คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ตาม
ที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยโครงการศูนย์ราชการ ฯ  ดังกล่าวมีความจำเป็นต้องก่อสร้าง เพื่อรองรับความต้อง
การสถานที่ปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ แต่มีวงเงินค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวนมากและจะต้อง
ผูกพันงบประมาณต่อเนื่องหลายปี   จึงต้องพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการให้ละเอียดรอบคอบเพื่อให้เกิด
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรพื้นที่ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงจำนวนพื้น
ที่ใช้สอยต่อบุคลากรในแต่ละหน่วยงานที่ได้จัดสรรไว้อาจยังไม่เหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและความจำเป็น
ของแต่ละหน่วยงานเท่าที่ควร ซึ่งจำนวนพื้นที่ใช้สอยจะมีผลต่อค่าใช้จ่ายด้านการบริหาร  ค่าสาธารณูปโภค  ค่า
บำรุงและดูแลรักษา ที่จะเป็นภาระงบประมาณในระยะยาว จึงมอบให้กระทรวงการคลัง  (กรมธนารักษ์)  รับไป
ประสานและแจ้งให้หน่วยงานต่าง ๆ  ที่ได้แสดงความจำนงขอใช้พื้นที่ในโครงการศูนย์ราชการ ฯ ไว้ พิจารณาทบ
ทวนความจำเป็น  และแจ้งยืนยันจำนวนพื้นที่ที่ต้องการให้เหมาะสม สอดคล้องกับความจำเป็น จำนวนบุคลากร
ลักษณะการปฏิบัติงาน รวมทั้งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานพื้นที่ใช้สอยต่อบุคลากรในหน่วยงานให้กรมธนารักษ์
ทราบโดยด่วน เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดเสนอมาประกอบการพิจารณาจัดสรรพื้นที่ใหม่ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป  กับ
ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการศูนย์ราชการ ฯ เช่น  แผนการดำเนินโครงการ
การลงทุน  การระดมทุน  และการใช้จ่ายเงิน  เป็นต้น   เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาความเหมาะสมและ
เป็นไปได้ของโครงการ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด  จาตุศรีพิทักษ์)  เป็นที่ปรึกษาโครงการ ฯ  หาก
เห็นสมควร   ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป  ทั้งนี้  ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณไปประกอบ
การพิจารณาดำเนินการด้วย  และให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการดำเนินการด้วย  ดังนี้  ภาระ
ค่าใช้จ่ายของภาครัฐในการดำเนินโครงการศูนย์ราชการ  ฯ  ไม่ควรจะสูงเกินไป  โดยในส่วนของผู้ลงทุนก็ควรจะ
ได้รับผลตอบแทนตามความเหมาะสม  ตามราคาตลาด  สำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ  ที่หน่วยงานของรัฐจะต้องจ่าย
ล่วงหน้าก่อนเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่  ไม่ควรตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นการล่วงหน้า  แต่ควรพิจารณา
ใช้เงินกู้ระยะสั้น (bridge financing) จากสถาบันการเงินของรัฐแทน รวมทั้งการดำเนินโครงการศูนย์ราชการ ฯ
ต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านการจราจรที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว และบริเวณใกล้เคียง  และควรเตรียมการรอง
รับและแก้ไขปัญหาล่วงหน้า    โดยให้กระทรวงคมนาคม  (สำนักนโยบายและแผนการจราจรและขนส่ง)  รับไป
พิจารณาดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ การดำเนินโครงการศูนย์ราชการ ฯ นี้  ในส่วนของการขอยกเว้น
การปฏิบัติใด ๆ ตามกฎหมายมิอาจกระทำได้ จึงขอให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาและปรับปรุงข้อเสนอให้
ชัดเจนและเหมาะสมด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอยกเว้นค่าภาษีหรืออากรต้องรักษาวินัยด้านการคลังเป็นหลัก

      คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ แนวทางการแปลงสภาพการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นบริษัท
ทั้งองค์กร ตามมติคณะกรรมการทุนรัฐวิสาหกิจ (กนท.) ครั้งที่ 4/2546 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2546  ทั้งนี้ ใน
การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัท รวมทั้งการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจควร
พิจารณาจ้างที่ปรึกษาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น    ยกเว้นในกรณีที่เป็นการดำเนินการที่รัฐวิสาหกิจไม่มีประสบการณ์
มาก่อนหรือเป็นความชำนาญเฉพาะด้าน  เช่น  การกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ฯ  เป็นต้น  โดยในส่วนของ
การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ฯ ควรพิจารณาจัดทำแผนธุรกิจ
และแผนการเติบโตขององค์กรในอนาคต  เพราะจะเป็นตัวกำหนดมูลค่าของกิจการในตลาดหลักทรัพย์ ฯ  นอก
จากนั้น โครงสร้างอุตสาหกรรมควรเอื้อต่อการแข่งขันและมีกติกาที่ชัดเจน เพราะเป็นประเด็นสำคัญที่นักลงทุน
ให้ความสนใจ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายอำนวยศักดิ์  ทูลศิริ  เป็นกรรมการ
ในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล แทน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(23 ธันวาคม 2546) เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายบัณฑิต นิจถาวร ให้ดำรงตำแหน่ง
รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นใน
คณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวน 12 ราย  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (23 ธันวาคม 2546)
เป็นต้นไป  ยกเว้นกรณีนายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา  ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการ  (ก.อ.)  มีมติ
อนุมติให้เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจได้  ทั้งนี้  ให้ตัดคำว่า  "(อิสระ)"  ท้ายชื่อกรรมการ  ลำดับที่ 4  (นายวรวิทย์
ชัยลิมปมนตรี) ลำดับที่ 5 (นายสมชาย กรุสวนสมบัติ) ลำดับที่ 7  (นายชัชวาลย์ เจียรวนนท์)  และลำดับที่ 12
(นายศุภสิทธิ์ ศิริศักดิ์) ออกด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
กำหนดวันหยุดราชการ  วันขึ้นปีใหม่  ของปี 2547  และของปีต่อ  ๆ  ไป  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ยก
เลิกกฎกระทรวงกำหนดวันหยุดราชการ ในวันที่ 31 ธันวาคม และ 1 มกราคม ของทุกปี  โดยกำหนดวันหยุด
ราชการ วันขึ้นปีใหม่  ในวันที่ 1 มกราคม  และ 31 ธันวาคม ของปี 2547  และของปีต่อ  ๆ  ไป  ทั้งนี้  ให้รับ
ข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาด้วยว่า   เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  25  พฤศจิกายน
2546 จำเป็นต้องเพิ่มความเพื่อกำหนดให้วันศุกร์ที่ 2 มกราคม 2547 เป็นวันหยุดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกา
กรด้วย เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือไม่

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการจัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง ใน
ส่วนของการแต่งตั้งผู้จัดการกองทุน  การขออนุมัติหนังสือชี้ชวน  สรุปผลการจำหน่ายหน่วยลงทุน  การซื้อขาย
กองทรัพย์สินระหว่างกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง กับกระทรวงการคลัง การจองซื้อหน่วยลงทุนของกระทรวงการ
คลัง  การประกาศมูลค่าสินทรัพย์สุทธิและมูลค่าหน่วยลงทุน  และการจ่ายเงินปันผลเฉพาะกาล   ทั้งนี้  ในการ
จัดตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง  สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของทางราชการในการบริหารจัดการหลักทรัพย์ที่
กระทรวงการคลังถือครองอยู่ให้เกิดประโยชน์    จากอดีตที่ไม่เคยมีการบริหารจัดการมาก่อน   และเป็นการหา
แหล่งรายได้เพิ่มเติมนอกจากการกู้และการเก็บภาษี    แม้ว่าจะมีผู้ลงทุนรายย่อยจองซื้อหน่วยลงทุนน้อยกว่าที่
คาดการณ์ไว้  แต่คาดว่า ในระยะต่อไปเมื่อผู้ลงทุนมีความคุ้นเคยและมีความเข้าใจในกลไกของกองทุนประเภทนี้
มากขึ้น ก็จะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 7(ฝ่ายกฎหมาย)
ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลัง เสนอร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน  พ.ศ. .... และ
ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรม
 ไปร่วมพิจารณาด้วย  แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา  ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร
พิจารณาต่อไป  แล้วดำเนินการต่อไปได้  ทั้งนี้    สาระสำคัญในการเสนอร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เพื่อให้มีกฎหมาย
ว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน  ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับเรื่อง  ความหมายของทรัสต์   หลักเรื่องกรรมสิทธิ์โดย
กฎหมายและกรรมสิทธิ์โดยธรรม    การจัดตั้งทรัสต์   คุณสมบัติของผู้จัดตั้ง ทรัสต์ ทรัสตี และผู้รับประโยชน์ ทรัสต์ไม่
ชอบด้วยกฎหมาย  บทบาทของผู้จัดตั้งทรัสต์   บทบาท  สิทธิ  และอำนาจของผู้รับประโยชน์  อำนาจหน้าที่ของทรัสตี 
การผิดหน้าที่ในการจัดการทรัสต์   การสิ้นสุดความเป็นทรัสตี  ผลของการสิ้นสุดความเป็นทรัสตี ความต่อเนื่องในการ
จัดการทรัสต์ การกำกับดูแลทรัสตี  การแก้ข้อติดขัดตามกฎหมายอื่นเมื่อมีการนำทรัสต์มาใช้ในประเทศไทย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมาย)
 ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต    (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. ....   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน    แล้วส่งให้คณะกรรมการประสาน
งานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้ขอความเห็นกระทรวงพาณิชย์
เกี่ยวกับกรณีการแก้ไขมาตรา 18 ในส่วนการยกเลิกกำหนดระยะเวลาที่สมาชิกผู้ส่งข้อมูลของลูกค้าจะต้องแจ้งให้ลูกค้า
ทราบเป็นหนังสือเห็นว่า  หากระยะเวลา  30  วันที่ได้กำหนดไว้เดิมสั้นไปและเป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจข้อมูล
เครดิต นั้น อาจขยายเวลาดังกล่าวออกไปได้ตามสมควร มาเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 ที่มีมติเกี่ยว
กับการขอปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2541,  29 ธันวาคม 2541  และ 3 ตุลาคม 2543  เรื่อง
มาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ  และมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 เมษายน 2541 เรื่อง มาตรการปรับ
ขนาดกำลังคนภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเห็นควรให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว  และให้ส่วน
ราชการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2546 ที่เห็นชอบยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลัง
คนภาครัฐ โดยให้ปรับปรุงระยะเวลาตามมาตรการระยะสั้นจากเดิมที่กำหนดไว้ 3 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547
-2549) ลงเหลือ  2  ปี  เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ (ปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547-2548) ทั้งนี้  หากส่วนราชการใดมีความจำเป็นต้องดำเนินการนอกเหนือมาตรการดังกล่าวก็ขอให้
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเว้นเป็นกรณี ๆ ไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงแก้ไขและทบทวนการให้สิทธิพิเศษ
แก่กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในหมู่บ้าน-ตำบล ในการสั่งซื้อหรือสั่งจ้างทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไว้ใช้ในราชการ รวม 3 ข้อ ดังนี้
กรณีการจัดให้มีหน่วยงานเพื่อส่งเสริมการประสานงานและเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อกับกลุ่มอาชีพต่าง ๆ  ซึ่งเป็นผู้ขาย
มอบให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานหลัก  และให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่รับรองการดำเนินงานของกลุ่มอาชีพ
หรือจดทะเบียนกลุ่มอาชีพทำหน้าที่ในการส่งเสริมการประสานงาน และเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อซึ่งเป็นหน่วยงานราช
การกับกลุ่มอาชีพต่าง  ๆ  ซึ่งเป็นผู้ขาย    และให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นแหล่งข้อมูลกลางนำข้อมูลของกลุ่มอาชีพ
เข้าสู่แหล่งข้อมูล (Website) และทำหน้าที่รับแจ้งและรวบรวมรายชื่อกลุ่มอาชีพต่าง  ๆ  จากหน่วยงานที่รับรองการ
