเล เซีย ในช่วงไตรมาสที่ 1 (มกราคม-มีนาคม 2547) มีผลการจับกุม จำนวน 512 คดี คิดเป็นมูลค่าของกลาง ที่จับกุมได้ประมาณ 148 ล้านบาท โดยศุลกากรภาค 4 ของไทยและศุลกากรมาเลเซีย ได้มีการประชุมหารือ กันในระดับเจ้าหน้าที่เพื่อร่วมมือกันหาทางป้องกันการลักลอบนำเข้าดังกล่าวอยู่เป็นระยะ และกรมศุลกากร ไทยได้มีแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย พร้อมทั้งได้กำชับด่าน ตรวจตามแนวชายแดนให้มีความเข้มงวดในการตรวจจับ เพื่อลดจำนวนและปริมาณของสินค้าที่มีการลักลอบ นำเข้าให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4642 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนของกรรมการและอนุกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ | กค | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนของกรรมการและอนุกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ โดยมีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทน ของกรรมการและอนุกรรมการ ฉบับลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2540 และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราการจ่ายประโยชน์ตอบแทนของกรรมการและอนุกรรมการ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 4 มกราคม 2542 และ นำหลักเกณฑ์ เรื่อง การจ่ายค่าตอบแทนกรรมการและอนุกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามประ กาศกระทรวงการคลัง ฯ มากำหนดไว้ในร่างประกาศกระทรวงการคลังฉบับนี้ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4643 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่มีเมืองกำเนิดจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียนที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (AISP) | กค | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าที่มีเมืองกำเนิดจากประเทศ
สมาชิกใหม่อาเซียนที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (AISP) ไตรมาสแรก ของปี พ.ศ. 2547 มีดังนี้ ประเทศ กัมพูชา สินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ได้แก่ ปลามีชีวิต โดยมูลค่าการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2547 รวม 66,000 บาท อากร 3,300 บาท เดือนมีนาคม 2547 มูลค่าการนำเข้ารวม 4,000 บาท อากร 200 บาท ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ได้แก่ โค กระบือ มี ชีวิต มูลค่าการนำเข้าเดือนมกราคม 2547 รวม 4,078,800 บาท อากร 203,940 บาท เดือนกุมภาพันธ์ 2547 มูลค่าการนำเข้ารวม 3,496,100 บาท อากร 174,805 บาท เดือนมีนาคม 2547 มูลค่าการนำเข้ารวม 6,517,000 บาท อากร 325,850 บาท ถั่วลิสง มูลค่าการนำเข้าเดือนมกราคม 2547 รวม 59,612 บาท อากร 2,980 บาท หน้าต่างและกรอบหน้าต่าง มูลค่าการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2547 รวม 248,134 บาท อากร 12,405 บาท ประตูและกรอบประตู มูลค่าการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2547 รวม 48,326 บาท เดือนมีนาคม 2547 รวม 181,216 บาท ปอกระเจา มูลค่าการนำเข้าเดือนมกราคม 2547 รวม 55,000 บาท อากร 2,750 บาท เดือนกุมภาพันธ์ 2547 รวม 530,923 บาท อากร 26,545 บาท เดือนมีนาคม 2547 รวม 3,226,746 บาท อากร 161,334 บาท เฟอร์นิเจอร์ทำด้วยไม้ใช้ในห้องนอน มูลค่าการนำเข้าเดือนมกราคม 2547 รวม 17,883 บาท อากร 894 บาท เฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ทำด้วยไม้ มูลค่าการนำเข้าเดือนมกราคม 2547 รวม 489,946 บาท อากร 24,494 บาท เดือนกุมภาพันธ์ 2547 รวม 472,979 บาท อากร 23,647 บาท เดือน มีนาคม 2547 รวม 251,304 บาท อากร 12,565 บาท ประเทศสหภาพพม่า สินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทาง ภาษีศุลกากร ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ มูลค่าการนำเข้าเดือนมกราคม 2547 รวม 2,000,000,000 บาท อากร 603,205 บาท เดือนกุมภาพันธ์ 2547 รวม 2,540,754,616 บาท อากร 452,788 บาท เดือนมีนาคม 2547 รวม 2,412,475,052 บาท อากร 427,604 บาท แผ่นไม้อื่น ๆ ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตดินสอ มูลค่าการนำเข้า เดือนกุมภาพันธ์ 2547 รวม 657,850 บาท อากร 32,892 บาท ไม้สักอื่น ๆ มูลค่าการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2547 รวม 803,195 บาท อากร 