ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 590 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 11781 - 11800 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
11781 | รัฐบาลรัฐกาตาร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทย (นายอะห์มัด อะลี เอ.เจ. อัตตะมีมี) | กต | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะห์มัด อะลี เอ.เจ. อัตตะมีมี (Mr. Ahmed Ali A.J. Al-Tamimi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยให้มีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน เชค ญัสซิม บิน อับดุลเราะฮ์มาน บิน มุฮัมมัด อาลอับดุลเราะฮ์มาน อาลษานี (Sheikh Jassim bin Abdulrahman bin Mohamed Alabdulrahman Al-Thani) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11782 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | ทส | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าแม่ยม ป่าแม่ต๋ำ และป่าแม่ร่องขุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเชียงม่วน อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา เพื่อก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทาน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11783 | การพิจารณาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร51 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ในเขตพื้นที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุคิริน อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เสนอ ๒. อนุมัติให้ขยายเวลาการประกาศพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี อำเภอจะนะ อำเภอนาทวี อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุคิริน และอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่ กอ.รมน. เสนอ ๓. เห็นชอบร่างประกาศและร่างข้อกำหนด รวม ๔ ฉบับ ตามที่ กอ.รมน. เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.๑ ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ๓.๒ ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ๓.๓ ร่างประกาศ เรื่อง กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๔ ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๔. เมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลงแล้ว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานผลส่งให้ กอ.รมน. เพื่อรวบรวมเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบโดยเร็ว ตามมาตรา ๑๕ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11784 | การให้สัตยาบันพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | กค | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services : AFAS) และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามแล้ว โดยพิธีสารฯ และตารางข้อผูกพันฯ ดังกล่าวจะเป็นการลดหรือยกเลิกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าบริการภายใต้กรอบอาเซียน การอนุญาตให้สัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทจัดการลงทุน (Asset Management Company) ได้ถึงร้อยละ ๑๐๐ ของทุนที่ชำระแล้ว และการเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์ระหว่างไทยและมาเลเซียเข้าสู่ตลาดระหว่างกันได้บนหลักการต่างตอบแทน อันเป็นส่วนสำคัญของการส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในเชิงลึกและกว้างขวางมากขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนไทยสามารถขยายการค้าและการลงทุนในสาขาบริการด้านการเงินออกไปยังประเทศอาเซียนอื่นได้สะดวกยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำและมอบสัตยาบันสารหรือสารของพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ฉบับที่ ๘ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน และตารางข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงิน ซึ่งเป็นภาคผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ ให้แก่เลขาธิการอาเซียน เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบพิธีสารฯ และตารางข้อผูกพันฯ ดังกล่าวแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11785 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 เรื่อง การจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางทหาร | กห | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ เรื่อง การจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ว่าด้วยความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางทหาร (Memorandum of Arrangement between the Ministry of Defence of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Defense of Japan on Cooperation and Exchanges in the Field of Defense) ในส่วนของผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกข้อตกลงฯ จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย” ปรับเป็น “รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย” ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11786 | แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ฉบับปฏิบัติการเร่งรัด (Quick Win) | มท | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ฉบับปฏิบัติการเร่งรัด (Quick Win) วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๓,๖๗๓.๔๐ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ จำนวน ๒,๕๐๐ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟน. จำนวน ๑,๑๗๓.๔๐ ล้านบาท ระยะทางรวม ๒๐.