ดำเนินงานของกลุ่มอาชีพหรือหน่วยงานที่รับจดทะเบียนกลุ่มอาชีพ และแจ้งให้กรมบัญชีกลางทราบเพื่อดำเนินการ
นำรายชื่อกลุ่มอาชีพ  สินค้า  และผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอาชีพเข้าสู่แหล่งข้อมูล  (Website)  ในศูนย์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง
ของกรมบัญชีกลางอีกทางหนึ่ง  เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการค้นหาสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดย
กลุ่มอาชีพให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขายต่อไป  ส่วนกรณีการเร่งประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้
การสนับสนุนการสั่งซื้อและสั่งจ้าง  มอบให้กรมการพัฒนาชุมชน  และกระทรวงมหาดไทย  เป็นหน่วยงานหลักร่วม
กับหน่วยงานที่รับรองการดำเนินงานของกลุ่มอาชีพ  หรือหน่วยงานที่จดทะเบียนกลุ่มอาชีพ  ประชาสัมพันธ์สินค้า
และผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยกลุ่มอาชีพต่าง ๆ  และกรณีการควบคุม  ติดตาม  ตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงาน
ของกลุ่มอาชีพ  ให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่รับรองการดำเนินงานของกลุ่มอาชีพ หรือจดทะเบียนกลุ่มอาชีพ ทำหน้าที่
ควบคุม   ติดตาม   ตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานของกลุ่มอาชีพต่าง  ๆ   ที่อยู่ในความรับผิดชอบทุก  ๆ
ระยะ  6  เดือน  หากกลุ่มอาชีพใดไม่อยู่ในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้  ให้เพิกถอนรายชื่อ
กลุ่มอาชีพต่าง  ๆ  นั้นออกจากการรับรองหรือการจดทะเบียนกลุ่มอาชีพ  แล้วแต่กรณีทันที    แล้วแจ้งรายชื่อกลุ่ม
อาชีพที่ถูกเพิกถอนให้กรมการพัฒนาชุมชนและกรมบัญชีกลางทราบเพื่อลบรายชื่อออกจากแหล่งข้อมูล (Website)
ของกรมการพัฒนาชุมชนและกรมบัญชีกลางต่อไป  ทั้งนี้  หากหน่วยงานดังกล่าวเห็นสมควรที่จะทบทวน หรือปรับ
ปรุงการให้สิทธิพิเศษแก่กลุ่มอาชีพต่าง ๆ ดังกล่าว  ให้แจ้งกระทรวงการคลังทราบเพื่อเสนอคณะกรรมการพิจารณา
สิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจพิจารณาและให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลในปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546  ซึ่งจากการที่รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  ได้สูงกว่าที่
กำหนดในเอกสารงบประมาณรายจ่าย  ทำให้การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 มี
ยอดรวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 76,000 ล้านบาท โดยเป็นการออกพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 8 ครั้ง ต่ำกว่าวงเงิน
ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546  วงเงินไม่
เกิน 174,900 ล้านบาท  จำนวน 98,900 ล้านบาท  และในการดำเนินการออกพันธบัตรดังกล่าว ได้คำนึง
ถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลแต่ละขณะ ตลอดจนภาระการกระจุกตัวของภาระหนี้ในแต่ละปีงบ
ประมาณ เพื่อให้มีการกระจายหนี้ที่ครบกำหนดในอนาคตให้สม่ำเสมอ  โดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณในปี
ใดปีหนึ่งมากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศซึ่งจะเกิดผลดีต่อการ
พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย ไตรมาสที่ 4 ปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546  ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2546  โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง  17  กลุ่มสินค้า  มี
มูลค่านำเข้ารวม  176.65  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2545   31.46 
ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 21.67 ส่วนมูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่ม  เทียบกับมูลค่านำเข้า
รวมของสินค้าทุกชนิดในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2546  (19,093.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)  มูลค่านำ