40,159 บาท และไม้อื่น ๆ มูลค่าการนำเข้าเดือนมีนาคม 2547 รวม 803,401 บาท อากร 40,170 บาท และประเทศเวียดนาม สินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ได้แก่ พื้นรองเท้าด้านอก และส้นรองเท้าทำด้วยยางหรือพลาสติก มูลค่าการนำเข้าเดือนมีนาคม 2547 รวม 88,263 บาท และพื้นรองเท้าชนิดอื่น ๆ มูลค่าการนำเข้าเดือนมีนาคม 2547 รวม 121,674 บาท |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4644 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนพฤษภาคม 2547 | กค | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2547 โดยส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจได้เบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 620,820 ล้านบาท หรือร้อยละ 60.39 ของวงเงินงบ ประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม จำนวน 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว จำนวน 49,851 ล้านบาท หรือร้อย ละ 36.79 ของวงเงินงบประมาณดังกล่าว ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายตามมาตรการพัฒนาและบริหาร กำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จำนวน 13,147 ล้านบาท รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 36,205 ล้านบาท และรายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักย ภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวน 499 ล้านบาท สำหรับการเบิกจ่ายเงินจำแนก ตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่ม เติม (135,500 ล้านบาท) มีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ จำนวน 552,185 ล้านบาท หรือร้อยละ 66.37 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (832,026 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน 68,635 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.02 ของบประมาณรายจ่ายลงทุน (195,974 ล้านบาท) และผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วย งานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มีจำนวน 49,233 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 36.20 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (136,006 ล้านบาท) |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4645 | ผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ไม่ยืนยันมติ) | กค | 06/07/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี)
เสนอผลการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา และนราธิ วาส) ประกอบด้วย การดำเนินโครงการต่าง ๆ ตามที่ได้รับงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2547 จำนวน 22 โครงการ วงเงิน 1,509.73 ล้านบาท ดังนี้ กรมทางหลวง 4 โครงการ วงเงิน 829.09 ล้านบาท เกิดการจ้าง แรงงานท้องถิ่นประมาณ 176.56 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท 5 แผนงาน วงเงินงบประมาณ 508.83 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 15.29 ล้านบาท กรมการขนส่งทางบก 1 โครงการ เกิดการ จ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 3.17 ล้านบาท กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี 5 โครงการ วงเงิน 125.71 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 4.44 ล้านบาท สำนักงานนโยบายและแผนการขน ส่งและจราจร 1 โครงการ คือ โครงการฝึกอบรม ส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยทางถนนที่จังหวัด นราธิวาส เดือนสิงหาคม 2547 วงเงิน 0.38 ล้านบาท ประมาณการมูลค่าสร้างงาน 0.26 ล้านบาท และ การรถไฟแห่งประเทศไทย 6 โครงการ วงเงิน 42.55 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 13.82 ล้านบาท สำหรับโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 13 โครงการ วงเงิน 1,961.41 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานท้องถิ่นประมาณ 138 ล้านบาท นอกจากนี้ กระทรวง คมนาคม โดยส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ในสังกัด ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างงานอาชีพและให้เกิดการ จ้างแรงงานและรายได้ให้แก่ประชาชน อีกจำนวน 7 กิจกรรม เช่น การจัดฝึกอบรม เรื่อง การขนส่งและ จราจรอย่างยั่งยืนให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นที่จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งการก่อสร้างสนามฟุตบอลที่ตำบล บาเจาะ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา และการจัดพื้นที่บริเวณหน้าที่อาคารท่าอากาศยานหาดใหญ่ สำหรับให้ประชาชนจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4646 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 70 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... | กค | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของ
เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 70 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ จัดทำเหรียญกษาปณ์ โลหะสองสี (สีขาวและสีทอง) ราคาสิบบาทหนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาส 70 ปี มหาวิทยา ลัยธรรมศาสตร์ ในวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2547 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา เป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4647 | รายงานประเมินผลการดำเนินการของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย | กค | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่า ตามที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ช่วย
รัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง จากนายกิตติ ลิ่มสกุล เป็นนายวีระชัย วีระเมธีกุล ซึ่งเป็นประธานของ คณะทำงานเพื่อจัดทำรายงานประเมินผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย นั้น กระทรวง การคลังจึงได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำรายงานประเมินผล การดำเนินการของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (ฉบับที่ 2) เพื่อปรับปรุงองค์ประกอบและหน้าที่ของ คณะทำงาน ฯ ใหม่ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4648 | รายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และมาตรการปรับค่าตอบแทนภาครัฐ | กค | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานตามมาตร
การพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และมาตรการปรับค่าตอบแทนภาครัฐ (เงินเดือน อัตราใหม่) โดยผลการดำเนินงานตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในส่วน ของการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ (เงินก้อน) ซึ่งหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือ (เงินก้อน) เท่ากับ [8+เวลา ราชการที่เหลือ (ปี)] x เงินเดือนเดือนสุดท้ายบวกเงินประจำตำแหน่ง (ถ้ามี) แต่สูงสุดไม่เกิน 15 เท่าของเงิน เดือนเดือนสุดท้ายบวกเงินประจำตำแหน่ง (เวลาราชการที่เหลือไม่ปัดเศษ ) และเมื่อกรมบัญชีกลางได้รับเอก สารประกอบการเบิกจ่ายจากส่วนราชการครบถ้วน จะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิ ภายใน 7 วันทำการ และจากข้อมูลของสำนักงาน ก.พ. มีผู้สมัครเข้าร่วมมาตรการ จำนวน 48,101 ราย อนุมัติ และโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากผู้มีสิทธิแล้ว จำนวน 47,761 ราย คิดเป็นร้อยละ 99.29 ของผู้เข้าร่วมมาตรการ ฯ จำนวนเงินที่โอน 13,660 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 99.21 ของงบประมาณที่ได้รับอนุมัติเงินประจำงวด สำหรับ ปัญหาอุปสรรคของการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือจ่ายช่วยเหลือ (เงินก้อน) กรณีที่ผู้เข้าร่วมมาตรการ ฯ บางรายยัง ไม่ได้รับเงิน เนื่องจากส่วนราชการยังไม่ยื่นเอกสารขอเบิกกับกรมบัญชีกลาง หรือจัดส่งเอกสารประกอบการ เบิกจ่ายให้กรมบัญชีกลางแล้วแต่เอกสารไม่ครบถ้วน ซึ่งได้ประสานและเร่งรัดให้ส่วนราชการดำเนินการแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4649 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน (จำนวน 2 ราย) | กค | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้แต่งตั้ง นายสมพงษ์ วนาภา และนายนาวิน