๕ กิโลเมตร จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนรัตนาธิเบศร์ (ถนนราชพฤกษ์-ถนนกาญจนาภิเษก เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี-ถนนติวานนท์ และเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถนนสุขุมวิท (ซอยสุขุมวิท ๘๑-ซอยแบริ่ง) ระยะเวลาดำเนินการ ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๖ ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนของโครงการให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. ใช้เงินรายได้เป็นลำดับแรกก่อนการใช้เงินกู้และกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของโครงการ และหาก กฟน. มีความจำเป็นต้องกู้เงิน เห็นควรให้กู้เงินภายในประเทศ โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้ กฟน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการจัดซื้อจัดจ้าง และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อควบคุมให้การเปลี่ยนแปลงระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินแล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด และให้ กฟน. ร่วมหารือกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่บริเวณเขตระบบรถไฟฟ้าและเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้า โดยให้เป็นไปตามหลักการทางวิศวกรรมเพื่อความปลอดภัยในการก่อสร้าง และป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับโครงสร้างของ รฟม. เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11787 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ต่าง ๆ จำนวน 13 ฉบับ (ร่างกฏกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. ...) | มท | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ต่าง ๆ จำนวน ๑๓ ฉบับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังมืองรวมชุมชนหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองกลับ และตำบลหนองบัว อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ๓. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสระบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลผึ้งรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลดาวเรือง ตำบลตะกุด ตำบลปากเพรียว ตำบลตลิ่งชัน ตำบลนาโฉง ตำบลปากข้าวสาร ตำบลโคกสว่าง อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ๔. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเลย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเมือง ตำบลชัยพฤกษ์ ตำบลกุดป่อง และตำบลนาอาม อำเภอเมือง จังหวัดเลย ๕. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลถนนใหญ่ ตำบลเขาสามยอด ตำบลพรหมมาสตร์ ตำบลทะเลชุบศร ตำบลบางขันหมาก ตำบลท่าหิน ตำบลท่าศาลา ตำบลป่าตาล ตำบลโพธิ์เก้าต้น ตำบลนิคมสร้างตนเอง ตำบลกกโก อำเภอเมืองลพบุรี และตำบลโพตลาดแก้ว ตำบลบางคู้ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ๖. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงสา จังหวัดน่าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกลางเวียง และตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ๗. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนนทรี ตำบลเมืองเก่า ตำบลกบินทร์ ตำบลวังตาล ตำบลนาแขม ตำบลบ้านนา และตำบลบ่อทอง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ๘. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองชุมชนโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลบางระกำ ตำบลบางเจ้าฉ่า ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลโคกพุทรา ตำบลรำมะสัก ตำบลทางพระ ตำบลคำหยาด ตำบลยางซ้าย อำเภออ่างแก้ว ตำบลอินทประมูล ตำบลบางพลับ ตำบลสามง่าม ตำบลบ่อแร่ และตำบลโพธิ์รังนก อำเภอโพธิทอง จังหวัดอ่างทอง ๙. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลคอรุม และตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ๑๐. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านต๋ำ ตำบลบ้านต๋อม ตำบลท่าวังทอง ตำบลสันป่าม่วง ตำบลเวียง ตำบลบ้านสาง ตำบลบ้านตุ่น ตำบลแม่ใส ตำบลแม่ต๋ำ ตำบลจำป่าหวาย และตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา และตำบลดอกคำใต้ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ๑๑. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลอ้อมน้อย ตำบลหนองนกไข่ ตำบลสวนหลวง ตำบลบางยาง ตำบลท่าไม้ ตำบลตลาดกระทุ่มแบน ตำบลคลองมะเดื่อ ตำบลแคราย ตำบลดอนไก่ดี และตำบลท่าเสา อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ๑๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนป่าแดง จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลป่าแดง ตำบลชาติตระการ และตำบลท่าสะแก อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ๑๓. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11788 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... | สกพอ | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๘/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๙/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ โดยคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... และรายการประกอบแผนผังท้ายประกาศดังกล่าว ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒. อนุมัติร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. .... และรายการประกอบแผนผังท้ายประกาศดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเกี่ยวกับแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนในการจัดทำผังเมืองขึ้นใหม่ตามแผนผังดังกล่าว ควรควบคุมดูแลและติดตามผลการอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อกำกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจัดทำแผนผัง และควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดของแผนผังดังกล่าวแก่ประชาชนในพื้นที่และภาคส่วนที่เกี่ยวของ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในขั้นตอนการจัดทำผังเมืองขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการยอมรับร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11789 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 ของกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน | รง | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๑ ของกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานการเงินดังกล่าวแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้แล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11790 | รายงานผลการเดินทางเยือนเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางเยือนนครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๑ กันยายน ๒๕๖๒ ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพบหารือทวิภาคีกับรองนายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีน (นายหาน เจิ้ง) โดยไทยได้ให้ข้อมูลพัฒนาการของโครงการความร่วมมือรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และเน้นย้ำการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ส่วนจีนได้เสนอการยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ได้แก่ เทคโนโลยี 5G พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ปัญญาประดิษฐ์ และอุตสาหกรรม Hi-Tech และหวังว่าไทยในฐานะประธานอาเซียนจะช่วยผลักดันการเชื่อมโยงนโยบาย Belt and Road Initiative (BRI) กับแผนแม่บทว่าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (Master Plan on ASEAN Connectivity 2025 : MPAC) รวมถึงแผนพัฒนาความร่วมมือภายใต้กรอบแม่โขง-ล้านช้าง ๒. การพบหารือกับเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (นายลู่ ซิน เซ่อ) ทั้ง ๒ ฝ่ายได้ยกประเด็นขึ้นหารือใน ๔ เรื่องหลัก ได้แก่ (๑) การสนับสนุนโครงการมุ่งลงใต้ โดยพัฒนาโลจิสติกส์ การค้า และการลงทุน จากมณฑลเสฉวนสู่อาเซียน (๒) ความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน โดยไทยขอให้จีนเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าและความเข้มงวดของการตรวจสอบ รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าจากไทยเข้าสู่ตลาดจีน และได้เชิญนักลงทุนเข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ซึ่งมีความพร้อมในการป้อนวัตถุดิบยางพาราเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง. (๓) การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจการเงินของไทยจัดตั้งธุรกิจในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และ (๔) การส่งเสริมการไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนทั้ง ๒ ฝ่าย และการแลกเปลี่ยนด้านภาษาและวัฒนธรรม ๓. การร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานแสดงสินค้า China-ASEAN Expo (CAEXPO) ครั้งที่ ๑๖ ซึ่งเป็นมหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติที่รัฐบาลจีนให้การรับรอง มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างอาเซียนและจีน โดยได้ชื่นชมวิสัยทัศน์และแนวทางการยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวจีนผ่านนโยบาย BRI ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมทั้งเป็นประธานเปิด Pavilion of City of Charm ซึ่งมีจังหวัดบุรีรัมย์เป็นตัวแทนเมืองแห่งมนต์เสน่ห์ (City of Charm) รวมถึงได้พบปะผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้าอาหาร แฟชั่น อัญมณีและเครื่องประดับ สุขภาพ/ความงาม และของใช้ของตกแต่งบ้าน ๕. การเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ซื้อ-ขายสินค้ามันสำปะหลัง ซึ่งเป็นการลงนามซื้อ-ขายมันสำปะหลังเส้นและแป้งมันสำปะหลังระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าจีน จำนวน ๔ คู่ รวม ๒.๘๖ ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า ๖๐๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๖. การพบหารือกับผู้แทนภาครัฐและเอกชนไทย-จีน ที่มีบทบาทสำคัญด้านการซื้อ-ขายผลผลิตยางพารา มันสำปะหลัง และผลไม้ โดยรับทราบถึงปริมาณความต้องการ ประเภทสินค้า รวมถึงช่องทางการติดต่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเจรจาซื้อ-ขายและลงทุนในอนาคต ๗. แผนการดำเนินงานเร่งด่วน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้จัดงานเทศกาลผลไม้ไทยในวันที่ ๒๕-๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ นครหนานหนิง และจะเชิญผู้นำเข้าต่างชาติในกลุ่มสินค้าข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา และผลไม้ เข้าร่วมงานจับคู่เจรจาการค้าในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11791 | รายงานผลการเข้าร่วมการประชุม Asian Ministerial Energy Roundtable ครั้งที่ 8 (AMER8) ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | พน | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการประชุม Asian Ministerial Energy Roundtable ครั้งที่ ๘ (AMER8) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งการประชุม AMER8 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “Energy Security in the Age of Change : Empowering Responsible Growth in Asian and the World” โดยมีการหารือในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ ความมั่นคงของตลาดพลังงาน บทบาทของเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการเข้าถึงบริการพลังงานที่ปลอดภัยและราคาไม่แพง รวมทั้งการหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติแห่งสาธารณรัฐอินเดีย (H.E. Shri Dharmendra Pradhan) โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างกันให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ซึ่งอินเดียประสงค์จะผลักดันความร่วมมือด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอทานอล เนื่องจากอินเดียมีศักยภาพในการผลิตน้ำตาลเป็นอย่างมาก รวมถึงขอให้ไทยพิจารณาการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับอินเดียในเรื่องดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะได้ศึกษาดูงาน ณ เมืองมาสดา ซิตี้ (Masdar City) สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นเมืองต้นแบบในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียนแห่งอนาคต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อไทยในการเรียนรู้และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาพลังงานสะอาดในประเทศต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11792 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนกันยายน 2562 | นร02 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนกันยายน ๒๕๖๒ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ใน ๓ ประเด็น ได้แก่ (๑) มาตรการแก้ไขและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาภัยธรรมชาติ (๒) การตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชของนายกรัฐมนตรีและคณะ และ (๓) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๒ สำหรับประเด็นการประชาสัมพันธ์เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ ประกอบด้วย การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ชิม ช้อป ใช้” ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11793 | สรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดย WEF ปี 2019 - 2020 | นร11 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ของสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum : WEF) ซึ่งได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ ประจำปี ๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยผลการจัดอันดับในภาพรวมปรากฏว่า สิงคโปร์ขยับขึ้นมาเป็นอันดับ ๑ จากทั้งหมด ๑๔๑ ประเทศ ตามด้วยสหรัฐอเมริกา และฮ่องกง ตามลำดับ ในขณะที่ไทยมีอันดับลดลง ๒ อันดับ จากอันดับที่ ๓๘ ในปี ๒๕๖๑ เป็น ๔๐ ในปี ๒๕๖๒ แม้จะทำคะแนนได้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงในรอบปีที่ผ่านมายังไม่ชัดเจนและรวดเร็วมากพอเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11794 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (นายณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ) | กษ | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ เป็นผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา ๔ เดือน โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๙๐,๐๐๐ บาท และให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11795 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายบรรสาน บุนนาค) | นร04 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายบรรสาน บุนนาค ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11796 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พันตำรวจโท อนุรักษ์ จิรจิตร) | นร04 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พันตำรวจโท อนุรักษ์ จิรจิตร ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11797 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย แทนผู้ที่ลาออก รวม ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายสราวุธ ทรงศิวิไล เป็นประธานกรรมการ ๒. นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11798 | สรุปรายงานผลการจัดอันดับความยาก - ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก Doing Business 2020 | นร12 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก Doing Business 2020 โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ ๒๑ จาก ๑๙๐ ประเทศทั่วโลก สูงขึ้น ๖ อันดับ มีคะแนน (Ease of Doing Business Score) เท่ากับ ๘๐.๑๐ คะแนน สูงที่สุดในรอบ ๑๐ ปี โดยมีด้านที่ติดอันดับ TOP ๑๐ ของโลก ๒ ด้าน ได้แก่ ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุนเสียงข้างน้อย อยู่ในอันดับที่ ๓ และด้านการขอใช้ไฟฟ้า อยู่ในอันดับที่ ๖ ของโลก มีการปฏิรูปการบริการภาครัฐที่ทำให้การประกอบธุรกิจง่ายขึ้นมี ๑ ด้าน คือ ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง มีการแก้ไขระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการขออนุญาต และการควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๕ เพื่อลดขั้นตอนการตรวจสอบอาคาร จากเดิม ๘ ครั้ง เหลือ ๓ ครั้ง คือ (๑) เมื่อเริ่มก่อสร้าง (๒) เมื่อทำการก่อสร้าง และ (๓) เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ และลดระยะเวลาขออนุญาตจากเดิม ๑๑๘ วัน เหลือ ๑๑๓ วัน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11799 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมร่วมคณะที่ ๑ และคณะที่ ๒) เนื่องจากเงินประจำตำแหน่งของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา มีความแตกต่างจากเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการ เนื่องจากข้าราชการย่อมได้รับเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนพื้นฐานที่จ่ายให้กับข้าราชการทุกคนตามประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่ง ส่วนเงินประจำตำแหน่งที่ข้าราชการได้รับเป็นค่าตอบแทนที่กำหนดเพิ่มขึ้นสำหรับข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งและปฏิบัติหน้าที่หลักในตำแหน่งที่ ก.พ. กำหนด การจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการ จึงต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนั้นประกอบด้วย แต่กรณีประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา นั้น มิได้มีเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนพื้นฐาน อีกทั้งยังถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพอื่นตลอดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนับแต่วันเริ่มต้นสมาชิกภาพจนครบอายุของแต่ละสภา การจ่ายเงินประจำตำแหน่งให้แก่บุคคลดังกล่าวจึงมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการให้ค่าตอบแทนแก่การดำรงตำแหน่งตลอดระยะเวลาที่บุคคลนั้นดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานและรองประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
11800 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 19 | กต | 06/11/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์อาบูดาบี ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ ๑๙ (19th Meeting of the Council of Ministers of the Indian Ocean Rim Association : 19th IORA COM) ในวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดียที่จะร่วมมือกันในการเสริมสร้างภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียที่มีสันติภาพ ความมั่นคง และมั่นคั่ง ผ่านการให้ความร่วมมือกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการผลักดันให้มีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว อาทิ ในด้านการเสริมสร้างความมั่นคงและปลอดภัยทางทะเล การอำนวยความสะดวกในด้านการค้าการลงทุน การเพิ่มพูนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว การสร้างเสริมพลังสตรีในภาคเศรษฐกิจ เศรษฐกิจภาคทะเล รวมทั้งการสนับสนุนการดำเนินงานและการปฏิรูปสำนักเลขาธิการของสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม 19th IORA COM เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
.....