เข้ามีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ  0.93  ของมูลค่านำเข้ารวม  และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2545
ปรากฏว่า  มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจำนวน 12 รายการ ตั้งแต่ร้อยละ 2.26 ถึงร้อยละ 70.28 และมี 5 รายการ ที่
มีมูลค่านำเข้าลดลงตั้งแต่ร้อยละ 0.87  ถึงร้อยละ  30.27  โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสุงสุด  3  อันดับ
แรก  ได้แก่  น้ำหอมและเครื่องสำอาง  นาฬิกาและอุปกรณ์  และสุราต่างประเทศ  ทั้งนี้  สินค้าฟุ่มเฟือยในไตร
มาส 4 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 มีอัตราการนำเข้าเพิ่มขึ้น 12 รายการ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2545 โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สูท เสื้อ กระโปรง ฯ
น้ำหอมและเครื่องสำอาง  นาฬิกาและอุปกรณ์  ไฟแช็คและอุปกรณ์   เครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร  ฯ   ส่วน
สินค้าฟุ่มเฟือยในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546  (ตุลาคม 2545-กันยายน  2546)  มีมูลค่านำเข้ารวม  680.04
ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 107.74 ล้านดอลลาร์
สหรัฐ  หรือร้อยละ 18.83  โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด  3  อันดับแรก  ได้แก่  น้ำหอมและเครื่อง
สำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ สุราต่างประเทศ  นอกจากนี้ ยังมีสินค้าฟุ่มเฟือย จำนวน 16 รายการ มีอัตราการ
นำเข้าเพิ่มขึ้น  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2545  โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่ม
ขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สูท เสื้อ กระโปรง ฯ  นาฬิกาและอุปกรณ์  น้ำหอมและเครื่องสำอาง  ไฟแช็คและ
อุปกรณ์ แว่นตา

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งให้ นาย ช. นันท์  เพ็ชญไพศิษฏ์  ดำรง 
ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 10 ชช.) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 
2 ตุลาคม 2546 เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6 (คกก.6) ที่
มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอการจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อโรคเอดส์ของกระทรวง
สาธารณสุข รวม 3 ราย เป็นกรณีพิเศษ โดยจ่ายให้กับผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้ว จำนวน 2 ราย ๆ ละ 1,000,000 บาท
และจ่ายให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ 1 ราย จำนวน 1,500,000 บาท  โดยให้จ่ายเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อโรคเอดส์ จำนวน 3 ราย
นี้เท่านั้น  สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อโรคเอดส์รายอื่น  ๆ  ให้ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลัง  ว่าด้วยการสง
เคราะห์ผู้ติดเชื้อโรคเอดส์อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่  พ.ศ. 2540  และให้กระทรวงสาธารณสุขนำข้อสังเกต
ของ คกก.6  ไปพิจารณาดำเนินการด้วย  ดังนี้  การพิจารณาให้ได้รับเงินสงคราะห์  ฯ  ควรกำหนดช่วงของเงินสง
เคราะห์ ฯ ไม่ให้ห่างกันมาก เมื่อมีการพิสูจน์กันชัดเจนว่า เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ ฯ ก็ควรกำหนดจำนวน
ที่จะช่วยให้แน่นอน  และควรวางมาตรการหรือหลักเกณฑ์การป้องกันความเสี่ยงและค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่
ที่ปฏิบัติงานกับผู้ป่วยโรคเอดส์   และในการพิจารณาให้เงินสงเคราะห์ ฯ  ดังกล่าว  หากกระทรวงสาธารณสุขยืน
ยันว่ามีเหลือเฉพาะ  3  ราย เท่านั้น  และจะไม่บานปลาย  ในเมื่อคนแรกให้ไปแล้ว ก็ควรจะให้ 3 คน ที่เหลือด้วย
และกรณีที่บุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 3 ราย ซึ่งมี 2 ราย เสียชีวิตแล้ว สมควรให้ได้รับเงินสงเคราะห์ ฯ
รายละ 1,000,000 บาท ส่วนรายที่ยังมีชีวิตอยู่ จำเป็นต้องซื้อยาต้านไวรัสเอดส์ 16,800 บาท/2 เดือน  จึงเห็น