ขันธหิรัญ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสินแทนกรรมการอื่นที่ขอลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ คณะรัฐมนตรีมีมติ (22 มิถุนายน 2547) เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4650 | การผ่อนคลายหลักเกณฑ์และแนวทางการจ่ายผลตอบแทนของผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจตามสัญญาจ้าง | กค | 22/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการทั้ง 4 ข้อ เกี่ยวกับการผ่อนคลายหลักเกณฑ์ และแนวทางการจ่ายผลตอบแทนของผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจตามสัญญาจ้าง ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการด้วย ดังนี้ ในการกำหนดเพดานเงินตอบแทนต่ำสุดและสูงสุดสำหรับผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ควรคำนึงถึงภาพรวมของ อัตราเงินเดือน รวมทั้งเงินตอบแทนในปัจจุบันที่จ่ายให้กับผู้บริหารสูงสุดของทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอก ชน โดยแยกประเภทรัฐวิสาหกิจออกเป็นกลุ่ม ๆ เช่น กลุ่มรัฐวิสาหกิจที่มีผลประกอบการดีมีกำไร กลุ่มรัฐวิสาห กิจที่มีกำไรน้อยหรือขาดทุน และกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่ไม่มุ่งแสวงกำไรและไม่มีรายได้ เป็นต้น และกำหนดแนวทาง กว้าง ๆ ในการกำหนดค่าตอบแทนสำหรับผู้บริหารสูงสุดภายใต้เพดานเงินตอบแทนต่ำสุดและสูงสุดดังกล่าวแต่ ละกลุ่ม เพื่อที่คณะกรรมการของแต่ละรัฐวิสาหกิจจะได้มีความยืดหยุ่นในการพิจารณากำหนดเงินค่าตอบแทนใน แต่ละกรณีได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องกับคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ของผู้ที่จะมาเป็น ผู้บริหารสูงสุด ตลอดจนภารกิจและเป้าประสงค์ที่จะมอบหมายให้ผู้นั้นรับผิดชอบดำเนินการให้บรรลุผลต่อไป ส่วนการคัดเลือกและสรรหาบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ควรเปิดให้ใช้วิธีการได้หลาก หลายเพื่อให้ได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถโดดเด่นเป็นที่ยอมรับเข้ามาดำรงตำแหน่งได้ กรณีที่ผู้บริหารสูงสุด ของรัฐวิสาหกิจที่ดำรงตำแหน่งอยู่แล้ว เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีผลงานเป็นที่ยอมรับของคณะกรรมการ ของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ โดยสามารถบริหารงานเป็นไปตามเป้าหมายตัวชี้วัดที่คณะกรรมการกำหนดไว้เมื่อเข้ารับ ตำแหน่ง เมื่อหมดอายุสัญญาการจ้างก็ให้สามารถพิจารณาต่ออายุสัญญาการจ้างต่อไปได้อีกโดยไม่ต้องดำเนิน การตามกระบวนการคัดเลือกและสรรหาตามปกติอีกครั้งหนึ่ง โดยในการทำสัญญาจ้างคณะกรรมการของรัฐ วิสาหกิจต้องกำหนดเป้าหมาย และตัวชี้วัดที่จะต้องดำเนินการให้ได้ผลในระยะเวลาที่กำหนด (benchmark) เอา ไว้สำหรับประเมินผลผู้บริหารสูงสุดของแต่ละรัฐวิสาหกิจด้วย และเพื่อให้ได้บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด ของรัฐวิสาหกิจที่มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการ ปรับปรุง พัฒนา และนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ รัฐวิสาหกิจได้อย่างแท้จริง คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจจะต้องกำหนดระดับความสำเร็จ (benchmark) ของ เป้าหมายหรือพันธกิจของรัฐวิสาหกิจที่ต้องการให้ผู้บริหารสูงสุดเข้ามารับผิดชอบดำเนินการหรือที่ให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง รวมทั้งตัวชี้วัด (KPI) อย่างชัดเจน หากไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุผลได้ ก็สามารถยกเลิก สัญญาจ้างได้ นอกจากนี้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว ในกรณีที่ผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจได้รับ การสรรหามาจากบุคคลภายนอกองค์กร คณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจควรให้การสนับสนุนการดำเนินงาน ของผู้บริหารสูงสุดดังกล่าวอย่างเต็มที่ และเปิดให้ผู้บริหารสูงสุดนั้นสามารถคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่ง ผู้บริหารในระดับรองลงไป เพื่อเป็นทีมในการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจนั้นให้เกิดการพัฒนาเปลี่ยนแปลงได้ อย่างเต็มที่ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4651 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | กค | 08/06/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (ฝ่าย