ควรให้การสงเคราะห์ 1,500,000 บาท ทั้งนี้ เฉพาะผู้ที่ติดเชื้อโรคเอดส์จำนวน 3 รายดังกล่าวที่ติดเชื้อโรคเอดส์
ก่อนระเบียบ ฯ มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ติดเชื้อนอกเหนือจากนี้ให้ปฏิบัติตามระเบียบ  ฯ  โดยเคร่งครัด  และเนื่อง
จากระเบียบ  ฯ   ในเรื่องนี้  ข้อ  7  ยังขาดข้อเท็จจริงในกรณีการจัดให้มีการตรวจเลือด  เพราะการตรวจเลือดใน
ช่วงเวลาที่กำหนดไม่สามารถวัดได้ว่ามีเชื้อโรคเอดส์ได้ร้อยละ 100  การตรวจไม่พบในครั้งแรกไม่ใช่ว่าไม่มีเชื้อโรค
เอดส์   นอกจากนี้  กระทรวงสาธารณสุขควรมีมาตรการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่มีโอกาสติดเชื้อโรคเอดส์
โดยง่าย และพิจารณาให้การสงเคราะห์บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขที่ติดเชื้อโรคเอดส์โดยให้ยาต้านไวรัสเอดส์
ได้ด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายศานิต ร่างน้อย เป็นกรรมการอื่น
ในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย แทน นายสถิตย์  ลิ่มพงศ์พันธุ์  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(9 ธันวาคม 2546) เป็นต้นไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงบประมาณรายงานการจัดสรรงบประมาณของส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547  โดยการเบิกจ่ายเงินในภาพรวม  ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีการ
เบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 147,818 ล้านบาท  หรือร้อยละ  14.38  ของวงเงินงบประมาณ  (1,028,000 ล้าน
บาท)  ต่ำกว่าผลการเบิกจ่ายในช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อนร้อยละ 1.21  (15.59 - 14.38)
ส่วนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ลงทุน) มีการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำ 
141,623 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.02 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ  (832,276 ล้านบาท)  และรายจ่าย
ลงทุน 6,195 ล้านบาท  หรือร้อยละ 3.17 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน (195,724 ล้านบาท) สำหรับการ
เบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท  จำนวน  17  แห่ง  มี
จำนวน 3,714 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.73 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนในกลุ่มนี้ (135,918 ล้านบาท)

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคาร
เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ดังนี้ นายธวัช คงเดชา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ
ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี แทนนายวัฒนะ กาญจนอัครเดช และนายเกริก  วณิกกุล  ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบาย
สถาบันการเงิน เป็นกรรมการผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย แทนนางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์  ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่คณะ
รัฐมนตรีมีมติ (9 ธันวาคม 2546) เป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้ง นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รอง
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์ แทน นายประสาร  ไตรรัตน์วรกุล  ซึ่งจะครบวาระในการดำรงตำแหน่งดังกล่าวในวันที่ 27
ธันวาคม 2546

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน
ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร รวม  2  ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง ฯ ทั้ง 2 ฉบับ เป็นการยก
เว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่การขายแสตมป์ไปรษณีย์ตามกฎหมายว่าด้วยการไปรษณีย์ ทั้งนี้ เฉพาะที่ยังไม่ได้ใช้และ
ในราคาที่ไม่เกินมูลค่าที่ตราไว้  และยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้จากการขายหรือส่วนลดจาก
การซื้อแสตมป์ไปรษณีย์ตามกฎหมายว่าด้วยการไปรษณีย์ ทั้งนี้ เฉพาะที่ยังไม่ได้ใช้ในราคาที่ไม่เกินมูลค่าที่ตรา
ไว้