ความมั่นคงและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราช บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ1) ขยายวัตถุประสงค์เพื่อให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ สามารถรับจ้างบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มิได้รับโอน มาที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ได้ 2) ขยายขอบเขตของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เพื่อให้รวมถึงสินทรัพย์ด้อยคุณ ภาพที่เคยเป็นของสถาบันการเงิน และทรัพย์สิน รอการขายด้วย 3) เพิ่มอำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย ในเรื่อง การเข้าตรวจสอบบริษัทบริหารสินทรัพย์ การกำหนดรูปแบบงบการเงิน และการสั่งการให้บริษัท บริหารสินทรัพย์แก้ไขฐานะ และการดำเนินงานได้ ตามระดับความรุนแรงของปัญหา 4) เพิ่มบทกำหนดโทษ ให้ชัดเจนขึ้น รวมทั้งการตั้งคณะกรรมการเปรียบ เทียบปรั และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตบางประการของ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงยุติธรรม และสำนักงาน ศาลยุติธรรม ไปพิจารณาประกอบด้วย แล้วส่ง ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4652 | การดำเนินงานโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ | กค | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ รับทราบการดำเนิน
งานโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2546 ที่ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ประสานกับหน่วยราชการที่ขอใช้พื้นที่ในโครงการศูนย์ราชการ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อทบทวนจำนวนพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมสอดคล้องกับความจำเป็น จำนวนบุคลากร และ ลักษณะการปฏิบัติงานตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด การจัดทำแผนการดำเนินโครงการ การลงทุน การ ระดมทุน การใช้จ่ายเงิน และผลกระทบด้านการจราจรที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียง และ อนุมัติตามมติคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) ครั้งที่ กศร. 2/2547 เมื่อวันที่ 5 เมษา ยน 2547 ดังนี้ ให้กระทรวงการคลังจัดตั้งบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) มีฐานะเป็นรัฐวิสาห กิจ โดยให้กระทรวงการคลังถือหุ้นใน ธพส. ทั้งหมด และให้กรมธนารักษ์เป็นหน่วยงานกำกับดูแล ธพส. โดย ธพส. จะทำหน้าที่ก่อสร้างและบริหารโครงการศูนย์ราชการ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ และบริหารจัดการทรัพย์สินอื่น ของรัฐตามนโยบายรัฐบาล กับให้ ธพส. ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบ คำสั่ง ข้อบังคับและมติ คณะรัฐมนตรีที่ใช้กับรัฐวิสาหกิจโดยทั่วไป ทั้งนี้ ให้ ธพส. จัดให้มีระเบียบที่เกี่ยวกับการพัสดุ การงบประมาณ การเงินและบัญชี การบริหารงานบุคคล รวมถึงเงินเดือน ค่าจ้างและสวัสดิการของพนักงาน และค่าตอบแทน ของกรรมการ เป็นของตนเอง และให้กรมธนารักษ์ตั้งงบประมาณเพื่อชำระค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน ค่าจัดหา เฟอร์นิเจอร์แทนทุกหน่วยงานในศูนย์ราชการ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะโดยรัฐสนับสนุนงบประมาณค่าเช่าพื้นที่สำนัก งานตลอดอายุสัญญาเช่า 30 ปี และค่าจัดหาเฟอร์นิเจอร์ โดยทยอยจ่ายเป็นเวลา 5 ปี และเป็นผู้ทำนิติกรรม ใด ๆ เกี่ยวกับการเช่าพื้นที่ในโครงการแทนทุกหน่วยงานในโครงการ รวมทั้งให้เปลี่ยนแปลงงบประมาณปี พ.ศ. 2546 จำนวน 208.338 ล้านบาท ไปเป็นส่วนหนึ่งของทุนจดทะเบียนเริ่มแรกของ ธพส. เพื่อใช้จ่ายใน โครงการศูนย์ราชการ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ ตามวัตถุประสงค์ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณต่อไป นอกจากนี้ ให้ ธพส. ระดมทุนผ่านนิติบุคคลเฉพาะกิจ เพื่อนำมาใช้จ่ายในการดำเนินโครงการศูนย์ราชการ ฯ ถนนแจ้งวัฒนะ และให้จัดสรรพื้นที่ในศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะตามที่กรมธนารักษ์เสนอ โดยแบ่งเป็นพื้นที่ใช้สอยสำหรับ หน่วยงาน จำนวน 460,000 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนกลางที่หน่วยงานใช้ร่วมกัน จำนวน 49,000 ตารางเมตร พื้นที่ธุรกิจ จำนวน 27,500 ตารางเมตร พื้นที่จอดรถ จำนวน 224,000 ตารางเมตร และพื้นที่ทางสัญจร ภายในอาคาร จำนวน 169,300 ตารางเมตร รวมเป็นพื้นที่ก่อสร้างอาคารทั้งสิ้นประมาณ 929,800 ตาราง เมตร โดยการจัดสรรพื้นที่ดังกล่าวสามารถยืดหยุ่นได้ตามความเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4653 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ พ.ศ. .... | กค | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรอง
ราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบกระทรวงการคลังฉบับนี้เป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการ คลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ พ.ศ. 2541 เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศนำ เงินทดรองราชการไปทดรองจ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าได้อย่างรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4654 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนเมษายน 2547 | กค | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2547 โดยการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 546,035 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.12 ของวงเงิน งบประมาณ (1,028,000 ล้านบาท) ซึ่งไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) สูงกว่าการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนร้อยละ 2.75 (53.12 -50.37) และหากไม่รวมงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่ง ยืนของประเทศ (16,500 ล้านบาท) ซึ่งมีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 2,116 ล้านบาท จะทำให้มีการเบิกจ่าย เงินจำนวน 543,919 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.77 ของวงเงินงบประมาณ (1,011,500 ล้านบาท) สำหรับงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม 135,500 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 43,606 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.18 ของวงเงินงบประมาณ 135,500 ล้านบาท ประกอบด้วย รายการค่าใช้ จ่ายตามมาตรการพัฒนาและบริหารกำลังคนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จำนวน 8,480.32 ล้านบาท และ รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ (รายการเงินบำเหน็จดำรงชีพ) จำนวน 35,125.95 ล้านบาท ส่วนการ เบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) ซึ่งไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2547 เพิ่มเติม (135,500 ล้านบาท) มีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 489,481 ล้านบาท หรือร้อยละ 58.83 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ (832,012 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน 56,554 ล้าน บาท หรือร้อยละ 28.86 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (195,988 ล้านบาท) นอกจากนี้ ผลการเบิกจ่ายราย จ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 17 แห่ง มีจำนวน 40,129 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.50 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (136,039 ล้านบาท) |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4655 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากรจันทบุรี พ.ศ. .... | กค | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดทางอนุมัติ
ด่านพรมแดน และด่านศุลกากรจันทบุรี พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับนี้เป็นการกำหนดทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากรจันทบุรี สำหรับเขตแดนทางบกระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4656 | รายงานผลการกู้เงินภายใต้โครงการเงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 28 | กค | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินภายใต้โครงการเงินกู้รัฐบาล
ญี่ปุ่น ครั้งที่ 28 จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) วงเงินกู้ยืม 44,852 ล้านเยน เพื่อนำมาใช้จ่ายในโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของ บริษัท ท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด โดยได้มีการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วม มือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น รวมทั้งการลงนามในร่างสัญญาเงินกู้ และร่างสัญญาค้ำ ประกันเงินกู้ เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2547 ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย ในการนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะซึ่งได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลัง เป็นผู้ลงนามในฐานะผู้ค้ำประกันเงินกู้ในนามรัฐบาลไทย ผู้แทนของบริษัท ท่าอากาศ ยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ จำกัด ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคาร ฯ โดยมีผู้ว่าการธนาคาร ฯ เป็นผู้ลง นามในนามธนาคาร ฯ สำหรับรายละเอียดของหนังสือแลกเปลี่ยน ฯ สัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำประกันเงินกู้ มีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติทุกประการ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4657 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ไตรมาสที่ 4 ปี 2545 และไตรมาสที่ 1-3 ปี 2546 | กค | 25/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการดำเนินงานของบรรษัทบริหาร
สินทรัพย์ไทย (บสท.) ไตรมาสที่ 4 ปี พ.ศ. 2545 และไตรมาสที่ 1-3 ปี พ.ศ. 2546 ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2545-30 กันยายน 2546 โดยในส่วนของการรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ บสท. ได้รับโอนสินทรัพย์ด้อย คุณภาพมาแล้วทั้งสิ้น 16,669 ราย มูลค่าทางบัญชีสุทธิประมาณ 780,873 ล้านบาท ซึ่ง บสท. ได้ทยอยชำระ ค่าสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับโอน โดยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินที่อาวัลโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบ สถาบันการเงินไปแล้ว เป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 239,860 ล้านบาท แบ่งเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับเงินต้น ประมาณ 238,564 ล้านบาท และเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับชำระดอกเบี้ยอีกประมาณ 1,296 ล้านบาท ส่วน การบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 กันยายน 2546 บสท. ได้บริหารจัดการสินทรัพย์ด้อย คุณภาพจนมีข้อยุติแล้วทั้งสิ้นจำนวน 3,800 ราย มูลค่าตามบัญชีที่รับโอนรวม 632,055 ล้านบาท คงเหลือลูก หนี้ที่อยู่ระหว่างจัดการประมาณ 12,869 ราย มูลค่าทางบัญชีประมาณ 148,818 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นลูก หนี้ที่มีมูลหนี้คงค้างตั้งแต่ 2 แสนบาท ถึง 20 ล้านบาท โดยลูกหนี้ที่มีข้อยุติส่วนใหญ่อยู่ในประเภทธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ มูลค่าทางบัญชีประมาณ 197,349 ล้านบาท รองลงมาคือ ธุรกิจอุตสาหกรรม มูลค่าทาง บัญชีประมาณ 194,750 ล้านบาท สำหรับลูกหนี้ที่ บสท. ได้อนุมัติให้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้/ปรับโครงสร้าง กิจการ/ฟื้นฟูกิจการ จำนวน 1,564 ราย มูลค่าทางบัญชีประมาณ 354,081 ล้านบาท มีมูลค่าตามแผนใหม่ รวมประมาณ 225,571 ล้านบาท ส่วนใหญ่มีวิธีการชำระหนี้ตามแผนที่ได้รับอนุมัติโดยการชำระเป็นเงินสด รองลงมาใช้วิธีการตีโอนทรัพย์ชำระหนี้ และการแปลงหนี้เป็นทุน และจากการดำเนินการดังกล่าว บสท. ได้ ประมาณการอัตราที่คาดว่า จะได้รับชำระคืนจากแผนการชำระเงินคืนของลูกหนี้ที่ได้ปรับโครงสร้างหนี้/ปรับ โครงสร้างกิจการ หรือผ่านกระบวนฟื้นฟูกิจการในศาลล้มละลายกลางอยู่ที่ประมาณร้อยละ 47.11 ของมูลค่า ตามบัญชีของหนี้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้/ปรับโครงสร้างกิจการ/ฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ ยังไม่ได้นำปัจจัย ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของลูกหนี้ในภายหลังมาคิดคำนวณด้วย นอกจากนี้ บสท. ยังได้ดำเนินการแก้ไขหนี้ภาคธุรกิจต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งจัดทำแผนงานประ จำปีพ.ศ. 2546 ได้แก่ (1) การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ที่มีศักยภาพให้กลับคืนสู่การประกอบการปกติและเติบโต ต่อไป (2) การปรับโครงสร้างกิจการเป็นรายสาขา โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายตามแนวนโยบาย รัฐบาล (3) ส่งเสริมและประสานให้สถาบันการเงิน นักลงทุน และสถาบันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุน ด้านเงินทุนและความเชี่ยวชาญเพื่อการฟื้นตัวและเติบโตของกิจการลูกหนี้ (4) การจำหน่ายทรัพย์สินที่ บสท. ได้รับจากการตีโอนทรัพย์ชำระหนี้ หรือจากการบังคับจำนอง/จำนำหลักประกัน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ ทรัพย์สินที่รับโอนจากลูกหนี้ โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการที่มีความชำนาญ รวมทั้งใช้เครื่องมือต่างๆ ในตลาด เงินและตลาดทุนสนับสนุน (5) การจัดการให้สถาบันการเงินรับโอนลูกค้าที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้/ กิจการแล้วกลับสู่ระบบ (6) การพัฒนาและปรับปรุงระบบงาน รวมทั้งประสานงานกับสถาบันการเงินและ ลูกหนี้ และ(7) การสร้างความโปร่งใส และเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานของ บสท. |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4658 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาด่านช่องเม็ก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 | กค | 18/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนา
ด่านช่องเม็ก ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 โดยมีผลการดำเนินงานดังนี้ กระทรวง การคลัง กรมศุลกากร โดยด่านศุลกากรพิบูลมังสาหาร สำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ซึ่งเป็นหน่วยที่รับ ผิดชอบด่านพรมแดนช่องเม็กได้ประสานงานกับจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อขอใช้พื้นที่บริเวณช่องเม็กในการ ดำเนินการก่อสร้างด่านพรมแดนและด่านศุลกากร (แห่งใหม่) ขึ้นในบริเวณเดียวกันเพื่อเป็นการรองรับ การพัฒนาด่านช่องเม็ก และก่อให้เกิดความสะดวกในการดำเนินพิธีการศุลกากรและพิธีการอื่นที่เกี่ยว ข้องกับการผ่านแดนในลักษณะ ONE STOP SERVICE ตามโครงการจัดระบบเศรษฐกิจตามแนวชายแดน ภายใต้กรอบความร่วมมือระดับทวิภาคีที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน จากการสร้างความมั่งคั่ง และมั่นคงทาง เศรษฐกิจ 4 ประเทศอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ด่านศุลกากรพิบูลมังสาหาร ได้จัดทำโครงการก่อสร้างด่าน พรมแดน ด่านศุลกากร และอาคารศูนย์ราชการบริเวณพรมแดนช่องเม็ก เสนอกรมศุลกากร เพื่อขอจัด สรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2548 และเสนอจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขอให้พิจารณาการสนับสนุน และจัดสรรงบประมาณกลางปี พ.ศ. 2547 วงเงิน 229.5 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ของกรมศุลกากรและจังหวัดอุบลราชธานี
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 4659 | รายงานผลการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี [เรื่อง การดำเนินนโยบายยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าในลักษณะ One Way Free Trade และเรื่องการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่ประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (AISP) สำหรับปี 2547] | กค | 18/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
2 ธันวาคม 2546 เรื่อง การดำเนินนโยบายยกเว้นอากรขาเข้าสินค้าในลักษณะ One Way Free Trade และเรื่อง การให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรแก่ประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (AISP) สำหรับปี 2547 ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้ออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและการลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับประเทศสมาชิก ใหม่อาเซียน (สห.1) (ฉบับที่ 5) และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและการลดอัตราอากร ศุลกากรสำหรับประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (สห.2) (ฉบับที่ 3) โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนาม เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2547 และนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันเดียวกันในฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 121 ตอนพิเศษ 30ง และมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 |
|||||||||||||||||||||||||||
| 4660 | ขอรับการสนับสนุนการให้เงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรและพัฒนาประเทศแก่รัฐบาลสหภาพพม่า | กค | 18/05/2547 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังถอนเรื่อง ขอรับการสนับสนุนการให้เงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักร
และพัฒนาประเทศแก่รัฐบาลสหภาพพม่า คืนไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||
